
หลวงพ่อสนอง กตปุญโญ

ประวัติ วัดสังฆทาน ต.บางไผ่ อ.เมือง จ.นนทบุรี
บันทึกภาพนี้เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑๓ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๓
ณ ป่าช้าเฟรสฮอฟโอลซดอร์ฟ (Friedhof Ohlsdor) เมืองฮัมบูร์ก ประเทศเยอรมนี
หลวงพ่อสนองนั่งพิงสุสานชาวคริสต์ และร่วมนั่งภาวนาพร้อมคณะอีก ๒๒ คน
ประวัติและปฏิปทา
หลวงพ่อสนอง กตปุญโญ
วัดสังฆทาน
ต.บางไผ่ อ.เมือง จ.นนทบุรี
๏ อัตชีวประวัติ
หลวงพ่อสนอง กตปุญฺโญ พระนักเผยแผ่ธรรมและพระนักปฏิบัติด้านวิปัสสนากรรมฐานชื่อดัง มีนามเดิมว่า สนอง โพธิ์สุวรรณ เกิดเมื่อวันที่ ๕ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๗ ตรงกับวันพุธ ขึ้น ๑๓ ค่ำ เดือน ๕ (๔ ฯ ๕) ปีวอก จ.ศ. ๑๓๐๕ ณ ต.หนองผักนาก อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี ซึ่งในวันที่ท่านเกิดนั้นได้เกิดสิ่งอัศจรรย์ คือ มีลูกเห็บตกลงมาจากท้องฟ้า ซึ่งผู้คนในบ้านต่างตื่นเต้นยินดี และคิดว่าเด็กที่เกิดในวันนี้ต้องเป็นผู้มีบุญมาเกิดแน่นอน จึงจัดหาพานมารับเด็กที่พึ่งคลอด และขนานนามเด็กชายคนนี้ว่า สนอง โยมบิดาชื่อ นายเอม โพธิ์สุวรรณ (ต่อมาได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ มีนามฉายาว่า อริยวํโส) โยมมารดาชื่อ นางแม้น โพธิ์สุวรรณ (ต่อมาได้ถือศีลออกบวชเป็นแม่ชี) มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันทั้งหมด ๙ คน ท่านเป็นบุตรคนที่ ๗ มีชื่อตามลำดับดังนี้
๑. นางจอง ศรีสำแดง
๒. นางลูกจันทร์ วงค์กฏ
๓. นางบรรจง ปานสุวรรณ
๔. ทารกเพศหญิง เสียชีวิตขณะคลอด
๕. นายบุญทรง โพธิ์สุวรรณ
๖. นางชะอม บุญประสม
๗. หลวงพ่อสนอง กตปุญฺโญ
๘. นายเสนาะ โพธิ์สุวรรณ
๙. พระพงษ์ศักดิ์ สีลเปโม
๏ การบรรพชา
ครั้นเมื่ออายุประมาณ ๑๕ ปี ได้เข้าพิธีบรรพชาเป็นสามเณร ณ วัดไชนาวาส ต.ท่าพี่เลี้ยง อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี แล้วมีโอกาสศึกษาบาลีนักธรรมอยู่ ๒ ปี จนสามารถสอบไล่ได้นักธรรมชั้นตรี
๏ การอุปสมบท
ครั้นอายุครบ ๒๐ ปีบริบูรณ์ ได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ เมื่อวันที่ ๒๙ เมษายน พ.ศ. ๒๕๐๗ ณ พัทธสีมาวัดดอนไร่ ต.หนองสะเดา อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี โดยมี พระครูสุวรรณวุฒาจารย์ (หลวงพ่อมุ่ย พุทธรักขิโต) วัดดอนไร่ เป็นพระอุปัชฌาย์, พระบุญทรง วัดหนองไผ่ จ.สุพรรณบุรี เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ พระบุญยก วัดดอนไร่ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับนามฉายาว่า “กตปุญฺโญ” ซึ่งแปลว่า “ผู้มีบุญอันได้กระทำแล้ว, ผู้ทำบุญไว้แล้วแต่ปางก่อน” ท่านอุปสมบทได้เพียงพรรษาเดียวก็เริ่มออกเดินธุดงค์ไปทางภาคอีสาน
พระครูสุวรรณวุฒาจารย์ (หลวงพ่อมุ่ย พุทธรักขิโต)
หลวงพ่อสนอง กตปุญโญ วัดสังฆทาน จ.นนทบุรี
พระอาจารย์พงษ์ศักดิ์ สีลเปโม พระน้องชายของหลวงพ่อสนอง กตปุญโญ
หลวงพ่อสังวาลย์ เขมโก
๏ ลำดับการจำพรรษา
• พรรษาที่ ๑ พ.ศ. ๒๕๐๗
วัดหนองไผ่ ต.หนองผักนาก อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี
