ประวัติ เทวดานพเคราะห์ - 12 ราศี - webpra

เทวดานพเคราะห์

ประวัติ 12 ราศี

 

เทวดานพเคราะห์

 ประวัติความเป็นมา

ตามคัมภีร์เฉลิมไตรภพได้กล่าวไว้ว่า  เมื่อโลกถูกไฟบรรลัยกัลป์เผาผลาญเหลือแต่ความว่างเปล่า  บรรดาพระเวท  พระธรรมศาสตร์  ได้รวมตัวกัน  เกิดเป็นพระอิศวร  พระอิศวรจึงสร้างโลกใหม่ให้บังเกิดมี  มนุษย์  สัตว์  และพืช  ขั้นแรกสร้างพระอุมาภควดี  พระนารายณ์  และพระพรหมธาตุขึ้นก่อน  แล้วสำรอกเนื้องอกออกจากท้องเกิดเป็นแผ่นดิน  ถอดจุฑามณีออกจากผม  แล้วบันดาลให้เป็นเขาสุเมรุราช  และบันดาลให้เกิดธาตุทั้งปวงขึ้นในโลก  บังเกิดฝนตกลงมาห่าใหญ่  เมื่อฝนหายแล้ว  ลมหอบเอาไอดินหอมขึ้นไปถึงพรหมโลก  บรรดาพรหมหอมกลิ่นไอดินก็เกิดอยากเสพง้วนดิน  จึงแปลงเพศเป็นนางพรหมทั้งเจ็ด  ต่อมาได้คลอดบุตรเป็นชายหนึ่งคน  เป็นหญิงหกคน  เป็นต้นวงศ์ของมนุษย์โลก

พระอิศวรมีดำริว่า  เมื่อโลกมีมนุษย์  และสัตว์เกิดขึ้นแล้ว  สมควรจัดให้มีแสงสว่างส่องโลก  จึงได้ตั้งจักรราศีไว้  12  ราศี  ประกอบด้วยดาวฤกษ์  27  ฤกษ์  มีวิมานนพเคราะห์  9  วิมาน  เวียนรอบจักรราศีตามกำหนดเวลา  กำหนดให้มีสัตว์  12  นักกษัตรขึ้นเป็นนามคือ  หนูเป็นนามปีชวด  วัวเป็นนามปีฉลู  เสือเป็นนามปีขาล  กระต่ายเป็นนามปีเถาะ  งูใหญ่เป็นนามปีมะโรง  งูเล็กเป็นนามปีมะเส็ง  ม้าเป็นนามปีมะเมีย  แพะเป็นนามปีมะแม  ลิงเป็นนามปีวอก  ไก่เป็นนามปีระกา  สุนัขเป็นนามปีจอ  และหมูเป็นนามปีกุน  จากนั้น

  1. ได้สร้างพระอาทิตย์  จากราชสีห์  6  ตัว  พระอาทิตย์จึงมีกำลัง 6  มีเทวดานพเคราะห์คือ  พระสุริยาทิตย์เทพยนิกร  ทรงทิพยอาภรณ์พรายแพรวด้วยแก้วปัทมราช  สถิตอาสน์ราชไกรสรวราฤทธิ์แรงร้ายเรืองณรงค์  กับเทพยดาทั้งหลายผู้ทรงศักดาเดช  แวดล้อมเป็นบริวาร  สถิตในอีสานทิศ  (อาทิตย์สีแดง  มีราชขสีห์เป็นพาหนะ  ประจำทิศอีสาน)
    พระอาทิตย์พระอาทิตย์

  2. ได้สร้างพระจันทร์จากนางฟ้า  15  พระจันทร์จึงมีกำลัง  15  มีเทวดานพเคราะห์คือ  พระจันทร์เทพบุตร  ทรงทิพยอาภรณ์แก้วประพาฬพิจิตร  เสด็จด้วยอัสดรราชเรืองฤทธิ์ราบรอบเป็นบริวาร  สถิตในบูรพาทิศ  (พระจันทร์สีขาว  มีม้าเป็นพาหนะ  ประจำทิศบูรพา)
    พระจันทร์พระจันทร์

