หมวด พระสมเด็จทั่วไป
สมเด็จหลังรูปเหมือนมีกรอบ หลวงปู่สุต วัดปฐมพานิช ๑๘ ม.ค. ๒๕๑๘
ชื่อร้านค้า | wison - (คลิ๊กที่นี่เพื่อดู ข้อมูลเกี่ยวกับร้านค้า) |
---|---|
ชื่อเจ้าของร้านค้า | |
ชื่อพระเครื่อง | สมเด็จหลังรูปเหมือนมีกรอบ หลวงปู่สุต วัดปฐมพานิช ๑๘ ม.ค. ๒๕๑๘ |
อายุพระเครื่อง | - |
หมวดพระ | พระสมเด็จทั่วไป |
ราคาเช่า | - |
เบอร์โทรติดต่อ | 0819460502 |
อีเมล์ติดต่อ | wison41505@gmail.com |
LINE |
(คลิ๊กที่นี่เพื่อเพิ่มเพื่อนกับเจ้าของร้าน)
|
สถานะ | |
เปิดให้เช่าตั้งแต่วันที่ | อา. - 26 ก.ย. 2553 - 19:21.00 |
แก้ไขข้อมูลล่าสุดเมื่อ | พ. - 16 มี.ค. 2554 - 07:53.28 |
รายละเอียด | |
---|---|
สมเด็จหลังรูปเหมือน(มีกรอบ) หลวงปู่สุต วัดปฐมพานิช ๑๘ ม.ค. ๒๕๑๘ หลวงปู่สุต สังขารท่านไม่เน่าเปื่อย เหมือนคนนอนหลับ ไปพิสูจน์ได้ วัตถุมงคลท่านล้วนมีประสบการณ์ คนท้องที่หากันมากที่สุด สมเด็จองค์นี้ เป็นสุดยอดมหามงคลกับเส้นเกศาของหลวงปู่ เป็นพระยุคต้นของท่านที่สร้างน้อย ปลุกเสกเดี่ยวเพื่อแจกเฉพาะลูกศิษย์เท่านั้น สร้างเพียง ๒,๐๐๐ องค์ ปัจจุบันแจกจ่ายไปเก็บแบบไม่ยอมเอาออกมาอวดกันเลยทีเดียว เรียกว่าหายากที่สุดเลยดีกว่า พื้นที่ไม่มีของออกมาให้เห็นกันเลยครับ พระเครื่องของท่านทุกรุ่นทุกพิมพ์เป็นที่ต้องการของคนในพื้นที่อย่างมาก อนาคตไม่เบาเลยครับ หลวงปู่ท่านนี้ สมัยก่อนนั้นคนบ้านหมี่ที่เดิน ทางไปกราบหลวงพ่อเดิม ต้องนั่งรถจากสถานีรถไฟบ้านหมี่ ขึ้นเหนือไปลงที่สถานีรถไฟหนองโพ แล้วเดินเท้าต่อไปจนถึงวัดหนองโพ พอไปกราบท่านๆก็ถามว่ามาจากไหน เมื่อท่านรู้ว่ามาจากตลาดบ้านหมี่ ท่านก็ถามว่า "..มาทำไมตั้งไกล แค่เดินข้ามทางรถไฟไปก็มีพระอาจารย์ดีให้ไปกราบอยู่แล้ว.." (วัดปฐมพานิช อยู่คนละฝั่งของทางรถไฟสายเหนือ ตรงกันข้ามกับตลาดและที่ว่าการอำเภอบ้านหมี่) เรื่องเล่าสืบต่อกันมานี้แสดงให้เห็นว่าหลวงปู่สุต มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพมิใช่น้อย ดังปรากฎว่าเมื่อคราวใดที่หลวงพ่อเดิมเดินทางมาบ้านหมี่่ครั้งใด (ท่านมักจะขี่ช้างมาวัดบ้านกล้วยบ้าง วัดกำแพงบ้าง) ท่านจะมาจำวัดที่วัดปฐมพานิชทุกครั้ง และหลวงพ่อเดิมท่านก็ต้องรู้ว่าหลวงปู่สุตเก่งเพียงใด พระสุดยอดเกจิอย่างหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพย่อมไม่กล่าวคำเท็จแน่นอน นอก