-
ยินดีต้อนรับทุกท่าน...ร้านทรัพย์มงคลพระเครื่อง 082-3415909 ตั้มบางแค
-
ยินดีต้อนรับทุกท่าน...ร้านทรัพย์มงคลพระเครื่อง 082-3415909 ตั้มบางแค
หมวด หลวงพ่อสม วัดดอนบุปผาราม - หลวงพ่อตี๋ วัดท่ามะกรูด - หลวงพ่อพยุง วัดบัลลังก์
เหรียญหลวงปู่ตี๋ วัดท่ามะกรูด รุ่น3 ห่วงเชื่อม


ชื่อร้านค้า | ทรัพย์มงคลพระเครื่อง - (คลิ๊กที่นี่เพื่อดู ข้อมูลเกี่ยวกับร้านค้า) |
---|---|
ชื่อเจ้าของร้านค้า | |
ชื่อพระเครื่อง | เหรียญหลวงปู่ตี๋ วัดท่ามะกรูด รุ่น3 ห่วงเชื่อม |
อายุพระเครื่อง | 17 ปี |
หมวดพระ | หลวงพ่อสม วัดดอนบุปผาราม - หลวงพ่อตี๋ วัดท่ามะกรูด - หลวงพ่อพยุง วัดบัลลังก์ |
ราคาเช่า | - |
เบอร์โทรติดต่อ | 082-3415909 ตั้ม |
อีเมล์ติดต่อ | baboona_26@hotmail.com |
สถานะ |
![]() |
เปิดให้เช่าตั้งแต่วันที่ | อ. - 10 เม.ย. 2555 - 16:10.44 |
แก้ไขข้อมูลล่าสุดเมื่อ | ส. - 28 ส.ค. 2564 - 11:58.49 |
รายละเอียด | |
---|---|
เหรียญหลวงปู่ตี๋ รุ่น3ห่วงเชื่อม วัดท่ามะกรูด สุพรรณบุรี เป็นเหรียญที่สร้างได้สวย คลาสสิค มาก เหรียญมีประสบการณ์มากมาย เด่นทางด้านคงกะพันชาตรี หลวงปู่ตี๋ ท่านเป็นศิษย์หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่ และหลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม และยังไปจำพรรษาอยู่ ที่วัดละหารไร่ เพื่อเรียญวิชากับ หลวงปู่ทิม อีก1พรรษา เดียวนี้หาไม่ค่อยเจอแล้วครับ สร้างน้อย 3100เหรียญ ต่อไปจะหายาก จำนวน การสร้างเหรียญรุ่นไตมาส ๘๔ ปี หลวงปู่ตี๋ วัดท่ามะกรูด สุพรรณบุรี ๑.เหรียญทองคำ จำนวน ๑๑ เหรียญ (โค๊ด+หมายเลข) ๒.เหรียญเงิน จำนวน ๙๙ เหรียญ (โค๊ด+หมายเลข) ๓.เหรียญสัมฤทธิ์แก่เงิน จำนวน ๓๒๐ เหรียญ(โค๊ด+หมายเลข) ๔.เหรียญทองแดงกะไหล่ทอง จำนวน ๕๕๐ เหรียญ(โค๊ด+หมายเลข) ๕.เหรียญทองแดง จำนวน ๓,๑๐๐ เหรียญ (โค๊ด) ๖.เหรียญชนวนพิเศษ จำนวน ๔๖ เหรียญ (โค๊ด) จัดสร้างโดยกรรมวิธีแบบโบราน คือปั้มกระบอกบังคับโดยไม่มีการตัดขอบเหรียญ เมื่อเสร็จจึงมีการเชื่อมหูเหรียญในภายหลัง ซึ่งกรรมวิธีนี้จะยุงยาก เสียเวลา เสียค่าใช้จ่ายเป็นอย่างมาก และหาโรงงานที่จัดสร้างด้วยกรรมวิธีนี้ก็มีอยู่น้อยมาก