-
ยินดีต้อนรับทุกท่าน...ร้านทรัพย์มงคลพระเครื่อง 082-3415909 ตั้มบางแค
-
ยินดีต้อนรับทุกท่าน...ร้านทรัพย์มงคลพระเครื่อง 082-3415909 ตั้มบางแค
หมวด หลวงพ่อสม วัดดอนบุปผาราม - หลวงพ่อตี๋ วัดท่ามะกรูด - หลวงพ่อพยุง วัดบัลลังก์
เหรียญหลวงปู่ตี๋ รุ่น3ห่วงเชื่อม วัดท่ามะกรูด สุพรรณบุรี ปี51
ชื่อร้านค้า | ทรัพย์มงคลพระเครื่อง - (คลิ๊กที่นี่เพื่อดู ข้อมูลเกี่ยวกับร้านค้า) |
---|---|
ชื่อเจ้าของร้านค้า | |
ชื่อพระเครื่อง | เหรียญหลวงปู่ตี๋ รุ่น3ห่วงเชื่อม วัดท่ามะกรูด สุพรรณบุรี ปี51 |
อายุพระเครื่อง | 16 ปี |
หมวดพระ | หลวงพ่อสม วัดดอนบุปผาราม - หลวงพ่อตี๋ วัดท่ามะกรูด - หลวงพ่อพยุง วัดบัลลังก์ |
ราคาเช่า | - |
เบอร์โทรติดต่อ | 082-3415909 ตั้ม |
อีเมล์ติดต่อ | baboona_26@hotmail.com |
สถานะ | |
เปิดให้เช่าตั้งแต่วันที่ | พฤ. - 24 พ.ค. 2555 - 23:18.53 |
แก้ไขข้อมูลล่าสุดเมื่อ | ส. - 28 ส.ค. 2564 - 11:57.45 |
รายละเอียด | |
---|---|
1 ใน 550 เหรียญ ครับ หายากแล้วครับ เหรียญรุ่น3ห่วงเชื่อม เนื้อกะไหล่ทอง สวยๆ เลขสวยๆ ๑๖๑ ตอกเลข และ โค๊ดตัวนะ องค์จริงสวยมากๆ องค์ที่3 ประสบการณ์ล่าสุดที่ภาคใต้ วัยรุ่นโดนยิงแต่ไม่ออก ห้อยเหรียญ หลวงปู่ตี๋ วัดท่ามะกรูด เหรียญเดียวเท่านั้น ครับ พร้อมตลับเงินสั่งทำอย่างดี เหรียญไตรมาส ๘๔ ปี หลวงปู่ตี๋ วัดท่ามะกรูด สุพรรณบุรี ผู้ทรงวิทยาคุณแห่งเขาเขียว ผู้สืบสานวิทยาคมแห่งสำนักหัวเขา และปากคลองมะขามเฒ่า สุดยอดอีกหนึ่งเกจิ ของชาวสุพรรณบุรี เรื่องเหนียวไม่ต้องพูดถึงครับ ประสบการณ์เพียบ ชีวประวัติของหลวงปู่ตี๋ หลวงพ่อตี๋ วัดกระเสียว หลวงพ่อตี๋ วัดเขาเขียว หลวงพ่อตี๋ วัดท่ามะกรูด คือรูปเดียวกัน พระอธิการวิทยา ฉันทธัมโม หลวงปู่ตี๋ เจ้าอาวาส วัดเขาเขียวพนาราม ต.หัวเขา อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี ปัจจุบันท่านได้ย้ายมาพักรักษาตัวอยู่ที่วัดท่ามะกรูด ต.กระเสียว อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี ซึ้งห่างจากวัดเขาเขียวเพียง ๓ กิโลเมตรเท่านั้น ชาติภูมิ หลวงปู่ตี๋ เกิดเมื่อวันที่ ๓ สิงหาคม พ.ศ.๒๔๖๗ ตรงกับวันอาทิตย์ขึ้น ๔ ค่ำ เดือน ๙ ปี ชวด (มรณะเมื่อ ๑๗พ.