จากนั้นกับหลวงพ่อโอด วัดจันเสน ที่มีศักดิ์เป็นหลานชายแท้ๆ ของหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ ก็สนิทสนมกับหลวงปู่สุตมากเช่นกัน ท่านได้มาเข้าร่วมพิธีสำคัญของวัดปฐมพานิชเกือบทุกครั้ง โดยเฉพาะพระสมเด็จรุ่นนี้ท่านก็ได้มาร่วมปลุกเสกด้วย(ปลุกเสกพิมพ์หลังรูปเหมือนในกรอบสี่เหลี่ยม เป็นพิธีปลุกเสกหมู่ครับ) โดยท่านจะเรียกว่าหลวงปู่สุตว่าหลวงพี่ ในฐานะศิษย์ร่วมสำนักของหลวงพ่อเดิม และเป็นศิษย์รุ่นน้องของหลวงปู่สุต ว่าก้นว่าหลวงปู่สุตสามารถถ่ายทอดวิชาของหลวงพ่อเดิมมาได้ทั้งหมดกันเลย หลวง ปู่ท่านเคร่งพระธรรมวินัยยิ่ง และวัตถุมงคลของท่านก็หาได้ยากยิ่ง ลูกศิษย์ขอท่านสร้างมาหลายรุ่น ล้วนแต่เอามาแจกไว้เป็นที่ระลึกไว้ใช้แบ่งปันกันในหมู่ที่เคารพกันเท่านั้น ซึ่งมีจำนวนน้อยมาก เรื่องความขลังและประสบการณ์ต่างรู้กันดีในหมู่ลูกศิษย์ จน มาปี ๒๕๓๕ ในหมู่ลูกศิษย์อยากจะสนองคุณหลวงปู่ที่ตั้งปณิธานไว้ เมื่อครั้งยังหนุ่มว่า..ชีวิตนี้มีบุญ อยากจะสร้างเจดีย์สักองค์ที่บรรจุพระสาลีริกธาตุ เพื่อเป็นที่สักการะบูชาและต่ออายุพระศาสนาสืบไป ประวัติเมื่อครั้งที่ท่านได้พระธาตุมาอย่างอัศจรรย์ เมื่อ ก่อนการเดินทางไม่สดวกเหมือนปัจจุบันการเดินทางระหว่างบ้านหมี่กับที่อื่นๆ ใกล้เคียงเช่นสิงห์บุรี จันเสนต่างก็ไปทางรถไฟ หรือไม่ก็เดินเท้า การไปมาก็ต้องค้างคืนค้างแรม วันหนึ่งคนทจากสิงห์บุรีมาค้างที่วัดปฐมฯ ค่ำวันนั้นหลวงปู่ก็เดินตรวจดูความเรียบร้อยว่าคนที่มาพักขาดเหลืออะไรกัน บ้างเป็นปกติ ก็ได้มีเหตุมีแสงสว่างที่อุโบสหลังเก่าที่เดิมทีเป็นไม้สักทั้งหลัง ก็ต่างพากันตกใจนึกว่าไฟไหม้ จึงรีบวิ่งไปดู พอเปิดประตูเข้าไปก็เห็นสำแสงวิ่งวนแล้วพุ่งลงพื้นแล้วหายไป อยู่มาได้ สองวันก็มีแสงเกิดขึ้นอีกและก็หายไปที่พื้นโบสถ์ เป็นอยู่อย่างนี้หลายเที่ยว ท่านจึงสงสัยว่ามันมีอะไรจึงเรียกพระลูกวัดมาช่วยกันรื้อดู ก็เจอเพียงกระป๋องเก่าๆซึ่งมีแต่ขึ้เลนอยู่ข้างใน จึงโยนทิ้งใว้ข้างกำแพงโบสถ์ วันต่อมาก็มีลำแสงมาวนเวียนอยู่รอบโบสถ์ แล้วก็หายไปอีก หลวงปู่ท่านก็กลุ้มใจว่าวัดเราก็จนๆถ้าไฟใหม้โบสถ์ขึ้นมาจะเอาเงินที่ใหนมา ซ่อมแซม เพิ่งมาอยู่วัดนี้ได้ไม่กี่ปี ยังไม่ได้ทำนุบำรุงใดเลย จะมาทำความเสียหายให้วัดแล้วหรือ วันต่อมาท่านจึงมาคอยเฝ้าดู เมื่อเกิดลำแสงขึ้นอีกจึงตามไปก็เห็นลำแสงวิ่งวนและก็หายเข้าไปในกระป๋องที่ ทิ้งใว้ข้างกำแพง เมื่อหยิบยกกระป๋องมาดูใกล้ๆ จึงพบว่าเป็นพระธาตุ หลวง ปู่จึงอธิฐานว่าจะสร้างพระเจดีย์เพื่อบรรจุพระธาตุไว้ให้สาธุชนได้ บูชา..