หัวข้อ: ขายพระบาปหรือไม่ ? : โดย...คีบอร์ดทองคำ
กระทู้ และ ความคิดเห็นต่างๆ
เรื่อง ขายพระบาปหรือไม่ ?
ในทางพระพุทธศาสนาแล้ว พระท่านสอนไว้ว่า บาป บุญ คุณ โทษ มีจริง นรก สวรรค์ มีจริง พระนิพพานมีจริง ให้มนุษย์รีบสร้างบารมี ทำบุญ ภาวนา รักษาศีล ให้ทาน อย่าปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์ ชาวพุทธอย่างเราจึงมีข้อสงสัยว่า หากเราขายพระนั้นจะบาปหรือไม่
คำถามนี้ ผู้เขียนเกิดความสงสัยขึ้น ระหว่างการสนทนาในกลุ่มเพื่อนด้วยกัน โดยมีบทสนทนาว่า “การขายพระเปรียบเสมือนหากินกับพระนั้นแล มันบาป” เมื่อบทสนทนาจบลง จึงกลายเป็นเสียงสะท้อนกึกก้องอยู่ในความคิดให้เกิดข้อสงสัย และอยากทราบว่าตกลงแล้วความจริงเป็นอย่างไรกัน
ผู้เขียนจึง สอบถามความเห็นทางญาติผู้ใหญ่หลายๆท่าน รวมถึงค้นคว้าข้อมูลเพิ่มเติม ว่าแท้จริงแล้วตกลงการกระทำลักษณะนี้ถือว่าเป็นบาปหรือไม่
บางความเห็น ท่านถือว่าการกระทำลักษณะนี้ เป็นบาป เนื่องจากพระเครื่องไม่ว่าจะเป็น พระบูชา พระพุทธรูป เหรียญต่างๆ นั้นเปรียบดั่งพระพุทธองค์ หรือพระสงฆ์องค์เจ้า จุดประสงค์ที่สร้างเพื่อให้เอาไว้เคารพบูชา และคอยเตือนสติไม่ให้กระทำบาป ไม่ควรที่จะทำธุรกรรมแบบเชิงพุทธพาณิชย์ เพราะวิถีพุทธพาณิชย์ไม่ใช่วิถีทางแห่งปัญญา และยังนำพาไปสู่วิถีแห่งกิเลสตัณหาอีกด้วย
แต่บางความเห็น ท่านถือว่ากระทำได้ บาปหรือไม่นั้น ควรดูที่เจตนาเป็นหลัก หากมีเจตนาที่ดี มีการส่งเสริม เผยแพร่ พระพุทธศาสนาก็ถือเป็นเรื่องดี ไม่ถือว่าบาป
แล้วถ้าถามว่า การทำธุรกรรมเกี่ยวกับพระเครื่อง หรือนำมาประกอบอาชีพเพื่อดำรงอยู่ จะถือว่าเป็นบาปไหม?
ในส่วนนี้คงอยู่ที่ว่าเจตนาอย่างไร หากนำมาประกอบอาชีพบนพื้นฐาน ซื่อสัตย์ สุจริต ไม่คดโกง หลอกลวงผู้อื่น ถือเป็นเจตนาดีไม่เกิดโทษ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นการ สนับสนุน เผยแพร่ อนุรักษ์ พระพุทธศาสนาในทางอ้อม ให้ผู้คนหันมาสนใจศรัทธาในพระพุทธศาสนามากขึ้น ถึงแม้ไม่ถูกต้องตามหลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา แต่ถ้าอยู่บนพื้นฐานของศีลธรรม ไม่ทำให้ใครเดือนร้อน ก็คงไม่เสียหายอะไร
ผู้เขียนจึงมีความเห็นว่า การทำธุรกรรมลักษณะนี้ “ไม่บาป” หากเกิดจากความเต็มใจทั้งสองฝ่าย โดยที่ผู้ขายไม่ได้หลอกขายพระเก๊ หลอกลวงผู้อื่น
แล้วมุมมองผู้อ่าน มีความเห็นกันอย่างไรกับมุมมองเรื่องนี้บ้าง
หากมีอะไร ติชม หรืออยากให้นำเสนอเรื่องไหนเป็นพิเศษ สามารถส่งมาได้ที่ 99gold.keyboard@gmail.com หรือ MessageBox ยินดีรับฟังทุกความคิดเห็นเพื่อให้เกิดประโยชน์ี่สูงสุดบนพื้นฐานของความ เป็นจริง
คีบอร์ดทองคำ
..บาป..เกิดจากการมีเจตนาหรือไม่..
บทความ ของท่านเป็นประโยชน์มากครับ.
ขายพระเก๊บาป...แต่ขายพระแท้ไม่บาปครับ
เหตุผลส่วนหนึ่งของผมมีดังนี้.........
.-------.ขายพระเก๊ทั้งๆที่รู้..บาป ครับทำให้ผู้ศรัทธามุ่งมั่นแต่ได้ของปลอม และผลกระทบต่อไปอาจทำให้ผู้ศรัทธาเสื่อมศรัทธาทั้งพระทั้งคนครับ
จนบางครั้งเคยได้ยินว่า "วงการนี้แย่มาก!!!" ..หรืออีกคำที่ได้ยินคือ "ไม่คล้องมันแล้วพระ หาของแท้ไม่ได้เลย"
เหล่านี้เกิดจากโดนหลอกขายของเก๊ให้..จึงแสดงความเห็นว่าถ้าขายของเก๊..บาปแน่นอนครับ
----ถ้าขายของแท้จะบาปได้อย่างไรเมื่อผู้ศรัทธาบางท่านไม่สามารถหาพระได้ จึงมาหาเช่าซื้อไปบูชากราบไหว้ขึ้นคอ
ผู้ศรัทธาก็สบายใจเข้าวัดทำบุญพร้อมพระองค์งามที่ห้อยอยู่อย่างภาคภูมิใจ(เคยเป็นกันใช่มั๊ยครับ) บางท่านถึงกับไปค้นที่มาติดตามไปที่วัดก็มี
พร้อมกับทำบุญพัฒนาวัดนั้นๆ เป็นการส่งเสริมพระพุทธศาสนาอีกทางหนึ่งด้วยซ้ำไป...
..นี่คือความเห็นส่วนตัวนะครับ...........
บาปหรือบุญอยู่ที่ใจคนครับ ขอให้ยึดมั่นในแนวทางที่ดีจริงไม่บาปครับ ขายของพระแท้ได้เพื่อนเยอะครับ ขายพระแก๊ไม่มีคนคบ
ขายพระเป็น "สัมมาชีพ" เลี้ยงชีพชอบครับ (ถ้าไม่หลอกลวง ไม่เบียดเบียนใคร)
ยิ่งไปกว่านั้น ยังเป็นการเผยแผ่พระพุทธศาสนาอีกด้วย คงจำกันได้เมื่อก่อนไม่แขวนพระ กับเดี๋ยวนี้ส่องพระทุกวัน ความคิดเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาเปลี่ยนไปใช่ไหมครับ
เดี๋ยวนี้ทำบุญมากขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก และทำบุญเป็น ทำด้วยความเต็มใจ และทำถูกวิธีด้วย
แสดงว่าพอมาเล่นพระ ก็เป็นพุทธมามกะ ที่ดีกว่าเก่าครับ
อืม.... มีคนเคยถามผมเหมือนกัน อึ้งตอบไม่ถูกเลย กระทู้นี้เป็นข้อคิดที่ดีครับ ขอบคุณครับ....
