ประวัติ พระอาจารย์เจฟฟรี ฐานิสฺสโร - วัดเมตตาวนาราม ประเทศอเมริกา - webpra

พระอาจารย์เจฟฟรี ฐานิสฺสโร

ประวัติ วัดเมตตาวนาราม ประเทศอเมริกา

พระอาจารย์เจฟฟรี ฐานิสฺสโร

          ในโอกาสที่พระอาจารย์ "เจฟฟรี ฐานิสฺสโร" เจ้าอาวาสวัดเมตตาวนาราม ซึ่งเป็นวัดป่าตามแบบพระกัมมัฏฐานในประเทศไทย ตั้งอยู่ที่เมืองแวลเลย์เซ็นเตอร์ มลรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา   ได้เดินทางมาร่วมงานพระราชทานเพลิงศพ หลวงปู่สุวัจน์ สุวโจ เมื่อเร็วๆ นี้    "มติชน" ได้สัมภาษณ์ท่านเพื่อให้ทราบถึงสภาพการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในสหรัฐ โดยมีรายละเอียดดังนี้

"ถึงไม่ได้คนแต่ก็ให้ได้เราคนเดียวก็ยังดี   ให้ได้เป็นพยานหลักฐานว่า ผู้ปฏิบัติจริงก็ได้ผลดีจริง    ปัญหาที่พระพุทธเจ้าแก้นั้นเป็นปัญหาสากลคือ ทุกข์ ซึ่งไม่ได้อยู่กับวัฒนธรรมใด ต่างก็มีทุกข์อยู่ด้วยกันทั้งสิ้น    อยู่ที่โน่นก็มีหลายคนอยากให้เปลี่ยนแปลงอย่างโน้นอย่างนี้    เราก็บอกว่าอยู่ที่นี่ห่างไกล ทางร่างกายก็ห่างไกล    อย่างเดียวที่ทำได้คือ ประพฤติปฏิบัติอย่างที่ท่านสอน    ถ้าเราเปลี่ยนแปลงก็เท่ากับว่า เราตัดรากของตนเอง"

ความนิยมในพระพุทธศาสนาของคนที่โน่นเป็นอย่างไรบ้างครับ

ยังมีมากอยู่ และศาสนาพุทธเป็นที่นิยมมากในศตวรรษที่ผ่านมา แต่ส่วนมากจะออกไปในทางทิเบตมากกว่า เพราะเขามีการโฆษณามาก มีการติดต่อกับนักการเมือง ผู้มีอิทธิพล ดารา ต่างๆ แต่เราไม่ทำอย่างนั้น    เราไม่ได้คิดว่า ธรรมะของพระพุทธองค์เป็นสินค้า    พุทธฝ่ายไทยเรามีวัดอยู่ 100 กว่าวัด ทั้งธรรมยุตและมหานิกาย

หลวงพ่อเป็นพระอุปัชฌาย์องค์เดียวของธรรมยุตที่นั่นใช่ไหมครับ

เป็นองค์เดียวที่เป็นพระฝรั่ง    พระไทยที่ท่านเป็นอุปัชฌาย์ฝ่ายธรรมยุตนั้นมีหลายองค์

มีคนมาสนใจบวชมากไหมครับ

วันก่อนเจอเจ้าอาวาสท่านหนึ่งที่เข้าอบรมอุปัชฌาย์รุ่นเดียวกัน    อาตมาถามท่านว่า บวชพระไปกี่องค์แล้ว ของท่านเป็นพัน    ของเรา 8 องค์ ตั้งแต่ปี 1995 (พ.ศ.2538)    คนมาบวชส่วนใหญ่สนใจเรื่องการภาวนา    โดยมากก็เป็นคนหนุ่ม

หลวงพ่อกำหนดไว้อย่างไรครับถึงจะบวชให้

ให้ถือศีล 8 เป็นเวลาหนึ่งปีที่วัด    และดูนิสัยของเขาว่าจะไปได้ไหม มีความมั่นคงอย่างไร    เพราะบางคนเดือนสองเดือนแรกก็ดูดี แต่พอ 3-4 ก็ออกอาการแล้วก็มี เลยได้แค่ 8    ไม่ได้เอาจำนวน เอาคุณภาพ    คนเยอะก็ปัญหาเยอะ    ถ้าคนไม่ตั้งใจปัญหาก็มาก    ถ้าตั้งใจแล้วมันไม่มีปัญหา ไม่มีความขัดแย้งกัน ทิฐิตรงกัน    ความเห็นตรงกันก็อยู่ด้วยกันได้

มีความแตกต่างระหว่างตะวันออก ตะวันตก    ในเรื่องการพัฒนาและเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจบ้างไหมครับ