  3. ได้สร้างพระอังคารจากกระบือ  8  ตัว  พระอังคารจึงมีกำลัง  8  มีเทวดานพเคราะห์คือ  พระอังคารเทพยเรืองฤทธิ์  ทรงรัตนโกเมนวิมลมาศ  เถลิงอาสน์ราชกาสรเป็นพาหนะบาท  มีหมู่อมรเทวราชเรืองฤทธิ์เป็นบริวาร  สถิตในทิศาคเนย์  (พระอังคารสีแดงอย่างโกเมน  มีกะบือเป็นพาหนะ  ประจำทิศอาคเนย์)
    พระอังคารพระอังคาร

  4. ได้สร้างพระพุธจากช้าง  17  ตัว  พระพุธจึงมีกำลัง  17  มีเทวดานพเคราะห์คือ  พระพุธเทพยเทวา  ทรงทิพยอาภรณ์แก้วมรกต  ทรงคเชนทร์เป็นพาหนะ  อเนกเนื่องด้วยเทพยบริวารสถิตในทิศทักษิณ  (พระพุธสีเขียว  มีช้างเป็นพาหนะ  ประจำทิศทักษิณ
    พระพุธพระพุธ

  5. ได้สร้างพระพฤหัสบดีจากฤาษี  19  ตน  พระพฤหัสบดีจึงมีกำลัง  19  มีเทวดานพเคราะห์คือ  พระพฤหัสบดี  ทรงทิพยอาภรณ์สุวรรณรัตนรูจี  แจ่มด้วยดวงมุกดาหาร  ทรงมฤคราชผาดเผ่นทะยานผยองฟ้า  พร้อมด้วยเทพยสุราลัยเป็นบริวาร  สถิตที่สถานประจิมทิศ  (พระพฤหัสบดีสีเหลืองอย่างบุษราคัม  มีกวางทองเป็นพาหนะ  ประจำทิศประจิม)
    พระพฤหัสบดีพระพฤหัสบดี

  6. ได้สร้างพระศุกร์จากโค  21 ตัว  พระศุกร์จึงมีกำลัง  21  มีเทวดานพเคราะห์คือ  พระศุกร์เทวา  ทรงทิพาภรณ์เลื่อมประภัสสรโอภาส  ทรงพระยาโคอุสุภราชมหามงคลพาหนะพระที่นั่ง  สะพรั่งพร้อมไปด้วยเทพยบริวาร  มาสถิตในสถานอุดรทิศ  (พระศุกร์สีเลื่อมประภัสสร  มีโคอุสุภราชเป็นพาหนะ  ประจำทิศอุดร
    พระศุกร์พระอังคาร

  7. ได้สร้างพระเสาร์จากเสือ  10  ตัว  พระเสาร์จึงมีกำลัง  10  มีเทวดานพเคราะห์คือ  พระเสาร์เทวราช  ทรงรัตนมณีนิลเป็นทิพยอาภรณ์  ทรงพยัคฆพาหนะจร  เป็นจอมเทพยบริวาร  เสด็จสถิตในทิศหรดี  (พระเสาร์สีแดงคล้ำ (ดำ) มีเสือเป็นพาหนะ  ประจำทิศหรดี)
    พระเสาร์พระเสาร์

  8. ได้สร้างพระราหูจากหัวผีโขมด  12  หัว  พระราหูตจึงมีกำลัง  12  มีเทวดานพเคราะห์คือ  พระอสุรินทร์เรืองฤทธิ์  มหิทธานุภาพเกรียงไกร  พระทิยสุวรรณแสนสีใสสะอาด  มีมหาสุบรรณราชเป็นพาหนะ  อเนกเนืองแน่นในอัมพรวิถี  สะพรึบพร้อมด้วยสุรา  สุระเทพยอสุรีรายเรียงรอบเป็นบริวาร  ทรงสถิตในสถานพายัพทิศ  (พระราหูสีดอกตะแบก  มีครุฑเป็นพาหนะ  ประจำทิศพายัพ)
    พระราหู