หลังจากที่อุปสมบทแล้ว หลวงพ่อสนอง กตปุญฺโญ ได้ประพฤติปฏิบัติตามศีลอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะข้อ ๑๐ (ชาตะรูปะระชะตะปะฏิคคะหะณา เวระมะณี) คือ เจตนาเว้นจากการรับเงินทองหรือยินดีในเงินทองที่เขาเก็บไว้เพื่อตน ท่านออกธุดงค์ประมาณ ๗ เดือน ได้ข่าวโยมมารดามาบวชชี ณ วัดทุ่งสามัคคีธรรม ต.หนองผักนาก อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี จึงรีบเดินทางมาพบโยมมารดาด้วยความปีติดีใจ และได้พบ หลวงพ่อสังวาลย์ เขมโก จึงได้ถวายตัวเป็นศิษย์ หลวงพ่อสังวาลย์ได้แนะนำให้หลวงพ่อสนองเข้าห้องกรรมฐานบ่มอินทรีย์ เจริญสติปัฏฐาน ๔ ณ ป่าช้าวัดหนองไผ่ เช่นเดียวกับที่ท่านเคยปฏิบัติที่ป่าช้าวัดบ้านทึง โดยสมาทานไม่พูด ไม่เขียน (พูดเขียนได้แต่เฉพาะกับหลวงพ่อสังวาลย์รูปเดียวเท่านั้น) และได้สมาทานธุดงค์ ๗ ข้อคือ
(๑) เตจีวริกังคะ ถือเพียงไตรจีวรเป็นวัตร
(๒) เอกาสนิกังคะ ถือนั่งฉันเพียงอาสนะเดียวเป็นวัตร
(๓) ปัตตปิณฑิกังคะ ถือฉันเฉพาะในบาตรเป็นวัตร
ไม่ใช้ภาชนะใส่อาหารเกินหนึ่งอย่างคือบาตร
(๔) ขลุปัจฉาภัตติกังคะ ถือห้ามภัตที่ถวายภายหลังเป็นวัตร
แม้อาหารที่ถวายภายหลังจะประณีตกว่า
(๕) โสสานิกังคะ ถืออยู่ป่าช้าเป็นวัตร
(๖) ยถาสันถติกังคะ ถืออยู่ในเสนาสนะแล้วแต่เขาจัดให้เป็นวัตร
(๗) เนสัชชิกังคะ ถือการนั่งเป็นวัตร เว้นการนอน อยู่ได้เพียง ๓ อิริยาบถ
(เฉพาะธุดงควัตร ข้อ ๗ นี้ เริ่มปฏิบัติหลังจากอยู่ป่าช้าแล้ว ๓ เดือนแล้วถือมาตลอด
จนกระทั่งปี พ.ศ. ๒๕๓๒ เมื่อโยมมารดาถึงแก่กรรม จึงได้เลิกเนื่องจากสุขภาพไม่อำนวย)
• พรรษาที่ ๒-๔ พ.ศ. ๒๕๐๘-๒๕๑๐
ป่าช้าวัดหนองไผ่ ต.หนองผักนาก อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี
การปฏิบัติในป่าช้า หลวงพ่อสังวาลย์จะมาสอบอารมณ์กรรมฐานหลวงพ่อสนอง ๑ เดือน หรือ ๒ เดือน ต่อครั้ง ผลการปฏิบัติในป่าช้าทำให้ท่านเชื่อในนรกสวรรค์ เชื่อว่ามรรคผลนิพพานมีจริง หลวงพ่อสังวาลย์กล่าวชมหลวงพ่อสนองว่าเป็น พระภิกษุสุวโจ คือเป็นคนที่ว่าง่าย สอนง่าย ไม่ดื้อ ไม่รั้น สอนอะไรก็ทำตามได้หมด
• พรรษาที่ ๕-๖ พ.ศ. ๒๕๑๑-๒๕๑๒
สำนักป่าพุทธอุทยานเขาถ้ำหมี (วัดเขาถ้ำหมี)
ต.หนองมะค่าโมง อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี
หลังจาก ๓ ปีผ่านไป หลวงพ่อสนองขออนุญาตหลวงพ่อสังวาลย์ออกจากห้องกรรมฐาน หลวงพ่อสังวาลย์เห็นสมควรแล้วจึงอนุญาต และได้พูดถึงความดีของพระสงฆ์ให้ฟัง ต่อมาหลวงพ่อสนองได้กราบลาหลวงพ่อสังวาลย์เพื่อออกธุดงค์หาที่สงบวิเวกและเที่ยวชมวัดร้าง โดยไม่คิดที่จะเป็นครูบาอาจารย์สอนใคร แต่หลวงพ่อสังวาลย์คิดว่าพระรูปนี้ต่อไปจะต้องสั่งสอนคนแน่นอน จึงมอบกลดของท่านที่หลวงพ่อเกลื่อนทำถวาย ซึ่งหลวงพ่อสังวาลย์ใช้เดินธุดงค์เป็นเวลาหลายปีให้กับหลวงพ่อสนอง การเดินธุดงค์ของหลวงพ่อสนองจะเดินไปตลอด ไม่ยอมขึ้นรถ เมื่อพบคนไม่มีรองเท้าก็ถอดให้ ตัวท่านเองจะเดินเท้าเปล่า
ปี พ.ศ. ๒๕๑๑ วัดร้างวัดแรกที่ท่านมาชมโดยมิได้ตั้งใจคือ วัดสังฆทาน ร้างอยู่กลางสวน มีเพียงองค์หลวงพ่อโตกับศาลาไม้มุงสังกะสีเก่าๆ และฐานอิฐเก่าๆ บนที่ไร่เศษ สถานที่สงบเย็น ร่มรื่น เหมาะกับการปฏิบัติธรรม หลวงพ่อสนองพิจารณาแล้วคิดสร้างวัดสังฆทานให้เป็นศูนย์กลางในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาตามหลักธุดงคกรรมฐาน เพราะที่ตั้งของวัดอยู่ใกล้แหล่งรวมของผู้มีปัญญาและกำลังซึ่งจะเป็นกำลังของพระศาสนาได้ดี
แต่ขณะนั้นตัวท่านคิดว่าตนเองยังมีบารมีไม่เพียงพอที่จะเป็นผู้นำที่นี่ได้ ด้วยเหตุผลที่ว่าที่นี่ไม่เหมือนที่อื่น การจะเข้ามาทำอะไรนั้นทำได้ยาก จะต้องให้เขาเห็นดี ให้เขาเข้าใจ เพราะเป็นการเผยแผ่ธรรมะให้กับผู้มีปัญญา ท่านจึงตั้งใจธุดงค์กลับไปปฏิบัติธรรมที่ถ้ำพุข่อย จ.สุพรรณบุรี แต่มีเหตุให้ต้นไม้ล้มขวางเส้นทางลบหายไปหมด ท่านจึงเดินย้อนมาอีกทางก็มาพบเขาถ้ำหมี จึงเปลี่ยนใจปฏิบัติธรรมที่เขาถ้ำหมี จ.สุพรรณบุรี และถ้ำกระเปาะ จ.ชุมพร อีกเป็นเวลา ๖ ปี โดยท่านได้ฝึกกสิณดินและกสิณไฟ ได้ดวงกสิณดินที่ถ้ำหมีนั่นเอง
