หัวข้อ: ขายพระบาปหรือไม่ ? : โดย...คีบอร์ดทองคำ
กระทู้ และ ความคิดเห็นต่างๆ
เรื่อง ขายพระบาปหรือไม่ ?
ในทางพระพุทธศาสนาแล้ว พระท่านสอนไว้ว่า บาป บุญ คุณ โทษ มีจริง นรก สวรรค์ มีจริง พระนิพพานมีจริง ให้มนุษย์รีบสร้างบารมี ทำบุญ ภาวนา รักษาศีล ให้ทาน อย่าปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์ ชาวพุทธอย่างเราจึงมีข้อสงสัยว่า หากเราขายพระนั้นจะบาปหรือไม่
คำถามนี้ ผู้เขียนเกิดความสงสัยขึ้น ระหว่างการสนทนาในกลุ่มเพื่อนด้วยกัน โดยมีบทสนทนาว่า “การขายพระเปรียบเสมือนหากินกับพระนั้นแล มันบาป” เมื่อบทสนทนาจบลง จึงกลายเป็นเสียงสะท้อนกึกก้องอยู่ในความคิดให้เกิดข้อสงสัย และอยากทราบว่าตกลงแล้วความจริงเป็นอย่างไรกัน
ผู้เขียนจึง สอบถามความเห็นทางญาติผู้ใหญ่หลายๆท่าน รวมถึงค้นคว้าข้อมูลเพิ่มเติม ว่าแท้จริงแล้วตกลงการกระทำลักษณะนี้ถือว่าเป็นบาปหรือไม่
บางความเห็น ท่านถือว่าการกระทำลักษณะนี้ เป็นบาป เนื่องจากพระเครื่องไม่ว่าจะเป็น พระบูชา พระพุทธรูป เหรียญต่างๆ นั้นเปรียบดั่งพระพุทธองค์ หรือพระสงฆ์องค์เจ้า จุดประสงค์ที่สร้างเพื่อให้เอาไว้เคารพบูชา และคอยเตือนสติไม่ให้กระทำบาป ไม่ควรที่จะทำธุรกรรมแบบเชิงพุทธพาณิชย์ เพราะวิถีพุทธพาณิชย์ไม่ใช่วิถีทางแห่งปัญญา และยังนำพาไปสู่วิถีแห่งกิเลสตัณหาอีกด้วย
แต่บางความเห็น ท่านถือว่ากระทำได้ บาปหรือไม่นั้น ควรดูที่เจตนาเป็นหลัก หากมีเจตนาที่ดี มีการส่งเสริม เผยแพร่ พระพุทธศาสนาก็ถือเป็นเรื่องดี ไม่ถือว่าบาป
แล้วถ้าถามว่า การทำธุรกรรมเกี่ยวกับพระเครื่อง หรือนำมาประกอบอาชีพเพื่อดำรงอยู่ จะถือว่าเป็นบาปไหม?
ในส่วนนี้คงอยู่ที่ว่าเจตนาอย่างไร หากนำมาประกอบอาชีพบนพื้นฐาน ซื่อสัตย์ สุจริต ไม่คดโกง หลอกลวงผู้อื่น ถือเป็นเจตนาดีไม่เกิดโทษ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นการ สนับสนุน เผยแพร่ อนุรักษ์ พระพุทธศาสนาในทางอ้อม ให้ผู้คนหันมาสนใจศรัทธาในพระพุทธศาสนามากขึ้น ถึงแม้ไม่ถูกต้องตามหลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา แต่ถ้าอยู่บนพื้นฐานของศีลธรรม ไม่ทำให้ใครเดือนร้อน ก็คงไม่เสียหายอะไร
ผู้เขียนจึงมีความเห็นว่า การทำธุรกรรมลักษณะนี้ “ไม่บาป” หากเกิดจากความเต็มใจทั้งสองฝ่าย โดยที่ผู้ขายไม่ได้หลอกขายพระเก๊ หลอกลวงผู้อื่น
แล้วมุมมองผู้อ่าน มีความเห็นกันอย่างไรกับมุมมองเรื่องนี้บ้าง
บาปหรือไม่บาป....ขึ้นอยู่ที่จิตที่เจตนาไปทางใด..