ผมก็เห็นด้วยครับการที่เราเป็นสื่อกลางให้กับคนที่เขาอยากได้ของแท้ไปห้อยบูชา ไม่ถือว่าเป็นบาปเพราะเราไม่ได้เอาพระเก๊ไปหลอกเขา เขาดูไม่เป็นว่าเก๊หรือแท้ แต่เราช่วยเขาเป็นตาให้เขา และเขาก็ตอบแทนด้วยเงินกำไร ได้ทั้งสองฝ่ายครับ
ไม่บาป...เพราะถือว่าเป็นการ เผยแผ่พุทธศาสนา อีกทางหนึ่ง ครับ
ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ที่เจตนาของผู้กระทำครับ...oti88
ทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นอยู่ที่เจตนาเป็นหลักครับ ทำเช่นไรได้เช่นนั้นครับ
ถามว่าบาปหรือไม่
คงไม่มีใครตอบได้ชัดเจนนอกจากตัวตนของเราเอง ทุกอย่างอยู่ที่การกระทำเจตนาที่เราทำ "สำคัญที่ใจ"
ยกตัวอย่าง
ถ้าเราเดินในสนามพระเห็นพระเครื่ององค์หนึ่ง เราเช่ามาแบบวัดใจว่าน่าจะแท้ ซึ่งเราเช่ามา(ซื้อมา)ในราคาหลักร้อย และนำไปเช็คแล้วเป็นพระแท้ และก็เราเอาไปจำหน่ายหลักพันหลักหมื่นคุณตอบได้หรือป่าว ว่าบาปหรือไม่
ทุกสิ่งล้วนเป็นไปตามสังคม+ความนิยม แต่ถ้าบุคคลประเภทที่รู้อยู่แล้วว่าพระในมือเราเก๊แล้วยังไปขายในราคาพระแท้หรืออ้างว่าแท้แล้วละก็ นันล่ะคนโกง ซึ่งก็มีบทเรียนใน เว็ปพระไปหลายท่านนี้
ปัจจุบันสังคมเริ่มเปลี่ยนไปแม่แต่พระเกจิเองทั้งยังมองหาทุนในการจัดสร้างวัดโดยการสร้างพระและก็มีผู้อาสารับไปออกแบบจัดสร้างพร้อมจัดพิธี ขายใบจองพร้อมนำเงินให้พระเกจิส่วนหนึ่ง แบบนี้ บาปหรือป่าวครับ หรือว่าเป็นธุระกิจ ทางวัตถุมงคล
ขออนุญาติแสดงความคิดเห็นจากเด็กรุ่นใหม่ครับ ขออภัยถ้าความคิดเห็นนี้ไม่เหมาะสม
กฤตมงคล
คัดลอกมาจาก http://www.dhammahome.com/front/webboard/show.php?id=12597
วณิชชสูตร
ว่าด้วยการค้าขายที่อุบาสกไม่ควรประกอบ
[๑๗๗] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย การค้าขาย ๕ ประการนี้ อันอุบาสกไม่
พึงกระทำ ๕ ประการเป็นไฉน ? คือ การค้าขายศัสตรา ๑ การค้าขายสัตว์ ๑
การค้าขายเนื้อสัตว์ ๑ การค้าขายน้ำเมา ๑ การค้าขายยาพิษ ๑ ดูก่อน
ภิกษุทั้งหลาย การค้าขาย ๕ ประการนี้แล อันอุบาสกไม่พึงกระทำ.อยางไรก็ตามเราขายพระก็อย่าเห็นท่านเป็นเพียงวัตถุ ขอให้มีความเคารพนับถือ นำเงินไปทำบุญอุทิศให้แก่ครูบาอาจารย์ท่านบ้าง
ขนาดท่านละสังขารไปแล้วยังทิ้งสิ่งมีค่าไว้ให้เราได้นำมาประกอบอาชีพ อาจกล่าวได้ว่าคนตายเลี้ยงคนเป็น อยาโลภขายพระเก๊หลอกคนอื่น
ขอให้ทุกท่านประสบความสำเร็จ
ผมคนหนึ่งหล่ะ ที่คิดว่าบาป (แต่ตัวเองก็ขายพระเช่าพระ) เหตุผลก็คือ ถ้าจะอ้างว่าเป็นการเผยแพร่พระพุทธศาสนา บ้างก็อ้างว่า เราทำมาหากินโดยสุจริตไม่ได้คตโกงหรือเบียดเบียนใคร แต่หารู้ไม่ว่า การที่จะเผยแพร่พระพุทธศาสนานั้น ตัวแม่บทจริงๆ ก็คือ คำสอนของพระพุทธสัมสัมพุทธเจ้า และคนเราไม่จำเป็นจะต้องขายพระกินอย่างที่บอก เรามีอาชีพอื่นๆ อีกหลายๆอาชีพที่ทำได้ ผมไม่เถียงว่า นี่คือการส่งเสริมพระพุทธศาสนาทางอ้อม แต่แก่นแท้ของพุทธศาสนาแล้วไม่ใช่เลย คนโบราณเขาถือเลยหล่ะ แม้แต่จะเอาพระเข้าบ้านยังไม่ได้เล้ย ผมถามตัวผมเองว่า บาปแล้วทำ ทำไม มันเป็นข้ออ้างครับ ไม่มีข้อแก้ตัวครับ อย่างหนึ่งก็คือ ชอบ รัก ได้ส่องได้ดูแล้วเกิดความสุข และก็เกิดกิเลส อยากได้อีก เป็นงั้นไป ผมเห็นเขาอนุรักษ์พระกัน แต่ผมว่ามองมุมกลับดูนะครับ เป็นเพราะมีการซื้อขายกันในราคาแพงๆ ทำให้เกิดกระแส ทำให้มีการสะสม ทำให้เกิดค่านิยม แล้วดีมั้ย???? ดีครับ และจะดีขึ้นไปอีก ถ้าคนที่ห้อยพระไม่ได้ห้อยพระเพราะหวังพึ่งพุทธคุณอย่างเดียว หรือว่าสะสมไว้อีกหน่อยราคาแพง แต่ผมอยากให้ห้อยพระเพราะจะเป็นเครื่องเตือนใจให้เราทำดี ให้เรามีสติ ไม่ประมาท ผมเห็นข่าวตามสื่อต่างๆ พระโดนตัดเศียรมั่ง เจดีย์เก่าแก่อายุหลายร้อยปีโดนเจาะมั่ง และยิ่งเมื่อเห็นพระโดนล้อมกรอบล่ามโซ่ล๊อกประตูแน่นหนา มันหดหู่ใจครับ นี่ถ้าไม่ใช่ค่านิยม หรือเพราะเงิน ทำให้เกิดการซื้อขายกัน เหตุการณ์แบบนี้คงไม่เกิด อย่างว่าเหมือนดาบสองคม ใจจริงแล้วผมอยากจะเห็นคนกราบไหว้พระห้อยพระด้วยใจที่บริสุทธิ์จริงๆ แต่คิดว่าคงเป็นไปไม่ได้ครับ ผมเองผมก็รู้อยู่แก่ใจ ดีชั่วรู้หมดแต่อดไม่ได้ ผมยอมรับว่าผมซื้อขายพระมานาน และยังไม่รู้จะเลิกซื้อเลิกขายวันไหนเลย แต่คิดว่าอีกนาน ยังบาปอีกนานว่างั้นเถอะ ผมหวังว่าความเห็นของผมมันจะไม่เกิดข้อโต้เถียงกันนะครับ อันนี้เป็นความเห็นส่วนตัว หรือพี่น้องท่านอื่นๆ ว่าไง จะบาปหรือไม่บาป
ถ้ามองมุมตามที่พี่ไม้ธาตุพนมผมเห็นด้วยว่าก็บาปครับ.
.แต่ทุกอย่างก็มีอีกมุม อย่างที่ผมได้กล่าวแล้วข้างต้นก็ไม่บาปครับ...กลับส่งเสริมด้วยซ้ำไป...
อย่างวันนี้ตัวผมได้ไปไหว้-หลวงพ่อโบ้ย วัดมะนาว-และหลวงพ่อเนียม-เกจิของสุพรรณที่วัดมาครับ..(หลวงพ่อมุ่ยไปประมาณเดือนละครั้ง..ไกลครับ)
ซึ่งไปเป็นประจำอาทิตย์ละประมาณ2ครั้งซึ่งทุกครั้งก็มีการทำบุญมากบ้างน้อยบ้างตามกำลังทรัพย์และถ้าที่วัดมีพระให้บูชา(ย้อนยุค)ก็จะเช่ามาตามกำลังเช่นกัน
แล้วเอามาวางหน้าร้านตัวเอง(ผมเป็นช่างทองครับ)พอมีลูกค้ามาถามว่าที่ไหนยังไงก็บอกเขาไปถ้าจะบูชาต่อจากผมก็ขอค่ารถ50-100บาท(วัดอยู่ไม่ไกลจากที่ร้านครับ)
แต่ก็บอกทุกครั้งว่าถ้าพี่มีโอกาสไปก็ไม่ต้องเอาต่อจากผมหรอกไปที่วัดดีกว่าได้ไปกราบหลวงพ่อด้วยได้ทำบุญกับวัดด้วย...
แต่ถ้าเป็นพิมพ์ที่หาไม่ได้แล้วก็จำเป็นที่ต้องมีค่าใช้จ่ายในการหามานั่นก็จำเป็นต้องเพิ่มเข้าไป...แต่ทุกครั้งผมไม่เคยลืมย้ำให้ลูกค้าไปที่วัดเสมอครับ....
