พระซุ้มร่มโพธิ์ หรือพระรมโพธิ์ วัดมหาธาตุ เพชรบูรณ์ องค์นี้ไม่ได้สวยจัด แต่มีดีที่ดูง่ายจ้า-jorawis - webpra

เว็บ-พระ ประมูลพระเครื่อง ร้านค้าพระเครื่องออนไลน์

jorawis

มีพระกรุยอดนิยมหลากหลายสภาพ ให้เลือกชม

เน้นพระแท้ ดูง่าย รับประกันความแท้ตามสากลนิยม มีให้เลือกชมทั้งพระเนื้อดิน ชิน ผง
แทบทุกองค์ได้รับการตรวจสอบจากผู้เชียวชาญ โดยมีรางวัลจากการผ่านงานประกวดมาตรฐาน
หรือ

ผ่านการออกใบรับรองพระแท้ จากสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย
ที่สามารถยืนยันถึงความแท้และความถูกต้องของข้อมูล
ที่เกี่ยวกับองค์พระได้เป็นอย่างดี
ส่วนใหญ่เป็นพระกรุพระเก่ายอดนิยม

หลายองค์เป็นพระในตำนาน หาชมได้ยากในปัจจุบัน
บางองค์ไม่มีแม้แต่รูปให้ผ่านสายตา

ส่วนบางองค์มีให้เห็นแค่เฉพาะภาพในหนังสือพระเครื่องมาตรฐานสูงบางเล่มเท่านั้น

สนใจเชิญติดต่อกันเข้ามาได้
ยินดีต้อนรับด้วยความเป็นกันเองทุกท่านทุกสายเลยจ้า

มีพระยอดนิยมมากมายให้เลือกชม เน้นพระแท้ดูง่ายโดยเฉพาะพระกรุ พระเก่า ประกันความแท้ตามมาตรฐานสากลนิยม

หมวด พระกรุ เนื้อชิน

พระซุ้มร่มโพธิ์ หรือพระรมโพธิ์ วัดมหาธาตุ เพชรบูรณ์ องค์นี้ไม่ได้สวยจัด แต่มีดีที่ดูง่ายจ้า

พระซุ้มร่มโพธิ์ หรือพระรมโพธิ์ วัดมหาธาตุ เพชรบูรณ์ องค์นี้ไม่ได้สวยจัด แต่มีดีที่ดูง่ายจ้า - 3

พระซุ้มร่มโพธิ์ หรือพระรมโพธิ์ วัดมหาธาตุ เพชรบูรณ์ องค์นี้ไม่ได้สวยจัด แต่มีดีที่ดูง่ายจ้า - 4

ชื่อร้านค้า	jorawis - (คลิ๊กที่นี่เพื่อดู ข้อมูลเกี่ยวกับร้านค้า)
ชื่อเจ้าของร้านค้า	jorawis (99)
ชื่อพระเครื่อง	พระซุ้มร่มโพธิ์ หรือพระรมโพธิ์ วัดมหาธาตุ เพชรบูรณ์ องค์นี้ไม่ได้สวยจัด แต่มีดีที่ดูง่ายจ้า
อายุพระเครื่อง	606 ปี
หมวดพระ	พระกรุ เนื้อชิน
ราคาเช่า	-
เบอร์โทรติดต่อ	(ไม่แสดงเบอร์ เนื่องจากรายการนี้ไม่ได้ปล่อยเช่า)
อีเมล์ติดต่อ	Jorawis@gmail.com
สถานะ
Facebook	Share
เปิดให้เช่าตั้งแต่วันที่	จ. - 28 เม.ย. 2557 - 11:40.26
แก้ไขข้อมูลล่าสุดเมื่อ	พ. - 06 ส.ค. 2557 - 09:54.20

