
หลวงปู่อ่อนสา สุขกาโร

ประวัติ วัดประชาชุมพลพัฒนาราม ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี
ประวัติและปฏิปทา
หลวงปู่อ่อนสา สุขกาโร
วัดประชาชุมพลพัฒนาราม
ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี
หลวงปู่อ่อนสา สุขกาโร มีนามเดิมว่า อ่อนสา เมืองศรีจันทร์ เกิดที่บ้านโนนทัน ต.บ้านจั่น อ.เมือง จ.อุดรธานี เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2457 ตรงกับวันศุกร์ แรม 3 ค่ำ เดือน 8 ปีขาล โยมบิดา-โยมมารดาชื่อ นายมา และนางโม้ เมืองศรีจันทร์ มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน 10 คน เป็นผู้ชาย 5 คน ผู้หญิง 5 คน หลวงปู่อ่อนสาเป็นบุตรคนโตซึ่งมีน้องต้องค่อยดูแลถึง 9 คน ครอบครัวของหลวงปู่เป็นเกษตรกร ด้วยเป็นบุตรคนโตจึงมีโอกาสศึกษาจนจบการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที 4 จากนั้นได้ออกมาช่วยพ่อแม่ทำไร่ทำนาและดูแลน้องๆ
เมื่ออายุได้ 21 ปี ท่านได้ไปเกณฑ์ทหารแต่ไม่ติด ท่านจึงได้ขออนุญาตโยมบิดา-โยมมารดาไปบวช โดยได้เข้าพิธีอุปสมบท ณ วัดโยธานิมิต ต.บ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2478 เวลา 13.47 น. โดยมี พระธรรมเจดีย์ (จูม พนฺธุโล) เป็นพระอุปัชฌาย์, พระครูประสาทคณานุกิจ เป็นพระกรรมวาจารย์ และพระครูศาสนูปกรณ์ (หลวงพ่ออ่อนตา เขมงุกโร) เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า สุขกาโรภิกขุ (อุปสมบทหลัง หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน เจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี 1 พรรษา)
ต่อมาหลวงปู่ได้ออกธุดงค์ไป อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม เพื่อหาที่สัปปายะบำเพ็ญภาวนา และบังเอิญท่านได้พบกับหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน แล้วได้พากันไปภาวนาที่ภูลังกาและออกธุดงค์ด้วยกัน ต่อมา ต่อมาหลวงปู่ได้มีโอกาสกราบนมัสการ พระอาจารย์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ได้ธุดงค์ติดตามไปปฏิบัติธรรมตามสถานที่ต่างๆ พร้อมกับหลวงตามหาบัว และเข้าจำพรรษากับพระอาจารย์หลวงปู่มั่น หลังจากที่หลวงปู่อ่อนสาได้บำเพ็ญภาวนาพอสมควรแล้วท่านได้ย้อนกับมายังภาค อีสาน
หลวงปู่อ่อนสา สุขกาโร เป็นผู้ก่อตั้งวัดประชาชุมพลพัฒนาราม หรือวัดหนองใหญ่ ตั้งแต่ครั้งที่บ้านหนองใหญ่ยังเป็นเพียงหมู่บ้านชุมชนเล็กๆ ท้ายสุดท่านได้มาจำพรรษา ณ วัดประชาชุมพลพัฒนาราม บ้านหนองใหญ่ ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี อันเป็นแผ่นดินเกิดของท่าน
พระนครินทร์ ปริมุตโต พระดูแล ได้เล่าว่า หลวงปู่มีอาการอาพาตหนักตั้งแต่ปี พ.ศ. 2546 โดยมีอาการเส้นเลือดในสมองตีบ และเข้ารับการผ่าตัดเมื่อปี พ.ศ. 2547 ที่โรงพยาบาลเอกอุดร จ.อุดรธานี หลังจากเข้ารับการผ่าตัดหลวงปู่ก็มีอาการอัมพาตไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ซึ่งท่านได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเอกอุดรตลอดในระยะเวลา 2-3 ปี หลังการผ่าตัด จากนั้นจึงย้ายมารักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลค่ายประจักษ์ศิลปาคมได้ประมาณ 1 ปี เศษ แต่อาการไม่ดีขึ้น
พระนครินทร์ กล่าวต่อว่า คณะลูกศิษย์และญาติของหลวงปู่ได้ทำการปรึกษาหารือกันกับแพทย์ว่า ระยะเวลาที่รักษาตัวหลวงปู่รักษามานานแล้วแต่อาการไม่ดีขึ้น ซึ่งอาจจะละสังขารที่โรงพยาบาล
คณะลูกศิษย์และญาติจึงได้มีความเห็นตรงกันว่าอยากจะให้หลวงปู่ละสังขารที่ วัดประชาชุมพลพัฒนาราม จึงได้นำตัวหลวงปู่กลับมายังวัดเพื่อละสังขาร และ เมื่อเวลา 16.17 น. ของวันที่พุธที่ 5 สิงหาคม 2552 หลวงปู่อ่อนสา สุขกาโร หลวงปู่ก็ได้ละสังขาร สิริอายุรวมได้ 95 ปี 26 วัน พรรษา 75
