ประวัติ หลวงปู่จันทร์ เขมิโย - วัดศรีเทพประดิษฐาราม อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม - webpra

หลวงปู่จันทร์ เขมิโย

ประวัติ วัดศรีเทพประดิษฐาราม อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม

หลวงปู่จันทร์ เขมิโย

   

ข้อมูลประวัติ

                เกิด                      วันจันทร์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2424 ขึ้น 14 ค่ำ เดือนอ้าย ปีมะเส็ง

                บรรพชา                ขณะอายุ 10 ปี ณ วัดโพนแก้ว

                อุปสมบท               เมื่ออายุ 20 ปี ตรงับ พ.ศ.2444 ณ วัดโพนแก้ว

                มรณภาพ               วันศุกร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2516 เวลา 08.00 น.

                รวมสิริอายุ             92 ปี 82 พรรษา

 

ชาติกำเนิดและชีวิตปฐมวัย
ท่านเจ้าคุณพระเทพสิทธาจารย์มีนามเดิมว่า จันทร์ สุวรรณมาโจ เกิดเมื่อวันจันทร์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2424 ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 1 (เดือนอ้าย) ปีมะเส็ง เป็นบุตรคนที่ 3 (ในจำนวน 6 คน) ของนายวงศ์เสานาและนางไข สุวรรณมาโจ มีอาชีพทำนาทำไร่ ชาติภูมิอยู่บ้านท่าอุเทน หมู่ 3 ตำบลท่าอุเทน อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม

ท่านเจ้าคุณหลวงปู่พระเทพสิทธาจารย์เป็นพระเถระผู้ใหญ่มีอายุพรรษาสูง เปี่ยมล้นด้วยประสบการณ์ ทรงไว้ซึ่งคุณธรรมมีพรหมวิหารธรรมเป็นที่ตั้งกิริยามารยาทนุ่มนวลมีวาจาไพเราะ เป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตน ท่านจึงเป็นที่เคารพสักการบูชาของพระภิกษุสามเณรและคฤหัสถ์ทั่วไป ผู้ที่เคารพนับถือท่านเจ้าคุณหลวงปู่มากก็มี สมเด็จพระสังฆราชฯ(จวน อุฏฺฐายี) วัดมกุฏกษัตริยาราม ซึ่งมักไปมาหาสู่ท่านอยู่เสมด อีกรูปหนึ่งที่เคารพรักหลวงปู่มากถึงกับฝากตัวเป็นลูก คือสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสัฆปรินายก วัดบวรนิเวศวิหารองค์ปัจจุบันสมเด็จพระสังฆราชฯ วัดบวรฯ มักจะเรียกหลวงปู่เจ้าคุณว่า “หลวงพ่อ” และหลวงปู่เจ้าคุณก็เรียกสมเด็จพระสังฆราชสมัยเป็นเจ้าคุณว่า “เจ้าคุณลูก”


หลวงปู่เจ้าคุณพระเทพสิทธาจารย์ นับว่าเป็นพระสุปฏิปันโน ชั้นเยี่ยมองค์หนึ่ง ท่านได้ประพฤติดีปฏิบัติชอบเรื่อยมาเป็นผู้สมบูรณ์ด้วยปริยัติและปฏิบัติ กาลเวลาผ่านไป วัยสังขารและรูปกายของหลวงปู่ก็เป็นไปตามกฏแห่งไตรลักษณ์ย่อมแตกดับสลายไปใน ที่สุด ดุจผลไม้สุกงอมเต็มที่ย่อมร่วงหล่นหลุดจากขั้วฉะนั้นวุดวิสัยที่แพทย์จะช่วย ไว้ได้ท่านถึงแก่มรณภาพด้วยโรคชรา ในวันศุกร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2516 สิริรวมอายุได้ 92 ปี พรรษา 72 ศพของหลวงปู่เจ้าคุณได้เก็บรักษาไว้ให้ประชาชนได้กราบไหว้บูชาและบำเพ็ญกุศล อุทิศถวายเรื่อยมา จนถึงวันเสาร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2522 จึงได้มีพิธีพระราชทานเพลิงศพของท่าน โดยได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนาง เจ้าพระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จพระราชดำเนินไปพระราชทานเพลิงศพ ทางฝ่ายคณะคณะสงฆ์ก็มีสมเด็จพระสังฆราชพร้อมด้วยพระเถรานุเถระและคณาจารย์ ทั่วประเทศได้ไปร่วมพิธีพระราชทานเพลิงศพหลวงปู่เหลือคณานับ

               

พุทธคุณที่เล่าสืบทอดกันมา

                วัตถุมงคลท่านเด่นทางด้าน เมตตามหานิยมและโชคลาภ

ข้อมูลอ้างอิงจาก : p.moohin.com

Top