หมวด พระกรุ เนื้อชิน

พระท่ากระดานหลวงพ่อนารถ วัดศรีโลหะราษฎร์บำรุง จ.กาญจนบุรี ๒๕๒๐

พระท่ากระดานหลวงพ่อนารถ วัดศรีโลหะราษฎร์บำรุง จ.กาญจนบุรี ๒๕๒๐ - 3

พระท่ากระดานหลวงพ่อนารถ วัดศรีโลหะราษฎร์บำรุง จ.กาญจนบุรี ๒๕๒๐ - 4

พระท่ากระดานหลวงพ่อนารถ วัดศรีโลหะราษฎร์บำรุง จ.กาญจนบุรี ๒๕๒๐ - 5

ชื่อร้านค้า	wison - (คลิ๊กที่นี่เพื่อดู ข้อมูลเกี่ยวกับร้านค้า)
ชื่อเจ้าของร้านค้า	wison (207)
ชื่อพระเครื่อง	พระท่ากระดานหลวงพ่อนารถ วัดศรีโลหะราษฎร์บำรุง จ.กาญจนบุรี ๒๕๒๐
อายุพระเครื่อง	-
หมวดพระ	พระกรุ เนื้อชิน
ราคาเช่า	-
เบอร์โทรติดต่อ	0819460502
อีเมล์ติดต่อ	wison41505@gmail.com
LINE	(คลิ๊กที่นี่เพื่อเพิ่มเพื่อนกับเจ้าของร้าน)
สถานะ
Facebook	Share
เปิดให้เช่าตั้งแต่วันที่	อ. - 27 ธ.ค. 2554 - 19:51.03
แก้ไขข้อมูลล่าสุดเมื่อ	ส. - 15 มิ.ย. 2556 - 15:20.39