• พรรษาที่ ๗-๙ พ.ศ. ๒๕๑๓-๒๕๑๕
ถ้ำกะเปาะ ต.สลุย อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร
หลวงพ่อสนองเดินทางมาที่ถ้ำกะเปาะ พิจารณาแล้วว่าเป็นสถานที่เหมาะสำหรับการฝึกปฏิบัติของพระสงฆ์มาก แต่มีไข้มาลาเรียชุกชุม ที่นี่หลวงพ่อได้มาฝึกกสิณน้ำ กสิณลม ส่วนกสิณไฟได้มาฝึกต่ออีกครั้งจนเกิดดวงกสิณ การเผยแผ่ธรรมในช่วงนี้จะมีเพียงเล็กน้อย มีญาติโยมมาฝึกสมาธิบ้าง ที่ถ้ำกะเปาะมีเหตุการณ์ที่สนุกประทับใจหลายเรื่อง มีพระที่ตามไปปฏิบัติธรรมกับท่านคือ หลวงพ่อประทีป สมฺปุณฺโณ ต่อมาหลวงพ่อได้แต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดต้นตาลโตน ต.ป่าแดด อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ท่านมรณภาพลงเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๔
• พรรษาที่ ๑๐ พ.ศ. ๒๕๑๖
สำนักป่าพุทธอุทยานเขาถ้ำหมี (วัดเขาถ้ำหมี)
ต.หนองมะค่าโมง อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี
หลวงพ่อสนองเดินทางกลับมาที่ถ้ำหมีอีกครั้งเพื่อมาโปรดญาติโยมและสร้างโรงเรียน มีญาติโยมศรัทธามาปฏิบัติเป็นประจำ ในวันหนึ่งท่านปีนขึ้นไปบนยอดเขาและได้ก้าวพลาดตกลงมา หลังกระแทกกับหินทำให้กระดูกที่หลังแตก จากนั้นเป็นต้นมาท่านจะปวดหลังตลอดเวลา ไม่ว่ายืน เดิน นั่ง นอน ปวดจนเป็นปกติ เวลานั่งสอนสมาธิก็จะเจ็บปวด ขาทั้งสองจะชามาก ท่านไม่ได้ให้หมอรักษา แต่ใช้ความอดทนข่มความเจ็บปวดเนื่องจากไม่ต้องการให้ใครทราบและเป็นห่วง โดยเฉพาะโยมมารดาซึ่งขณะนั้นเป็นแม่ชีอยู่ที่วัดสังฆทาน แต่หลังจากโยมมารดาถึงแก่กรรม (พ.ศ. ๒๕๓๒) ท่านจึงได้เล่าให้ญาติโยมฟังและไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลศิริราช กรุงเทพฯ
หลวงปู่สงฆ์ พรหมสโร
• พรรษาที่ ๑๑-๒๔ พ.ศ. ๒๕๑๗-๒๕๓๐
วัดสังฆทาน ต.บางไผ่ อ.เมือง จ.นนทบุรี
หลังจากที่ฝึกกสิณดิน กสิณน้ำ กสิณลม และกสิณไฟ เป็นเวลาทั้งหมด ๖ ปี หลวงพ่อสนองจึงเดินทางกลับมาวัดสังฆทานอีกครั้งในปี พ.ศ. ๒๕๑๗ เพื่อจำพรรษาร่วมกับพระสงฆ์อีก ๕ รูป ด้วยข้อวัตรปฏิปทาตามหลักธุดงคกรรมฐาน ชาวบ้านบางคนตั้งข้อหาท่านว่าเป็นพระคอมมิวนิสต์ สภาพความเป็นอยู่จึงยากลำบาก ถูกข่มขู่ด้วยปืนและการปาระเบิด บิณฑบาตเกือบไม่ได้ เมื่อนำอาหารมาเทรวมกันก็มีจำนวนน้อยมาก พระสงฆ์ทุกรูปไม่ยอมตักอาหารใส่บาตร หลวงพ่อต้องเป็นผู้ตักใส่บาตรให้ น้ำดื่มต้องตักจากบ่อเก่ามาต้มฉัน ไม่มีน้ำปานะ ไม่มีไฟฟ้า หลังจากนั้นก็มีพระเณรตามมาอีก แต่ต่อมาก็หนีกลับเพราะบิณฑบาตแล้วไม่พอฉัน
ช่วงนี้ท่านใช้หลักการเผยแผ่ธรรมด้วยความสงบด้วยการปฏิบัติ ท่านเล่าว่ามีนิมิตเกิดขึ้น คือ หมีเดินเข้ามาหา ต่อมาหมีก็กลายเป็นหมู จากหมูก็กลายเป็นเณรมานั่งตักท่าน นโยบายของท่านเริ่มต้นด้วยการสร้างบุคลากรโดยมุ่งฝึกฝนพระสงฆ์ที่มาบวช พระสงฆ์ที่จะออกมาทำงานให้กับสังคมต้องเก็บตัวปฏิบัติก่อน จนกว่าจะมีธรรมะและสามารถนำธรรมะมาใช้ได้ จึงจะให้ออกมาทำงาน
ปี พ.ศ. ๒๕๑๗ ได้เดินทางไปกราบ หลวงปู่สงฆ์ พรหมสโร ณ วัดอาวุธวิกสิตาราม แขวงบางพลัด เขตบางพลัด กรุงเทพฯ ปรารภถึงสถานที่ปฏิบัติธรรม พิจารณาเห็นว่าวัดร้างกลางสวนบริเวณ ต.บางไผ่ อ.เมือง จ.นนทบุรี มีพระพุทธรูปใหญ่เป็นพระประธาน (องค์หลวงพ่อโต) มีความเป็นสัปปายะอันหาได้ยาก ทั้งบริเวณตั้งอยู่ใกล้เมืองหลวง จึงได้บูรณปฏิสังขรณ์และขอพระราชทานวิสุงคามสีมาตั้งเป็นวัดสังฆทาน เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๒