เหมาะสมหรือไม่......ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจที่ดีหรือไม่ดี
ผมเองรู้สึกบาปครับ ลึกๆรู้สึกไม่ถูกต้อง คล้ายซื้อขายท่านยังไงไม่รู้(ลองคิดว่าท่านเป็นคน คงนึกภาพออก) และที่คิดว่าบาปเพราะ เกิด กิเลส ครับ ยอมรับว่า เช่าพระมา ชอบพระมา ตามกระแส เช่น หลวงพ่อเดิมก็อยากได้ หลวงพ่อพรหมก็อยากได้ ทั้งๆที่ก็ไม่เคยได้ประสบพบเจอท่าน เห้อไปตามค่านิยม ทั้งๆที่กำลังเราน้อย ทำให้ต้องลำบากในบางจังหวะของชีวิต(ทำตัวเราลำบากก็ถือว่าบาปเหมือนการฆ่าตัวตายนะครับ)เพราะอยากห้อยองค์ที่คนรู้จัก ห้อยพระให้คนทัก (หลายท่านน่าจะเป็น อิอิ) จะอ้างว่าเข้าสังคมหนึ่งก็ได้นะครับ แต่ก็อวดอ้าง พระ กันอยู่ดี แต่ที่ยังเช่าอยู่ก็เพราะ ไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน และ ข้อดีก็มากกว่าเสียครับ เผยแผ่ศาสนาทางอ้อมด้วยครับ ที่กล่าวมาเป็นการ ซื้อขาย แบบไม่คตโกงนะครับ ที่โกงกันก็บาปแน่นอนครับ
มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมเช่าอยู่และ เยอะคือ ยังไงผมก็ซื้อของสวยงามเพื่อแต่งตัวเป็นเครื่องประดับอยู่แล้ว ผมจึงเลือกเช่าพระ ดีกว่า ได้ทั้งพุทธคุณ สิ่งเตือนใจให้ไม่ให้ทำชั่ว(เกรงใจท่าน) และสวยด้วย
***ผมยอมรับว่าพระเป็นเครื่องประดับชิ้นหนึ่งในตัวผม แต่ความสวยงามนี้เป็นสิ่งพลอยได้จากพุทธคุณเท่านั้นครับผม ***
มีทั้งบุญและบาปครับ
สัมมาอาชีวะเป็นหนึ่งในมรรค 8 หรือ มรรคมีองค์แปด
- เลี้ยงชีพชอบ หมายถึงการทำมาหากินด้วยอาชีพที่สุจริต
- ฆราวาส สัมมาอาชีวะ หมายถึง การเว้นมิจฉาอาชีวะ อันได้แก่ การเลี้ยงชีพไม่ชอบ คือการแสวงหาปัจจัยมาบริโภคที่มิชอบ คือการโกงหรือหลอกลวง เว้นการประจบสอพลอ การบีบบังคับขู่เข็ญ และการต่อลาภด้วยลาภ หรือก็คือการแสวงหาลาภโดยไม่ประกอบด้วยความเพียร (สัมมาวายามะ ) คือขี้เกียจ อยากได้มาง่ายๆโดยไม่อาศัยกำลังแห่งสติปัญญาและแรงกาย ซ้ำโลภจนไม่ชอบธรรม เช่น เบียดเบียนลูกจ้าง และทำลายสิ่งแวดล้อม สังคม เพื่ออย่างได้มาก เสียให้น้อย
- รวมถึงการไม่ประกอบมิจฉาอาชีวะ 5 ประเภท ดังนี้
- สัตถวณิชชา คือ การขายอาวุธ ได้แก่ อาวุธปืน อาวุธเคมี ระเบิด นิวเคลียร์ อาวุธอื่น ๆ เป็นต้น อาวุธเหล่านี้หากมีเจตนาเพื่อทำร้ายกัน จะก่อให้เกิดการทำลายล้างซึ่งกันและกัน โลกจะไม่เกิดสันติสุข