รายละเอียด
องค์นี้เป็น"พระซุ้มโพธิ์" หรือที่บางท่านเรียกกันว่า"พระซุ้มร่มโพธิ์" ส่วนนักสะสมรุ่นปู่จะเรียกขานพระพิมพ์นี้กันว่า "พระฝักเพกา" ตามพุทธศิลป์ของลายกิ่งก้านโพธิ์ที่ปรากฎภายในซุ้มเหนือองค์พระ สภาพค่อนข้างสมบูรณ์ มีรอยระเบิดเป็นรูตามรูป หลังลายผ้าตาห่างค่อนข้างหยาบ มีร่องรอยระเบิดให้ดูง่ายสบายตา เดิมผิวยังขาวสวยแต่เจ้าของเดิมกลัวพระระเบิดเสียหายต่อเนื่อง จึงนำไปแช่น้ำมันเพื่อรักษาเนื่อพระจ้า วัดมหาธาตุ ถือเป็นวัดหลวงและใหญ่ที่สุดของเมืองเพชรบูรณ์สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในรัชสมัยของพระเจ้าเพชรบูรณ์ เจ้าผู้ครองนคร เมื่อประมาณพุทธศักราช ซึ่งทราบได้จากคำจารึกในแผ่นลานทองที่มีผู้พบในบริเวณเจดีย์ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ภายในวัด ปรากฎเป็นอักษรไทยโบราณซึ่งอ่านได้ความว่า “พระเจ้าเพชรบูรณ์ โอรสพระยาอันรงได้ประดิษฐานไว้”ซึ่งในยุคแรกนับเป็นวัดหลวงขนาดใหญ่ทีมีความเจริญรุ่งเรืองในสมัยนัน แต่ต่อมาเหตุใดจึงกลับกลายเป็นวัดร้างก็ได้ไม่ได้ปรากฏหลักฐานบันทึกไว้ และจากคำจารึกในแผ่นลานทองนี้้เอง ทำให้ทราบว่าแต่เดิมเมืองเพชรบูรณ์มีชื่อว่า “เพชรบุร” หรือ “พืชปุระ” หมายถึงเมืองแห่งพืชพันธุ์ธัญญาหาร และตามบันทึกของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยาดำรงราชานุภาพ เจ้าฟ้านักประวัติศาสตร์แห่งสยามได้ทรงสันนิษฐานว่า เมืองเพชรบูรณ์เป็นเมืองที่สร้างและเจริญรุ่งเรืองมายาวนานถึง 2 ยุค2 สมัย แต่สร้างในบริเวณเดียวกัน คืในการสร้างเมืองครั้งแรกน่าจะสร้างในระหว่างสมัยสุโขทัยเป็นราชธานี เพราะมีซากเจดีย์โบราณภายในบริเวณวัดมหาธาตุ จากพุทธศิลป์สามารถวิเคราะห์ได้ว่าน่าจะมีการสร้างขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว และจากหลักศิลาจาร฿กหลักที่ 1และ หลักที่ 93 มีการกล่าวถึงเมือง 2 เมือง ที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของอาณาจักรสุโขทัย คือ "ลุมบาจาย" และเมือง "วัชชปุระ" ซึ่งก็คือเมืองหล่มเก่า และเมืองเพชรบูรณ์นั่นเอง จากนั้น ต่อมาก็มีผู้พบหลักฐานที่สำคัญอีกครั้ง โดยครั้งนี้พบหลักฐานการสร้างเมืองในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช โดยวิเคราะห์ได้จากอายุของสิ่งปลูกสร้างภายในเขตวิสุงคามสีมาภายในเขตวัดที่ยังคงปรากฎอยู่ อันได้แก่ป้อมและกำแพงซึ่งก่ออิฐปนศิลา. รวมถึงใบเสมาของเดิมที่ทำจากหินทราย ว่ากันว่าสุดยอดพระเครื่องแห่งเมืองเพชรบูรณ์มีผู้ลักลอบขุดออกมาพร้อมกับกรุสมบัติโบราณมาตั้งแต่ก่อนยุคกึ่งพุทธกาลตั้งแต่ประมาณพ.