หลวงปู่ก็ได้แจกพระธาตุนั้นให้ลูกศิษย์อยู่เนื่องๆ แต่ก็แปลกที่แจกไปเท่าไรพระธาตุก็ยังคงเต็มกระป๋องอยู่เช่นเดิม เหล่าลูกศิษย์จึงขออนุญาตท่านสร้างพระและหล่อรูปเหมือนและพระพิมพ์ต่างๆเพื่อหาทุนสร้างเจดีย์ ในปี ๒๕๓๘ หลวงปู่อายุได้ ๙๑ ปี พระครูโสภนธรรมาจารย์(สุต สังวรณ์) โยม บิดาชื่อ เจ็ก โยมมารดาชื่อ เทียน เกิดเมื่อวันที่ ๑๘ พ.ค.๒๔๔๗ ตรงกับวันศุกร์ ขึ้น ๑๑ ค่ำ เดือน ๑๒ ปีมะโรง ณ บ้านตำบลบางงา อำเภอท่าวุ้ง จังหวัดลพบุรี มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน ๖ คน คือ ๑ นางเขียว ๒ นางเล็ก ๓ นางขำ ๔ นายบัว ๕ นายจิ๋ว ท่านเป็นบุตรคนสุดท้อง ท่านพระ คูรโสภนธรรมาจารย์ เมื่อเยาว์วัย ท่านได้เรียนหนังสือสอบไล่ได้ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ ที่โรงเรียนประจำจังหวัดลพบุรี(โรงเรียนข้างตึกวิชาเยนท์) ต่อจากนั้นได้ย้ายมาศึกษาต่อที่โรงเรียนมัธยมจังหวัดสิงห์บุรีในชั้นมัธยมปี ที่ ๒ แต่ยังไม่ทันสำเร็จ โยมท่านก็ป่วยไม่มีคนคอยดูแลปรนนิบัติ ท่านก็เลยลาออกมาปรนนิบัติโยม เมื่อโยมมีอาการดีขึ้น ท่านก็ได้ขออนุญาตบรรพชาเป็นสามเณรเมื่อปี ๒๔๖๔ ซึ่งขณะนั้นท่านมีอายุ ๑๗ ปี โดยมีพระครูพรมจริยคุณ เจ้าคณะอำเภอพรหมบุรีเป็นอุปัชฌาย์ เมื่อท่านบรรพชาแล้วก็ได้ศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัยต่าง ๆ และสอบไล่นักธรรมชั้นตรีในปีนั้นเอง หลังจากนั้นก็ยังไม่ได้ศึกษาต่อเพราะในสมัยนั้นการศึกษาเล่าเรียนทางธรรมะ ยังไม่มีโรงเรียนเหมือนในสมัยนี้ ท่านได้ทำการสอนเด็กวัดให้เล่าเรียนหนังสือ จวบจนอายุครบอุปสมบท หลวงปู่ พระครูโสภนธรรมาจารย์ ได้อุปสมบทเมื่อวันที่ ๒ มิถุนายน ๒๔๖๘ ณ วัดพรหมบุรี อำเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี โดยมีพระครูเกสีห์วิกลม เจ้าคณะจังหวัดสิงห์บุรี วัดสังฆราชาวาส เป็นอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ทอง วัดสังฆราชาวาส เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอธิการเจ็ก เจ้าอาวาสวัดพรหมบุรี เป็นพระอนุสาวนาจารย์ เมื่ออุปสมบทแล้วท่านไม่ได้จำพรรษาที่วัดพรหมบุรี ท่านไปจำพรรษาที่วัดป่าธรรมโสภณ อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี เพื่อศึกษานักธรรมโท และท่านสอบนักธรรมโทได้ในพรรษาแรกนั้นเอง ท่านได้ตั้งใจปฎิบัติกิจของสมณเพศด้วยดีตลอดมา ท่านได้สละกำลังกายกำลังใจ เพื่อทำนุบำรุงพระพุทธศาสนามาโดยตลอด สมณศักดิ์ ท่านได้รับสมณศักดิ์มาโดยตามลำดับ พอสรุปได้ดังนี้ พ.