- สัตตวณิชชา หมายถึง การค้าขายมนุษย์ ได้แก่ การค้าขายเด็ก การค้าทาส ตลอดจนการใช้แรงงานเด็กและสตรีอย่างทารุณ รวมถึงการขายตัวหรือขายบริการทางเพศทั้งของตัวเองและผุ้อื่น
- มังสวณิชชา หมายถึง ค้าขายสัตว์เป็น สำหรับฆ่าเพื่อเป็นอาหารเป็นการส่งเสริมให้ทำผิดศีลข้อที่ 1 คือการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต
- มัชชวณิชชา หมายถึง การค้าขายน้ำเมา ตลอดจนการค้าสารเสพติดทุกชนิด รวมถึงการเสพเอง
- วิสวณิชชา หมายถึง การค้าขายยาพิษ ซึ่งเป็นอันตรายต่อผู้ใช้ รวมทั้งเป็นอันตรายต่อสัตว์
บรรพชิต (นักบวช)สัมมาอาชีวะ หมายถึง การใช้ชีวิตด้วยการบริโภคปัจจัยสี่ อย่างมักน้อย เท่าที่จำเป็น ถ้าเป็นนักบวชที่อยู่ด้วยการขอ ต้องรักษาปัจจัยสี่ของทายกอย่างดี เพื่อให้คุ้มค่าต่อผู้ให้ ไม่เบียดเบียน และไม่เสพสิ่งที่นอกเหนือจากปัจจัยสี่โดยไม่จำเป็นเช่นกามคุณ 5 เพราะแม้ไม่เสพกามคุณ มนุษย์ก็สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ สัมมาอาชีวะของผู้บวชคือไม่เสพบริโภคเกินจำเป็น เช่น ดูการละเล่น แต่งตัว เป็นต้น
บาป หมายถึง สิ่งที่ทำให้จิตใจเสีย คือมีคุณภาพต่ำลง ไม่ว่าจะเสียในแง่ใดล้วนเรียกว่าบาปทั้งสิ้น สิ่งที่ทำแล้วเป็นบาป คือ อกุศลกรรมบถ 10 ได้แก่
- 1.ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต
- 2.ลักทรัพย์
- 3.ประพฤติผิดในกาม
- 4.พูดเท็จ
- 5.พูดส่อเสียด
- 6.พูดคำหยาบ
- 7.พูดเพ้อเจ้อ
- 8.คิดโลภมาก
- 9.คิดพยาบาท
- 10.มีความเห็นผิด
"นตฺถิ ปาปํ อกุพฺพโต บาปย่อมไม่มีแก่บุคคลผู้ไม่ทำบาป"
อีกนัยหนึ่ง บาปหมายถึงสิ่งที่มนุษย์นั้นไม่ควรกระทำ ไม่ว่าด้วยทาง กาย วาจา หรือใจ เพราะเป็นสิ่งที่พึงจะนำทุกข์ มาแก่ตนและผู้อื่น
ต้องดูที่เจตนาของพวกเราเองครับ. อะไรที่เรานิยมชมชอบก็มีคุณค่าไม่ว่าแก้ว แร่ธาตุต่างๆ กระดาษ. แต่มนุษย์เป็นสัตว์ที่ฉลาดกว่าสัตว์ต่างๆในโลกนี้. ฉะนั้นถ้าพวกเรามีศีล5ประจำตัว. ก็ไม่ปาบแล้วครับ
ต้องดูที่เจตนาของพวกเราเองครับ. อะไรที่เรานิยมชมชอบก็มีคุณค่าไม่ว่าแก้ว แร่ธาตุต่างๆ กระดาษ. แต่มนุษย์เป็นสัตว์ที่ฉลาดกว่าสัตว์ต่างๆในโลกนี้. ฉะนั้นถ้าพวกเรามีศีล5ประจำตัว. ก็ไม่ปาบแล้วครับ
เจตนาดี...คิดดี...ทำดี...ไม่มีบาป...