นี่คือสิ่งที่ผมทำครับจึงบอกว่าไม่น่าบาปครับ...อาจเป็นเพราะผมเช่า-ปล่อยพระด้วยศรัทธาและด้วยเป็นงานอดิเรกไม่ได้ซื้อขายบ่อยด้วยหรือเปล่าก็ไม่ทราบนะครับ
.เพราะผมเลี่ยมพระเป็นหลักครับ...........คืออยู่ที่มุมมองจริงๆ
เป็นการตกลงระหว่างคนซื้อและคนขายครับ
คนซื้อพอใจก็ OK ครับ ถ้าคนขายขายพระเก๊อันนี้บาปใหญ่
โกหกหลอกลวงเอาพระเก๊ออกขายหรือทำพระเก๊ก็บาปอีกครับ
ขึ้นอยู่กับเจตนาครับ ถ้าเจตนาบริสุทธิ์เช่น ให้บูชาพระเครื่องรางของขลังเพื่อนำปัจจัยไปใช้ในกิจการของสงฆ์ สร้างโบสถ์วิหาร
ศาลาการเปรียญ บูรณะปฎิสังขรณ์ถาวรวัตถุ หรือเป็นเป็นการสร้างประโยชน์ให้สังคมสร้างโรงเรียน โรงพยาบาล บริจาคเพื่อการกุศลแบบนี้ไม่บาปแน่ครับ.....
หรือจะเป็นการปล่อยให้บูชาเพื่อนำปัจจัยไปทำบุญต่อก็ถือว่าไม่บาปครับ......
แม้แต่การปล่อยให้บูชาเพื่อนำเงินไปเลี้ยงลูกเลี้ยงเมีย....ส่งเงินให้พ่อให้แม่ใช้ก็ถือว่าไม่บาปเพราะปัจจัยส่วนใหญ่ทำเพื่อคนอื่นมากกว่า
ที่จะนำมาสนองความต้องการของตนเองครับ....
"เจตนา" เป็นเครื่องบ่งชี้ "กรรม"
เคยได้อ่านมาจากที่ใดซักที่นี่แหละครับ จำไม่ได้ ผมว่าแค่ประโยคนี้ ชัดเจนดีครับ
รับเป็นธุระจัดหาวัตถุมงคลให้ผู้อื่นได้มีไว้บูชาเป็นที่ยึดเหนี่ยวด้านจิตใจให้อยู่ในศิลในธรรม ต้องเป็นผู้มีบุญซิครับขึ้นสวรรค์แน่ๆไม่บาปครับ.....จัดอยู่ในขั้นสงเคราะโลกเลย...แต่ถ้าโกหกหลอกขายผิดศิล 5 ตกนรกครับ...
ทำดี ต้องได้ดี ผมเชื่ออย่างนั้น ครับ
เหรียญยังมีสองด้าน.....
ส่วนตัวผมเอง เคยตั้งปณิธานไว้ตั้งแต่เด็กๆ ที่เริ่มสนใจพระเครื่อง ว่าในชีวิตนี้จะไม่มีวันให้เช่าพระโดยเด็ดขาด (ขายพระ) เพราะคิดว่าบาป และยายผมเองก็เคยสอน เคยบอกว่าบาป เหมือนเราขายพระ ขายเจ้า ยังมีอาชีพอื่นอีกเยอะแยะ ที่สามารถทำได้ จนโตขึ้นเมื่อเริ่มมีกำลังทรัพย์ก็เริ่มเช่าพระที่เราชอบ ที่เราศรัทธา ก็เช่าอย่างเดียว ไม่เคยให้คนอื่นเช่าต่อ จากนั้นปรากฏว่า พระเริ่มเยอะมากขึ้น หลายๆองค์เช่ามาแล้วก็เก็บ เก็บ จนไม่มีที่จะเก็บ ไม่เคยหยิบมาใส่คล้องคอด้วยซ้ำ แต่ก็ยังไม่คิดจะปล่อย....เมื่อเริ่มเช่าพระ เริ่มรู้จักคนมากขึ้น ความคิดของเราเริ่มเปลี่ยน เพราะเราเช่าพระเยอะเหลือเกิน เราจะคล้องคอได้ยังไงหมด เต็มที่ก็ได้เพียงแค่ 5 องค์รอบคอ พระที่เราคล้องส่วนมากก็องค์เดิม ชุดเดิม แล้วพระที่เรายังมีอีกมากมายหล่ะ จะทำยังไง? มีพี่ๆที่นับถือก็บอกว่า น่าจะให้คนอื่นได้เช่าพระออกไปบ้างนะ เพราะเห็นเราเช่าเยอะ เงินทุนเช่าก็เยอะ แล้วก็ใส่ไม่หมด จะได้แบ่งให้คนอื่นได้บูชา ได้ของดีไปคุ้มครองเขา และได้เงินทุนกลับมาบ้าง หมุนเวียนเป็นค่าใช้จ่าย เดือนๆนึง ไม่จนมาก จึงเป็นที่มาของการเริ่มให้คนที่เคารพนับถือศรัทธา ได้มาบูชาพระของผมไปบ้างครับ... แต่ลึกๆตัวเองก็ยังคิดว่าบาปครับ แต่ก็ยังคงปลอบใจตัวเอง ว่าเราไม่ได้หลอกลวง และหมั่นทำบุญเมื่อมีโอกาสครับ สวดมนต์ทุกๆคืน ทำดีให้มากๆ
คิดว่าไม่น่าจะบาบนะคะ...เป็นกันแบ่งปันกันมากกว่า...คนเรากว่าจะนำพระมาให้เช่าบูชานั้น ก่อนหน้านี้น่าจะชอบและศรัทธา..เช่าหามาเก็บ..จากวัดบ้าง..จากคนบ้าง..คนอื่นก็เหมือนกัน..ชอบ..ศรัทธา..อยากหามาบูชา..หามาเก็บ...ทำให้ชีวิตมีความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ เป็นการแบ่งปัญความศรัทธาและความสุขทางใจกันมากกว่า...เพราะคนที่เก็บพระไว้มาก ๆ ถ้าไม่แบ่งให้ใครไปบ้าง..นานเข้าไม่มีที่จะเก็บ...เพราะส่วนตัวเป็นผู้หญิง..แขวนพระไม่เกิน 5 องค์...จึงคิดว่าแบ่งปันสิ่งมีค่าให้ผู้อื่นบ้างนั่นแหละดี..จะให้ฟรี ๆ ถ้าไม่โอกาส..หรือวาระสำคัญ..ก็แลจะกะไรอยู่..และอีกอย่างเช่าบูชาหามาก็ด้วยเงิน...เริ่มตั้งแต่ที่วัดแล้ว...ปัจจุบันพระที่วัดก็ราคาสูง ๆ กันทั้งนั้น...ถ้ามีความสุขไม่เดือดร้อนตัวเอง..ไม่เดือดร้อนผู้อื่น...ไม่ต้องอ้างว่าเผยแพร่อะไรต่อมิอะไรหรอกค่ะ..ไม่น่าจะบาปหลอกค่ะ...อย่าคิดมากเลย...นี่เป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะคะ
คิดว่าไม่บาปนะคะ
ถ้าไม่ได้โกหกหลอกลวงหรือกระทำการอันเป็นเท็จเพื่อให้เขาซื้อของเรา
ก็น่าจะเหมือนกับการค้าขายอย่างอื่นโดยสุจริตน่ะค่ะ
ในความคิดของผม การเช่าบูชาพระนั้นไม่บาป เพราะเป็นการสมัครใจ คนที่เช่าเขานับถือพระองค์นั้นเลยต้องการหรืออยากได้ใว้บูชา หรือต้องการสะสม ซึ่งเป็นการสมัครใจไม่ได้บังคับและผู้เช่ามีกำลังทรัพย์พอที่จะเช่าได้แล้วไม่เดือดร้อน ก็ไม่ถือว่าบาป เป็นการดีซะอีกเพราะคนที่บูชาและนับถือพระนั้นแสดงว่าเขาก็ต้องเชื่อในพุทธคุณ บาปบุญคุณโทษ
แต่ในบางกรณีบางคนที่ขายพระ ในการประมูล ทำไมต้องไปบังคับผู้ที่ประมูล ว่าเคาะไปแล้วลูกค้าเกิดเปลี่ยนใจหรือมีเหตุขัดข้องต่างๆที่ไม่สามารถโอนเงินให้ได้ ก็ไปด่าเขา บางคนมีการขู่จะทำร้าย จะไปยิงถึงบ้าน อะไรประมาณนั้นก็มี เรื่องนี้มีลูกค้าผมบางท่านเขาเล่าให้ฟัง อย่างนี้ผมคิดว่าเป็นบาปอย่างยิ่ง คนที่ขายพระควรจะเป็นผู้ที่มีจิตใจดีไม่คิดที่จะหวังกำไรเพียงอย่างเดียว เคาะแล้วเขาไม่เอาก็เอามาลงใหม่ได้ครับ ไม่เสียเวลาเท่าไหร่หรอก ถ้าพระแท้พระดีจริงยังไงก็ขายได้ แถมราคาไม่มีตกหรอกครับ ยิ่งเก่ายิ่งแพง
ทำในสิ่งที่ดี ไม่บาป สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรมครับ
ไม่บาป...หรอกครับ เพราะขึ้นอยู่กับเหตุและผลของแต่ละคน
เป็นไปเพื่อ 1.พุทธานุสติ 2.เพื่อธรรมมานุสติ 3.สังฆานุสติ ถึงแม้จะเป็นอามิสบูชา แต่ก็เป็นอุบายให้เราได้เข้าถึงพระสัทธรรมได้ ไม่มากก็น้อย//เมื่อจิตใจเข้าถึงพระสัจธรรมได้แล้ว ย่อมละวางได้เองครับ///ขอบคุณท่านผู้อ่านครับ