ศ.๒๕๕๓ อายุ๘๖ปี) ณ.บ้านท่าน้ำตลาดท่าช้าง อ.เดิมบางนางบวช เป็นบุตรของนายห้อย นาง กิมบี้ นามสกุล น้ำดอกไม้ หลวงปู่ตี๋มีพี่น้องทั้งหมด ๔ คน เป็นชาย ๓ คน หญิง ๑ คน หลวงปู่ตี๋เป็นบุตรคนโต วัยเด็ก แต่เดิมโยมพ่อท่านเป็นช่างก่อสร้างมณฑปบนยอดเขาวัดหัวเขา อ.เดิมบางนางบวช และเมื่อตอนสร้างมณฑปนั้นได้นำเด็กชายตี๋ในขณะนั้นติดตามไปด้วยตลอด และหลวงพ่ออิ่ม เจ้าอาวาสวัดหัวเขาได้เห็นเด็กชายตี๋เข้า จึงเมตตาเลี้ยงดูให้ในขณะที่โยมพ่อหลวงปู่ตี๋กำลังทำงาน หลวงพ่ออิ่มได้ป้อนข้าวป้อนน้ำเลี้ยงเด็กชายตี๋เปรียบเสมือนลูกในไส้ และรักเด็กชายตี๋มาก และดูดวงชะตาเด็กชายตี๋ก็ทราบว่า ในอนาคตเด็กผู้นี้ต้องบวชไม่สึก และจะเป็นกำลังสำคัญในพระพุทธศาสนา ท่านจึงมอบตำราวิชาอาคมของท่านจำนวน1 เล่มไว้ให้กับโยมพ่อของหลวงปู่ตี๋เก็บรักษาเอาไว้ให้หลวงปู่ตี๋เมื่อโต ก่อนที่หลวงพ่ออิ่มท่านจะมรณภาพ บรรพชา เมื่อหลวงปู่ตี๋อายุ ๑๕ ปี จึงได้บรรพชาเป็นสามเณร และเริ่มเรียนวิชาต่างๆจากตำราของหลวงพ่ออิ่ม สิริปุญโญ วัดหัวเขา ที่โยมพ่อของท่านได้เก็บรักษาเอาไว้จนแตกฉาน อุปสมบท จวบจนอายุ ๒๐ ปี จึงได้อุปสมบท ณ.พัทธสีมาวัดเขาพระ อ.เดิมบางนางบวช เมื่อวันที่ ๑๙ เดือนมิถุนายน พ.ศ. ๒๔๘๗ โดยมีพระครูอเนกคุณากร (หลวงปู่แขก) วัดหัวเขา เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์พิณ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์ไสว เป็นพระอนุสาวนาจารย์ เรียนวิชาอาคม อาจารย์องค์ที่1...หลวงพ่อ พระครูเอนกคุณากร ( หลวงพ่อแขก ) เป็นเจ้าอาวาสองค์ต่อมา จึงทำให้ หลวงพ่อแขก ต้องอุปการะเลี้ยงดู หลวงปู่ตี๋ ต่อมา และได้จัดการบวช เป็นสามเณรให้หลวงปู่ตี๋ เมื่ออายุได้ 15 ปี และ เป็นพระอุปฌาช์ ให้หลวงปู่ตี๋ เมื่ออายุครบ 20 ปี ได้อุปสมบถ ที่วัดเขาพระ มาอยู่วัดหัวเขากับ หลวงพ่อแขก และ มักขอ หลวงพ่อแขก ออกธุดงค์อยู่บ่อยครั้ง หลวงพ่อแขกก็มักให้ หลวงปู่ตี๋ ท่องเรียน วิชา หาความรู้ อักษรขอม เขียน อ่าน และมอบวิชาให้ จนไม่รู้จะสอนอะไรให้ จึงแนะนำให้หลวงปู่ตี๋ ไปเรียนต่อ กับหลวงพ่อมุ่ย อาจารย์องค์ที่2...หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร ต่อเมื่อ ปี 2497 เมื่อหลวงปู่ตี๋ไปกราบ ฝากฝังตัวกับ หลวงพ่อมุ่ย เรียบร้อย ทำให้หลวงพ่อมุ่ย ถึงกับอุทานออกมาว่า อ้อ.. ลูกพ่อครูนี่เอง หลวงพ่อมุ่ยพร่ำสอนวิชา ให้หลวงปู่ตี๋ แบบหมดใส้หมดพุง ทั้งให้ความรัก ให้ความเอ็นดู หลวงปู่ตี๋ เป็นอย่างมาก ถึงกับชักชวน หลวงปู่ตี๋ มาเป็นเจ้าอาวาส วัดกระเสียว เมื่อปี 2509 หลวงปู่ตี๋ เป็นพระเกจิที่ชอบธุดงค์ เป็นชีวิตจิตใจ ก็มักฝากวัดไว้กับรองเจ้าอาวาส แล้วท่านก็มักออกไปธุดงค์ อยู่อย่างต่อเนื่อง จนไม่รู้จะสอนอะไรให้ อาจารย์องค์ที่3...หลวงพ่อทิม วัดระหารไร่ เมื่อครั้งหลวงปู่ตี๋ได้ไปธุดงค์ ทางภาคตะวันออก หลวงปู่ตี๋ ได้ไปพบกับหลวงพ่อทิม เข้าโดยบังเอิญ และก็ไม่รู้จัก หลวงพ่อทิมมาก่อน หลวงปู่ได้เล่าให้ฟังว่า เมื่อปักกรด วันนั้นก็ได้ไปเจอกับพระ 3 องค์ ท่าทางขมังเวทย์ ท่าทางเฉยไม่พูดมาก น่าเกรงขาม หลวงปู่จึงปักกรด อยู่ใกล้ๆ ไม่ห่างมากนัก ตกเวลากลางคืน หลวงปู่ตี๋ก็เริ่มทดสอบวิชา ที่เรียนมา โดยตกเวลาเที่ยงคืนเห็นจะได้ หลวงปู่ตี๋ก็เสกมือทำให้ยาวๆ ตรงไปที่หลวงพ่อทิมนั่งปักกรดอยู่ มือยาวหลวงปู่ตี๋ที่เสก ไม่พูดพร่ำทำเพลง หยิบเอาฝาบาตรที่คว่ำอยู่ ก็ทำการเคาะกับบาตร เสียงดังสนั่นหวั่นไหว โป้งเปร๋งๆๆๆ เล่นเอาหลวงพ่อทิมแรกๆก็ทำเฉย เหมือนทองไม่รู้ร้อน แต่พอเคาะไปได้สักพักหนึ่ง หลวงพ่อทิมก็ รีบแก้ประคตที่เอวเอาออกมา แล้วว่ากำกับวิชา และ ก็ผูกไปที่มือหลวงปู่ตี๋ทันที หลวงปู่ตี๋เห็นท่ามือตึงๆดังนั้น หลวงปู่ตี๋จึงจะชักมือกลับ แต่ทว่าจะหดมือกลับเท่าไรก็กับไม่ได้ เหมือนมีอะไร มามัดเอามืออยู่แน่น จึงทำให้หลวงปู่ตี๋ ต้องใช้ตัวเดินตามมือไปยังกรด หลวงพ่อทิม เมื่อมาถึงหน้ากรด หลวงพ่อทิมก็พูดขึ้นมาว่า โอ้...ช่างเป็นวาสนาแท้ๆ ที่มีพระผู้มีอำนาจวาสนา มาเยี่ยมอาตมาถึงที่กรด นับว่าเป็นความโชคดีของผมแท้ๆ....หลวงปู่ตี๋จึงรีบตอบไปว่า ท่านนี้ก็ไม่เบาที่สามารถ ผูกแขนให้ผมมาตามได้ ตกลงจะเอาอย่างไร ..