ภาพขาวดำหลวงพ่อยี ปญญภาโร วัดดงตาก้อนทอง-wison - webpra
VIP
สมัครเล่นครับ เรียนรู้จากของแท้เท่านั้น

หมวด เครื่องรางของขลัง

ภาพขาวดำหลวงพ่อยี ปญญภาโร วัดดงตาก้อนทอง

ภาพขาวดำหลวงพ่อยี ปญญภาโร วัดดงตาก้อนทอง - 1ภาพขาวดำหลวงพ่อยี ปญญภาโร วัดดงตาก้อนทอง - 2ภาพขาวดำหลวงพ่อยี ปญญภาโร วัดดงตาก้อนทอง - 3ภาพขาวดำหลวงพ่อยี ปญญภาโร วัดดงตาก้อนทอง - 4
ชื่อร้านค้า wison - (คลิ๊กที่นี่เพื่อดู ข้อมูลเกี่ยวกับร้านค้า)
ชื่อเจ้าของร้านค้า
ชื่อพระเครื่อง ภาพขาวดำหลวงพ่อยี ปญญภาโร วัดดงตาก้อนทอง
อายุพระเครื่อง -
หมวดพระ เครื่องรางของขลัง
ราคาเช่า -
เบอร์โทรติดต่อ 0819460502
อีเมล์ติดต่อ wison41505@gmail.com
LINE
(คลิ๊กที่นี่เพื่อเพิ่มเพื่อนกับเจ้าของร้าน)
สถานะ พระโชว์
Facebook
เปิดให้เช่าตั้งแต่วันที่ พ. - 27 มี.ค. 2556 - 14:39.16
แก้ไขข้อมูลล่าสุดเมื่อ จ. - 01 เม.ย. 2556 - 14:57.55
รายละเอียด
ภาพขาวดำหลวงพ่อยี ปญญภาโร วัดดงตาก้อนทอง