ขึ้นอยู่ที่เจตนาครับ...อย่างที่หลายๆคนบอก ถ้าเราไม่ได้หลอกลวงใครซื่อตรงต่ออาชีพที่ทำ แต่ทุกวันนี้เรามีคนที่เจตนาไม่ดีแฝงตัวอยู่เกือบทุกวงการ ก็ขึ้นอยู่กับเราล่ะครับที่ต้องช่วยๆกันที่จะทำให้วงการนี้มีความน่าเชื่อถือมากขึ้นแค่ไหน
อยู่ที่คนสองคนครับผมว่านะไม่ได้ไปลักขโมยใครนี่ครับ
เห็นด้วยกับทุกท่านเลยครับ ตัวผมมองว่าอยู่ที่เจตนาของคนขายเหมือนกัน
ก็อยู่ที่ผู้ขายแล้วล่ะครับว่าท่านคิดดีเจตนาดี บุญก็อยู่ในใจท่าน
แต่ถ้าท่านคิดไม่ดีเจตนาไม่เป็นกุศลแอบแฝง บาปก็อยู่กับใจท่านเช่นกัน
ตัวท่าน(คนขาย)รับรู้ได้ด้วยตัวเองครับ
เห็นด้วยกับทุกๆท่านครับ เรามีเจตนาดีครับ พร้อมที่จะแบ่งปันสิ่งดีๆกับทุกคนด้วยความบริสุทธิ์ใจ ผู้รับได้รับเกิดปิติสุขใจพอใจในมงคลวัตถุ (ตัวบุญ) เราผู้ให้ก็จักได้บุญด้วยครับ เพราะบางสิ่งเป็นของหาอยากยิ่งมากๆครับพี่น้อง (ความคิดเห็นส่วนตัวจากเด็กวัด)
เจตนาดีไม่หลอกใครถือว่าไม่บาป มาหลังสุดครับผม
ผมคิดว่าเราต้องเริ่มมองจากต้นทางครับ การสร้างพระเครื่องในสมัยโบราณ เป็นการสืบต่อพระศาสนา ในปัจจุบัน เกจิต่างๆ ท่านก็นำเงินไปสร้างประโยชน์ต่างๆ ทีนี้มาเข้าประเด็นการขายพระ ในกรณีพระแท้ในการโฆษณาประชาสัมพันธ์ ถือเป็นการบอกบุญครับ ส่วนตัวผมคิดอย่างนั้น คนขายพระเป็นเพียงอง๕ประกอบในการทำบุญ ถ้าพระรุ่นนั้นองค์นั้นมีการเช่าหากัน โอกาสที่หลวงพ่อต่างๆจะสร้างรุ่นต่อๆไปก็จะมีมากขึ้น ถ้าไม่มีกระบวนการซื้อขาย การโฆษณาก็จะไม่มี เม็ดเงินก็จะน้อยลง ผมมองเป็นการทำบุญบอกบุญครับ ในกรณีพระแท้ แต่พระเก๊ มันเป้นการหลอกลวงต้มตุ๋นครับ บาปมากครับรู้อยู่แก่ใจครับ ส่วนพระกรุต่างๆ ผมมองว่าเป็นวัตถุโบราณ เป็นการอนุรักษ์ การซื้อขายก็มีส่วนให้คนต่างชาติต่างศาสนา ได้รับรู้ถึงเจตนาการสืบต่อศาสนาของคนโบราณครับ ขอย้ำนะครับ ถ้าขายพระเก๊ไม่ว่าพระกรุหรือพระเกจิ บาปชัวร์ สุดท้ายผมว่าถ้าเราค้าขายสุจริตตรงไปตรงมา ไม่หลอกลวงไม่คดโกง ไม่ว่าอาชีพอะไรก็ไม่บาปครับ กลับกันต่อให้คุณไปทำอาชีพอื่นไม่ต้องขายพระก็ได้ครับ คุณไปหลอกลวงต้มตุ๋นเขายังไงก็บาปครับ
คำถาม ขายพระบาปหรือไม่ ?
คำถามนี้แยกวิเคราะห์ได้ 2 ประเด็นครับ คือ
1. ขาย คือ เจ้าของสินค้า(เจ้าของพระ) แลกสินค้า (พระ) กับเงินของผู้ซื้อเพื่อให้สินค้านั้นตกไปเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ซื้อ
2. บาป หมายความว่า การกระทำที่ชั่วร้าย เช่น ฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ผิดลูกเมียคนอื่น หรือ การผิดศีล 5 เป็นต้น การกระทำเหล่านี้ถือว่าบาปชัดเจนแน่ๆ
ความคิดเห็น ทุกวันนี้การเล่นพระเป็นสากล มีร้านพระเป็นมาตรฐาน มีกลุ่มคนมีชมรมพระเครื่องเกิดขึ้นมายมากหลายที่ทั่วประเทศ ถือว่าเกิดเป็นกลุ่มธุรกิจพระเครื่องก็ว่าได้ ความที่ว่าพระนั้นเป็นของชั้นสูง เราๆทุกคนนับถือกราบไหว้อยู่ทุกวัน เมื่อพระถูกนำมาเป็นสินค้า มีการซื้อขายพระเกิดขึ้นและได้ขยายวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ เกิดแผงพระมีหน้าร้านเป็นล่ำเป็นสัน หรือเมื่อเราไปเดินสนามพระบนดิน จะเห็นพระวางกับพื้นเต็มไปหมด เราเห็นแรกๆก็รู้สึกไม่เหมาะสมอยู่แล้ว จึงเกิดคำถามหรือความรู้สึกว่าขายพระกิน...มันบาป การขายพระ ปล่อยพระ หรือการเล่นพระมีหลายแบบหลายวิธีการ จึงต้องพิจารณาเป็นรายๆไป ไม่แน่ว่าจะเป็นบาปเสมอไป
*** ศีลธรรม คือ ความรู้สึกโดยสัญชาตญาณ ว่า สิ่งนี้ควรทำ...สิ่งนี้มิควรทำ ***
ครับ อันที่จริงผมไม่เคยคิดที่จะสมัครสมาชิกที่นี่เลยครับ ไม่ใช่ว่าไม่ดี แต่ดีมากๆเพราะผมก็สั่งบูชาพระจากร้านค้าในนี้รวมๆเป็นแสนบาทแล้ว แต่มาเจอกระทู้โบราณนี้เลยอดไม่ได้ต้องไขปริศนา คือการตอบต้องใช้หลักการ ที่พระพุทธเจ้าท่านทรงห้าม( มีในพระไตรปิฎก)
อาชีพที่พระพุทธเจ้าทรงห้าม มี ๕ อย่าง ดังนี้
๑.ห้ามค้าอาวุธ
๒.ห้ามค้ายาพิษ
๓.ห้ามค้ามนุษย์
๔.ห้ามค้าสุรา
๕.ห้ามเลี้ยงสัตว์เพื่อค้าเพื่อขาย
นำไปต่อยอดคิดกันเอาเองนะครับ นี่จากพระไตรปิฎก แล้วตรงไหนที่ว่าขายพระแล้วบาป !!!!!!คนโบราณไม่ใช่ปราชณ์คิดเองเออเอง ทำให้คนรุ่นใหม่อยู่ในกรอบแห่งความคิด
ในความคิดเห็นส่วนตัวของผม ผมว่าไม่บาปสมัยก่อนพระเกจิเก่งๆๆจะปลุกเสกของขลังก็ให้ลูกศิษย์ไว้ใช้ติดตัว
หรือแจกทหารก็จะมีการแลกเปลี่ยนเป็นเงินมากบ้างน้อยบ้างตามกำลัง แต่สมัยนี้ออกจากวัดก็มีราคาตั้งไว้แล้วครับถ้า
บาปก็คงจะไม่มีการทำกันแบบนี้ และส่วนมากก็ทำทุกวัดครับ(ความคิดเห็นส่วนตัวครับ ไม่ได้เข้าข้างใครและไม่เข้าข้างตัวเอง)
เราต้องมองไว้สองแง่สองมุม 1.การเล่นหาพระเครื่องหรือสะสมและความชอบชือขายในวงการพระเครื่องดูดีๆแล้วและก็มองให้ลึกๆผมว่าก็เป็นการสืบทอดพระพุทธศาสนาอีรูปแบบหนึ่งนะครับเพราะในโลกนี้ปัญจุบัญหมู่คนที่นับถือพุทธศาสนามากที่สุกก็จะมีแต่ประเทศไทยเรานี้เองทั้งๆที่ไม่ใช้ประเทศที่เกิดพุทธศาสนา ( นี้คือคำถาม เพราะอะไร) ศาสนาอินเดียอินดู ต้อนนี้ไม่คอยมีคนนับถือพุทธแล้วทั้งที่เป็นต้นกำเนิดจากคนที่เคยนับถือก็หมดจากหายไปเพราะศาสนาอืนเข้ามาครอบงำตั้งแตสมัยสงครามศาสนาแล้ว แต่เราไม่พูดถึงเขาว่าศาสนาใดมนุษ่ยอมมีกิเลสเป้นของธรรมดาจะมีนอยมีมากอยู่ที่ตัวต้องการ จากคำถามค้างบนผมกล้าถ้าได้เลยครับว่าถ้าไม่มีคนกลุ่มนี้ศาสนาพุทธไม่คงอยู่ถึงปัจจุบัญแน่น จะบาปหรือไม่นั้นอยู่ที่เจตนาลมของผู้กระทำ...............