  9. ได้สร้างพระเกตุจากพญานาค  9  ตัว  พระเกตุจึงมีกำลัง  9  มีเทวดานพเคราะห์คือ  พระเกตุเทวราช  ทรงซึ่งทิพยสุวรรณอาภรณ์วิภูษิต  ทรงพระยามังกรเรืองฤทธิ์เป็นพาหนะ  พร้อมด้วยเทพยสุราฤทธิ์เรืองเดช  แวดล้อมเป็นบริวาร  สถิตในสถานประจิมทิศ  (พระเกตุสีทงสุก  มีพญานาคเป็นพาหนะ  ประจำทิศประจิม  หรือทิศท่ามกลาง)
    พระเกตุ


เทวดานพเคราะห์ ลักษณะความเชื่อ

การบูชาเทวดานพเคราะห์  ซึ่งเป็นลัทธิที่นิยมกันอยู่นี้  ความประสงค์อันยิ่งใหญ่  คือปรารถนาให้เทพยดาผู้มีมหิทธิฤทธิ์อำนานช่วยเหลือป้องกัน  และปลดเปลื้องทุกข์ภัยพิบัติ  ยังความเกษมสวัสดิ์ให้บังเกิดมี  เป็นธรรมดาของมนุษย์ผู้มีจิตใจสูง  เมื่อได้ประสบทุกข์เข็ญแล้ว  ก็พยายามหลีกเลี่ยง  หรือแก้ไขทุกข์ภัยด้วยอุบายพิธีต่าง ๆ จึงได้ประกอบพิธีบูชาเทพเจ้าด้วยวรามิสอันวิจิตรบรรจงนานาประการ  โดยวิธีทำให้ท่านชอบ  และหวังผลตอบแทนคือ  ความสุขสำราญนิราศภัย  แต่การบูชาเทพดานพเคราะห์  อันเป็นลัทธิไสยศาสตร์  ซึ่งต้องอาศัยคติพุทธศาสตร์เข้าแทรกปนอยู่ด้วยนี้  ย่อมเป็นข้อนำให้สันนิษฐานว่า  ผู้ที่จะได้เป็นเทวดานั้น  ต้องอบรมคุณงามความดี  จนบารมีแก่กล้าสิ้นกาลช้านานจึงเป็นเทวดาได้  เมื่อผู้ใดบูชาสักการะเทวดา  ก็เป็นผู้ที่เคารพนับถือและบูชาผู้มีคุณงามความดีนั่นเอง  และเป็นอันเชื่อได้ว่า  ได้บำเพ็ญกรณีส่วนเทวดาพลี  การบูชาผู้ทรงคุณงามความดีจะหาโทษมิได้  ย่อมให้ประสบแต่ผลดี  คือความเจริญโดยส่วนเดียว  โดยเหตุที่เทวดาพลีธรรมิกสักการเป็นอปริหานิยปฏิบัติ  เป็นที่ตั้งแห่งสุขสวัสดิ์วิบูลย์ผลนี้แล  เนื่องจากในตำรากล่าวไว้ว่า  ดาวพระเคราะห์โคจรเปลี่ยนที่อยู่เสมอทุกดวง  ต่างก็มีฤทธิ์อำนาจอันเกิดจากไฟฟ้า  แม่เหล็ก  ธาตุ  แสง  สี  อากาศ  ร้อนเย็นผิดแผกกัน  เมื่อดวงใดโคจรมาใกล้ส่วนใดของโลก  ก็สามารถบันดาลให้สรรพสิ่งทั่งหลายทั้งปวง  เปลี่ยนสภาพไปตามฤทธิ์อำนาจ  เป็นคุณหรือโทษของดวงดาวนั้น ๆ  มนุษย์ผู้มีจิตใจสูงจึงได้ประกอบพิธีบูชาเทวดานพเคราะห์  หรือการบูชาเทวดาประจำวันเกิดของตน  เพื่อความเจริญ  ความสุขสำราญนิราศภัย  รวมถึงให้ปกป้องคุมครองต่าง ๆ นานานั่นเอง


ข้อมูลอ้างอิง : http://www.watphananchoeng.com/watphananchoeng/index.php?option=com_content&view=article&id=33:2011-07-11-18-50-53&catid=4:god&Itemid=46
ข้อมูลภาพ : http://board.postjung.com/600168.html
ข้อมูลภาพ : http://www.watsaman.com/nopakaor.htm

Top