ศ. 2493ครั้งนั้นมาแล้ว ต่อมาเมื่อมีการบูรณะวัดมหาธาตุครั้งใหญ่ โดยกรมศิลปากร เมื่อปี พ.ศ. 2510 กรมศิลปากรได้ซ่อมแซมบูรณะพระเจดีย์ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์หลังพระอุโบสถ จึงได้พบกรุพระเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2510 ซึ่งมีเสาศิลาแลงขนาดกว้าง 70 ซ.ม. ซ้อนกันอยู่สองก้อน มีไหสุโขทัยขนาดเล็ก-ใหญ่ตั้งล้อมรอบเสาศิลาแลง ภายในไหบรรจุทั้งพระเครื่องและพระบูชา และพบตลับทองคำจำนวนหนึ่ง และพบลานทองจารึกอักษรไทยโบราณด้วย ระบุวันที่สร้างพระเมื่อเทียบกับปฏิทินร้อยปี แล้วตรงกับวันที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2022 ซึ่งในครั้งนี้ถือว่าเป็นการเปิดกรุอย่างเป็นทางการครั้งแรกของวัดมหาธาตุ ในครั้งนี้ได้พบพระเครื่องพิมพ์ต่างๆ ออกมาด้วยกันมากมายหลากหลายพิมพ์ แต่ที่อยู่ในความนิยมมากที่สุดได้แก่พิมพ์เปิดโลกซุ้มเรือนแก้ว ต่อมาบางท่านเรียกว่าพิมพ์ “ซุ้มประตู” พิมพ์ร่มโพธิ์ พระซุ้มเรือนแก้ว และพิมพ์นาคปรก ส่วนพระซุ้มระฆัง และพระลีลพิมพ์ต่าง ๆ ไปจน พระท่ามะปรางค์ พระนางพญา และพระร่วงนั่ง นั้นจะด้วยพุทธศิลป์ที่งามน้อยกว่า กลับไม่มีผู้กล่าวถึงหรือบันทึกไว้มากนัก หลังจากนั้นกรมศิลปกรจึงได้นำพระดังกล่าวออกให้ประชาชนทั่ได้เช่าบูชาเพื่อจัดหารายได้นำมาสมทบทุนบูรณะพื้นที่วัด โดยตั้งราคาเช่าบูชาไว้ตามลำดับความสวยงามของพุทธลักษณะ ดังนี้ พระพิมพ์เปิดโลกซุ้มเรือนแก้ว บูชาองค์ละ 500 บาท พิมพ์ร่มโพธิ์ พระซุ้มเรือนแก้ว บูชาองค์ละ 300 บาท และพิมพ์นาคปรกบูชาองค์ละ 200 บาท ฯลฯ เชื่อกันว่าพระกรุวัดมหาธาตุนี้ พุทธคุณเป็นที่เลื่องลือกันว่ายอดเยี่ยมหนักหนาด้าน คงกระพัน มหาอุตม์ และมหาอำนาจ Jorawis รับประกันความแท้ตามสากลนิยมเช่นเดิม พระองค์นี้ผ่าสนามงานประกวดที่พันธุ์ทิพย์ เมื่อวันที่ 20 เมษายน ที่ผ่านมาจ้า แต่ไม่ติดรางวัลเนื่องจากมีพระสวยสมบูรณ์ระดับแชมป์ส่งเข้าประกวดมากมายจ้า แต่ ล่าสุดพระองค์นี้ได้รับรางวัลชนะเลิศ จากงานชมรมผู้สื่อข่าวพระเครื่องฯ ที่จัดขึ้น ณ หอประชุม มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2557 ที่ผ่านมาจ้า ใครที่สนใจพระองค์นี้สบายใจได้เลยจาว่าเป็นพระแท้ ตามมาครฐานสากลนิยมแน่นอน สนใจติดต่อสอบถามกันเข้ามาได้เลย ชอบพระดูง่าย สวยสมบูรณ์ตามธรรมชาติพระแท้ องค์นี้ไม่ผิดหวังจ้า หรือ หากองค์นี้ยังไม่ถูกใจ อาจมีรายการอื่น ๆ ที่ทำนกำลังค้นหาอยู่เชิญที่นี่เลยจ้า http://www.web-pra.com/Shop/jorawis