อันนี้ตอบไม่ถูกเหมือนกันครับ แต่ถ้ามีเจตนาขายพระเก๊อันนี้ผมว่าปาบแน่ครับ
ไม่มีอะไรเป็นเครื่องมือชี้วัดนอกจากคิดกันไปตามความเชื่อ
ผมเองเข้าใจว่าการกระทำทุกอย่างนั้นถ้าเป็นการกระทำโดยสุจริตแล้วนั้นถึงจะบาปก็เป็นบาปบริสุทธิ์ครับ (เพราะการทำอะไรสักอย่างหนึ่งนั้นจะต้องเกิดจากความชอบเป็นพื้นฐานครับแล้วถ้าเราชอบเล่นพระเราก็ต้องทำตามความชอบถึงมีคนมาบอกว่าบาปให้ผมเลิกเล่นพระผมเองก็เลิกไม่ได้ หรือว่าท่านอื่นเลิกได้ครับ) ต้องขอภัยด้วยครับนี่เป็นความเห็นส่วนบุคคลครับ
เซียนพระที่ดีควรจะมีความ ซื่อสัตย์ ไม่คดโกง กับ อาชีพของตนเอง คับ
บาปกรรมเกิดจากการกระทำ การกระทำดีจนเกิดการเลื่อมใสในวัตถุนั้น แล้วเป็นของหายากเลยเกิดการแลกเปลี่ยนเป็นเงินตรา ไม่บาปครับ
ตามนั้นเลย ครับ ท่าน
ไม่บาป ถ้า.......
- ขายพระแท้
- ให้ความเคารพท่าน ไม่วางแบกะดิน หรือวางพระระดับต่ำกว่าเอว
- ไม่หลอกขายพระ เพราะการที่เขาอยากได้ และ เราให้เค้าไป ด้วยความจริงใจทั้งสองฝ่าย นั่นไม่บาปครับ
ถ้าการซื้อขายพระ ลักษณะที่ผมกล่าวมาด้านบนถือว่าบาป การทำบุญในปัจจุบันก้อบาปเช่นกันครับ
เพราะทุกอย่างมีพุทธพาณิชย์มาเกี่ยวข้อง มันอยู่ที่เจตนา และความบริสุทธิ์ใจครับผม
อยู่ที่ว่าเรามองจากมุมไหน แต่ส่วนตัวผมว่า มันเส้นบางๆที่กั้นไว้ระหว่าง "บาป" หรือ "ไม่บาป" โดยใช้ "เจตนา" เป็นตัวตัดสิน
ผมคิดว่าไม่บาป ถ้าบาปคนเช่าคงบาปด้วย
ชอบมู้นี้ครับ ได้ฟังจากหลายๆท่าน++
โดยส่วนตัว ผมคิดว่าเป็นแนะนำ เผยแพร่ พ่อแม่ครูบาอาจารย์ให้เป็นที่รู้จัก และเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ ตรงไปตรงมาครับ
บาปหรือไม่บาป? ผมคิดว่าขึ้นอยู่ที่เจตนาของผู้เช่าและผู้ให้เช่าครับยกตัวอย่างนะครับทุกๆท่านก็เคารพศรัทธาในพระพุทธศาสนาไม่ต่างกันกับผมเวลาเราไปไหว้พระตามวัดต่างๆก็จะมีวัตถุมงคลให้เช่าบูชาแถบทุกวัดในเมืองไทยถ้าท่านคิดว่าการให้เช่าพระเป็นบาปทั้งที่ทางวัดต้องการนำเงินไปบูรณะปฎิสังขรณ์วัดมีเจตนาบริสุทธิ์ผู้ต้องการเช่าพระก็อยากที่จะทำบุญให้วัดจะเป็นการทำบาปหรอครับ?........ถ้าเรามีเจตนาดีทั้งผู้เช่าและผู้ให้เช่า.....ท่านก็ไม่ได้ทำผิดศิลข้อใดเลยครับผม..........
ของทุกอย่าง..จะค้าจะขาย..หรือว่าทำอะไรก็แล้วแต่..เจตนาดี..เจตนาบริสุทธิ์..คำว่าบาป..ไม่เข้ามายุ่งแน่นอนครับ
ของทุกอย่าง..จะค้าจะขาย..หรือว่าทำอะไรก็แล้วแต่..เจตนาดี..เจตนาบริสุทธิ์..คำว่าบาป..ไม่เข้ามายุ่งแน่นอนครับ
แบบนี้ล่ะครับถ้าแท้ก็คงไม่ใช่บาปใช่ไหมครับแต่ผมว่าหลายๆคนต้องเริ่มเกิดกิเลสแน่ๆๆๆ ผมมีหลายองค์ด้วยนะ
เกิดกิเลสหรือไม่
สงสัยจะเริ่มเกิดกิเลสกันแล้วจิโชว์อีกองค์นะ สนใจ 0819808603
อยู่ที่มุมมองของแต่ละคน นำเงินส่วนที่ได้ไปทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ ครูบา-อาจารย์ ด้วยครับ
ถ้าขอ แล้วให้กันฟรีๆได้ ก็คงไม่ต้องขายหรอกครับ
มันไม่เกี่ยวกับ ปาบ-บุญ ใดๆเลย คนละเรื่อง ไม่ควรที่จะพยายามนำมาเกี่ยวข้องกัน
ไม่บาปครับ ....สมมุติว่าเรามีสมเด็จวัดระฆังอยู่เต็มตะกร้า แล้วมีคนมาขอบูชา เราก็ไม่ไห้บูชา นั้นหละครับบาป แต่ถ้าเราบอกเขาว่าแล้วแต่จะบูชา เขาได้พระไปแล้ว ด้วยคุณพระศรีรัตนตัยคุ้มครองให้ชีวิตเขาดีขึ้น นั้นก็จะเป็นบุญกลับมาหาเรา แต่ถ้าไม่ไห้ใครเลยพระนั้นก็จะสูนสิ้นไปตามเวลา พระทุกองค์ดีหมดครับ ทั้งแท้และเก้ครับ ท่านเป็นตัวแทนหรือองค์แทนองค์สัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งสร้างมาเพื่อบูชาทุกองค์ครับ 101พระเครื่อง
บาป...หมายถึง...การกระทำ..ดังนี้
1. กระทำ แล้ว ทำให้ผู้อื่น...เสียใจ..เจ็บใจ..คับแค้นใจ
2.ได้..ประโยชน์..จากการกระทำ..นั้นๆ(ผู้ถูกกระทำ..เจ็บใจ..เสียใจ..คับแค้นใจ)
3. มีผู้เสียประโยชน์..(เสียทรัพย์..เสียใจ..เจ็บใจ..คับแค้นใจ...ได้พระเ๊ก๊*****)
4...เมื่อคิดถึงการกระทำนั้น(ผู้อื่น.เสียประโยชน์+เจ็บใจ+แค้นใจ)..เราผู้ได้ประโยชน์..จากการนั้น..ก็เศร้าใจ..(คิดครั้งใดก็เศร้าใจ)
การ..เช่า-ซื้อ..พระแท้***
1.ผู้เช่าซื้อ...พอใจ..ยินดี..ที่จะจ่ายเงิน(ถูก-แพง ไม่สนใจ..ขอให้ได้..พระแท้)..แลกเปลื่ยนเงินเพื่อ..พระแท้***
2.ผู้ให้ เช่าซื้อ..ไม่ได้..พูด..โกหก..โป้ปดมดเท็จ..หลอกลวง(คิดถึงการกระทำแล้วไม่..เสียใจ..ไม่ทำให้ผู้อื่นเศร้าใจ)
บาป..คือ
1. กระทำ แล้ว ทำให้ผู้อื่น...เสียใจ..เจ็บใจ..คับแค้นใจ
2.ได้..ประโยชน์..จากการกระทำ..นั้นๆ(ผู้ถูกกระทำ..เจ็บใจ..เสียใจ..คับแค้นใจ)
3. มีผู้เสียประโยชน์..(เสียทรัพย์..เสียใจ..เจ็บใจ..คับแค้นใจ...ได้พระเ๊ก๊*****)