หลวงพ่อยี พระที่มีอิทธิฤทธิ์ บุญฤทธิ์มากที่สุดเท่าที่เคยปรากฏมาในประเทศไทย ท่านมรณภาพ เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๕ เก็บศพใส่โลงทองไว้ในกุฏิทางจังหวัดพิจิตร ก่อนที่ท่านจะมรณภาพ ได้สั่งเสียไว้กับศิษย์ใกล้ชิดคือ โยมผวน โตมา ถึงเรื่องราวที่จะเกิดขึ้นในอนาคต สำหรับวัดดงตาก้อนทองให้โยมผวน เป็นผู้ดูแลรักษาโบสถ์นี้ไว้อย่าไปอยู่ที่อื่นรอจนกว่าหลวงพ่อที่ ๒ จะมารับช่วงต่อ พอต้นปี ๒๕๓๑ หลวงพ่อถาวร ก็มาที่วัดดงตาก้อนทองประกาศว่าจะทะนุบำรุงวัดดงตาก้อนทองซึ่งในขณะนั้นเกือบจะเป็นวัดร้างด้วยการนำพระภิกษุ สามเณรมาจำพรรษาที่นี่ และจะทำให้วัดเป็นศูนย์กลางของชุมนุมชน โยมผวนขนลุกซู่ด้วยความยินดี ยกมือท่วมหัวว่าลูกรอดตายแล้ว หลวงพ่อมาโปรดลูกแล้ว ด้วยปฏิปทาที่แน่วแน่มั่นคง และจริยวัตรที่งดงามของหลวงพ่อถาวร ทำให้เกิดศรัทธาปสาทะแก่โยมผวนเป็นล้นพ้น ดังนั้นสมบัติต่างๆ ของหลวงพ่อยีที่เกิดจากอิทธิฤทธิ์ บุญฤทธิ์ของท่าน มีเก็บรักษาไว้มากมายเพียงใด โยมผวนนำมาน้อมถวายให้แก่หลวงพ่อถาวร จนหมอสิ้น แม้กระทั่งข้าวทิพย์แห้ง ที่นางได้เก็บรวบรวมไว้นับสิบปี ก็นำมาถวายด้วย วันหนึ่งหลวงพ่อถาวร ท่านได้ทดลองอะไรบางอย่าง ด้วยการนำข้าวทิพย์มาหุงผสมกับข้าวธรรมดาวันนั้นปรากฏว่า กุฏิสุวรรณเนตรหอมตระลบอบอวลไปทั้งกุฏิ เพราะกลิ่นข้าวทิพย์โชยขจรขจายไปทั่ว ทำความแปลกประหลาดมหัสจรรย์แก่ผู้ได้พบเห็นเป็นยิ่งนัก หลวงพ่อถาวรย้ำว่า “ของแท้ ของจริง พิสูจน์ได้ตลอดเวลา”
การแสดงอิทธิปาฎิหาริย์ของท่าน ช่วง ๒๕๐๐-๒๕๑๒ ถูกนักเขียน นสพ.โจมตีอย่างหนัก หาว่าท่านเล่นกล หลอกลวงประชาชน แต่ท่านเหล่านั้นต่างก็ประสบเหตุมีอันเป็นไป ต่าง ๆ นา ๆ ตายก็มี ไม่ตายแต่ป่วย ทนทุกข์ทรมานก็มี ผลจากการโจมตีในหน้าหนังสือพิมพ์ ทำให้หลวงพ่อยีต้องอธิกรณ์ ถูกบังคับข่มขู่ให้ถึงแก่ความตาย ท่านจึงนุ่งห่มขาว สมเด็จพระสังฆราชฯ ได้ส่งหลวงพ่อโฮมไปสอบ แต่ไม่มีข้อที่จะต้องอธิกรณ์ และได้บวชกลับคืน แปรญัตติเป็นพระภิกษุในคณะธรรมยุติกาย นับเป็นเรี่องน่าสังเวชที่เราท่านทั้งหลาย ควรถือเป็นคติว่า ถ้าฆราวาสไม่รู้จริง อย่าพึ่งไปกล่าวโทษให้ร้ายพระสงฆ์ ถึงอย่างไรท่านก็ถือศีล ปฎิบัติดีกว่าฆราวาส
หลวงพ่อยี เป็นพระที่แสดงฤทธิ์ได้หลายรูปแบบ เป็นมหัศจรรย์ เช่น ยืดเหรียญบาทได้ยาวเป็นฟุต กลายเป็นคำบริสุทธิ์ เสกกระดาษให้เป็นธนบัตรใลละร้อยแจกญาติโยม นำไปเป็นขวัญถุง หรือใช้ชี้ออะไรก็ได้ /เสกข้าวสาร ในขันให้เป็นเม็ดทองคำ แจกจ่ายให้ลูกศิษย์ไว้เป็นของศักดิ์ิทธิ์-เมตตา เสกใบไม้ให้เป็น ธนบัตรสีเขียว เป็น กบ ปลา แกงกินได้ กินไม่หมดจะกลับกลายเป็นใบไม้เหมือนเดิม ตกเบ็ดบนต้นไม้ มีปลามาดิ้นกระแดว ๆ มากมาย /บิณฑบาตจากเทวดา ได้ข้าวทิพย์ร้อน ๆ หอมฟุ้งเต็มบาตร มีข้าวสวย ข้าวผสมงา ข้าวผสมถั่ว ปลูกข้าวหน้าโบสถ์ วันเดียวเก็บเกี่ยวได้ /เรียกตะกรุดทองคำ ๓-๕ บาท มาแจกจ่ายลูกศิษย์ เรียกพระเครื่องจากอากาศแจกจ่ายญาติโยม /มีหูทิพย์ ตาทิพย์ รู้ที่ฝังสมบัต / แยกร่างไปปรากฎหลายที่ ไกลแสนไกล ขณะที่ท่านนั่งอยู่กับที่ หลวงปู่ยี ปัญญภาโร สามารถย่นระยะทางที่ไกลแสนไกล ให้ไกล้ได้ ล่องหนหายตัวได้ในพริบตา โดยไม่ต้องใช้กำบังหรือความมืด ทำผ้าสีต่าง ๆ ให้กลายเป็นผ้ายันต์ได้นับพัน นับหมื่นผืน ข้ามห้วย-แม่น้ำโดยไม่ใช้เรือข้ามฟาก
รักษาโรคร้ายแรงให้หายขาดได้ในพริบตา เอาปลาช่อนที่ตากแห้งเป็นริ้ว ๆ โยนลงแม่น้ำกลายเป็นปลาช่อนหลายตัวแหวกว่ายมีชีวิตชีวา ใช้หม้อใบเล็ก ๆ ๒ ใบ หุงข้าว และแกง เลี้ยงคนได้นับร้อย โดยข้าว และแกงไม่หมดสักที มีวาจาศักดิ์สิทธิ์สั่งให้โชคลาภ ได้เลื่อนยศ ตำแหน่ง หรือรอดพ้นากภัยพิบัติต่าง ๆ จากร้ายกลายป็นดี บันดาลให้รูปปั้นแม่พระธรณี ที่อยู่หน้าวัดดงตาก้อนทอง มีน้ำไหลพวยพุ่งออกมาจากมวยผม ทั้ง ๆ ที่มวยผมไม่มีท่อน้ำ น้ำเย็น จืดสนิท มีกลิ่นหอม ๆ ดื่มได้ และมีรสชาดดี วัตถุที่เสกให้เป็นทองคำ อยู่ได้ ๖๐๐ ปี ครบแล้วจะกลับดืนสู่สภาพเดิม