ปี พ.ศ. ๒๕๑๘ หลวงพ่อสนองไปรับ พระอาจารย์พลอย เตชพโล แห่งวัดเขาภูคา ต.หัวหวาย อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ มาช่วยเป็นหัวหน้าช่างในการบูรณะ องค์หลวงพ่อโต พร้อมพระเณรประมาณ ๑๐ กว่ารูป รวมทั้งชาวบ้านญาติโยม การบูรณะที่แขนชำรุดมากต้องเอาแป๊บน้ำใส่แล้วโบกปูนทับ ส่วนที่ใดเนื้อปูนยุ่ยก็ขูดออกแล้วโบกปูนทับ นำปูนเก่ามาผสมปั้นเป็นหลวงพ่อสังกัจจายน์ (พระมหากัจจายนะ)
ปี พ.ศ. ๒๕๒๕ ท่านได้ก่อตั้ง มูลนิธิพุทธอเนกประสงค์ วัดสังฆทาน ขึ้นเพื่อช่วยเผยแผ่พระพุทธศาสนาและช่วยหมู่คณะได้ดีขึ้น มูลนิธิฯ จะเป็นตัวแทนของท่านในอนาคต ซึ่งในปัจจุบันการเผยแผ่พระพุทธศาสนาของท่านได้ดำเนินไปในนามของมูลนิธิฯ เพื่อประโยชน์เพื่อความสุขของมวลมนุษย์ชาติด้วยความเมตตา
• พรรษาที่ ๒๕ พ.ศ. ๒๕๓๑
วัดสันติวงศาราม (วัดสังฆทาน) เมืองเบอร์มิงแฮม ประเทศอังกฤษ
หลวงพ่อสนองได้เดินทางไปจำพรรษา ณ วัดสันติวงศาราม (เดิมชื่อ วัดสังฆทาน) เมืองเบอร์มิงแฮม ประเทศอังกฤษ โดยขณะนั้นมีพระสุรชัย อภิชโย (ปัจจุบันลาสิกขาแล้ว) เป็นเจ้าอาวาส หลวงพ่อพยายามฝึกฝนเรียนรู้ภาษาอังกฤษ เพื่อที่จะใช้สอนสมาธิและอธิบายธรรมะให้กับชาวต่างชาติ เพราะต่อไปเมืองไทยจะมีชาวต่างชาติมาศึกษาฝึกสมาธิกันเป็นจำนวนมาก และจะกลายเป็นศูนย์กลางในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาให้กับชาวต่างชาติทั่วโลก ที่ประเทศอังกฤษมีญาติโยมคนไทยมาฝึกสมาธิและทำบุญประมาณ ๕๐๐ ครอบครัว
องค์หลวงพ่อโต ในยุคแรก
“องค์หลวงพ่อโต” พระประธานในอุโบสถแก้ว
พระบรมสารีริกธาตุที่อัญเชิญมาจากประเทศศรีลังกา ประดิษฐาน ณ อุโบสถแก้ว
อัฐิธาตุของครูบาอาจารย์ต่างๆ ประดิษฐาน ณ อุโบสถแก้ว
บริเวณรอบๆ อุโบสถแก้ว มีความสงบเงียบ
นักปฏิบัติธรรมมักใช้เป็นที่สำหรับเดินจงกรม
ป้ายชื่อ “วัดสังฆทาน” ต.บางไผ่ อ.เมือง จ.นนทบุรี
กำแพงรั้ว “วัดสังฆทาน”
• พรรษาที่ ๒๖-๓๔ พ.ศ. ๒๕๓๒-๒๕๔๐
วัดสังฆทาน ต.บางไผ่ อ.เมือง จ.นนทบุรี
หลวงพ่อสนองกลับมาจำพรรษาอยู่ ณ วัดสังฆทาน จ.นนทบุรี หลังจากที่ได้วางรากฐานการเผยแผ่พระพุทธศาสนาตามหลักธุดงคกรรมฐานที่ประเทศอังกฤษแล้ว
ปี พ.ศ. ๒๕๓๒ แม่ชีแม้น โพธิ์สุวรรณ (มารดาของหลวงพ่อสนอง) ได้ถึงแก่กรรม
ปี พ.ศ. ๒๕๓๔ หลวงปู่เอม อริยวํโส สิริอายุรวมได้ ๙๔ ปี พรรษา ๓๔ (บิดาของหลวงพ่อสนอง) ได้มรณภาพลงเมื่อวันที่ ๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๓๔
ปี พ.ศ. ๒๕๔๐ หลวงพ่อสนองสร้างสำนักสงฆ์เขายายแสง ต.หมูสี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา
• พรรษาที่ ๓๕-๔๒ พ.ศ. ๒๕๔๑-๒๕๔๘
วัดถ้ำกฤษณาธรรมาราม ต.หมูสี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา
หลวงพ่อสนองได้เปลี่ยนชื่อและยกฐานะขึ้นเป็นวัดที่ถูกต้องตามกฎหมายจาก สำนักสงฆ์เขายายแสง เป็น “วัดถ้ำกฤษณาธรรมาราม” ท่านมีดำริให้วัดแห่งนี้เป็น สถานที่ปฏิบัติธรรมเพื่อเข้าคอร์สฝึกสมาธิตามหลักสติปัฏฐาน ๔ สำหรับพระภิกษุ สามเณร อุบาสก และอุบาสิกา ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เป็นศูนย์ปฏิบัติธรรมนานาชาติสำหรับรับรองชาวต่างประเทศโดยเฉพาะ ท่านได้มอบหมายให้แม่ชีชาวออสเตรียเป็นผู้ดูแลให้ความสะดวกในด้านการปฏิบัติกับชาวต่างประเทศ