4...เมื่อคิดถึงการกระทำนั้น(ผู้อื่น.เสียประโยชน์+เจ็บใจ+แค้นใจ)..เราผู้ได้ประโยชน์..จากการนั้น..ก็เศร้าใจ..(คิดครั้งใดก็เศร้าใจ)
การ..เช่า-ซื้อ..พระแท้***
1.ผู้เช่าซื้อ...พอใจ..ยินดี..ที่จะจ่ายเงิน(ถูก-แพง ไม่สนใจ..ขอให้ได้..พระแท้)..แลกเปลื่ยนเงินเพื่อ..พระแท้***
2.ผู้ให้ เช่าซื้อ..ไม่ได้..พูด..โกหก..โป้ปดมดเท็จ..หลอกลวง(คิดถึงการกระทำแล้วไม่..เสียใจ..ไม่ทำให้ผู้อื่นเศร้าใจ
มีความคิดเห็นเหมือนหลายๆท่านครับ..เจตนาสำคัญที่สุด
การกระทำใดๆก็ตามที่ทำให้บุคคลอื่น เกิดความทุกข์ เกิดความเดือดเนื้อร้อนใจ มันเป็นบาป
การกระทำใดๆก็ตามที่ทำให้บุคคลอื่นเกิดความสุข เกิดความสบายใจ ย่อมไม่บาป
หากเรามีเจตนา ไม่หลบหลู่ หลวกลวง ต้มตุ๋น ตั้งอยู่ในความสุจริต ไม่คิดคดโกง มีมโนธรรม ผมคิดว่า การขายพระ ไม่เป็นบาป
เฉกเช่นกรณี งูกำลังจะกินเขียด เราไปช่วยเขียดออกจากงู คุณคิดว่า ได้บาปหรือได้บุญ
ผมคิดว่าไม่บาปนะครับ
บาป หรือไม่บาป อยู่ที่เจตนาและการกระทำครับ
ใช่ครับเห็นด้วย บาปหรือไม่บาป อยู่ที่เจตนาและการกระทำ
บางท่านก็คิดหลอกตัวเอง ว่าเจตนาดี คงไม่บาป แต่อาจยังไม่ทันรู้เท่าทันกิเลสของตัวเอง ว่าลึกๆ มีความโลภอยู่ด้วยหรือไม่ ขอให้ทุกท่านดำเนินชีวิตแบบมีสติ สัมปชัญญะ นะคะ อย่ายึดติดกับวัตถุ
แล้วแต่จะคิดหน่ะครับ บางทีอาชีพที่เราเคยทำ ก็ไม่ทำให้เราและครอบครัวอยู่ได้เสมอไป อาจต้องมีองค์ประกอบหลายๆอย่างเข้ามาช่วย สำคัญที่สุดคือซื่อสัตย์ ยังไงซะไม่ทำใครเดือดร้อน ไม่จี้วิ่งชิงปล้น ผู้อื่น ก็โอเคแล้วหล่ะครับ แบ่งส่วนที่ได้มาไปบำรุงพระพุทธศาสนาของเราให้คงอยู่และยั่งยืนสืบชั่วลูกชั่วหลาน ก็สุดยอดแล้วครับ++
การขายพระนั้นถ้าบาปขึ้นอยู่กับตัวเรากระทำ
1.ขายพระเก๊หลอกผู้ไม่รู้ หรือรู้เห็นด้วยกันร่วมกันหลอกผู้อื่น
2.ขายพระแล้วนำเงินไปทำความชั่วใช้ในสิ่งที่สกปรก ไม่ทำบุญแผ่เมตตาก็ถือว่าบาปเหมือนกัน
3.บาปหรือไม่บาปก็ขึ้นอยู่กับตัวเรากระทำด้วยครับ...............
ทำดีก็ได้ดีไป ทำชั่วก็ค่อยค่อยรับกรรมไป แล้วแต่กรรมใครกรรมมันที่ก่อให้เกิดไว้
ถ้าเรานำเสนอแต่พระแท้ ผมว่าไม่บาปนะครับ...ถ้าบาป วัดวาอารามต่างๆคงไม่สร้างออกมาให้เราเช่าบูชาหรอกครับ..คนขายพระเก๊..บาปแน่นอนครับ ฟันธง
พุทธคุณ เป็นนามธรรม มองไม่เห็น แต่สัมผัสได้ด้วยใจ จัดเป็นของสูง โดยเฉพาะพุทธศาสนิกชนควรตั้งใว้เป็นเป้าหมายสูงสุดของการดำเนินชีวิต
พุทธรูป เป็นรูปธรรม มองเห็นและสัมผัสได้ บางคนหรือหลายๆคน ใช้เป็นเครื่องมือเพื่อเข้าถึงพุทธคุณนั้น จึงควรจัดใว้เป็นของสูงด้วยเช่นกัน
ดังนั้นกิจการใดอันเกี่ยวเนื่องกับของสูงจึงต้องเป็นไปด้วยความเคารพ เหมาะสม มีสติ และจริงใจเป็นเบื้องต้น เช่น ใช้คำว่า "ให้เช่า" หรือ "ให้บูชา" แทน "ขาย" ใช้คำว่า "ขอเช่า" หรือ "ขอบูชา" แทน "ซื้อ" ไม่ใช่เลี่ยงบาลี หากแต่เป็นไปด้วยหลักเบื้องต้นที่กล่าวก่อนหน้านี้ คือ เคารพ เหมาะสม มีสติ และจริงใจ
บาป คือการประพฤติชั่ว ทำแล้วนำความร้อนรุ่มมาสู่ตนเองและผู้อื่นทั้งในปัจจุบันแลในอนาคตสืบไป ทั้งที่รู้หรือไม่รู้
ทุกสาขาอาชีพเป็นได้ทั้งบุญและบาป เป็นธรรมดาปุถุชนทุกผู้ทุกนามเข้าใจได้
ผมเห็นด้วยกับ คห34 และคห35 สรุปได้ดีมาก ส่วนตัวผมคิดว่าอยู่ที่เจตนา และผมจะยึดศีล5 เป็นหลักในการดำเนินชีวิตครับ ถ้าคนไหนอยู่ในศีลธรรมจะไม่มีวันตกอับครับ
ข้อความดีครับ
กัมมุนา วัตตะติ โลโก สัตว์โลก ย่อมไปตามกรรม ทำกรรมดี ย่อมได้รับผลดี ทำกรรมชั่ว ย่อมได้รับผลชั่ว ในเมื่อเราซื้อขายพระด้วยความสุจริต ไม่ฉ้อโกงใคร ไม่หลอกลวงใคร
ก็ถือว่าทำกรรมดี ก็ไม่บาป ที่สำคัญต้องถือเอาความสุจริต ความซื่อสัตย์ต่ออาชีพเป็นหลักสำคัญ ก็จะทำให้ผู้ประกอบอาชีพอะไรก็ตาม ทำด้วยความสบายใจ ไม่ต้องวิตก
กังวลกับสิ่งที่ทำไป ก็ถือว่าไม่บาป
ไม่บาปหรอกครับเพราะเราไม่ได้ไปหลอกเข้าสัก กะหน่อย ขึ้นอยู่กับความพอใจของทั่งสองผ่ายครับ
ชอบทุกความเห็นครับ นานาทัศนคติ แต่ถ้ามีคนอยากได้พระแท้ แต่ไม่มีใครยอมปล่อยพระแท้ที่สะสมมา จะทำอย่างไร บางคนชอบเก็บพระไว้คนเดียวเป็น 100เป็น 1,000 องค์ ไม่ยอมแบ่งคนอื่นบูชาบ้างทั้งที่คนอื่นก็นับถือไม่แพ้กัน ไม่รู้ว่ากลัวบาปหรือเห็นแก่ตัว ขอโทษที่ใช้คำแรงๆแต่ได้อารมณ์ดี
สวรรค์อยู่ในอกนรกอยู่ในใจ ถ้าคนสองคนค้าขายกันแล้วมีความสุขทั้งสองฝ่ายไม่ทำให้ใครเดือดร้อนมันก็ไม่บาป แต่ถ้าค้าขายแล้วใจมีทุกข์เพราะเจตนาไม่ีดีมันก็บาปแน่นอน ดังนั้นแล้วให้ดูที่เจตนาครับ