รายละเอียด
พระท่ากระดานหลวงพ่อนารถ วัดศรีโลหะราษฎร์บำรุง จ.กาญจนบุรี ๒๕๒๐ ............................................................................ หลวงพ่อนารถท่านได้นำตะกั่วเก่าที่ได้จากกรุท่ากระดาน อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี ล้วน ๆ มาปั๊มเป็นองค์พระขึ้นมา โดยทั่วไปจะแยกเป็น พิมพ์หน้าหนุ่ม พิมพ์หน้าแก่ (พิมพ์หน้าฤาษี) และพิมพ์หน้ากลาง แล้วท่านได้นำพระที่สร้างนั้นมาปลุกเสกอีกครั้งหนึ่ง พระท่ากระดานของท่านผู้ที่นำไปบูชาต่างก็ได้รับประสบการณ์กันอย่างมากมาย ทั้งทางด้านแคล้วคลาดคงกระพันชาตรี มหาอุด มหาโชค มหาลาภ จึงมีผู้นิยมกันมาก แนะนำสำหรับท่านที่อยากได้พระท่ากระดานกรุเก่ามาบูชา แต่หายากและมีราคาสูง ให้หาพระท่ากระดานหลวงพ่อนารถ วัดศรีโลหะฯ มาใช้แทนก็มีพุทธคุณเอกอุในทุกด้านแทนกันได้เลยครับ ...................................................................................... ประวัติความเป็นมา สร้างโดยหลวงพ่อนาถ วัดศรีโลหะราษฎร์บำรุง ต.ท่าม่วง อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรีมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับปฏิปทาของหลวงปู่ เป็นเรื่องราวมหัศจรรย์ที่หลวงปู่ได้พบพบขุมทรัพย์มหาสมบัติอันล้ำค่าว่ามีประวัติความเป็นมาอย่างไรครับ ในปี พ.ศ.๒๔๘๐ หลวงปู่ได้เดินรุกขมูลธุดงค์ไปยังตำบลนาสอน อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี ได้พบสถานที่แห่งหนึ่งพื้นราบเรียบสงบร่มเย็นล้อมรอบไปด้วยแมกไม้นานาชนิด ท่านจึงได้ปักกลดนั่งบำเพ็ญภาวนาอยู่ ณ.ที่แห่งนั้น จนพวกชาวป่าแถบบริเวณนั้นซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นชาวมอญ ละว้า และขมุ ได้พบเห็นท่านจึงบังเกิดความเคารพศรัทธาเลื่อมใส ต่างพากันนิมนต์ให้ท่านอยู่นาน ๆ ซึ่งท่านก็เลือกเอาวัดร้างแห่งหนึ่งเป็นที่พำนัก วัดนั้นเดิมชื่อว่า วัดต้นโพธิ์ หรือชาวบ้านเรียกว่า วัดท่ากระดานเหนือ ซึ่งอยู่บริเวณฝั่งทิศตะวันตกของแม่น้ำแควใหญ่ และยังมีอีกวัดหนึ่งที่อยู่ทางเสาหงษ์ปากห้วยใต้ เรียกว่า วัดท่ากระดานใต้ ทุกคืนในขณะที่ท่านนั่งสมาธิ ได้บังเกิดนิมิตเห็น พระภิกษุรูปหนึ่ง เดินลงมาจากเชิงเขาข้างวัดต้นโพธิ์ ตรงมายังที่ท่านนั่งสมาธิอยู่ พระภิกษุรูปนั้นได้เดินมานั่งตรงหน้าท่านพร้อมยิ้มให้แต่ไม่ยอมพูดอะไร ? เป็นอยู่เช่นนี้ ๙ คืนโดยไม่ได้ทำอันตรายแต่ประการใด ในคืนสุดท้าย ท่านได้ถามพระภิกษุในนิมิตว่า " ท่านจำพรรษาอยู่วัดไหนทำไมถึงมาหาฉันทุกคืน ท่านชื่ออะไร ?! " พระภิกษุในนิมิตก็ตอบว่า "..ฉันชื่อพระมหาทองคำ เป็นเจ้าอาวาสวัดโพธิ์ หลังจากมรณภาพไปแล้ว ต้องมีหน้าที่ดูแลเฝ้าทรัพย์สมบัติ และวัตถุอันมีค่าของวัดนี้.." เมื่อท่านได้ทราบดังนั้นก็มิได้สอบถามถึงสมบัตินั้นเป็นอะไรกันแน่ ? พอใกล้เข้าพรรษาท่านก็ได้ถอนกลดเดินทางกลับมาจำพรรษาอยู่วัดศรีโลหะฯ จน กระทั่งในระหว่างปี พ.ศ. ๒๔๙๕ ได้มีประชาชนแตกตื่นไปขุดหาพระท่ากระดานกันมากแต่สิ่งที่น่าแปลกคือใครก็ตาม ที่ไปขุดหาพระต่างมีอาการผิดปกติไปจากคนธรรมดา คล้ายคนวิกลจริต!? ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๕๑๙ ผู้ใหญ่ลา พันธุ์พรหมา ผู้ใหญ่บ้านนาสอน อำเภอศรีสวัสดิ์ ซึ่งเคยเป็นศิษย์ของท่านได้เดินทางมาเยี่ยมที่วัดศรีโลหะฯพร้อมกับบอกหลวงปู่ว่า "วัดต้นโพธิ์ที่ท่านเคยไปพำนักนั้นต่อไป จะน้ำท่วมหมด เมื่อเขื่อนศรีนครินทร์(เขื่อนเจ้าเณร) สร้างเสร็จอยากให้หลวงปู่ส่งลูกศิษย์ไปทำการขุดหาของ เพื่อนำมาเป็นทุนในการก่อสร้างโบสถ์ของทางวัดที่กำลังดำเนินงานอยู่" เมื่อ ผู้ใหญ่ลา บอกดังนี้ ท่านจึงนึกขึ้นได้ในวาระที่ท่านเดินทางไปพำนักและนิมิตเห็นพระภิกษุอดีตเจ้า อาวาสเคยบอกไว้ ! จึงได้เดินทางไป ณ ที่แห่งนั้น ได้พบสถานที่แห่งนั้นมีร่องรอยของพวกนักขุด ขุดไว้เป็นหลุมเป็นบ่อทั่วไป ในคืนแรก ก่อนจะเข้าสมาธิหลังจากทำวัตรสวดมนต์เสร็จ ท่านได้ตั้งจิตอธิฐานบอกเจ้าที่เจ้าทางว่า " หากได้ของมีมูลค่าเท่าใด จะแบ่งเป็นสองส่วน..ส่วนหนึ่งให้ชาวบ้านไปบูรณะวัดในเขตอำเภอศรีสวัสดิ์ ส่วนที่เหลือ จะนำเอาไปเป็นทุนสร้างโบสถ์ที่วัดศรีโลหะฯ" เมื่ออธิฐานเสร็จท่านก็เข้าสมาธิจิต เมื่อสภาวะจิตแน่วแน่ตรงดิ่งเป็นจุดเดียวกัน ท่านได้พบเห็นชายแปลกหน้า มีเรือนร่างงดงาม ประดุจดั่งพระอินทร์ เดินเข้ามากราบนมัสการ พร้อมกับบอกว่า.. " พระคุณเจ้าผู้มีศีลอันบริสุทธิ์ ที่ท่านเดินทางมาในครั้งนี้ นับว่าเป็นบุญของเหล่าวิญญาณที่เคยเฝ้าทรัพย์สมบัติ ณ ที่บริเวณนี้ด้วย อีกไม่นานน้ำจะท่วม วิญญาณต้องทนทุกข์อยู่ในน้ำแห่งนี้ตลอดไป หากท่านมาขุดเอาทรัพย์สมบัติไปเพื่อประโยชน์ต่อพระศาสนา เหล่าวิญญาณนั้นจะได้หมดภาระหน้าที่ไปผุดไปเกิดซะที " เมื่อกล่าวจบร่างชายคนนั้นก็หายวับไปในนิมิต เป็นอันว่าท่านไม่สามารถจะทราบอีกว่าทรัพย์สมบัตินั้นมันคืออะไรกันแน่ ?