ลักษณะภูมิประเทศนั้น แต่เดิมเป็นภูเขาแห้งแล้งและป่าเสื่อมโทรมเชื่อมต่อเป็นทิว มีถ้ำมากมาย แต่ในปัจจุบันได้พัฒนาปรับปรุงพื้นที่ให้เป็นป่าที่สมบูรณ์ร่มรื่น มีอุโบสถเป็นถ้ำ มีกุฏิพระสงฆ์เรียงรายตามไหล่เขา เป็นสถานที่อันสัปปายะเหมาะสมกับผู้ที่มาแสวงหาความสงบทางจิตใจ ตั้งแต่พื้นที่ราบเชิงเขาเลียบเลาะไหล่เขาขึ้นไปตามลำดับ พื้นที่โดยรอบเขามีการปลูกป่าต้นกฤษณาและสมุนไพรที่เป็นประโยชน์จำนวนมาก ผืนป่าอันสงบเงียบ สงบเย็น มีอากาศหนาวเย็นสบายแห่งนี้ จึงเป็นสถานที่ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งในการใช้เพื่อรักษาสุขภาพกายและสุขภาพใจ พื้นที่ของวัดตั้งอยู่ติดกับ “บ้านสว่างใจ” ใกล้กับเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่
หลวงพ่อสังวาลย์ เขมโก สรงน้ำให้กับ หลวงพ่อสนอง กตปุญฺโญ
เนื่องในวาระอันเป็นมงคลคล้ายวันเกิดของหลวงพ่อสนอง
• พรรษาที่ ๔๓-๔๔ พ.ศ. ๒๕๔๙-๒๕๕๐
สำนักป่าปฏิบัติธรรมวังน้ำเขียว ต.วังหมี อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา
• พรรษาที่ ๔๕ พ.ศ. ๒๕๕๑
• พรรษาที่ ๔๖ พ.ศ. ๒๕๕๒
ที่พักสงฆ์เขารามโกฏิ เมืองกาฐมัณฑุ ประเทศเนปาล
หลวงพ่อสนองได้ไปโปรดชาวเนปาล จำพรรษาอยู่ ณ ที่พักสงฆ์เขารามโกฏิ เมืองกาฐมัณฑุ ประเทศเนปาล
• พรรษาที่ ๔๗ พ.ศ. ๒๕๕๓
วัดสังฆทาน ไทย-เยอรมัน กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมัน
หลวงพ่อสนองไปจำพรรษาอยู่ ณ วัดสังฆทาน ไทย-เยอรมัน (Wat Sanghathan Thai-German) กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมัน
• พรรษาที่ ๔๘ พ.ศ. ๒๕๕๔
• พรรษาที่ ๔๙ พ.ศ. ๒๕๕๕
ศูนย์ปฏิบัติธรรมกตปุญโญ ต.ปากน้ำ อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี
หลวงพ่อสังวาลย์ เขมโก-หลวงพ่อสนอง กตปุญฺโญ
“สถานีวิทยุสังฆทานธรรม” วัดสังฆทาน อ.เมือง จ.นนทบุรี
๏ ผลงานด้านการเผยแผ่พระพุทธศาสนา
ผลงานด้านการเผยแผ่พระพุทธศาสนาทั้งในประเทศและต่างประเทศของท่าน ได้ดำเนินการไปในนามของ มูลนิธิพุทธอเนกประสงค์ วัดสังฆทาน โดยเฉพาะรายการวิทยุ “ธรรมะสว่างใจ” และ “ธรรมะก่อนนิทรา” ที่มีผู้ติดตามรับฟังเป็นจำนวนมาก ตั้งแต่สาธุชนในเมืองหลวง ในชนบท จนกระทั่งชาวไทยภูเขาที่อาศัยอยู่บนดอย ซึ่งต่อมาท่านได้จัดตั้ง สถานีวิทยุสังฆทานธรรม เพื่อใช้เป็นสื่อในการสร้างสติปัญญาทางธรรมให้กับสาธุชนทั่วไป ให้ได้รับฟังธรรมะตลอดทั้งวันทั้งคืน โดยมีทั้งภาคภาษาไทย คลื่น FM ๘๙.๒๕ Mhz. ระบบวิทยุออนไลน์ (Radio Online) สามารถรับฟังผ่านทาง http://www.fm8925.net/ และภาคภาษาอังกฤษ คลื่น FM ๘๙.๗๕ Mhz. ปัจจุบันสถานีวิทยุสังฆทานธรรมยังได้ขยายเครือข่ายไปยังจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ
นอกจากนี้แล้ว ท่านยังได้จัดตั้ง สถานีโทรทัศน์ดาวเทียมพุทธภูมิ SBBTV999 วัดสังฆทาน ทั้งในระบบดาวเทียวและระบบโทรทัศน์ออนไลน์ (TV Online) เพื่อใช้เป็นสื่อในการเผยแผ่ธรรมอีกทางหนึ่งไปทั่วโลก โดยระบบโทรทัศน์ออนไลน์ (TV Online) สามารถรับชมผ่านทาง http://sbbtv999.tv/sbbtv999/tv.php
หลวงพ่อสนอง กตปุญฺโญ ท่านเป็นผู้มีความจริงใจและจริงจังต่องานการเผยแผ่หลักธรรมคำสอนของพระบรมศาสดาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ปัจจุบันท่านดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสวัดสังฆทาน เลขที่ ๑๐๐/๑ หมู่ที่ ๓ บ้านบางไผ่น้อย ต.บางไผ่ อ.เมือง จ.นนทบุรี ซึ่งวัดสังฆทานนี้ยังได้แยกสาขาออกไปเพื่อเผยแผ่ธรรมะตามวัดในจังหวัดต่างๆ และตามถ้ำต่างๆ รวมแล้วประมาณ ๔๒-๔๓ แห่งทั่วประเทศ และในต่างประเทศอีก ๕ สาขา ได้แก่วัดสันติวงศาราม (เดิมชื่อ วัดสังฆทาน) เมืองเบอร์มิงแฮม ประเทศอังกฤษ, วัดอนันทะวิหาร เมืองคยา รัฐพิหาร ประเทศอินเดีย และ วัดสังฆทาน ไทย-เยอรมัน เมืองเบอร์ลิน ประเทศเยอรมัน ฯลฯ