รายละเอียด

องค์นี้เป็น"พระซุ้มโพธิ์" หรือที่บางท่านเรียกกันว่า"พระซุ้มร่มโพธิ์" ส่วนนักสะสมรุ่นปู่จะเรียกขานพระพิมพ์นี้กันว่า "พระฝักเพกา" ตามพุทธศิลป์ของลายกิ่งก้านโพธิ์ที่ปรากฎภายในซุ้มเหนือองค์พระ สภาพค่อนข้างสมบูรณ์ มีรอยระเบิดเป็นรูตามรูป หลังลายผ้าตาห่างค่อนข้างหยาบ มีร่องรอยระเบิดให้ดูง่ายสบายตา เดิมผิวยังขาวสวยแต่เจ้าของเดิมกลัวพระระเบิดเสียหายต่อเนื่อง จึงนำไปแช่น้ำมันเพื่อรักษาเนื่อพระจ้า

วัดมหาธาตุ ถือเป็นวัดหลวงและใหญ่ที่สุดของเมืองเพชรบูรณ์สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในรัชสมัยของพระเจ้าเพชรบูรณ์ เจ้าผู้ครองนคร เมื่อประมาณพุทธศักราช ซึ่งทราบได้จากคำจารึกในแผ่นลานทองที่มีผู้พบในบริเวณเจดีย์ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ภายในวัด ปรากฎเป็นอักษรไทยโบราณซึ่งอ่านได้ความว่า “พระเจ้าเพชรบูรณ์ โอรสพระยาอันรงได้ประดิษฐานไว้”ซึ่งในยุคแรกนับเป็นวัดหลวงขนาดใหญ่ทีมีความเจริญรุ่งเรืองในสมัยนัน แต่ต่อมาเหตุใดจึงกลับกลายเป็นวัดร้างก็ได้ไม่ได้ปรากฏหลักฐานบันทึกไว้

และจากคำจารึกในแผ่นลานทองนี้้เอง ทำให้ทราบว่าแต่เดิมเมืองเพชรบูรณ์มีชื่อว่า “เพชรบุร” หรือ “พืชปุระ” หมายถึงเมืองแห่งพืชพันธุ์ธัญญาหาร และตามบันทึกของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยาดำรงราชานุภาพ เจ้าฟ้านักประวัติศาสตร์แห่งสยามได้ทรงสันนิษฐานว่า เมืองเพชรบูรณ์เป็นเมืองที่สร้างและเจริญรุ่งเรืองมายาวนานถึง 2 ยุค2 สมัย แต่สร้างในบริเวณเดียวกัน คืในการสร้างเมืองครั้งแรกน่าจะสร้างในระหว่างสมัยสุโขทัยเป็นราชธานี เพราะมีซากเจดีย์โบราณภายในบริเวณวัดมหาธาตุ จากพุทธศิลป์สามารถวิเคราะห์ได้ว่าน่าจะมีการสร้างขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว และจากหลักศิลาจาร฿กหลักที่ 1และ หลักที่ 93 มีการกล่าวถึงเมือง 2 เมือง ที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของอาณาจักรสุโขทัย คือ "ลุมบาจาย" และเมือง "วัชชปุระ" ซึ่งก็คือเมืองหล่มเก่า และเมืองเพชรบูรณ์นั่นเอง จากนั้น ต่อมาก็มีผู้พบหลักฐานที่สำคัญอีกครั้ง โดยครั้งนี้พบหลักฐานการสร้างเมืองในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช โดยวิเคราะห์ได้จากอายุของสิ่งปลูกสร้างภายในเขตวิสุงคามสีมาภายในเขตวัดที่ยังคงปรากฎอยู่ อันได้แก่ป้อมและกำแพงซึ่งก่ออิฐปนศิลา. รวมถึงใบเสมาของเดิมที่ทำจากหินทราย