จึงทำให้เหรียญรุ่นนี้ทรงคุณค่าทั้งในด้านศิลปะและการผลิด รวมกับการ อธิษฐานจิตปลุกเสก ของหลวงปู่ผู้ทรงวิทยาคม ซึ่งเก็บเกี่ยวและสืบสานตำรับตำราของบูรพาจารย์ของท่านมาอย่างเต็มที่ จึงมั่นใจได้ว่าเหรียญรุ่นนี้จะต้องเป็นเพชรน้ำเอกของวัตถุมงคลของหลวงปู่ ซึ่งเต็มเปี่ยมไปด้วยศิลปะและพุทธคุณในวิชาความรู้ ที่จะช่วยปกป้องคุ้มครองผู้ที่ตั้งมั่นอยู่ใน ศีลธรรมได้เป็นอย่างดี เหรียญรุ่นนี้เริ่มวาระปลุกเสกครั้งแรกเมื่อวันที่ ๑๒ กรกฏาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ ในงานไหว้ครูบูรพาจารย์ ของหลวงปู่ และเข้าปลุกเสกอธิษฐานจิตตลอดกาลพรรษาจนครบไตรมาส เข้มขลังและเปี่ยมไปด้วยพุทธคุณ หลวงปู่ตี๋ วัดท่ามะกรูด พระอธิการวิทยา ฉันทธัมโม หลวงปู่ตี๋ เจ้าอาวาส วัดเขาเขียวพนาราม ต.หัวเขา อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี ท่านเป็นศิษย์หลวงพ่อมุ่ย ,หลวงพ่อกวย ,และเป็นศิษย์หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ด้วยครับ ชาติภูมิ หลวงปู่ตี๋ เกิดเมื่อวันที่ ๓ สิงหาคม พ.ศ.๒๔๖๗ ตรงกับวันอาทิตย์ขึ้น ๔ ค่ำ เดือน ๙ ปี ชวด (ปัจจุบัน พ.ศ.๒๕๕๑ อายุ๘๔ปี) ณ.บ้านท่าน้ำตลาดท่าช้าง อ.เดิมบางนางบวช เป็นบุตรของนายห้อย นาง กิมบี้ นามสกุล น้ำดอกไม้ หลวงปู่ตี๋มีพี่น้องทั้งหมด ๔ คน เป็นชาย ๓ คน หญิง ๑ คน หลวงปู่ตี๋เป็นบุตรคนโต วัยเด็ก แต่เดิมโยมพ่อท่านเป็นช่างก่อสร้างมณฑปบนยอดเขาวัดหัวเขา อ.เดิมบางนางบวช และเมื่อตอนสร้างมณฑปนั้นได้นำเด็กชายตี๋ในขณะนั้นติดตามไปด้วยตลอด และหลวงพ่ออิ่ม เจ้าอาวาสวัดหัวเขาได้เห็นเด็กชายตี๋เข้า จึงเมตตาเลี้ยงดูให้ในขณะที่โยมพ่อหลวงปู่ตี๋กำลังทำงาน หลวงพ่ออิ่มได้ป้อนข้าวป้อนน้ำเลี้ยงเด็กชายตี๋เปรียบเสมือนลูกในไส้ และรักเด็กชายตี๋มาก และดูดวงชะตาเด็กชายตี๋ก็ทราบว่า ในอนาคตเด็กผู้นี้ต้องบวชไม่สึก และจะเป็นกำลังสำคัญในพระพุทธศาสนา ท่านจึงมอบตำราวิชาอาคมของท่านจำนวน1 เล่มไว้ให้กับโยมพ่อของหลวงปู่ตี๋เก็บรักษาเอาไว้ให้หลวงปู่ตี๋เมื่อโต ก่อนที่หลวงพ่ออิ่มท่านจะมรณภาพ บรรพชา เมื่อหลวงปู่ตี๋อายุ ๑๕ ปี จึงได้บรรพชาเป็นสามเณร และเริ่มเรียนวิชาต่างๆจากตำราของหลวงพ่ออิ่ม สิริปุญโญ วัดหัวเขา ที่โยมพ่อของท่านได้เก็บรักษาเอาไว้จนแตกฉาน อุปสมบท จวบจนอายุ ๒๐ ปี จึงได้อุปสมบท ณ.พัทธสีมาวัดเขาพระ อ.เดิมบางนางบวช เมื่อวันที่ ๑๙ เดือนมิถุนายน พ.ศ. ๒๔๘๗ โดยมี พระครูอเนกคุณากร (หลวงปู่แขก) วัดหัวเขา เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์พิณ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์ไสว เป็นพระอนุสาวนาจารย์ หลวงปู่ตี๋ กับหลวงปู่แขก วัดหัวเขา หลังจากหลวงปู่ตี๋อุปสมบทแล้ว ได้มาจำพรรษาอยู่ที่วัดหัวเขา เพื่อศึกษาพระธรรมวินัยและพุทธาคมจากหลวงปู่แขก ซึ่งเป็นศิษย์หลวงพ่ออิ่ม ดังนั้นหลวงปู่แขกจึงป็นอาจารย์องค์แรกของท่านจวบจนปี พ.ศ.๒๔๙๗ หลวงปู่ตี๋ กับ หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่ หลังจากเรียนวิชาอาคมจากหลวงปู่แขกแล้วนั้น ในปี พ.ศ.๒๔๙๗ หลวงปู่ตี๋ได้กราบลาหลวงปู่แขก เพื่อมาศึกษาเล่าเรียนวิชาอาคมเพิ่มเติมจากหลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่ ผู้เป็นศิษย์เอกหลวงพ่ออิ่ม การมาศึกษาวิชาอาคมเพิ่มเติมจากหลวงพ่อมุ่ยของหลวงปู่ตี๋นั้นก็เพื่อจะเป็นการรวบรวมตำราของหลวงพ่ออิ่มที่หลวงพ่อมุ่ยมีอยู่เอาไว้ ดังนั้นหลวงปู่ตี๋จึงมาฝากตัวกับหลวงพ่อมุ่ย ซึ่งก็ดูเหมือนหลวงพ่อมุ่ยจะรู้ล่วงหน้าอยู่แล้วว่าหลวงปู่ตี๋จะต้องมาฝากตัวกับท่านเป็นแน่แท้ เพราะว่าหลวงพ่อมุ่ยท่านพรึมพรำออกมาตอนพบหลวงปู่ตี๋ว่า “อ้อ ท่านตี๋นี้เอง เห็นพ่อครูเคยบอกฝากฝังเอาไว้” ซึ่งก็แสดงว่าหลวงพ่ออิ่มท่านได้เคยฝากฝังหลวงปู่ตี๋เอาไว้กับหลวงพ่อมุ่ยในสมัยที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ เมื่อหลวงปู่ตี๋มาพบหลวงพ่อมุ่ย ก็ได้บอกจุดประสงค์ต่อหลวงพ่อมุ่ยว่าจะมาขอเรียนด้วย และบอกว่าวันพรุ่งนี้จะนำดอกไม้ธูปเทียนเข้ามาหาใหม่ เพื่อเป็นพิธีไหว้ครู ฝากฝังตัวไว้เป็นศิษย์ แต่หลวงพ่อมุ่ยกลับบอกว่า “ไม่ต้องพรุ่งนี้หรอก วันนี้แหละ เดี๋ยวไปเอาดอกไม้ที่พระพุทธรูปโน้นมาเรียนเสียวันนี้เลย” พร้อมกับจูงมือหลวงปู่ตี๋เข้ากุฏิเริ่มเรียนวิชากันเดี๋ยวนั้นเลย หลวงปู่ตี๋เล่าเรียนวิชาต่างๆจากหลวงพ่อมุ่ยตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา โดยเดินทางไปๆมาๆอยู่หลายปี จวบจนจบในปี พ.