สำหรับพิธีศพของหลวงปู่นั้น ในเวลา 09.00 น. ของวันที่ 6 สิงหาคม 2552 คณะศิษย์จะนำศพของหลวงปู่อ่อนสามาตั้งที่ศาลาใหญ่ เพื่อรอให้ หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน เดินทางมาคารวะศพ จากนั้นเวลา 16.00 น. จะจัดให้มีพิธีรดน้ำศพ โดยนายอำนาจ ผการัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี จะเป็นประธานฝ่ายฆราวาส และหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน จะเป็นประธานฝ่ายสงฆ์
ในการพระราชทานเพลิงศพหลวงปู่อ่อนสา สุขกาโร นั้น สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เสด็จแทนพระองค์ไปในการประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพหลวงปู่อ่อนสา เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2552 เวลาประมาณ 16.00 น. ณ เมรุชั่วคราว วัดประชาชุมพลพัฒนาราม โดยมีนายอำนาจ ผการัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี หัวหน้าส่วนราชการและเจ้าภาพ พสกนิกรชาวจังหวัดอุดรธานี เฝ้ารับเสด็จ โดยมีประชาชน คณะศิษยานุศิษย์จากทั่วประเทศ เข้าร่วมงานเป็นเรือนแสน และในการนี้นายวีระพงษ์ สารบรรณ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดอุดรธานี และคณะข้าราชการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดอุดรธานีเฝ้ารับเสด็จด้วย
เมื่อเสร็จพิธี พระธรรมวิสุทธิมงคล (หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน) เจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด ได้เดินทางมาแสดงธรรมเทศนาและรับผ้าป่าสงเคราะห์โลกด้วย
หลวงปู่อ่อนสา สุขกาโร
พระธรรมเทศนาโดย หลวงปู่อ่อนสา สุขกาโร
จากหนังสือ...สุขกาโรวาท
“การที่มาขอธรรมะนโยบายปฏิบัตินั้น ในสมัย ท่านพระอาจารย์ใหญ่ (ท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ) ท่านก็ให้ถ้าได้มาขอ ท่านก็บอกอุบายอันแยบคายให้ แต่ นั้นก็เป็นธรรมะที่ออกมาจากจิตใจของท่าน มันยังไม่ใช่ธรรมะที่ออกจากจิตใจเราโดยแท้ แม้จะเอาของดีไปก็ไม่สามารถรักษาให้อยู่กับตัวได้ บางทีขอไปวันนี้ พรุ่งนี้ก็ลืมวางไว้ที่ไหนก็ไม่รู้นะ...! ก็ไม่ใช่ของเรานั้นเอง...ถ้าเป็นของเราแล้วจะอยู่กับเราตลอด จำได้แม่นยำ เราตื่นก็มีอยู่ เราตายไปธรรมนั้นก็ตามไปกับจิตเราด้วยเสมอ ก็เหมือนกับสภาวะปัจจุบัน ไหนใครลองบอกมาหน่อยสิว่า...วันนี้เป็นโชคของเรา...ไม่มีใช่ไหม ? ถ้า เป็นของเราละก็ มันต้องอยู่กับเราตลอดไป ถ้ากลางวันก็ต้องอยู่อย่างนี้ จะมืดค่ำไม่ได้ต้องอยู่กับเรา ฉะนั้นธรรมะก็เช่นกัน ทุกวันนี้พวกเราชาวพุทธนักปฏิบัติเขาว่าอย่างนั้นนะ เที่ยววิ่งขอธรรมะแต่ไม่ยอมปฏิบัติเสียสักที เหลาะๆ...แหละๆ เดี๋ยวน้ำเดี๋ยวเเห้งไม่เอาจริงสักที ระวังเน้อ...สะสมธรรมะมากไม่ดี พุงจะแตกเอา...! ต้องนำออกมาระบายคือการพิจารณาแยกเหตุแยกผลของธรรมะบ้าง เราเรียกว่าวิปัสสนาก็ได้...เอาลองดูซิ
ความจริงธรรมะนั้นไม่มีใครเขาให้มากหรอก มันจะฟุ้งซ่าน บางทีเกิดลังเลสงสัย...ต้องแสดงออกเลย ความลังเลจึงจะหมดแล้วจะคลายสงสัยได้เด็ดขาดเลย...”
หลวงปู่อ่อนสา สุขกาโร-หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ-หลวงปู่จันทร์โสม กิตฺติกาโร
.............................................................
♥ รวบรวมและเรียบเรียงมาจาก ::
- หนังสือพิมพ์รายวันต่างๆ และข้อมูลทางอินเตอร์เน็ต
♥ ขอกราบขอบพระคุณที่มาของรูปภาพทุกแหล่ง
- ห้องพระ http://www.udon108.com/
.............................................................
ข้อมูลอ้างอิง : http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=13&t=26102