ลานปฏิบัติธรรม (ลานธรรม) วัดสังฆทาน
บริเวณด้านข้างอุโบสถแก้ว วัดสังฆทาน ทางเดินไปสู่ลานปฏิบัติธรรม (ลานธรรม)
เป็นอีกมุมหนึ่งที่ผู้มาปฏิบัติธรรมมักใช้เป็นที่สำหรับเดินจงกรมเวลาถือ “เนสัชชิกังคะ”
๏ ผลงานด้านอื่นๆ
ผลงานเพื่อพระศาสนาที่หลวงพ่อสนองได้ทำตลอดมานั้น นอกจากจะเป็นที่ประจักษ์แจ้งแก่พุทธศาสนิกชนชาวไทยแล้ว ชาวพุทธในต่างประเทศก็ยังยอมรับในผลงานของท่าน โดยสมาคมมหาโพธิแห่งอินเดีย และองค์กรยุวพุทธสงฆ์โลก (World Buddhist Sangha Youth) ได้ถวายพระบรมสารีริกธาตุ ๒ องค์จากวัดมหินทะเลและวัดมหินทุ ประเทศศรีลังกา มาประดิษฐาน ณ อุโบสถแก้ว วัดสังฆทาน เป็นการถาวรตั้งแต่เดือนกรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ เพื่อให้พุทธศาสนิกชนชาวไทยได้มีโอกาสสักการบูชาเพื่อความเป็นสิริมงคลของชีวิต
นอกจากงานด้านพระพุทธศาสนาแล้ว ท่านยังมีเมตตาธรรมสงเคราะห์พระภิกษุ-สามเณร แม่ชี และฆราวาส ผู้ที่ได้รับทุกขเวทนาทางร่างกาย มีปัญหาด้านสุขภาพ และผู้ด้อยโอกาส โดยการจัดสร้าง โรงพยาบาลแพทย์แผนไทยเพื่อรักษาผู้ป่วยด้วยการแพทย์วิถีไทยโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น อีกทั้งยังสนับสนุนและส่งเสริมให้อุบาสก อุบาสิกา สาธุชนทั่วไป ได้ใช้วัดเป็นสถานที่เพื่อประโยชน์ในการศึกษาธรรม ฟังธรรม ปฏิบัติธรรม และให้โอกาสทุกท่านที่สนใจบวชเนกขัมมะที่วัดสังฆทานได้ทุกวัน และมีการปฎิบัติธรรมตลอดรุ่งทุกวันเสาร์และวันพระ โดยจะมีพ่อแม่ครูบาอาจารย์ผลัดเปลี่ยนกันมาสอนปฏิบัติธรรมกรรมฐานกระทั่งจนถึงเวลาทำวัตรเช้า
ผลงานด้านอื่นๆ ของท่านยังมีอีกนานัปการ เช่น จัดทำหนังสือพิมพ์ชื่อว่า “สังฆทานนิวส์” สารนำแสงแห่งชีวิต ซึ่งเนื้อหาประกอบด้วยสารพันความรู้ หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา รวมทั้งการประชาสัมพันธ์ต่างๆ ของวัดสังฆทาน จัดพิมพ์เดือนละ ๑ ฉบับ เพื่อแจกเป็นธรรมทานให้กับสาธุชนทั่วไป โดยระบบออนไลน์ (Online) สามารถอ่านผ่านทาง http://www.sanghathannews.net/ นอกจากหนังสือพิมพ์สังฆทานนิวส์แล้ว ท่านก็ยังรวบรวมหนังสือ-ซีดีเผยแผ่พระธรรมหลักคำสอนของครูบาอาจารย์ต่างๆ อีกด้วย ทั้งนี้ ในปัจจุบันท่านยังคงมุ่งมั่นทำงานเพื่อจรรโลงพระพุทธศาสนาให้เจริญวัฒนาถาวรอยู่คู่ประเทศไทยและชาวโลกสืบต่อไป
หลวงพ่อสนอง กตปุญโญ เมื่่อครั้งเดินทางไปเผยแผ่ธรรม
ณ เมืองอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์
หลวงพ่อสนอง กตปุญโญ สอนสมาธิในป่าใกล้ชายทะเล
กับวัดพุทธวิหารอัมสเตอร์ดัม เมืองอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์
“อุโบสถแก้ว” หรือ “โบสถ์แก้ว” รูปแบบของอุโบสถ วัดสังฆทาน
ที่หลวงพ่อสนองดำริให้สร้างขึ้นใหม่ มีลักษณะเป็น “รูปทรงแปดเหลี่ยม”
ทำด้วยกระจกทั้งหมด โดยท่านตั้งจุดประสงค์ว่าอุโบสถของวัดสังฆทาน
ต้องเป็นอุโบสถที่ใช้ประโยชน์ได้อย่างสูงสุดและถูกต้องตามความเป็นจริง
๏ วัดสังฆทาน