ศ.๒๕๐๕จึงเรียนจบ พร้อมกับได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดกระเสียว ต.กระเสียว อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี หลวงปู่ตี๋ กับหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ หลวงปู่ตี๋ท่านมีลักษณะนิสัยชอบธุดงค์เป็นประจำ ช่วงชีวิตของท่านถือธุดงค์มาเกือบ ๔๐ ปี ในระหว่างที่อยู่วัดกระเสียวท่านก็ได้ออกธุดงค์เสมอๆโดยฝากวัดไว้กับรองเจ้าอาวาสวัดกระเสียว คือ พระครูวิเชียร ครั้งหนึ่งหลวงปู่ตี๋ท่านออกธุดงค์ไปทางภาคตะวันออก และได้พบกับหลวงปู่ทิม วัดระหารไร่ จ.ระยอง แรกพบท่านทั้งคู่นั้นได้เกิดการลองวิชากันพอสมควร สุดท้ายหลวงปู่ตี๋จึงบอกกับหลวงปู่ทิมว่า “ในช่วง๗วันที่อยู่ที่นี่ ขอฝากตัวเป็นลูกศิษย์ท่านด้วยได้ไหม” หลวงปู่ทิมท่านก็ตอบว่า “แค่ ๗ วันจะไปเรียนอะไรได้ นี่เห็นว่าเป็นคนสุพรรณ ร่ำลือกันนักกันหนาว่าคนสุพรรณแน่จริงอยู่ หากเป็นจริงดังคำร่ำลือนั่นแล้ว ต้องมาเรียนด้วยกัน ๑ พรรษา จึงจะสอนให้” หลวงปู่ตี๋ได้ยินทำท้าทายจากหลวงปู่ทิมดังนั้นจึงธุดงค์กลับมาวัดกระเสียว และฝากวัดไว้กับรองเจ้าอาวาสอีก เพื่อจะกลับไปร่ำเรียนวิชาอาคมเพิ่มเติมจากหลวงปู่ทิม วัดระหารไร่ เป็นเวลา ๑ พรรษา เรียนกับหลวงปู่ทิมได้วิชาทำผงพรายกุมาร การเสกผง และวิธีการปลุกเสกพระเครื่อง หลวงปู่ตี๋ กับ หลวงพ่อกวย วัดโฆษิตาราม (วัดบ้านแค) หลวงปู่ตี๋ท่านมาเรียนกับหลวงพ่อกวย วัดโฆษิตาราม จ.ชัยนาท หลายครั้ง และหลวงพ่อกวยมักจะจูงมือหลวงปู่ตี๋เข้าไปเรียนในกุฏิแบบตัวต่อตัวตลอดครับ วิชาที่ท่านเรียนจากหลวงพ่อกวยนั้น คือ เรียนวิชาทำปลัดขิก ตะกรุด หนุมาน และวิชาอื่นๆอีกมากมาย และวิชาหนึ่งที่หลวงปู่ตี๋ท่านสำเร็จเป็นเลิศและศิษย์หลวงพ่อกวยทุกท่านต่างทราบดีและยกย่องท่านนั้นก็คือ วิชาตัวเบา สามารถนั่ง สามารถเดินบนผิวน้ำได้ และอีกวิชาหนึ่งที่ท่านสำเร็จและขึ้นชื่อคือ วิชามือยาวรอดรูดาน สามารถหยิบสิ่งของไกลๆ และมีช่องเล็กๆได้ครับ หลวงปู่ตี๋ กับหลวงปู่เย็น วัดสระเปรียญ และหลวงปู่บุดดา วัดกลางชูศรีเจริญ หลวงปู่ตี๋ท่านมีความสนใจในวิชาอาคมและวิชาต่างๆมาก ซึ่งคนโบราณเรียกว่า “คงแก่เรียน” จึงได้พยายามเสาะแสวงหาพระอาจารย์เก่งๆและเข้าไปฝากตัวเป็นศิษย์เพิ่มเติมอยู่เสมอๆอีกดังนี้ กับหลวงปู่เย็น วัดสระเปรียญ จ.