บาป บุญ คุณ โทษ กิเลส ล้วนเป็นนามประธรรม ดีชั่วดำขาวก็ล้วนเป็นนามประธรรมที่คนตั้งขึ้นเหรียญพระอาจารย์เดียวกันแต่สร้างต่างปีกันความนิยมไม่เท่ากันก็ล้วนแต่คนตั้งขึ้นมากันเองทั้งนั้น มันอยู่ที่ความพอใจชึ้งกันและกันระหว่างผู้ชื้อกับผู้ขาย เพราะไม่มีใครสามารถบังคับให้คนอื่นชื่อพระของตนเองได้
และก็ไม่มีใครบังคับให้คนอื่นขายพระในราคาที่ต้องการได้ สรุปต่างฝ่ายต่างพอใจไม่มีใครเดือดร้อน ไม่บาป
บาป บุญ คุณ โทษ กิเลส ล้วนเป็นนามประธรรม ดีชั่วดำขาวก็ล้วนเป็นนามประธรรมที่คนตั้งขึ้นเหรียญพระอาจารย์เดียวกันแต่สร้างต่างปีกันความนิยมไม่เท่ากันก็ล้วนแต่คนตั้งขึ้นมากันเองทั้งนั้น มันอยู่ที่ความพอใจชึ้งกันและกันระหว่างผู้ชื้อกับผู้ขาย เพราะไม่มีใครสามารถบังคับให้คนอื่นชื่อพระของตนเองได้
และก็ไม่มีใครบังคับให้คนอื่นขายพระในราคาที่ต้องการได้ สรุปต่างฝ่ายต่างพอใจไม่มีใครเดือดร้อน ไม่บาป
"บุญ" คือสิ่งที่ดี การคิดดี ทำดี ถือว่าเป็นบุญ "บาป" คือสิ่งที่ไม่ดี การคิดไม่ดี ทำไม่ดี ถือว่าเป็นบาป คนขายพระเครื่อง พระบูชา ถ้าใจบูชาเคารพศรัทธาก็น่าจะเป็นสิ่งที่ จะได้บุญตรงที่เป็นการเผยแพร่พระพุทธศาสนา ส่วนจะได้รับเงินตอบแทนเท่าไหร่นั้นคนละเรื่อง อาจจะได้มาก หรือน้อย หรือให้โดยเสน่หา ผมว่าเป็นบุญเก่าของเราที่ได้สั่งสมมาย้อนกลับสู่เรานั่นเองครับ...ข้อสำคัญผมเห็นบางคนวางขายแบกับพื้นเลยน่ะมันไม่เหมาะควรยกย่องเทอทูนพระศาสดาของเรา พระเกจิอาจารย์ ครูบาอาจารย์ กันด้วยถึงจะเข้าท่านะครับ
ขอแสดงความคิดเห็นนะครับสําหรับเรื่องการขายพระบาปหรือไม่ คําถามนี้ในส่วนตัวผมเองก็ได้ยินมาพอสมควรแต่ที่ผมอ่านในหัวข้อรายละเอียดเกิดมาจากการสนทนากันของบุคคลกลุ่มหนึ่งเสร็จแล้วจึงเกิดคําถามนี้ขึ้นมาลงในเว็บพระครับก่อนอื่นเราต้องดูด้วยนครับว่าภายในกลุ่มสนทนามีคนสนับสนุนหรือไม่สนับนุนเรามากน้อยแค่ไหน ผมขอยกตัวอย่างนะครับในกรณีคนที่ไม่สนับสนุนก็อาจบอกว่าเราหากินกับพระบ้าง ขายพระเก๊บ้าง พวกหลอกลวงบ้างอันนี้ยกตัวอย่างนะครับ ส่วนคนที่สนับสนุ่นเขาก็จะ ok ดีนะครับต่อไปถ้าต้องการพระอะไรรุ่นไหนก็จะได้สั่งกับเราได้เลยไม่ต้องเสียเวลาไปหาหรือเดินทางไปสถานที่ไกลๆเพื่อหาเช่าบูชาพระสะดวกขึ้นสะบายขึ้นครับ สุดท้ายนะครับก็ขอให้เพื่อนสมาชิกชาวเว็บพระทุกท่านได้พิจาราณากันเองนะครับว่าบางครั้งเราทําให้บุคคลใดบุคคลหนึ่งที่ต้องการบูชาพระเครื่องหรือเครื่องรางใดๆโดยได้รับความสะดวกสะบายและมีความสุกทุกท่านคิดว่าบุญหรือบาป (ป.ล ต้องไม่ขายพระเก๊นะครับถ้ารู้ว่าพระเก๊แล้วยังขาย ไม่จําเป็นต้องพระนะครับไม่ว่าของใดๆในโลกใบนี้ถ้ารู้ว่าเป็นของไม่แท้ของเก๊ของปลอมแล้วขาย บาป
ขอแสดงความคิดเห็นนะครับสําหรับเรื่องการขายพระบาปหรือไม่ คําถามนี้ในส่วนตัวผมเองก็ได้ยินมาพอสมควรแต่ที่ผมอ่านในหัวข้อรายละเอียดเกิดมาจากการสนทนากันของบุคคลกลุ่มหนึ่งเสร็จแล้วจึงเกิดคําถามนี้ขึ้นมาลงในเว็บพระครับก่อนอื่นเราต้องดูด้วยนครับว่าภายในกลุ่มสนทนามีคนสนับสนุนหรือไม่สนับนุนเรามากน้อยแค่ไหน ผมขอยกตัวอย่างนะครับในกรณีคนที่ไม่สนับสนุนก็อาจบอกว่าเราหากินกับพระบ้าง ขายพระเก๊บ้าง พวกหลอกลวงบ้างอันนี้ยกตัวอย่างนะครับ ส่วนคนที่สนับสนุ่นเขาก็จะ ok ดีนะครับต่อไปถ้าต้องการพระอะไรรุ่นไหนก็จะได้สั่งกับเราได้เลยไม่ต้องเสียเวลาไปหาหรือเดินทางไปสถานที่ไกลๆเพื่อหาเช่าบูชาพระสะดวกขึ้นสะบายขึ้นครับ สุดท้ายนะครับก็ขอให้เพื่อนสมาชิกชาวเว็บพระทุกท่านได้พิจาราณากันเองนะครับว่าบางครั้งเราทําให้บุคคลใดบุคคลหนึ่งที่ต้องการบูชาพระเครื่องหรือเครื่องรางใดๆโดยได้รับความสะดวกสะบายและมีความสุกทุกท่านคิดว่าบุญหรือบาป (ป.ล ต้องไม่ขายพระเก๊นะครับถ้ารู้ว่าพระเก๊แล้วยังขาย ไม่จําเป็นต้องพระนะครับไม่ว่าของใดๆในโลกใบนี้ถ้ารู้ว่าเป็นของไม่แท้ของเก๊ของปลอมแล้วขาย บาป
หัวข้อ: ขายพระบาปหรือไม่ ?
คำตอบ : เป็นไปได้ทั้งบาป และ ไม่บาป ครับ .. (แต่ก็เสี่ยงอยู่มากพอควรสำหรับผู้ที่ยังไม่รู้จักไฟ คือ บาป ก็ัจะเผาใจ) อะไรดีเป็นธาตุฝ่ายเย็น เป็น กุศล ก็จัดเป็นบุญ อะไรตรงกันข้าม ก็จัดเป็นบาป เล่นกับไฟ ก็ต้องรู้จักไฟครับ ไฟก็จะไม่เผาตัว ...
หมั่นขอขมาพระรัตนตรัยไว้เรื่อยๆแล้วกันครับ (ทางพระสงฆ์เองยังต้องปลงอาบัติกันเรื่อยๆเลย) ...... เพราะกรรมที่เราทำโดยรู้ก็ดี ไม่รู้ก็ตาม เจตนาก็ตาม ไม่เจตนาก็ตาม รู้เท่าถึงการณ์ก็ตาม ไม่รู้เท่าถึงการณ์ก็ตาม เมื่อเราส่งออกไปแล้ว จัดเป็นกรรมทั้งนั้นครับ .......... ส่วนคำตอบที่ว่าขายพระบาปหรือไม่ ก็ต้องเอาหลักของกุศลและอกุศลมาเทียบครับ คงไม่ต้องอธิบาย....... และ สุดท้าย พระท่านก็สอนให้เราเอง ละทั้งบาป และ วางทั้งบุญ......จึงจะเป็นที่สุดแห่งคำสอนของพระพุทธองค์ .