“วัดสังฆทาน” ได้ลงทะเบียนไว้กับกรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม ตั้งอยู่เลขที่ ๑๐๐/๑ หมู่ที่ ๓ บ้านบางไผ่น้อย ต.บางไผ่ อ.เมือง จ.นนทบุรี สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย พื้นที่ตั้งวัดเป็นที่ราบลุ่มแวดล้อมไปด้วยสวนของราษฎร มีปูชนียวัตถุสำคัญ คือ พระประธานในอุโบสถแก้ว นามว่า “หลวงพ่อโต” สำหรับความเป็นมาของหลวงพ่อโตนั้น เนื่องจากวัดสังฆทานเป็นวัดร้างนับเป็นร้อยๆ ปีขึ้นไป การจดบันทึกไว้จึงไม่มี มีเพียงการเล่าขานต่อถึงความศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น ดังนั้น จึงได้มีการวิเคราะห์จากหลักฐานพระพุทธลักษณะจากองค์หลวงพ่อโต กระเบื้องเชิงชายหน้าอุดของหลังคาอุโบสถหลังเก่า และอิฐที่สร้างองค์พระกับฐานอุโบสถ กระเบื้องเชิงชายหรือกระเบื้องหน้าอุดเป็นหลักฐานอันสำคัญชิ้นหนึ่งที่ค้นพบและเก็บรักษาไว้ในวัดสังฆทาน หลักฐานชิ้นนี้ใช้เป็นกระเบื้องประดับตกแต่งเชิงชายบนหลังคาอุโบสถสืบทอดจนถึงปัจจุบัน จะพบเห็นทั่วไปตามพระอารามหลวง (วัดหลวง) ใช้ประกอบกับกระเบื้องกาบกล้วยเพื่ออุดรูไม่ให้นกหนูเข้าไปทำรัง ลักษณะกระเบื้องเชิงชายหน้าอุดของวัดสังฆทาน มีลวดลายดอกบัวที่คลี่คลายปรับเปลี่ยนมาเป็นลายกนก ท้ายที่สุดเป็นลายประเภทใบไม้ ๓ แฉก ซึ่งเป็นเค้าโครงดั้งเดิมของดอกบัว ทำด้วยดินเผา สร้างขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่ ๒๑๒๒
วัดสังฆทานจะมีประเพณีทำบุญวันสงกรานต์ และสรงน้ำพระในเดือนเมษายน (วันที่ ๑๓-๒๐ เมษายน) เป็นประจำทุกปี พร้อมทั้งเปลี่ยนผ้าห่มองค์พระหลวงพ่อโต พระประธานในอุโบสถแก้ว ผ้าห่มที่ถูกเปลี่ยนจะนำมาฉีกแบ่งกันไปผูกข้อมือ-ผูกคอให้กับชาวบ้านเพื่อความเป็นสิริมงคล เพราะถือว่ามีความศักดิ์สิทธิ์ การบนหลวงพ่อโตมักโดยจะบนด้วยการจุดปะทัดเป็นเครื่องแก้บน “สังฆทาน” จึงกลายเป็นชื่อของวัดมาแต่เดิม
• กว่าจะมาเป็น “อุโบสถแก้ว” หรือ “โบสถ์แก้ว” •
ปี พ.ศ. ๒๕๑๑ หลวงพ่อสนองพบวัดสังฆทานร้างอยู่กลางสวน มีเพียงหลวงพ่อโตกับศาลาไม้มุงสังกะสีเก่าๆ บนที่ไร่เศษ พิจารณาแล้วว่าที่นี่เหมาะแก่การเผยแผ่พระพุทธศาสนาตาม “แนวทางธุดงคกรรมฐาน” เนื่องด้วยอยู่ใกล้แหล่งของผู้มีกำลังและปัญญาที่สามารถช่วยศาสนาได้ดีในอนาคต ท่านจึงตัดสินใจที่จะอยู่ที่นี่ แต่ขณะนั้นท่านคิดว่าตนเองยังมีบารมีไม่เพียงพอที่จะเป็นผู้นำที่นี่ได้ ด้วยเหตุผลที่ว่าที่นี่ไม่เหมือนที่อื่นการจะเข้ามาทำอะไรนั้นทำได้ยาก จะต้องให้เขาเห็นดีให้เขาเข้าใจเพราะเป็นการเผยแผ่ธรรมะให้กับผู้มีปัญญา ท่านจึงตั้งใจกลับไปปฏิบัติธรรมในถ้ำหมีและถ้ำกระเปาะอีก ๖ ปี
ปี พ.ศ. ๒๕๑๗ หลวงพ่อสนองกลับมาวัดสังฆทานอีกครั้งเพื่อจำพรรษา ร่วมกับพระสงฆ์อีก ๕ รูป ด้วยปฏิปทาตามหลักธุดงคกรรมฐาน ชาวบ้านบางคนตั้งข้อหาว่าเป็นพระคอมมิวนิสต์ ความเป็นอยู่จึงลำบาก ถูกข่มขู่ด้วยปืนและปาระเบิด บิณฑบาตเกือบไม่ได้ เมื่อนำอาหารมาเทรวมกันก็มีน้อยมากทุกรูปไม่ยอมตักอาหารใส่บาตร หลวงพ่อต้องเป็นผู้ตักใส่บาตรให้ น้ำดื่มต้องตักจากบ่อเก่ามาต้มฉัน ไม่มีน้ำปานะ ไม่มีไฟฟ้า
ปี พ.ศ. ๒๕๑๘ หลวงพ่อสนองไปรับ พระอาจารย์พลอย เตชพโล แห่งวัดเขาภูคา ต.หัวหวาย อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ มาช่วยเป็นหัวหน้าช่างในการบูรณะ องค์หลวงพ่อโต พร้อมพระเณรประมาณ ๑๐ กว่ารูป รวมทั้งชาวบ้านญาติโยม การบูรณะที่แขนชำรุดมากต้องเอาแป๊บน้ำใส่แล้วโบกปูนทับ ส่วนที่ใดเนื้อปูนยุ่ยก็ขูดออกแล้วโบกปูนทับ นำปูนเก่ามาผสมปั้นเป็นหลวงพ่อสังกัจจายน์ (พระมหากัจจายนะ)
“องค์หลวงพ่อโต” พระประธานในอุโบสถแก้ว
รูปปั้นหุ่นขี้ผึ้งหลวงพ่อสังวาลย์ เขมโก ขนาดเท่าองค์จริง
ประดิษฐาน ณ อุโบสถแก้ว วัดสังฆทาน
บริเวณรอบๆ อุโบสถแก้ว มีความสงบเงียบ
นักปฏิบัติธรรมมักใช้เป็นที่สำหรับเดินจงกรม
• การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของศาลาหลวงพ่อโต •
ในวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๓๖ หลวงพ่อสนองดำริให้รื้อถอนศาลาเพื่อจะสร้างอุโบสถใหม่ เนื่องด้วยศาลาหลวงพ่อโตมีความชำรุดทรุดโทรม และคับแคบไม่เพียงพอที่จะรองรับจำนวนพระภิกษุสามเณร และผู้เข้ามาปฏิบัติธรรมได้ นอกจากนี้หลังคาสังกะสีเวลาฝนตกจะมีเสียงดังมาก หน้าร้อนก็จะร้อนมาก ดังนั้น พระภิกษุผ้าขาวและชาวบ้านจึงช่วยกันรื้อถอน แม้กระทั่งชาวอังกฤษที่เพิ่งเดินทางมาถึงก็ร่วมช่วยด้วย
• รูปแบบของอุโบสถหรือโบสถ์ •
“อุโบสถแก้ว” หรือ “โบสถ์แก้ว” รูปแบบของอุโบสถที่หลวงพ่อสนองดำริให้สร้างขึ้นใหม่นั้นเป็น “รูปทรงแปดเหลี่ยม” ทำด้วยกระจกทั้งหมด และกำหนดเวลาการก่อสร้างเป็นเวลา ๑ ปีครึ่ง โดยท่านตั้งจุดประสงค์ว่าอุโบสถของวัดสังฆทาน ต้องเป็นอุโบสถที่ใช้ประโยชน์ได้อย่างสูงสุดและถูกต้องตามความเป็นจริง ขนาดของอุโบสถต้องจุคนได้ ๖๐๐ คน เมื่อแบบจำลองของอุโบสถออกมาก็ถูกวิจารณ์ว่าทำไมอุโบสถจึงเป็นแก้วแปดเหลี่ยม ไม่ใช่ทรงไทยที่มีช่อฟ้า ใบระกา หลวงพ่อสนองได้ให้เหตุผลว่า
(๑) หลวงพ่อโตองค์ใหญ่มาก มีความสูงหลายเมตร ถ้าสร้างอุโบสถเป็นแบบทรงไทยต้องสร้างให้เศียรหลวงพ่อโตต่ำกว่าขื่อต่ำกว่าอกไก่ อุโบสถต้องใหญ่มากต้องรับน้ำหนักมาก ทำ ๒ ชั้นก็ไม่เหมาะเพราะต้องการประหยัดพื้นที่ แต่ถ้าทำเป็นรูปเจดีย์แล้วสามารถให้หลวงพ่อโตอยู่ตรงกลางหรือตรงริมก็ได้ หลวงพ่อโตก็จะดูสวยสง่า และทรงแปดเหลี่ยมสมมุติเป็นมรรคองค์แปด
(๒) การสร้างอุโบสถทรงไทยต้องลงทุนมากกว่า ๑๐๐ ล้านบาทขึ้นไปจึงจะแล้วเสร็จ แต่อุโบสถแก้วใช้ประมาณ ๕๐ ล้านบาท สร้างได้ ๒ ชั้น และสามารถสร้างเสร็จได้เร็วกว่า เนื่องจากทางวัดจำเป็นต้องใช้อุโบสถในการอุปสมบทหมู่ โดยให้สามารถจุพระสงฆ์ได้เป็น ๑๐๐ รูป บรรพชาสามเณรปีละ ๓๐๐ รูป มีการประชุมพระสงฆ์ครั้งละ ๒๐๐-๓๐๐ รูป อุโบสถนี้สามารถจุคนได้ถึง ๖๐๐ คน ด้านล่างใช้เป็นสำนักงาน ห้องเทป ห้องมูลนิธิ ห้องสมุด ฯลฯ มีประโยชน์อเนกประสงค์
“การใช้ประโยชน์อย่างสุด” ภายใต้ชั้นล่างของอุโบสถแก้ว มีการใช้ประโยชน์ดังนี้
(๑) เป็นที่สำหรับรับสมัครนักบวชเนกขัมมะ
(๒) เป็นห้องสมุดมีหนังสือธรรมะของครูบาอาจารย์ที่สำคัญๆ มากมาย
(๓) เป็นที่จำหน่ายหนังสือธรรมะ ซีดีธรรมะ และเป็นสถานที่ให้ยืมเทปธรรมะ รวมทั้ง เมื่อมีญาติธรรมมาปฏิบัติธรรมจำนวนมากจนที่พักไม่เพียงพอ ชั้นล่างอุโบสถแก้วนี้ก็จะใช้เป็นที่พักได้อย่างดีทีเดียว
ปี พ.ศ. ๒๕๓๗ หลวงพ่อสังวาลย์ เขมโก วางศิลาฤกษ์อุโบสถแก้ว ตรงกับวันมาฆบูชาที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๓๗ เวลา ๐๒.๔๖ น. คณะพระภิกษุ-สามเณรจากวัดสังฆทาน, วัดทุ่งสามัคคีธรรม อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี และวัดสาขาของวัดสังฆทานทั้งหมด (ในขณะนั้น ๑๗ สาขา) เป็นจำนวนกว่า ๒๐๐ รูป รวมทั้งสาธุชนจำนวนมากได้พร้อมใจกันน้อมจิตอธิษฐาน ปฏิบัติธรรม สวดมนต์ ภาวนา เวียนเทียนรอบองค์หลวงพ่อโต
ถึงวันนี้อุโบสถแก้วได้ตั้งตระหง่านแซมพุ่มไม้ใบบัง ภายในเขตสีมาวัดสังฆทาน กำลังรอสายธารศรัทธาจากสาธุชนทั่วทุกสารทิศ ทั้งนี้ เพื่ออุโบสถแก้วหลังนี้จะได้เป็นศาสนสมบัติอันถาวรเป็นที่อุปสมบทแห่งกุลบุตรทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศผู้ศรัทธาในพระพุทธศาสนาสืบไป
ปัจจุบัน “วัดสังฆทาน” เป็นศูนย์กลางการเผยแผ่พระพุทธศาสนานานาชาติแห่งหนึ่งของประเทศไทย ที่เป็นที่รู้จักกันทั่วโลก