จากคำให้สัมภาษณ์ของอธิบดีกรมการศาสนา คือพันเอก ปิ่น มุทุกันต์ ในปี พ.ศ.๒๕๐๘ ว่า "หลวงพ่อยีได้นำบาตรมาให้ตนดูและได้เป็นคนเช็ดบาตรด้วยตนเองทีเดียว หลวงพ่อยี อุ้มบาตรออกไปยืนที่นอกชานกุฏิห่างจากผู้สังเกตการณ์ ไม่ถึง ๑๐ เมตร ท่านยืนนิ่ง หันหน้าไปแต่ละทิศ แล้วเปิดฝาบาตร ทำนองรับบาตรจากผู้ใส่เหมือนกับที่เราใส่บาตรทุกอย่าง"
แล้วหลวงพ่อยีก็เรียกอธิบดีกรมการศาสนาเข้าไปหา ท่านส่งบาตรให้ พอยื่นมือไปรับมารู้สึกว่าบาตรหนักอึ้ง เปิดฝาบาตรดูปรากฏว่ามีข้าวสุกร้อนๆ เต็มบาตร มีกลิ่นหอมอบอวล เป็นข้าวชนิดมันปู
กันบาตรมีลูกประคำทองอยู่ ๒ ก้อน ขนาดโตกว่าเม็ดข้าวโพด ซึ่งภายหลังเมื่อได้นำเข้ากรุงเทพฯ ให้ช่างทองบ้านหม้อดูก็เป็นทองคำบริสุทธิ์ นอกจากจะพิสูจน์เรื่องนี้แล้วหลวงพ่อยีเสกเหรียญเงินให้เป็นทองก็ได้ด้วย หลวงพ่อท่านแบ่งให้อธิบดีกรมการศาสนาครึ่งหนึ่ง ให้ประธานศาลฎีกาครึ่งหนึ่ง ครั้งเมื่อนำไปพิสูจน์ที่ร้านทองก็ปรากฏว่าเป็นทองคำบริสุทธิ์ เช่นเดียวกัน
พระอภิญญา
ในยุคของเรา ถ้าหากว่าคนยอมรับกฎของกรรมมากกว่านี้หน่อยเดียวเท่านั้นเอง อภิญญาจะปรากฏออกมาอีกเยอะ เพราะอภิญญาสามารถทำอะไรก็ได้ เกินกว่าคนทั่ว ๆ ไปมาก ถ้าหากไม่ยอมรับกฎของกรรมจะทำเขาวุ่นไปหมด ก็เลยรออยู่นิดเดียว ถ้าหากกำลังใจยอมรับกฎของกรรมเมื่อไร กำลังอภิญญาก็จะนำมาใช้ได้อย่างเต็มที่ สมัยเด็ก ๆ มี หลวงพ่อยี วัดดงตาก้อนทอง จ.พิษณุโลก ท่านสามารถทำได้สารพัดเลย คนไปฟ้องร้องจะปรับอาบัติปาราชิกท่าน ปาราชิกที่ขาดจากความเป็นพระนั้น จะต้องบอกอุตริที่ไม่มีมนุษธรรมในตน แต่คราวนี้ของท่านทำได้จริง ๆ ก็เดือดร้อนจนกระทั่ง พันเอกปิ่น มุทุกัณฑ์ อธิบดีกรมศาสนาช่วงนั้น ท่านเดินทางไปดูด้วยตัวเอง แล้วก็กลับมาเขียนรายงานว่า หลวงพ่อยีท่านทำได้จริง ปรับท่านไม่ได้ พันเอกปิ่น มุทุกัณฑ์ ท่านรู้จริง เพราะตัวท่านเองเคยบวชและศึกษาเรื่องพวกนี้มาลึกซึ้งมาก
ถาม : ท่านทำอะไรได้บ้าง ?
ตอบ : สารพัดอภิญญาเลย เช่น บิณฑบาตข้าวเทวดามาเลี้ยงลูกศิษย์ก็มี ชาวบ้านคนไหนสงสัยก็ไปเอามาให้กินซึ่ง ๆ หน้า มีสมบัติใต้ดินอยู่ตรงไหนท่านก็ไปล้อมสายสิญจน์วง ๆ ไว้แล้วก็ขุดขึ้นมาหน้าตาเฉยเลย เอาเหรียญบาทเป็นโลหะแท้ ๆ มาดึงยึดออกเหมือนกับยืดหมากฝรั่งอย่างนั้น นั่นจริง ๆ ก็แค่กสิณน้ำ
แต่ว่าคนที่ทำไม่ได้เห็นเป็นเรื่องตื่นเต้น มีมากต่อมากด้วยกันที่กล่าวหาว่าท่านเล่นกลหลอกเขา ก็เลยไปกล่าวหาว่าท่านอวดฤทธิ์อวดเดชจะปรับอาบัติปาราชิก
