พระบูชาหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ วัดสะแก อยุธยา หน้าตัก 5 นิ้ว เนื้อผงพระพุทธคุณผสมปูน (ผงจักรพรรดิ)-บูชาครู - webpra
VIP
ธรรมะ และ วัตถุมงคล คือของขวัญที่มอบไว้แทนความห่วงใยจากครู...ครูสิทธิ์ ครูธงค์ องอาจไม่ประมาทครู

หมวด หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก - หลวงปู่ดู่ วัดสะแก – หลวงปู่ชื้น วัดญาณเสน

พระบูชาหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ วัดสะแก อยุธยา หน้าตัก 5 นิ้ว เนื้อผงพระพุทธคุณผสมปูน (ผงจักรพรรดิ)

พระบูชาหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ วัดสะแก อยุธยา หน้าตัก 5 นิ้ว เนื้อผงพระพุทธคุณผสมปูน (ผงจักรพรรดิ) - 1พระบูชาหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ วัดสะแก อยุธยา หน้าตัก 5 นิ้ว เนื้อผงพระพุทธคุณผสมปูน (ผงจักรพรรดิ) - 2พระบูชาหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ วัดสะแก อยุธยา หน้าตัก 5 นิ้ว เนื้อผงพระพุทธคุณผสมปูน (ผงจักรพรรดิ) - 3พระบูชาหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ วัดสะแก อยุธยา หน้าตัก 5 นิ้ว เนื้อผงพระพุทธคุณผสมปูน (ผงจักรพรรดิ) - 4
ชื่อร้านค้า บูชาครู - (คลิ๊กที่นี่เพื่อดู ข้อมูลเกี่ยวกับร้านค้า)
ชื่อเจ้าของร้านค้า
ชื่อพระเครื่อง พระบูชาหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ วัดสะแก อยุธยา หน้าตัก 5 นิ้ว เนื้อผงพระพุทธคุณผสมปูน (ผงจักรพรรดิ)
อายุพระเครื่อง -
หมวดพระ หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก - หลวงปู่ดู่ วัดสะแก – หลวงปู่ชื้น วัดญาณเสน
ราคาเช่า 45,000 บาท
เบอร์โทรติดต่อ 0888822123
อีเมล์ติดต่อ buchakru@gmail.com
สถานะ พร้อมเช่า
Facebook
เปิดให้เช่าตั้งแต่วันที่ พฤ. - 07 ก.ย. 2566 - 12:29.39
แก้ไขข้อมูลล่าสุดเมื่อ ส. - 30 ธ.ค. 2566 - 21:12.26
รายละเอียด
***** ค่าบูชา 45,000 บาท *****

### ในโอกาสครบรอบ 32 ปี วันคล้ายวันละสังขาร หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ 17 มกราคม 2566 ขอนำพระบูชารูปเหมือนหลวงปู่ดู่สมัยที่ท่านยังอยู่ ออกมาให้บูชากัน สภาพเก็บบูชาไว้เพียงองค์เดียว พร้อมจัดส่งด้วยแพคเกจที่แน่นหนาแข็งแรง พระของหลวงปู่ทางร้านบูชาครูได้ทยอยนำพระในส่วนที่เก็บไว้ ออกมาให้ทุกท่านได้บูชากัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพระผงมหาจักรพรรดิที่ทางวัดหรือทางหลวงปู่ทำขึ้นเอง เป็นมหามงคลสูงสุดที่จะส่งมอบคืน ให้เจ้าของคนใหม่ได้บูชากันตามบุญวาสนาที่เกี่ยวข้องกับบารมีของหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ...ขอขอบคุณลูกค้าทุกท่านที่มีอุปการะคุณไว้ ณ ที่นี้.....บูชาครู
------------------------

ขอขอบคุณข้อมูลจาก www.wadsakae.com , www.prommapanyo.com และข้อมูลในส่วนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องด้วยครับ