รายละเอียด

พระท่ากระดานหลวงพ่อนารถ วัดศรีโลหะราษฎร์บำรุง จ.กาญจนบุรี ๒๕๒๐
............................................................................
หลวงพ่อนารถท่านได้นำตะกั่วเก่าที่ได้จากกรุท่ากระดาน อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี ล้วน ๆ มาปั๊มเป็นองค์พระขึ้นมา โดยทั่วไปจะแยกเป็น พิมพ์หน้าหนุ่ม พิมพ์หน้าแก่ (พิมพ์หน้าฤาษี) และพิมพ์หน้ากลาง แล้วท่านได้นำพระที่สร้างนั้นมาปลุกเสกอีกครั้งหนึ่ง พระท่ากระดานของท่านผู้ที่นำไปบูชาต่างก็ได้รับประสบการณ์กันอย่างมากมาย ทั้งทางด้านแคล้วคลาดคงกระพันชาตรี มหาอุด มหาโชค มหาลาภ จึงมีผู้นิยมกันมาก แนะนำสำหรับท่านที่อยากได้พระท่ากระดานกรุเก่ามาบูชา แต่หายากและมีราคาสูง ให้หาพระท่ากระดานหลวงพ่อนารถ วัดศรีโลหะฯ มาใช้แทนก็มีพุทธคุณเอกอุในทุกด้านแทนกันได้เลยครับ
......................................................................................
ประวัติความเป็นมา
สร้างโดยหลวงพ่อนาถ วัดศรีโลหะราษฎร์บำรุง ต.ท่าม่วง อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรีมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับปฏิปทาของหลวงปู่ เป็นเรื่องราวมหัศจรรย์ที่หลวงปู่ได้พบพบขุมทรัพย์มหาสมบัติอันล้ำค่าว่ามีประวัติความเป็นมาอย่างไรครับ
ในปี พ.ศ.๒๔๘๐ หลวงปู่ได้เดินรุกขมูลธุดงค์ไปยังตำบลนาสอน อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี ได้พบสถานที่แห่งหนึ่งพื้นราบเรียบสงบร่มเย็นล้อมรอบไปด้วยแมกไม้นานาชนิด ท่านจึงได้ปักกลดนั่งบำเพ็ญภาวนาอยู่ ณ.ที่แห่งนั้น จนพวกชาวป่าแถบบริเวณนั้นซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นชาวมอญ ละว้า และขมุ ได้พบเห็นท่านจึงบังเกิดความเคารพศรัทธาเลื่อมใส ต่างพากันนิมนต์ให้ท่านอยู่นาน ๆ ซึ่งท่านก็เลือกเอาวัดร้างแห่งหนึ่งเป็นที่พำนัก วัดนั้นเดิมชื่อว่า วัดต้นโพธิ์ หรือชาวบ้านเรียกว่า วัดท่ากระดานเหนือ ซึ่งอยู่บริเวณฝั่งทิศตะวันตกของแม่น้ำแควใหญ่ และยังมีอีกวัดหนึ่งที่อยู่ทางเสาหงษ์ปากห้วยใต้ เรียกว่า วัดท่ากระดานใต้ ทุกคืนในขณะที่ท่านนั่งสมาธิ ได้บังเกิดนิมิตเห็น พระภิกษุรูปหนึ่ง เดินลงมาจากเชิงเขาข้างวัดต้นโพธิ์ ตรงมายังที่ท่านนั่งสมาธิอยู่ พระภิกษุรูปนั้นได้เดินมานั่งตรงหน้าท่านพร้อมยิ้มให้แต่ไม่ยอมพูดอะไร ? เป็นอยู่เช่นนี้ ๙ คืนโดยไม่ได้ทำอันตรายแต่ประการใด ในคืนสุดท้าย ท่านได้ถามพระภิกษุในนิมิตว่า " ท่านจำพรรษาอยู่วัดไหนทำไมถึงมาหาฉันทุกคืน ท่านชื่ออะไร ?! " พระภิกษุในนิมิตก็ตอบว่า "..