เรื่องของการเล่นฤทธิ์เล่นเดชพระพุทธเจ้าท่านก็สั่งห้ามอยู่แล้ว เพราะว่าไม่อย่างนั้นศาสนาจะตั้งอยู่ไม่ได้ เหตุที่ศาสนาตั้งอยู่ไม่ได้เพราะว่า พระในพระพุทธศาสนาไม่ได้มีพระอภิญญาหมวดเดียว ยังมีพระสุกขวิปัสโก พระวิชชาสาม เป็นต้น
คนเราโดยธรรมชาติจะชอบบุคคลที่มีความสามารถพิเศษเหนือกว่าคนอื่นเขา ในเมื่อชอบลักษณะนั้น พอมีใครเล่นฤทธิ์เล่นอภิญญาให้ดูก็จะแห่ไป แล้วก็จะไปทำบุญอยู่ที่เดียว พระที่เหลือก็อยู่ไม่ได้ เพราะไม่มีคนอุปถัมภ์ แล้วศาสนาจะอยู่ได้อย่างไร ?
พระพุทธเจ้าท่านถึงได้ห้าม บางคนอาจจะคิดว่าพระพุทธเจ้าห้ามทำไม พระทำได้น่าจะปล่อยให้ลุยไปเลย ถ้าขืนปล่อยให้ลุยไปเลยศาสนาไม่น่าจะอยู่ได้ถึง ๕,๐๐๐ ปี
หลวงปู่เทพโลกอุดร มหาเถระเจ้าผู้ทรงอภิญญา เหนือโลกสามัญ
เรื่องราวของหลวงปู่ใหญ่โลกอุดรนั้น เป็นที่กล่าวถึงในหมู่นักปฏิบัติทั้งหลายมีพระเถระทรงคุณวุฒิหลายท่าน ที่ยืนยันตรงกันว่าเคยเห็นหลวงปู่ใหญ่ ได้สัมผัส ได้รับการสั่งสอนพระกรรมฐานจากองค์หลวงปู่โดยพิสดาร เป็นที่กล่าวกันอีกว่า"แม้ผู้ใดได้เป็นศิษย์ทั้งหลายผู้นั้นจะเป็นผู้มีอิทธิฤทธิ์เหนือโลกเหนือสามัญชนคนทั้งหลาย" แต่ว่าผู้จะได้กราบได้เป็นสัมผัสบารมีหรือได้เป็นศิษย์ของท่านนั้นต้องสั่งสมบารมีธรรมมาแต่ปุเรนชาติ จึงมีวาสนาได้กราบไหว้หรือเป็นศิษย์ของหลวงปู่ใหญ่เทพโลกอุดร
ทั้งนี้ดังมีเรื่องราวของหลวงพ่อยี แห่งวัดดงตาก้อนทอง ซึ่งได้พบพระธุดงค์ลึกลับและได้ฝากตัวเป็นศิษย์ฝึกฝน สมาธิ ฌาน จนมีพลังจิตกล้าแข็งสามารถเล่นแร่แปรธาตุเสกสิ่งต่างๆให้ขลังมีอานุภาพสารพัดได้อย่างน่าอัศจรรย์ ซึ่งในภายหลังท่านเจ้าคุณถาวร จิตฺตถาวโร แห่งสวนป่าศาลาพระราชศรัทธา วัดปทุมวนาราม ได้เปิดเผยว่าแท้จริงแล้วหลวงพ่อยีท่านเป็นลูกบุญธรรมของหลวงปู่ใหญ่โลกอุดร หรือพูดง่ายๆก็คือพระลึกลับที่นำตัวเด็กชายยีไปเลี้ยงดูจนกระทั่งสั่งสอนวิชาให้พลังจิตแก่กล้าก็คือหลวงปู่โลกอุดรนั่นเอง
อย่างไรก็ตามยังเป็นที่สงสัยว่าหลวงปู่โลกอุดรนั้นแท้จริงท่านคือใคร ครูบาอาจารย์หลายท่านยืนยันตรงกันว่าคือพระอุตตรเถระ พระอรหันต์สมัยพระเจ้าอโศกมหาราช ผู้มาเผยแพร่พระพุทธศาสนาในสุวรรณภูมิ เรื่องนี้มิได้กล่าวลอยๆ แต่เป็นคำยืนยันจาก “หลวงปู่โง่น โสรโย” พระอริยะเจ้าผู้ทรงอภิญญาสมาบัติแห่งวัดพระพุทธบาทเขารวก จ.พิจิตร

พระเครื่องที่เกี่ยวข้องในร้านค้านี้...

อื่นๆ...

กำหลังโหลด Comments
Top