(หลุดพ้นจากบาปและบุญฯ)
ปล. ทุกคนมีสิทธิ์คิด และ มีสิทธิ์ที่จะกระทำการใดใดก็ได้ตามที่ปรารถนาครับ แต่อย่าลืม ว่าเราเองนั่นและที่ย่อมจะได้รับผลจากการกระทำที่เราได้ทำไว้ ไม่ช้าก็เร็ว !!! แน่นอน coming soon
ขอแสดงความเห็นส่วนตัว อย่างนี้นะครับ ผิดถูกอีกเรื่องนึง
ถ้าบอกว่า คนขายพระ บาป เพราะขายความศรัทธาของคนอื่น ตรงนี้ ต้องถามว่า คนซื้อพระ ซื้อเพราะความศรัทธา หรือนับถือในตัวเกจิพระรูปนั้น ๆ อย่างเดียวจริงหรือ ? ถ้าใช่ ทำไม คนซื้อ ต้องถามว่า บล็อคนี้นิยมมั้ย สวยมั๊ย เดิม ๆ มั๊ย อนาคตรุ่นนี้เป็นยังไง ราคาจะตกมั้ย ฯลฯ
หรืออย่าง คนซื้อ จะซื้อหลวงปู่ทวดเพราะความศรัทธาอย่างเดียว ทำไมต้องเลือกรุ่น ว จุดบ้าง เตารีดบ้าง ปั๊มซ้ำบ้าง ทำไมไม่หาบูชารุ่นใหม่ ๆ
ราคาไม่กี่ร้อยบาท เพราะไม่ว่าจะบูชา ลป ทวด องค์ละหลาย ๆ แสน หรือองค์ละร้อย หลวงปู่ทวด ท่านก็มิได้เป็นผู้ปลุกเสกทั้งนั้น พุทธคุณก็เท่า ๆ กัน ถูกต้องมั้ยครับ?
ผมจึงมองว่า การซื้อขายพระ โดยส่วนใหญ่ไม่ได้ขายที่ความศรัทธาอย่างเดียว เพราะผู้เช่าพระ เช่าเพราะเหตูผล
1. เป็นวัตถุมงคล หาไว้บูชาพึ่งพุทธคุณ แต่ในขณะเดียวกัน ก็เพื่อ
2. วัตถุนิยม หาไว้เพื่อประดับบารมี หรือเอาไว้คุยอวดกัน ของผมสวยกว่า นิยมกว่า พิเศษหายากกว่า ฯลฯ และ
3. การลงทุน <investment> เหมือนเช่นในปัจจุบัน ที่อัตราดอกเบี้ยเงินฝาก น้อยมาก ทำให้มีคนเก็บเงินออม saving ในรูปทรัพย์สิน
และหลายคน ทั้งผู้หญิง ผู้ชาย ที่หันมาเก็บพระเครื่อง เป็นเงินออมแทน หรือ ไว้รอราคาอนาคต ซึ่งในทางเศรษฐศาสตร์ investment กับ saving
คือตัวเดียวกันครับ
รวมไปถึงเหตุผลอื่น ๆ เช่นการฟอกเงิน อะไรเหล่านี้ครับ
ขอย้ำว่า ทั้งหมดคือเหตุผลส่วนตัว เหตุผลถูกผิดได้ครับ
นานาจิตตัง ครับ
ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเจตนา โดยมีจิตเป็นตัวกำหนด รู้จักพอก่อสุขทุกสถาน
ขายพระไม่บาปหรอกครับ แต่มุสานั้นมันบาป
บาปไม่บาปนั้นอยู่ที่จิตของบุคคลนั้น ว่าเป็นโทษ หรือผลดี ถ้าบุคคลนั้นมีจิตที่รู้อยู่เหนือ ดี และชั่วได้
และเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมก็ไม่บาปครับ
นานได้ ๆเข้ามาอ่านทีก็ได้ความรู้ ความคิดเห็นใหม่ๆ เต็มเลยนะครับเนี่ย...ต้องขอขอบคุณคนตั้งกระทู้ด้วยครับ...ขอบคุณครับ
อยู่ที่เจตนามากกว่าครับ ถ้าทำดีสุจริตใจไม่บาปหรอกครับ มันน่าจะเป็นการส่งเสริมพระพุทธศาสนาด้วยซ้ำไปครับ แต่ถ้าทำพระเก๊ขายอันนี้บาปแน่ครับ ขอสาปแช่งเลย
ขึ้นอยู่ที่เจตนาครับ ว่าทำถูกต้องหรือเจตนาทำไม่ถูกต้อง ถ้าเจตนาดีก็ไม่บาป อย่างที่หลายๆคนบอก ถ้าเราไม่ได้คิดที่จะหลอกลวงใคร เราซื่อตรงต่ออาชีพที่ทำอยู่ แต่ว่าทุกวันนี้มีคนบางกลุ่มที่เจตนาไม่ดี แฝงตัวอยู่วงการ เพื่อใช่เป็นช่องทางทำมาหากินโดยไม่สุจริต ก็ขึ้นอยู่กับตัวเราแล้วล่ะครับ ว่าจะต้องช่วยกันยังไง หาวิธีป้องกันที่จะทำให้วงการนี้ มีความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้นครับ ขอบคุณครับ
ถ้ามีคนบอกขายพระบาป / เพื่อไม่บาป...งั้นผมขอพระ ( ฮิฮิ )
คุณโอตี๋88 เยี่ยมครับOti88:ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ที่เจตนาของผู้กระทำครับ...oti88
มองในแง่ที่ดีคือการจรรโลงพุทธ
ศาสนาคือช่วยบริจาคในการซื้อหาและเช่าบูชาเป็นพุทธศิลป์รักษาคงไว้ศาสนสถานวัดวาอารามปแต่ต้องไม่เน้นหนักพุทธพานิชย์หลอกลวงต้มตุ๋นในระหว่างคนอาชีพเดียวกัน
บาปหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคนแต่ละความเห็น ส่วนตัวของผมคิดว่า ไม่เป็นบาปแต่อย่างใด เท่าที่ได้ยินมาบาปเกิดจากการผิดศีล 5 ถ้าเป็นฆราวาส ถ้าเป็นพระสงฆ์ผิดศีล 227 , 10 ตามที่บัญญัติไว้ในพระไตรปิฎก ถ้าเป็นการขายด้วยความบริสุทธิ์ และในการขายนั้นให้แบ่งเงินที่ขายเป็น 3 ส่วน
1. ทำบุญ 2. ให้ลูกหรือผู้มีพระคุณ 3. เก็บไว้ใช้จ่าย เป็นคำพูดและคำเตือนของหลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ สุสานทุ่งมน
คนเราคงห้ามความคิดกันไม่ได้หรอกครับอยู่ที่ตัวเราครับว่าเจตนาของเราเป็นยังไง...
ความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ ต้องเริ่มจากนิยามของ บาป และ บุญก่อน
บาป คือ การกระทำในสิ่งที่ไม่ดี(กาย วาจา ใจ)ที่ก่อให้เกิดผลเป็นความทุกข์ทั้งปวง
บุญ คือ การกระทำในสิ่งที่ดีงาม(กาย วาจา ใจ)ที่ก่อให้เกิดผลเป็นความสุขความร่มเย็น
พระเครื่อง คือ รูปเหมือนพระพุทธเจ้า หรือ สาวก ที่เราเคารพ และ เป็นเหมือนสมบัติที่มีค่า
การขายพระ ก็เหมือนกับการแบ่งพระพุทธเจ้าหรือสาวก ให้ผู้ที่ศรัทธาไว้บูชา และ เป็นเหมือนการขายสมบัติไปด้วย ซื่งทั้งสองสิ่งต้องไปคู่กันเสมอ (ศรัทธามา ราคาก็เกิด) คนซื้อพระ ก็นำเงินไปแลกมา เพื่อเก็บไว้บูชาและเก็บสะสมเป็นสมบัติด้วย
ดังนั้นจึงสรูปว่า หากคนขายและคนซื้อยังตระหนักว่า พระเครื่องคือตัวแทนพระพุทธเจ้าและสาวก ขายไปเพื่อให้บูชา ซื้อมาเพื่อบูชา ก็ไม่บาป ครับ
แต่ถ้าไม่เคารพ และยังกระทำเหมือนเป็นวัตถุโบราณที่ตีค่าที่ความเก่าอย่างเดียว นั่นแหละครับ บาปแน่นอน
ปล. วัดให้เช่าเพื่อเอาเงินไปสร้างบุญ คนเช่าคนแรกได้ร่วมทำบุญ คนเช่าต่อก็ต้องได้รับผลบุญนั้นเช่นกันนะครับ แต่อาจจะน้อยตามสัดส่วน
ขายและซื้อไม่บาปหรอกครับถ้าเราไม่ขายของปลอมแล้วหลอกคนซื้อว่าเป็นของแท้และไม่ซื้อของโจรและจะได้บุญมากถ้าขายของราคาแพงให้ผมถูกๆ ขอบคุณครับ ๕๕๕๕๕
ซื้อ-ขายพระเครื่อง ผมคิดว่าเป็นการสืบทอดศาสนาพุทธนะครับ(ได้บุญครับ) ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับเจตนาของแต่ละคนด้วยครับ
นานแล้วที่ไม่ได้เข้ามา......จากต้น---ตรงนี้รู้สึกว่าผมจะออกความเห็นว่า บาป อยู่คนเดียวเลยแห่ะ...