เจ้าแม่กวนอิม
ประวัติ (เทพเจ้าแห่งความเมตตา)
เจ้าแม่กวนอิม
( ภาพที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ )
ประวัติความเป็นมา
เจ้าแม่กวนอิมเกิดเมื่อปลายราชวงศ์โจว แผ่นดินจงหยวน วันที่ 19 เดือนยี่จีน มีเมืองหนึ่งทางทิศตะวันตกมีชื่อว่า ซินหลิน ขณะนั้นผู้ครองเมืองมีชื่อว่า เมี่ยวจ้วน ซึ่งไม่เลื่อมใสในพุทธศาสนา ปกครองบ้านเมืองอย่างปราศจากทศพิธราชธรรม มีมเหสีชื่อว่า เป่าเต๋อ ทั้งสองไม่มีบุตรชาย มีเพียงราชธิดา 3 องค์ องค์โตชื่อเมี่ยวอิม องค์รองชื่อเมี่ยวหยวน องค์สุดท้องชื่อเมี่ยวซ่าน คือพระแม่กวนอิมนั่นเอง ตอนเยาว์วัยองค์หญิงเมี่ยวซ่านเป็นพุทธมามกะ ไม่กินเนื้อสัตว์ และมีจิตใจที่ชอบช่วยเหลือผู้อื่นมีความรู้แจ้งในหลักพุทธธรรมาอย่างลึก ซึ้ง ทรงตั้งพระทัยแน่วแน่ที่จะบำเพ็ญเพียรเพื่อความหลุดพ้น จึงตั้งปณิธานเข้าสู่เพศบรรพชิต (ออกบวชวันที่ 9 เดือน 9) โดยมีหลงหลี่ยน นางกำนัลบวชติดตามไปด้วย ตอนนั้นพระบิดาเมี่ยวจ้วนไม่เห็นด้วย จะบังคับให้เลือกราชบุตรเขย เพื่อจะได้สืบทอดราชบัลลังก์ต่อไป แต่องค์หญิงเมี่ยวซ่านไม่สนพระทัยเรื่องลาภ ยศสรรเสริญ แม้จะถูกพระบิดากลั่นแกล้งอย่างไร ก็ไม่เคยนึกโกรธเคืองแต่อย่างใด พระบิดาได้หาวิธีทรมานเพื่อให้เปลี่ยนความตั้งใน โดยขับไล่ให้ทำงานหนักในสวนดอกไม้ แต่ก็มีเหล่ารุกขเทวดามาช่วยทำแทนให้ทั้งหมด พระบิดาเมื่อเห็นว่าไม่ได้ผล จึงรับสั่งให้แม่ชีนำองค์หญิงเมี่ยวซ่านไปอยู่วัดนกยูงขาว และให้เอางานของแม่ชีทั้งหมดมอบให้องค์หญิงทำคนเดียว แต่องค์หญิงก็มีพระทัยเด็ดเดี่ยวยิ่งนัก มีเหล่าเทพารักษ์มาช่วยทำแทนให้อีก กษัตริย์เมี่ยวจ้วนเข้าพระทัยว่า พวกแม่ชีไม่กล้าเคี่ยวเข็ญให้ทำงานหนัก ก็ทรงกริ้ว สั่งให้ทหารเผาวัดนกยูงขาวจนวอดเป็นจุณไปพร้อมกับพวกแม่ชีทั้งวัด มีเพียงองค์หญิงเมี่ยวซ่านเท่านั้นที่ปลอดภัยรอดมาได้ กษัตริย์เมี่ยวจ้วนทรงทราบดังนั้น จึงรับสั่งให้นำตัวราชธิดาไปประหารชีวิต ตอนนั้นมีเทพารักษ์คอยคุ้มครองเจ้าหญิงอยู่ โดยเนรมิตทองคำทิพย์เป็นเกราะหุ้มพระวรกาย คมดาบของทหารจึงไม่อาจระคายพระวรกาย จนดาบหักสะบั้นถึง 3 ครั้ง 3 ครา พระบิดาทรงกริ้วยิ่งนัก โดยเข้าพระทัยว่าทหารไม่กล้าประหารชีวิต จึงรับสั่งให้ประหารนายทหารแทน แล้วรับสั่งให้จับองค์หญิงไปแขวนคอ ทว่าผ้าแพรที่แขวนคอก็ขาดสะบั้นลงอีก ทันใดนั้นปรากฏมีเสือเทวดาตัวหนึ่ง ได้นำองค์หญิงขึ้นพาดหลังแล้วพาหนีไปที่เขาซียงซัน ต่อมาเทพไท่ไป๋ได้แปลงร่างเป็นชายชรามาโปรดองค์หญิง ชี้แนะเคล็ดวิธีการบำเพ็ญเพียรเพื่อดับทุกข์ จนสามารถบรรลุมรรคผลสำเร็จธรรม (วันที่ 19 เดือน 6) ต่อมาไม่นานบาปกรรมที่กษัตริย์เมี่ยวจ้วนได้ก่อไว้ก็ส่งผล เกิดล้มป่วยด้วยโรคร้ายแรง ไม่มียาใดรักษาให้หายได้ ไต้ซือเมี่ยวซ่านทรงทราบด้วยญาณวิถีว่า พระบิดากำลังประสบเคราะห์กรรมอย่างหนัก ด้วยความกตัญญูกตเวที ทรางได้สละดวงตาและแขนสองข้างเพื่อรักษาพระบิดาจนหายจากโรคร้าย แล้วกลับไปบำเพ็ญภาวนาต่อ ไต้ซือเมี่ยวซ่านได้พบกับเด็กน้อยที่ชื่อว่า เซิ่นอิง เป็นเด็กที่ซุกซน มักจะมาเที่ยวเล่นในขณะที่ไต้ซือเมี่ยวซ่านกำลังบำเพ็ญภาวนาอยู่ วันหนึ่งไต้ซือเมี่ยวซ่านได้เรียกเหล่าภิกษุณีมาเพื่อบอกว่า จะละสังขารแล้ว ขอให้ทุกคนเตรียมการให้พร้อม ขณะที่ไต้ซือเมี่ยวซ่านนั่งสมาธิอยู่ โดยมีพระภิกษุณีสวดมนต์อยู่ เด็กน้อยเซิ่นอิงเห็นดังนั้น นึกซนคิดว่าจะแกล้งทำให้ตกใจ จึงไปหยิบไม้เคาะกล่อง (ไม้ที่เคาะกล่องจังหวะเวลาพระจีนสวด) ย่องเข้าไปด้านหน้าไต้ซือเมี่ยวซ่าน เซิ่นอิงได้ตวาดเสียงดังก่อนที่จะยกไม้ตีที่กระหม่อมของไต้ซือเมี่ยวซ่าน ทำให้เหล่าภิกษุณีต่างตกใจ หลังจากนั้นทุกคนก็ได้เห็นธรรมกายลอยขึ้น เป็นพระโพธิสัตว์เจ้าแม่กวนอิม ไปกราบลากษัตริย์เมี่ยวจ้วน และไปเขาโปตละโลกาแห่งทะเลทักษิณ ซึ่งเป็นที่พำนักของพระองค์ ส่วนแม่ชีหยงเหลี่ยน เมื่อบำเพ็ญเพียรจนสำเร็จก็ได้ขึ้นไปรับใช้พระโพธิสัตว์เจ้าแม่กวนอิมต่อไป โดยมีชื่อว่า “เซียน หลง หนี่” (เง็ก นึ่ง) ส่วนเด็กน้อยเซิ่นอิง เมื่อได้เห็นพระโพธิสัตว์เจ้าแม่กวนอิมบรรลุธรรมจึงเกิดความศรัทธา และสำนึกในทันที โดยภายหลังพระโพธิสัตว์เจ้าแม่กวนอิม ได้ไปโปรดให้บรรลุธรรมเป็น
“ส้าน ไฉ ถง จื้อ” (กิมท้ง) พระโพธิสัตว์เจ้าแม่กวนอิมตอนแรกเป็นชาวพุทธ ตอนหลังเทพไท่ไป๋ได้มาโปรด ชี้แนะหนทางดับทุกข์ ด้วยเหตุนี้ พระโพธิสัตว์เจ้าแม่กวนอิมจึงเป็นเทพทั้งฝ่ายพุทธ และฝ่ายเต๋าในเวลาเดียวกัน ซึ่งบางตำนานบ้างก็ว่ามีธรรมกายเป็นบุรุษ บ้างก็ว่าเป็นสตรี แม้องค์จะเป็นพุทธกาย หากแต่เสด็จลงมาเพื่อสดับฟังเสียงกับผู้มีบุญสัมพันธ์ ทรงโปรดอวตารมาในรูปบุคคลซึ่งเหมาะสม ต่อการช่วยเหลือ ตามแต่โอกาส และสถานการณ์ การปรากฏกายของพระโพธิสัตว์เจ้าแม่กวนอิมจึงไม่เหมือนกัน มีรูปลักษณ์หลายลักษณะ เป็นบุรุษบ้าง สตรีบ้าง ตามแต่ผู้พบเห็นในตำนาน ดังมีหลักฐานต่าง ๆ แต่จะได้รับการยกย่องในรูปสตรีมากในพุทธศาสนามหายาน