ศ.๒๔๗๕ ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดป่าธรรมโสภน จังหวัดลพบุรี พ.ศ. ๒๔๘๑ เป็นผู้รักษาการเจ้าอาวาสวัดปฐมพานิช อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี พ.ศ ๒๔๘๖ ได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการตรวจประโยคนักธรรมตรีที่ท้องสนามหลวง พ.ศ. ๒๔๘๗ ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดปฐมพานิช พ.ศ ๒๔๘๙ ได้รับแต่งตั้ง เป็นสาธารนูปการอำเภอบ้านหมี่ พ.ศ. ๒๔๙๐ ได้รับแต่งตั้งเป็นพระกรรมวาจาจารย์ พ.ศ.๒๔๙๕ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ เป็นพระครูโสภนธรรมาจารย์ พ.ศ. ๒๕๐๑ ได้รับแต่งตั้ง เป็นพระอุปัชฌา พ.ศ. ๒๕๑๒ ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์จากพระครูชั้นตรี เป็นพระครูชั้นโท โดยใช้นามเดิม และได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะตำบล สนามแจง พ.ศ. ๒๕๑๓ ได้รับแต่งตั้งเป็นรองเจ้าคณะอำเภอบ้านหมี่ พ.ศ. ๒๕๑๘ ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะอำเภอบ้านหมี่ พ.ศ. ๒๕๒๗ ได้ลาออกจาก เจ้าคณะอำเภอบ้านหมี่ พ.ศ.๒๕๔๐ ได้มรณะ จากไปอย่างสงบในวันที่๑๒ เมษายน ๒๕๔๐รวมสิริอายุ ๙๓ ปี ๗๒ พรรษา ตลอด เวลาหลวงปู่ท่านมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง ท่านร่างเล็ก ถึงอายุจะมากแต่ก็เดินคล่องแล่ว สายตาดี ไม่ต้องใส่แว่น แต่หูไม่ค่อยได้ยิน คงสืบเนื่องมาจากเมื่อครั้ง อยู่วัดป่าธรรมโสภน อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี ขณะนั้นเป็นพรรษาที่ ๕ วันหนึ่งพลบค่ำ ท่านนั่งคุยอยู่กับ พระอาจารย์แกร(เจ้าคณะอำเภอส้มเสี้ยว)ที่หอสวดมนต์ เกิดลมพายุมีฝนตกหนัก ฟ้าแล็บฟ้าร้อง บัดเดี๋ยวก็มีฟ้าผ่า ลงมาตรงที่หอสวดมนต์ เสาแตกควันโขมง ไฟไหม้จีวร อังสะ ท่านนั่ง งง มึน ไม่รู้สึกตัว พระเณรพากันมาดู จับเขย่าจึงรู้สึกตัว ร่างกายไม่เป็นไร แต่เสียงฟ้าผ่าทำให้หูกระทบกระเทือนตั้งแต่นั้นมา |
พระเครื่องที่เกี่ยวข้องในร้านค้านี้...
อื่นๆ...
กำหลังโหลด Comments