หลวงพ่อทิมบอกไม่มีอะไรหรอก เพียงเราแค่ใช้วิชาผูกมือ ที่เขาชอบมาทำความรำคาญให้นั่งสมาธิ ไม่สงบเท่านั้น เลยผูกไว้ จะได้สงบ แล้วท่านละมาตามมือหรือมาหาอาตมาล่ะ หลวงปู่บอกขอมือผมเถอะ เท่านี้ผมก็รู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไร คงเป็นบุญของผมมากกว่า ที่มาพบพระอาจารย์ที่เก่ง เมื่อพูดกันอยู่นั้น พระที่อยู่กับหลวงพ่อทิมอยู่นั้น ก็โผ่หน้าออกมา มองหลวงปู่ตี๋ แล้วก็ทำเป็นหัวเราะ ดูเหมือนจะถูกเยาะเย้ย หลวงพ่อทิมเอง ก็ดูเหมือนจะว่าด้วยสายตาพระที่มามองอยู่นั้น หลวงปู่ตี๋เองก็ดูเหมือนว่า จะถูกเย้ย ด้วยอารมณ์ที่ร้อนและไม่ค่อยยอมใครอยู่แล้ว ก็รีบเดินหันหลังกับมายังกรด ของตัวเองทันทีเวลาผ่านไปเกือบตีสาม ทันใดนั้นก็มีเสียงเสือใหญ่ มาร้องใกล้ๆกรด คำรามเสียงดังโฮกๆๆๆ ดูเหมือนวิ่งวนกรดไปมา จนฝุ่นตลบ แต่ร้องแบบใกล้ๆนั้นเอง เล่นเอาพระที่อยู่กับหลวงพ่อทิม ทั้งสองรูปนั้น ถึงกับกลัวจนปัสวะแตก ไหลออกมาทันที สักพักใหญ่ เจ้าเสือที่ร้องอยู่นั้น ก็หายเงียบไป จนรุ่งเช้า หลวงปู่ตี๋ก็เดินไปกราบหลวงพ่อทิม สามครั้ง หลวงพ่อ ยิ้มให้เป็นการทักทาย หลวงปู่ตี๋นั่งลง พระทั้งสององค์ก็นั่งอยู่ข้างๆ หลวงพ่อทิม หลวงปู่ตี๋ จึงเอ่ยขึ้นมาว่า เมื่อคืนนี้ ผมอยากจะรู้ว่าหลวงพ่อมีวิชามากน้อยแค่ไหน จึงคิดอยากลองไถ่ถามดู ให้หายข้องใจ หลวงพ่อทิมยิ้มตอบ แล้วพูดขึ้นมาว่า แล้วท่านเห็นเป็นอย่างไรเล่า หลวงปู่ตี๋บอก ผมยอมครับ พระสองรูปจึงหัวเราะ หลวงปู่ตี๋ แทนคำพูด หลวงปู่ตี๋จึงพูดตอบ ไปว่า..เป็นไงเล่าท่าน เมื่อคืนนี้ได้ข่าวว่ามีเสือ มาร้องรบกวนแถวนี้ไม่ใช้หรือ เป็นไงกลัวไหม พระสององค์มองหน้ากันเหมือนจะตอบว่า ไม่กลัว แต่มิทันได้ตอบ หลวงปู่ตี๋ ท่านก็พูดสวนขึ้นมาทันทีว่า ไม่กลัวแล้วเหยี่ยวแตกทำไม เห็นตัวมันไหม ไม่เห็นตัวสักหน่อย ก็กลัวจนปัสวะแตกแล้ว อะไรกัน.. หลวงพ่อทิม จึงพูดขึ้นมาว่า นี่แหละ ที่หลังอย่าไปเยาะเย้ยเขา คนเราเก่งไม่เหมือนกัน นี่แหละจำไว้ หลวงปู่ตี๋จึงบอกความประสงค์ ต่อ หลวงพ่อทิมว่า หลวงพ่อจะปักกรดอยู่ที่นี่กี่วัน หลวงพ่อทิมบอกอีก 7 วัน หลวงปู่ตี๋จึงบอกว่า อีกหลายวันก็ยิ่งดี ผมจะได้ขอเรียนด้วยซะเลย หลวงพ่อทิมบอก 7 วันจะไปได้เรื่องอะไรเล่า ท่านอยู่ที่ไหนเล่า หลวงปู่ตี๋บอก ผมอยู่สุพรรณครับ หลวงพ่อทิมจึงตอบว่า คนสุพรรณนั้น เขาเป็นคนจริงนะ หากจะเรียนก็ไปเรียนได้ แต่ต้องไปเรียน 1 พรรษานะ จะให้เรียน ถ้าแน่จริงสมคำล่ำลือ สุพรรณล่ะก้อ ขอให้ไปเรียนด้วยกันที่วัดระหารไร่โน้น และเมื่อกลับจากธุดงค์ หลวงปู่ตี๋จึงฝากวัดไว้กับรองเจ้าอาวาส แล้วไปจำพรรษาอยู่ที่วัดระหารไร่ 1 พรรษา เพื่อเล่าเรียนกับหลวงพ่อทิม 1 พรรษา หลวงปู่ท่านได้วิชามา กับหลวงพ่อทิม มาคือวิชา ผงพรายกุมาร ปลุกเสกเครื่องราง วิชาขุนแผน ทำและปลุกเสก วิชาเรียกกุมาร วิชาชูชก ทำผงพรายกุมาร ฯลฯ เป็นหลัก นี่คือส่วนหนึ่งที่นำมาเล่าให้ฟังเป็นอาจารย์หลวงปู่อีกท่านหนึ่ง ที่หลวงปู่บอก ลืมไม่ได้ อาจารย์องค์ที่4...หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม ชัยนาท เมื่อปี 2509 หลวงปู่ตี๋ท่านได้ไปมาหาสู่ หลวงพ่อกวยอยู่เป็นประจำ ไปๆ มาๆ แต่ทว่า ท่านยังเรียนเป็น อาจารย์ๆอยู่ แต่ได้รู้แน่นอนแล้วว่า หลวงพ่อกวย ท่านเป็นหนึ่ง ในศิษย์หลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา หลวงปู่ตี๋ท่านจึง ไปกราบขอฝากตัว เป็นศิษย์หลวงพ่อกวยทันที หลวงพ่อกวยท่านก็พอทราบ ว่าหลวงปู่ตี๋ เป็นบุตรบุญธรรม หลวงพ่ออิ่ม ท่านก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง หรือ อะลำพะบท อะไรว่าเป็นอะไร ท่านก็รีบจูงมือหลวงปู่ตี๋ เข้ากุฏิ แล้วให้บทขึ้นครู ปรากฏว่า หลวงปู่ตี๋ ท่านได้บทมาหมดแล้ว จึงไม่เป็นการยากอะไรอีก เท่านั้นหลวงพ่อกวย ท่านก็เฝ้าสอน วิชา หลวงพ่อกวย ด้วยตัว ของหลวงพ่อกวยเอง กับมือแล้วก็สอนทุกอย่างที่หลวงปู่ตี๋ต้องการ หลวงปู่ตี๋บอก หลังจากรับเป็นศิษย์ ป้องของตามจำนวนที่ฝากตัวจนครบ ทั้งนำตำราใส่หัวให้แล้ว หลวงปู่ตี๋ ท่านก็เรียนสักยันต์ รูปต่างๆ เช่น หนุมาน ลิงลม หมูทองแดง หงษ์ทอง เก้ายอดเป็นต้น ฯลฯ เรียนทำปลัดขิก ปลุกเสก ตะกรุด ผ้ายันต์ ปลุกเสกต่างๆ มีดหมอ ทำมีด สิงห์ที่เดิมได้มาจากหลวงพ่อมุ่ยบ้างแล้ว นอกนั้นยังจบดวงธรรมพระสิวลี ไม่อดไม่อยาก ไม่ยาก ไม่จน ไม่ต่ำกว่าคน ไม่จนกว่าใคร ปลุกเสกช้อนไม่อดไม่อยาก นอกนั้น ท่านยังมีตำรา สักที่หลวงพ่อกวยให้ไว้กับมือ เช่นสักเสือเผ่น อินทรีย์ผง่าดฟ้า หมี สิงห์ ลิง ลิงลม มากมายที่ได้จดไว้ นอกนั้นหลวงปู่ตี๋ ยังจบทำน้ำมันว่านสัก และ วิชาต่างๆมากมาย ยังมีตำราเรียนทุกวันนี้ อาจารย์องค์ที่5...