มีอยู่นะ    แต่มีทุกข์ก็ต้องหาทางออกด้วยกันทั้งนั้น    มีคนมาถามหลวงพ่อว่า ทำไมฝรั่งบวชได้    หลวงพ่อก็ว่า อ้าว ฝรั่งไม่มีจิตใจหรือ    หัวใจก็มีทุกข์อยู่ด้วยกันทั้งนั้น ต่างก็หาทางออกกัน    ทางโน้นก็มีวัฒนธรรมซึ่งเป็นเครื่องกีดขวางอยู่เยอะ    โดยมากก็ใช้จิตวิทยาแก้ไข    ส่วนมากก็เป็นการใช้สิ่งตรงกันข้ามมาแนะนำ    ปัญหาสิ่งแวดล้อม แนะให้กลับไปสู่ทุนนิยม    มีทุกข์ก็ไปหาจิตแพทย์ จิตแพทย์ก็บอกให้คลายอารมณ์ อย่าเครียดนัก หรือบอกให้ไปหาคู่รักสักคน อะไรอย่างนี้ (หัวเราะ)    คนที่ผ่านแบบนั้นมาแล้วพบว่า มันไม่ได้ผลอะไร    ถ้ามี "แวว"ก็หาทางออกที่ดีกว่านั้น    เขาก็จะหันมาหาธรรมะ

แล้วเขารู้จักเราได้อย่างไรครับ

ทางวัดไม่มีอินเตอร์เน็ตแต่มีคนไทยเองลงเว็บให้    ก็มีเนื้อหาเกี่ยวกับธรรมะ    มีการแปลพระสูตรของพระพุทธเจ้าเป็นภาษาอังกฤษลง    ตอนนี้หลวงพ่อก็แปลไปกว่า 600 พระสูตรแล้ว กำลังจะรวบรวมพิมพ์เป็นเล่ม    โดยแบ่งออกเป็น 4 เล่ม ไว้แจก adrees คือ www.accesstoinsight.org    บางทีก็มีนิตยสาร วารสารต่างๆ มาสัมภาษณ์    บางทีหลวงพ่อก็เขียนบทความไปลง    ถ้าเป็นวารสาร นิตยสาร ทางบรรณาธิการเขาจะนำบทความไปดัดแปลง เพื่อที่จะให้ขายดี    ซึ่งบางทีก็ขัดกับหลัก    แต่ทางเว็บไซต์ เราอยากออกอะไรก็ออกได้ นี่จะดีกว่า    พอมีคนเห็นก็จะติดต่อมา

แล้วมีคนไทยเข้าวัดเยอะไหมครับ

ก็พอสมควร    วันอาทิตย์ธรรมดาก็ 20-30 คน    วันหยุดเทศกาลก็พิเศษ 300-400    วัดเราอยู่ในป่า อยู่ในเขตภูเขา    350 ไร่    เดิมมีคนซื้อถวาย 350 ไร่ แล้วขยายเพิ่มเพราะเกรงกันว่าจะมีคนมาสร้างบ้านใกล้วัดแล้วจะไม่สงบ

พระเยอะไหมครับ

พระมี 6    ฝรั่ง 4 ไต้หวัน 1 ไทย 1    การปลูกสร้างก็ทำพออยู่    มีศาลา มีห้องพักให้โยม    มีห้องน้ำสาธารณะ    กุฏิพระก็สร้างในป่าซึ่งเป็นสวนอโวคาโด    ตัววัดอยู่ในภูเขาลูกหนึ่งสองข้างเป็นเขตสงวนของอินเดียนแดง

ถอดแบบวัดป่าสายพระกัมมัฏฐานใช่ไหมครับ

ใช่    ถ้าการก่อสร้างเยอะก็เป็นภาระเยอะ

อยู่โน่นภาวนาดีไหมครับ

ที่โน่นภาวนาดีมาก    ไม่มีโยม ไม่มีไข้ป่า    คนก็รบกวนน้อย    สองข้างเขตสงวนอินเดียนแดงก็เป็นป่า    ตอนที่หลวงปู่สุวัจน์ สุวโจ ไปอยู่ใหม่ๆ ท่านว่า เพิ่งได้ที่ภาวนาดีๆ อย่างนี้    พอท่านเดินไปอีกสองสามก้าวก็บอกอีกว่า "ที่เมืองไทยก็ไม่มีอย่างนี้" เพราะมันสงบจริงๆ

เห็นว่าเย็นๆ หลวงพ่อจะเทศน์

กิจกรรมที่วัด ตอนเช้าก็บิณฑบาต    โยมที่มาพักภาวนาซึ่งจะมีอยู่ไม่ขาดสายจะเป็นคนทำอาหารถวาย    ฉันในบาตร แล้วยกย้ายกันไปภาวนา    แล้วก็ปัดกวาดวัด    ทุ่มสองทุ่มก็ไหว้พระสวดมนต์ภาวนาแล้วก็เทศน์