ว่ากันว่าสุดยอดพระเครื่องแห่งเมืองเพชรบูรณ์มีผู้ลักลอบขุดออกมาพร้อมกับกรุสมบัติโบราณมาตั้งแต่ก่อนยุคกึ่งพุทธกาลตั้งแต่ประมาณพ.ศ. 2493ครั้งนั้นมาแล้ว ต่อมาเมื่อมีการบูรณะวัดมหาธาตุครั้งใหญ่ โดยกรมศิลปากร เมื่อปี พ.ศ. 2510 กรมศิลปากรได้ซ่อมแซมบูรณะพระเจดีย์ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์หลังพระอุโบสถ จึงได้พบกรุพระเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2510 ซึ่งมีเสาศิลาแลงขนาดกว้าง 70 ซ.ม. ซ้อนกันอยู่สองก้อน มีไหสุโขทัยขนาดเล็ก-ใหญ่ตั้งล้อมรอบเสาศิลาแลง ภายในไหบรรจุทั้งพระเครื่องและพระบูชา และพบตลับทองคำจำนวนหนึ่ง และพบลานทองจารึกอักษรไทยโบราณด้วย ระบุวันที่สร้างพระเมื่อเทียบกับปฏิทินร้อยปี แล้วตรงกับวันที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2022 ซึ่งในครั้งนี้ถือว่าเป็นการเปิดกรุอย่างเป็นทางการครั้งแรกของวัดมหาธาตุ ในครั้งนี้ได้พบพระเครื่องพิมพ์ต่างๆ ออกมาด้วยกันมากมายหลากหลายพิมพ์ แต่ที่อยู่ในความนิยมมากที่สุดได้แก่พิมพ์เปิดโลกซุ้มเรือนแก้ว ต่อมาบางท่านเรียกว่าพิมพ์ “ซุ้มประตู” พิมพ์ร่มโพธิ์ พระซุ้มเรือนแก้ว และพิมพ์นาคปรก ส่วนพระซุ้มระฆัง และพระลีลพิมพ์ต่าง ๆ ไปจน พระท่ามะปรางค์ พระนางพญา และพระร่วงนั่ง นั้นจะด้วยพุทธศิลป์ที่งามน้อยกว่า กลับไม่มีผู้กล่าวถึงหรือบันทึกไว้มากนัก

หลังจากนั้นกรมศิลปกรจึงได้นำพระดังกล่าวออกให้ประชาชนทั่ได้เช่าบูชาเพื่อจัดหารายได้นำมาสมทบทุนบูรณะพื้นที่วัด โดยตั้งราคาเช่าบูชาไว้ตามลำดับความสวยงามของพุทธลักษณะ ดังนี้ พระพิมพ์เปิดโลกซุ้มเรือนแก้ว บูชาองค์ละ 500 บาท พิมพ์ร่มโพธิ์ พระซุ้มเรือนแก้ว บูชาองค์ละ 300 บาท และพิมพ์นาคปรกบูชาองค์ละ 200 บาท ฯลฯ

เชื่อกันว่าพระกรุวัดมหาธาตุนี้ พุทธคุณเป็นที่เลื่องลือกันว่ายอดเยี่ยมหนักหนาด้าน คงกระพัน มหาอุตม์ และมหาอำนาจ Jorawis รับประกันความแท้ตามสากลนิยมเช่นเดิม พระองค์นี้ผ่าสนามงานประกวดที่พันธุ์ทิพย์ เมื่อวันที่ 20 เมษายน ที่ผ่านมาจ้า แต่ไม่ติดรางวัลเนื่องจากมีพระสวยสมบูรณ์ระดับแชมป์ส่งเข้าประกวดมากมายจ้า แต่ ล่าสุดพระองค์นี้ได้รับรางวัลชนะเลิศ จากงานชมรมผู้สื่อข่าวพระเครื่องฯ ที่จัดขึ้น ณ หอประชุม มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2557 ที่ผ่านมาจ้า ใครที่สนใจพระองค์นี้สบายใจได้เลยจาว่าเป็นพระแท้ ตามมาครฐานสากลนิยมแน่นอน สนใจติดต่อสอบถามกันเข้ามาได้เลย ชอบพระดูง่าย สวยสมบูรณ์ตามธรรมชาติพระแท้ องค์นี้ไม่ผิดหวังจ้า

หรือ หากองค์นี้ยังไม่ถูกใจ อาจมีรายการอื่น ๆ ที่ทำนกำลังค้นหาอยู่เชิญที่นี่เลยจ้า

http://www.web-pra.com/Shop/jorawis