ผมว่าบาป ใครกลัวบาปส่งมาให้ผม ผมยินดีรับมันไว้
-----------------------------------------------------------------
ขอแสดงความเห็นบ้าง
ถ้าเป็นสมัยก่อนในยุคของพระกรุ ผมยอมรับเลยว่าพระเครื่องนั้นเปรียบเสมือนตัวแทนของศาสนานั้นๆ
มีบูชาไว้เพื่อให้ระลึกถึงศาสนา เป็นที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจ ผู้จัดสร้างไม่ได้มีไว้ขาย แต่จะแจกจ่ายให้กับคนที่นับถือ
ต่างจากยุคปัจจุบันที่จัดสร้างขึ้นในโอกาศต่างๆ มีทั้งแจกและจำหน่าย แต่ส่วนมากจะเน้นไปทางจำหน่ายมากกว่า
เวลาคุณเห็นพระเครื่องคุณนึกถึงอะไร แน่นอนที่สุดคือ " หลวงพ่ออะไร "
ถามคนที่บูชาติดตัว บูชาเพื่ออะไร แน่นอนที่สุดคือ " หวังพึ่งพุธคุณ "
ผมยากให้มองว่า นี่มันคนละยุค คนละสมัยกัน สิ่งทีควรทำคือทำผิดให้น้อยที่สุด
ขอโทษนะครับผมน้องใหม่ครับการทำบูญมีหลากหลายวิธีครับและการสืบทอดพระพูธศาสนาก็มีหลากหลายแบบการสร้างพระก็คือการสืบทอดพระพูธศาสนาครับ
แต่การเช่าบูชาพระผมว่าเป็นการเคารพศรัสธาในหลวงพ่อทีเรานับถือนะครับ 2.เช่าเพราะอยากได้อยากมีตามทีเขามีเขานิยมเพราะใจเราชอบอยู่แล้วแต่ความรู้ไมมีส่วนมากจะเดิน
ซื้อตามแผงทั้วไปเหมือนผมนะครับดูรูปตามหนังสือพระดูคล้ายๆในหนังสือแถมเจอนิยายหน่อยจากคนขายเป็นโดนครับ3.ผมซื้อจากความพอใจผมเองโดยไม่ต้องให้คนขายรับประกันถึงเก้ก็ไมบาปครับแถมได้บูญทีเงินเราได้ให้เขาได้ใช้ประโยชย์ให้ครอบครัวเขากินอิมให้เขาได้มีเงินเทียวให้ความสูขแก่ตัวเอง4.ผมว่าข้อนี้ต้องคิดให้มากๆเพราะการให่เช้าพระในเวฟในร้านทีมีคนนิยมมากๆเช่นเวฟนี้ทีเขามีกฏกติกาความซื้อสัตยิ์ความรับผิดชอบผู้คนนับถือเชื่อใจลูกค้าใว้ใจเพราะฉะนั้นลูกค้าทีเช่าบูชาพระก็ต้องการพระแท้ตามมาตรฐานสากลเขาเชื่อใจ คนขายต้องรับผิดชอบเพราะมันไม่ใช่ร้านค้าทีอยู่ตามข้างทางทีไครๆก็เดินเช่าบูชาได้5.ผลสุดท้ายทีมาของการเช่าบูชาพระถึงจะแพงแค่ใหนหายากแค่ใหนยอมเสือเงินมากมายเช่าบูชายอมทะเลาะกับเมียเพราะอะไรก็เพราะแรงศรัสธาไงครับสิ่งทีศรัสธาเหนือสิงไดก็คือพูธคุณในพระองค์นั้นๆและพูธศาสนาของศาสนาพูธ6.สรุปผมคิดว่าขายพระไมบาปครับจะบาปตรงทีทำอะไรทั้งที้รู้อยู่แก่ใจแล้วทำนะบาปครับผมขอฝากตัวนะครับผิดพลาดประการไดอะโหสิให้ผมนะครับขอโทษมานะทีนี้ด้วยครับ(กรุณาช้วยเช็กพระให้ผมด้วยนะครับขอบคุณครับ)
ขายพระปล่อยพระ ไม่ได้เบียดเบียนใคร ทำร้าย ไม่ได้ผิดศีล 5 ทุกวันนี้ส่วนใหญ่การซื้อขายพระเครื่องเป็นสากลแล้ว แต่หากว่าปล่อยพระแบบหลอกลวงต้มตุ่นผู้ซื้ออันนี้ผมว่าบาปแน่ๆ
พระเครื่องเป็นของสูง มีความศักดิ์สิทธิ์ การแลกเปลี่ยนโดยใช้เงิน (ซื้อ-ขาย) ประหนึ่งพระเครื่องเป็นสินค้า ในสายตาคนฟังมันดูไม่ดี ยิ่งทุกวันนี้วิวัฒนาการมันไปไกล มีโตะ แผง ศูนย์พระเครื่อง หรือตลาดพระเครื่องเต็มไปหมดทั่วประเทศไทย
เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไปและจะยังไม่หยุดอยู่เพียงแค่นี้ จึงต้องอยู่ที่ ใจ คนถ้าทำดี คิดดี ไม่บาปหรอก
บาป กะ ไม่บาป แท้ กะ ไม่แท้...เทียบเหมือนซื้อหวย ละกัน....ลงทุน 80บาท โชคดี ได้ 4000000บาท
บาป หรือไม่อยู่ที่เจตนา ว่ามีความโลภเข้ามาครอบงำด้วยหรือเปล่า ..