หลวงพ่อเทศน์ภาษาอะไรครับ

ก็แล้วแต่คนที่มา    ไปอยู่ใหม่ๆ ก็มีแต่ภาษาไทย    ขณะนี้ก็มีภาษาอังกฤษ    ถ้ามีทั้งสองกลุ่มก็เทศน์สองภาษา    ก็ไม่ยากหรอก แต่มันก็มีความต่างกันอยู่นะอย่างถ้าคนไทยเรา    หากพูดถึงเรื่อง "ขันธ์" ขึ้นมาเขาก็รู้อยู่แล้วว่าหมายถึงอะไร    แต่ถ้าเป็นฝรั่งเราก็ต้องอธิบายยาว    บางทีก็ยกปัญหาที่เขาซักถามมาอธิบาย

ลักษณะของปัญหาต่างกันไปแต่ละกลุ่มไหมครับ

หลักธรรมมีหลากหลายแต่ช่วงที่หลวงปู่สุวัจน์ไปอยู่ท่านก็บอกว่า วงศ์ของพระพุทธเจ้าเป็นอริยะวาส อริยวงศ์ ไม่ขึ้นกับสังคมไหน    อริยวาส อริยวงศ์อยู่ตรงนี้ (ท่านทำมือหันเข้าหากันมีช่องว่างห่างกันประมาณหนึ่งคืบ เหยียดออกมากลางลำตัว)    วัฒนธรรมประเพณีประเทศหนึ่งอยู่ตรงนี้ (ท่านหันมือในลักษณะเดิมแต่เอียงไปด้านซ้าย)    วัฒนธรรมประเพณีอีกประเทศอยู่ทางนี้ (หันมือเยื้องไปทางขวา)    เราตรงไป    เมื่อเขาจะเคลื่อนเข้ามาสู่ความจริง เขาจะค่อยๆ เคลื่อนเข้ามาเอง (ท่านขยับมือข้างซ้ายและขวาซึ่งกางอยู่นั้นขยับเข้ามาตรงกลาง)

ความเข้าใจผิดของคนไทยเราก็อย่างหนึ่ง    ของฝรั่งก็อย่างหนึ่ง    สำหรับฝรั่งแล้วส่วนมากก็เอาปัญหาที่จะไปหาจิตแพทย์นั่นล่ะมาหาเรา    มาหาพระไม่ต้องเสียเงิน หาแพทย์แล้วเสียเงิน (หัวเราะ)
พระอาจารย์เจฟฟรี ฐานิสฺสโร

หลวงพ่อดูแนวโน้มการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในโลกตะวันตกเป็นอย่างไรบ้างครับ

มันมีปัญหาหลายอย่าง    เดี๋ยวนี้มีการดัดแปลงธรรมะเพื่อให้เป็นที่นิยม    อย่างนี้มีมากต่อมาก โดยเฉพาะพวกฆราวาสที่ไปสอนพุทธศาสนา ก็จะเอาเฉพาะวิปัสสนาที่ช่วยแก้ไขปัญหาชีวิต    ทำแบบจิตวิทยาแพทย์ ซึ่งมันจะค่อยๆ กลืนตัวไปเรื่อยๆ

คนไทยที่โน่นก็รู้สึกว่าเกิดแต่ละรุ่นก็ไม่เหมือนกัน    เกิดยุคหลังสงครามโลก    ยุค Baby Boom ก็อย่างหนึ่ง    พวกเกิดทีหลังก็อีกอย่างหนึ่ง    บางรุ่นที่ใหม่ๆ เขาก็เห็นว่า อีกรุ่นเอาศาสนาพุทธไปดัดแปลง จนเป็นตะวันตกไปหมดแล้ว    ก็มีปฏิกิริยาขึ้นมา อยากจะหาธรรมะแบบเดิม

อีกข้อหนึ่งวัดไทยที่ไปตั้งที่นั่น ส่วนมากจะเอาวัดเป็นศูนย์รวมของท้องถิ่น    พวกนี้จะอยู่ได้นานแค่ไหนก็ไม่ทราบ เพราะตามประวัติศาสตร์แล้ว พวกที่อพยพเข้ามาครั้งแรกจะยึดวัฒนธรรมเดิมของตัวเองอยู่    ส่วนรุ่นลุกนั้นไม่เอา จะเป็นอเมริกันเต็มตัว    เข้าใจว่า ถึงอีกรุ่นก็คงจะไม่เอาอะไรเท่าไหร่    คงมีหลายแห่งที่อาจต้องสลายไป

หลวงพ่อคิดว่า ถ้าเราเดินตามสายเดิมแท้ๆ และให้เกิดความเข้าใจในธรรมะแล้วจะอยู่ยังยืนกว่าใช่ไหมครับ