*** คติธรรม "หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ" ***

1. ครูอาจารย์ดีๆ มีอยู่มากก็จริง แต่สำคัญที่เราต้องปฏิบัติให้จริง สอนตัวเองให้มาก นั่นแหละจึงจะดี
2. การปฏิบัติ ถ้าหยิบตำราโน้นนี้มาสงสัยถาม มักจะโต้เถียงกันเปล่า โดยมากชอบเอาจากอาจารย์โน่นนี่ว่าอย่างนั้นอย่างนี้มา …การจะปฏิบัติให้รู้ธรรมเห็นธรรม ต้องทำจริง จะได้อยู่ที่ทำจริง เอาให้จริงให้รู้ ถ้าไปเรียนกับครูอาจารย์อื่นโดยยังไม่ทำให้จริงให้รู้ ก็เหมือนดูถูกดูหมิ่นครูบาอาจารย์
3. การปฏิบัติธรรมก็เหมือนกับการปลูกต้นไม้ ศีลคือ ดิน สมาธิ คือ ลำต้น ปัญญาคือ ดอกผล เราต้องการให้ต้นไม้เจริญงอกงาม ก็ต้องหมั่นรดน้ำพรวนดิน และต้องคอยระมัดระวังมิให้ตัวหนอนคือ โลภ โกรธ หลง มากัดกิน
4. ถ้าเป็นโลกแล้ว จะมีแต่ส่งออกไปข้างนอกตลอดเวลา แต่ถ้าคิดสิ่งที่เป็นธรรมแล้ว ต้องวกกลับเข้ามาหาตัวเอง เพราะธรรมแท้ๆ ย่อมเกิดในตัวของเรานี้ทั้งนั้น
5. “โลกเท่าแผ่นดิน ธรรมเท่าปลายเข็ม”
เรื่องโลกมีแต่เรื่องยุ่งของคนอื่นทั้งนั้นไม่มีที่สิ้นสุด เราไปแก้ ไขเขาไม่ได้ ส่วนเรื่องธรรมนั้นมีที่สุด มาจบที่ตัวเรา ให้มาไล่ดูตัวเอง แก้ไขที่ตัวเราเอง... ตนของตนเตือนตนด้วยตนเอง
6. ให้พยายามภาวนาไว้เรื่อยๆ ไม่ว่ายืน เดิน นั่ง นอน ทำได้ตลอดเวลาถ้าเราจะทำ ดีกว่านั่งร้องเพลง จะซักผ้า หุงข้าว ต้มแกง นั่งรถ ทำได้ทั้งนั้น เขาเรียกว่า พยายามเกลี่ยจิตใจให้เข้าที่ ถ้าจะรอเวลาปฏิบัติ (นั่งสมาธิภาวนา) ทีเดียวมันยาก เพราะจิตมันแตกมาตลอดวัน
7. ของดีอยู่ที่ตัวเรา ให้หมั่นดูจิต รักษาจิต
8. คนดีน่ะ เขาไม่ตีใคร
9. ศีล สมาธิ ปัญญา ก็เหมือนรสแกงส้ม
ศีล เปรียบได้กับรสเปรี้ยว ความเปรี้ยวทำหน้าที่กัดกร่อนความสกปรกออก ทำนองเดียวกัน ศีลจะช่วยขัดเกลาความหยาบออกจากทางกาย วาจา ใจ
สมาธิ เปรียบได้กับรสเค็ม เพราะความเค็มช่วยรักษาอาหารต่างๆ ไม่ให้เน่าเสีย สมาธิก็เหมือนกัน สามารถรักษาจิตของเราให้ตั้งมั่นอยู่ในคุณงามความดีได้
ปัญญา เปรียบได้กับรสเผ็ด เพราะปัญญามีลักษณะคิด อ่าน ตริตรอง โลดแล่นไป เพื่อขจัดอวิชชาความหลง
10. การปฏิบัติ ถ้าอยากเป็นเร็วๆ มันก็ไม่เป็น หรือไม่อยากให้เป็น มันก็ประมาทเสีย เลยไม่เป็นอีกเหมือนกัน อยากเป็นก็ไม่ว่า ไม่อยากเป็นก็ไม่ว่า ทำใจให้เป็นกลางๆ ตั้งใจให้แน่วแน่ในกรรมฐานที่ตั้งไว้ ภาวนาเรื่อยไป เหมือนกับเรากินข้าว ไม่ต้องอยากให้มันอิ่ม ค่อยๆ กินไป มันก็อิ่มเอง ภาวนาก็เช่นกัน ไม่ต้องไปคาดหวังให้มันสงบ หน้าที่ของเราคือภาวนาไป ก็จะถึงของดีของวิเศษในตัว แล้วเราจะรู้ชัดว่าอะไรเป็นอะไร ให้หมั่นทำเรื่อยไป
11. รวยกับซวยมันใกล้กันนะ จะเอารวยน่ะ จะหามายังไงก็ทุกข์ กลัวคนจะมาจี้มาปล้น หมดไปก็เป็นทุกข์อีก ไปคิดดูเถอะ มันไม่จบหรอก มีแต่เรื่องยุ่ง เอา “ดี” ดีกว่า
12. ความสำเร็จนั้น มิใช่อยู่ที่การสวดมนต์อ้อนวอนพระเจ้าหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาประทานให้ หากแต่ต้องลงมือทำด้วยตนเอง ถ้าตั้งใจทำตามแบบแล้วทุกอย่าง รับรองว่าต้องสำเร็จ ไม่ใช่จะสำเร็จ พระพุทธเจ้าท่านวางแบบเอาไว้แล้ว ครูบาอาจารย์ทุกองค์มีพระพุทธเจ้าเป็นที่สุด ก็ได้ทำตามแบบ เป็นตัวอย่างให้เราดูอัฐิของท่านก็เลยกลายเป็นพระธาตุกันหมด
13. รอให้แก่เฒ่าหรือจวนตัวแล้วจึงสนใจภาวนา ก็เหมือนคนหัดว่ายน้ำตอนเรือหรือแพใกล้แตก มันจะไม่ทันการณ์
14. ที่ว่านิมิต แสงสว่างเป็นกิเลสก็ถูก แต่เบื้องแรกต้องอาศัยกิเลสไปละกิเลส (อาศัยกิเลสละเอียดไปละกิเลสอย่างหยาบ) แต่ไม่ได้ให้ติดแสงสว่างหรือหลงแสงสว่าง ท่านให้ใช้แสงสว่างให้ถูก ให้เกิดประโยชน์เหมือนอย่างกับเราเดินทางผ่านไปในที่มืด ก็ต้องอาศัยแสงไฟช่วยนำทาง หรืออย่างว่าเราจะข้ามแม่น้ำ ก็ต้องอาศัยเรือ อาศัยแพ เมื่อถึงฝั่งแล้ว เราจะแบกเรือแบกแพขึ้นฝั่งไปด้วยทำไม
15. อย่าต้มน้ำทิ้งเปล่า ๆ โดยไม่ได้เอาน้ำร้อนไปใช้ประโยชน์ (หมายถึงอย่าเอาแต่ทำสมาธิโดยไม่พิจารณาธรรม)
16. อย่าปฏิบัติแบบไฟไหม้ฟาง (หมายถึงไหม้วูบเดียวแล้วก็ดับ กล่าวคือ ขยันก็ทำ ขี้เกียจก็หยุด อย่างนี้ใช้ไม่ได้ ต้องทำ (ปฏิบัติธรรม) ให้สม่ำเสมอให้ได้ทั้งในยามขยันและขี้เกียจ)
17. ให้หาพระเก่าให้พบ นี่ซิ ของแท้ ของดีจริง ก็หมายถึงพระพุทธเจ้าน่ะซิ นั่น ท่านเป็นพระเก่า พระโบราณ พระองค์แรกที่สุด