เช่น พระสมเด็จ ของแท้ ราคาแพงมาก อยากได้ เพราะ ราคาแพง ไม่ใช่อยากได้เพราะ ศัทธา นี้ก็ 1 บาป ..
เห็นว่าพระสมเด็จราคาแพง จึงหาพระเก๊ มาหลอกขายเพื่อให้ได้ เงินเข้ากระเป๋าเยอะๆ เพราะความโลภเข้าครอบงำ นี้ก็ บาป ที่ 2 จากเจตนาไม่ดี
หาพระ เก๊ มาเพื่อค้ากำไรเกินควรก็ เป็นการปรามาศพระพุทธเจ้า .. นี้ก็บาปที่ 3
ซึ่งหนักมากๆ ที่มีชีวิตอยู่อาจจะอยู่ไม่เป็นสุข .. อยู่แบบระวังตัวเองตลอด
แต่ผมว่าอยู่ที่เจตนาครับ เรา ศัทธา แต่หาไม่ได้ ตราบไดที่ คนถือครองยังมีความอยากอยู่ ขอเฉยเขาคงไม่ให้ เราก็ต้องขอซื้อครับ
ผมชอบ กท. นี้ครับ ผมให้ +1
ในพุทธพจน์มีแสดงไว้ว่า เจตนาเป็นกรรม มนุษย์คิดแล้วจึงกระทำด้วยกาย วาจา ใจ ครับ
ถ้าเจตนาดี เป็นความพอใจของคน 2 คน ระหว่างผู้ให้เช่าและผู้เช่า โดยทั้ง 2 ฝ่ายให้ความจริงใจ ไม่หลอกลวงกัน ก็ไม่บาปครับ ผู้ศรัทธาจะได้มีทางเลือกมีโอกาสนำไปบูชาเป็นมงคลกับตนเองต่อไป
แต่ถ้าหากินกับพระ ไปหลอกไปลวงพระให้สร้างเสก แล้วเอาแต่ผลประโยชน์เข้าตัว ไปเอาพระปลอมมาขาย ไม่พอใจอะไรคุยกันอย่างออมชอมไม่ได้ อย่างนี้มีโทษแฝงอยู่จนถึงขั้นบาปแน่นอนครับ
ขอบคุณครับ
ถ้าหากการขายพระเป็นบาป
ผมต้องถามว่า หากเราศรัทธาสมเด็จโต จึงอยากบูชาของที่ท่านสร้าง
แต่ก็ขายพระเป็นบาป เราจะมีโอกาสบูชาพระสมเด็จไหม
เจ้าของที่ไหนจะยอมให้เรานำไปบูชาฟรีๆ
พระมีมูลค่าสูง เป็นเครื่องพิสูจน์ความศรัทธาและความศักดิ์สิทธิ์
ทุกคนก็แสวงหา ราคาย่อมต้องสูงเป็นธรรมดา
เมื่อเราเช่าบูชามาด้วยราคาที่สูงแล้ว
ถึงวันนึง ถ้าเราเดือดร้อนเรื่องเงินทอง
หรือประสงค์จะปล่อย เพื่อเช่าพระองค์อื่น
จะบาปยังไง หรือต้องให้คนอื่นต่อไปฟรีๆ เท่านั้น
ปล. ผมเป็นผู้ซื้อ เป็นนักสะสม แสดงความเห็นด้วยความบริสุทธิ์ใจ
ไม่เคยมีร้านขายพระ แต่ก็เคยแลกพระ และมีพรรคพวกขอแบ่งไปใช้
ซึ่งถ้ามีมากกว่าหนึ่ง ก็แบ่งให้ แล้วก็เช่าองค์อื่นต่อไป
ถ้าการขายพระบาป สะสมอยู่ดีๆ ก็บาปแล้ว แย่เลย
กระทำด้วยจิตใจที่ดี ก็ไม่น่าจะบาป หากโลภ หวังเอากำไรสูงๆ เหมือนจะเข้าข่ายไหมครับ