ชัยนาท ท่านได้วิชาย่นระยะทาง และกำบัง ส่วนหลวงปู่บุดดา วัดกลางชูศรีเจริญ จ.สิงห์บุรี นั้นท่านได้วิชาแป้งเสกครับ ออกจากวัดกระเสียว มาอยู่วัดเขาเขียว ท่านออกจากวัดกระเสียวขณะที่เป็นเจ้าอาวาสและธุดงค์เรื่อยๆ เพื่อจะไปเรียนวิชาต่อกับหลวงพ่อกวย จนมาเจอวัดเขาเขียวพนาราม อ.เดิมบางนางบวช ในปี พ.ศ.๒๕๑๓ ซึ่งเดิมเป็นวัดร้าง และมีโรงเรียนร้าง ท่านจึงตัดสินใจที่อยู่ที่นั่น แต่ท่านต้องสู้กับเจ้าพ่อเขาเขียว (เจ้าที่) ที่ไม่ยอมให้ท่านสร้างวัดที่นั่น ตอนนั้นเวลานอนท่านยังนอนในกลดเช่นเดียวกับลูกศิษย์ท่าน คืนที่โดนเจ้าที่ลองก็คือ มีฝูงวัวควายวิ่งกันฝุ่นตลบนอกกลดจะเข้ามาทำร้ายท่านกับลูกศิษย์ แต่ท่านรู้ท่านสั่งลูกศิษย์ท่านว่าตอนกลวงคืนไม่ว่ามีอะไรห้ามออกจากกลดเด็ดขาด ถ้าจะตายก็ให้ตายด้วยกัน คืนนั้นลูกศิษย์ท่านกลัวมากและคิดว่าท่านหลับแล้วจะวิ่งออกนอกกลด แต่ท่านกระแอม ลูกศิษย์ท่านจึงมีสติและนึกถึงคำสั่งของท่านได้ เช้าวันรุ่งขึ้นมีชาวบ้านมานิมนต์ให้ท่านอยู่ที่นี่ และทำพิธีแบ่งเขตกันระหว่างวัดกับเจ้าพ่อเขาเขียว ระหว่างที่ท่านอยู่เป็นเจ้าอาวาสวัดเขาเขียวนั้น ท่านถูกทำร้ายอยู่หลายๆครั้ง ทำให้ลูกศิษย์ถามท่านว่า “ทำไมหลวงพ่อไม่ย้ายวัด เพราะมีหลายวัดที่อยากได้หลวงพ่อไปจำพรรษาอยู่” แต่ท่านกลับบอกว่า “ต้องการใช้กรรมให้หมดในชาตินี้ ไม่ต้องการใช้กรรมนี้ในชาติต่อไป” ตอนที่ท่านโดนทำร้ายบางคนใช้มีดฟันศรีษะท่านเลย ลูกศิษย์เคยถามท่านว่า “หลวงพ่อไม่กลัวหรือ?” แต่ท่านกลับพูดติดตลกว่า “กลัวมีดของมันจะบิ่นมากกว่า” หลวงปู่ตี๋ท่านจำพรรษาอยู่วัดเขาเขียวได้พัฒนาวัดเขาเขียวพอสมควรจากสำนักสงฆ์จวบจนเป็นรูปเป็นร่างและกลายเป็นวัดขึ้นมา ย้ายมาจำพรรษาอยู่วัดท่ามะกรูด ต่อมาหลวงปู่ตี๋ท่านได้ชราภาพมาก และเจ็บป่วยบ่อยครั้ง ลูกศิษย์จึงนิมนต์ท่านให้มาจำพรรษาอยู่วัดท่ามะกรูด อ.สามชุก ซึ่งอยู่ใกล้โรงพยาบาลมากกว่าวัดเขาเขียว และถนนหนทางก็สะดวกมากกว่าวัดเขาเขียว ท่านจึงจำพรรษาอยู่วัดท่ามะกรูดจนกระทั่งมรณะภาพ |
พระเครื่องที่เกี่ยวข้องในร้านค้านี้...