ฉันชื่อพระมหาทองคำ เป็นเจ้าอาวาสวัดโพธิ์ หลังจากมรณภาพไปแล้ว ต้องมีหน้าที่ดูแลเฝ้าทรัพย์สมบัติ และวัตถุอันมีค่าของวัดนี้.." เมื่อท่านได้ทราบดังนั้นก็มิได้สอบถามถึงสมบัตินั้นเป็นอะไรกันแน่ ? พอใกล้เข้าพรรษาท่านก็ได้ถอนกลดเดินทางกลับมาจำพรรษาอยู่วัดศรีโลหะฯ
จน กระทั่งในระหว่างปี พ.ศ. ๒๔๙๕ ได้มีประชาชนแตกตื่นไปขุดหาพระท่ากระดานกันมากแต่สิ่งที่น่าแปลกคือใครก็ตาม ที่ไปขุดหาพระต่างมีอาการผิดปกติไปจากคนธรรมดา คล้ายคนวิกลจริต!? ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๕๑๙ ผู้ใหญ่ลา พันธุ์พรหมา ผู้ใหญ่บ้านนาสอน อำเภอศรีสวัสดิ์ ซึ่งเคยเป็นศิษย์ของท่านได้เดินทางมาเยี่ยมที่วัดศรีโลหะฯพร้อมกับบอกหลวงปู่ว่า "วัดต้นโพธิ์ที่ท่านเคยไปพำนักนั้นต่อไป จะน้ำท่วมหมด เมื่อเขื่อนศรีนครินทร์(เขื่อนเจ้าเณร) สร้างเสร็จอยากให้หลวงปู่ส่งลูกศิษย์ไปทำการขุดหาของ เพื่อนำมาเป็นทุนในการก่อสร้างโบสถ์ของทางวัดที่กำลังดำเนินงานอยู่"
เมื่อ ผู้ใหญ่ลา บอกดังนี้ ท่านจึงนึกขึ้นได้ในวาระที่ท่านเดินทางไปพำนักและนิมิตเห็นพระภิกษุอดีตเจ้า อาวาสเคยบอกไว้ ! จึงได้เดินทางไป ณ ที่แห่งนั้น ได้พบสถานที่แห่งนั้นมีร่องรอยของพวกนักขุด ขุดไว้เป็นหลุมเป็นบ่อทั่วไป ในคืนแรก ก่อนจะเข้าสมาธิหลังจากทำวัตรสวดมนต์เสร็จ ท่านได้ตั้งจิตอธิฐานบอกเจ้าที่เจ้าทางว่า " หากได้ของมีมูลค่าเท่าใด จะแบ่งเป็นสองส่วน..ส่วนหนึ่งให้ชาวบ้านไปบูรณะวัดในเขตอำเภอศรีสวัสดิ์ ส่วนที่เหลือ จะนำเอาไปเป็นทุนสร้างโบสถ์ที่วัดศรีโลหะฯ" เมื่ออธิฐานเสร็จท่านก็เข้าสมาธิจิต เมื่อสภาวะจิตแน่วแน่ตรงดิ่งเป็นจุดเดียวกัน ท่านได้พบเห็นชายแปลกหน้า มีเรือนร่างงดงาม ประดุจดั่งพระอินทร์ เดินเข้ามากราบนมัสการ พร้อมกับบอกว่า..
" พระคุณเจ้าผู้มีศีลอันบริสุทธิ์ ที่ท่านเดินทางมาในครั้งนี้ นับว่าเป็นบุญของเหล่าวิญญาณที่เคยเฝ้าทรัพย์สมบัติ ณ ที่บริเวณนี้ด้วย อีกไม่นานน้ำจะท่วม วิญญาณต้องทนทุกข์อยู่ในน้ำแห่งนี้ตลอดไป หากท่านมาขุดเอาทรัพย์สมบัติไปเพื่อประโยชน์ต่อพระศาสนา เหล่าวิญญาณนั้นจะได้หมดภาระหน้าที่ไปผุดไปเกิดซะที " เมื่อกล่าวจบร่างชายคนนั้นก็หายวับไปในนิมิต เป็นอันว่าท่านไม่สามารถจะทราบอีกว่าทรัพย์สมบัตินั้นมันคืออะไรกันแน่ ?