สำหรับตำนานของเจ้าแม่กวนอิมปางพันมือ เป็นปางหนึ่งของมหาโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร เมื่อประมาณหนึ่งหมื่นปีมาแล้ว เกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ในประเทศจีน ฝนตกหนักน้ำในแม่น้ำฮวงโห หรือแม่น้ำวิปโยคท่วทท้น ผู้คนจำนวนมากถูกกระแสน้ำพัดพาไป พุทธศาสนิกชนได้สวดมนต์วิงวอนต่อพระโพธิสัตว์กวนอิมขอให้ทรงช่วย ทำให้พระองค์ต้องเสด็จลงมาช่วยผู้ที่ถูกน้ำท่วม แต่การมีเพียงสองมือ ย่อมช่วยได้ไม่ทันเหตุการณ์ พระองค์จึงทรงตั้งจิตอธิษฐาน ว่าขอให้มีพันเนตรพันกร จะได้ช่วยคนได้ครั้งละพันคน และทันใดนั้นก็เกิดปาฏิหาร์ตามที่ทรงอธิฐานนั้น พุทธศาสนิกชนชาวจีน จึงสร้างองค์สมมติพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรปางพันเนตรพันกรขึ้น
ลักษณะความเชื่อ
โดยมากแล้วผู้ที่ศรัทธา หรือบูชาพระโพธิสัตว์เจ้าแม่กวนอิม จะไม่รับประทานเนื้อวัว ด้วยมีความเชื่อกันว่า เจ้าแม่กวนอิมมีความกตัญญูกตเวทีต่อพระบิดายิ่งนัก เมื่อกษัตริย์เมี่ยวจ้วนสิ้นอายุขัย ต้องไปเกิดเป็นวัวเพื่อชดใช้กรรม ผู้ที่บูชาพระโพธิสัตว์เจ้าแม่กวนอิมจึงไม่บริโภคเนื้อวัวนั่นเอง และด้วยพระโพธิสัตว์เจ้าแม่กวนอิมได้ถูกยกย่องว่าเป็น “เจ้าแม่แห่งความเมตตา” และยังวนเวียนอยู่บนโลกมนุษย์ เพื่อคอยช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก แก่ผู้มีบุญสัมพันธ์ ตามแต่โอกาส และสถานการณ์ จึงมีผู้ศรัทธา กราบไหว้บูชา และสร้างรูปองค์จำลอง หลายต่อหลายปาง ไว้เพื่อบูชากราบไหว้ ให้บันดาลความผาสุก จิตใจผ่องใส คอยปัดเป่าช่วยเหลือยามเกิดทุกข์ภัย และเพื่อเป็นสัญลักษณ์แสดงถึงความเอื้ออาทรที่ทรงโปรดสัตว์ผู้อยู่ในห้วง ทุกข์อันหาขอบเขตมิได้ บางคนบูชาพร้อมถือศีลกินเจด้วยก็มี
ข้อมูลอ้างอิง : http://www.watphananchoeng.com/watphananchoeng/index.php?option=com_content&view=article&id=30:2011-07-11-18-50-53&catid=4:god&Itemid=43