หลวงตาจวน วัดไก่เตี้ย เพราะหลวงปู่ตี๋ ท่านบอกหลวงตาจวน วัดไก่เตี้ยนี้ ท่านเป็นลูกศิษย์หลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา ท่านหลวงตาจวนนี้ ได้วิชากุญแจมนต์มา จากหลวงพ่ออิ่ม ที่สามารถผูกวิชา ผูกตำรา ทั้งหมดไว้ ไม่ให้เสื่อมถอย หรือหนีหาย หลวงปู่ตี๋ จึงตัดสืนใจไปเรียน กับหลวงพ่อจวน วัดไก่เตี้ย ซึ้งหลวงพ่อจวน ก็มิได้ขัดข้อง ที่หลวงปู่คี๋จะมาเรียน ท่านก็สอนหมดทุกอย่าง โดยเน้น วิชากุญแจมนต์ พญามนต์ จ่ามนต์ และ ผูกมนต์ และท่านมักพูดอยู่เสมอว่า ของๆกู จิ้มห.หมาก็ไม่เสื่อม วิชาผูกผี กันผี แก้ของต่างๆ อีกมากมายหลายอย่าง พระอาจารย์องค์ที่6...หลวงปู่เย็น วัดสระเปรียน สมัยนั้นหลวงปู่เย็นวัดสระเปรียน ยังอยู่วัดเดียวกับหลวงปู่บุดดา ถาวโร อยู่ที่วัดกลางชูศรีเจริญสุข หลวงปู่พอรู้ว่า หลวงพ่อเย็น ท่านเป็นศิษย์ท่านหนึ่ง ที่ได้ไปเรียนกับ หลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา จึงเดินทางไปขอเรียน กับหลวงพ่อเย็นทันที ทางด้านพ.พาน เป็นวิชาทางสายหลวงปู่ศุข แต่หลวงปู่ตี๋ เรียนวิชา ด้านกสินเพิ่ม อภินิหารต่างๆ ย่นหนทาง ปากพระร่วง เสกของ และอีกหลายอย่าง จึงทำให้หลวงปู่ตี๋ ได้ตำรา และ ฝากตัวเป็นศิษย์ กับ หลวงพ่อเย็น แบบสมบูรณ์แบบ อาจารย์องค์ที่7...หลวงปู่บุดดา ถาวโร วัดกลางชูศรีเจริญสุข หลวงปู่ตี๋ เมื่อไปหาหลวงพ่อเย็น ก็พบกับ หลวงปู่บุดดา ก็ถูกคอ และสนทนาธรรมกับหลวงปู่บุดดา จนถูกคอ ถึงธรรมต่างๆ หลวงปู่ตี๋จึงได้ฝากตัวและ เรียนวิชากับหลวงปู่บุดดา วิชาเอก คือเสกแป้ง และ เมตตาต่างๆ ทั้งสีผึ้ง เคล็ดต่างๆเกี่ยวกับวิชาที่ใช้ และ หลีกเลี่ยงในข้อบัญญัติต่างๆ ที่สามารถหลบหลีก เลี่ยง และ ไม่มีความผิดในด้านวิชาต่างๆ นอกจากนั้น หลวงปู่ตี๋ได้ข่าวว่า พระอาจารย์นำวัดดอนศาลา ได้เรียนจากหลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา หลวงปู่จึงไปขอเรียน แต่พระอาจารย์นำท่านเห็นหลวงปู่ตี๋แล้ว ท่านบอกไม่ต้องมาฝากตัวเป็นศิษย์หรอก หากต้องการวิชาอะไรก็มาจดได้เลย และ อนุญาติให้หลวงปู่ตี๋เท่านั้น จึงทำให้หลวงปู่ตี๋ได้จดวิชา ตำราในวิชาสายหลวงปู่อิ่ม ไว้ได้เต็มรูปแบบ ขอขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆ ที่มา http://luangputee.pantown.com/ |