*** ปัจฉิมโอวาท ***

ในช่วงที่หลวงปู่อาพาธมากนั้น ลูกศิษย์โดยมากมักไม่ทราบ เพราะท่านวางตัวเป็นปรกติธรรมดา หลวงปู่ท่านจะปฏิเสธการไปพบแพทย์มาโดยตลอด และท่านก็ไม่เคยเดินทางไปรับการรักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลเลยแม้วาระสุดท้ายแห่งสังขารขันธ์ของท่านก็ตาม ในเรื่องนี้ แม้ครูบาอาจารย์ในสายกรรมฐานจำนวนมากก็มีปฏิปทาเช่นนั้น ท่านจะไม่ฝืนสังขาร ที่สำคัญ ท่านพยายามที่จะไม่เป็นภาระรบกวนญาติโยม โดยจะขอใช้วาระสุดท้ายแห่งชีวิตด้วยการเตรียมจิตเงียบ ๆ อยู่ที่กุฏิของท่าน
หลวงปู่ได้กล่าวกับศิษย์ที่มากราบนมัสการท่าน (ซึ่งเป็นคืนสุดท้าย) ให้ทราบด้วยใบหน้าปรกติว่า "ไม่มีส่วนใดในร่างกายข้าที่ไม่เจ็บปวดเลย ถ้าเป็นคนอื่นคงเข้าห้องไอซียูไปนานแล้ว" ท่านยังบอกอีกด้วยว่า "ข้าจะไปแล้วนะ" สุดท้ายของการสนทนา หลวงปู่ยังได้เมตตาอบรมสั่งสอนซึ่งเป็นเหมือนดั่งปัจฉิมโอวาทว่า "ถึงอย่างไรก็อย่าได้ทิ้งการปฏิบัติ นักปฏิบัติก็เป็นเหมือนนักมวย เมื่อขึ้นเวทีแล้วก็ต้องชก อย่ามัวแต่ตั้งท่าเงอะ ๆ งะ ๆ " แม้ว่าหลวงปู่จะละสังขารไปแล้วก็ตาม แต่ด้วยขันติธรรมและจิตใจอันเด็ดเดี่ยวที่ท่านได้กระทำให้ศิษย์ได้เห็นโดยเอาองค์ท่านเองเป็นแบบอย่างนั้น จะเป็นแรงบันดาลใจให้แก่ศิษย์ทั้งหลายได้ตระหนักในคำพูดของท่านที่ว่า "การจะปฏิบัติให้รู้ธรรม เห็นธรรม ต้องทำจริง ...จะได้ อยู่ที่ทำจริง"

พระเครื่องที่เกี่ยวข้องในร้านค้านี้...

อื่นๆ...

กำหลังโหลด Comments
Top