ครับ    หลวงปู่สุวัจน์ท่านจึงว่า ถึงไม่ได้คนแต่ก็ให้ได้เราคนเดียวก็ยังดี    ให้ได้เป็นพยานหลักฐานว่า ผู้ปฏิบัติจริงก็ได้ผลดีจริง    ปัญหาที่พระพุทธเจ้าแก้นั้นเป็นปัญหาสากลคือ ทุกข์ ซึ่งไม่ได้อยู่กับวัฒนธรรมใด ต่างก็มีทุกข์อยู่ด้วยกันทั้งสิ้น    อยู่ที่โน่นก็มีหลายคนอยากให้เปลี่ยนแปลงอย่างโน้นอย่างนี้    เราก็บอกว่าอยู่ที่นี่ห่างไกล ทางร่างกายก็ห่างไกล    อย่างเดียวที่ทำได้คือ ประพฤติปฏิบัติอย่างที่ท่านสอน    ถ้าเราเปลี่ยนแปลงก็เท่ากับว่า เราตัดรากของตนเอง

แล้วธุดงค์กันอย่างไรครับ

ที่วัดพยายามออกป่าเดือนหนึ่งสองสามครั้ง    ออไปที่ป่าก็มีทะเลทรายก็มี    ก็จะมีคนกลุ่มน้อยๆ ที่รู้ว่าพอเราจะเข้าไปในเขตเขาๆ ก็จะเอาอาหารมาถวาย แต่ก็ยังกลุ่มน้อยอยู่

การธุดงค์ในลักษณะนี้ในแง่ของจิตใจแล้วได้ประโยชน์มากไหมครับ

ได้ประโยชน์มาก เมื่อเราออกจากที่เดิม เปลี่ยนสภาพแวดล้อม สภาพสังคมเดิมก็จางลงไป    เราก็อยู่กับธรรมชาติซึ่งมีธรรมะแสดงอยู่ตลอดเวลา มีแก่ มีเกิด มีเจ็บ อยู่รอบตัวเรา    ที่ทะเลทรายก็ไม่ลำบากหรอกเพียงแต่ต้องหาที่หลบแดดและเรื่องน้ำ    ที่แคลิฟอร์เนียมีทะเลทรายเยอะ เฉพาะที่ติดทะเลจะมีต้นไม้แต่เลยเข้าไปแล้วก็จะแล้ง    แต่ถ้าจะหาความวิเวกก็ต้องออก ที่ไหนๆ ก็มีอันตราย    เราต้องรู้จักอันตราย เราก็ต้องไม่ประมาท

หลวงพ่อมีความเห็นต่อเรื่องการปรับปรุง พ.ร.บ.คณะสงฆ์อย่างไรบ้างครับ

ไม่ขอพูดดีกว่า    หลวงพ่อเป็นห่วงอยู่อย่างเดียวว่า ป่าไม้เมืองไทยมันหายไป หายไป    ป่าเป็นที่เกิดของพระนะ    ในประวัติศาสตร์ก็บอกไว้ว่า เมื่อเกิดวิกฤตกับพระพุทธศาสนา เราก็ต้องหันไปหาพระป่า    แต่ถ้าป่าน้อยลง ไม่มีป่าแล้วจะไม่มีผู้รักษาอริยธรรม

นานๆ กลับมาหลวงพ่อมองเมืองไทยเปลี่ยนไปบ้างไหมครับ

กลับมาคราวนี้สังคมไทยเปลี่ยนไปมาก เมื่อปี พ.ศ.2515 ตอนมาเป็นอาจารย์สอนอยู่ที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่นั้น    ประเทศไทยยังเป็นประเทศด้อยพัฒนา แต่ด้านจิตใจ น้ำใจนี่ ไปที่ไหนคนต้อนรับดี    แต่ขณะนี้ดูเหมือนใจยิ่งแคบเข้า แคบเข้า

หลวงพ่อจะมีคำแนะนำให้กับผู้คนที่จะต้องเผชิญกับ การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคมโลกที่กำลังเกิดขึ้นอย่างมากมายอยู่ในขณะ นี้บ้างครับ

อยู่ที่การพัฒนาใจ    การพัฒนาใจจะเป็นวิธีการแก้ไขปัญหาที่ดีที่สุด ไม่ว่าปัญหาของตนเองแล้วขยายไปยังโลก    ต้องมีความรู้มากๆ ต้องศึกษา    รักษาคุณธรรม มีสัจจะเป็นตัวตั้ง    ถ้าเศรษฐกิจดีใจก็ดี ถ้าเศรษฐกิจโต ใจก็โต    อย่างนี้ก็แย่    เพราะฉะนั้นเราต้องมีหลักภายใน    สถานการณ์โลกมันก็มีขั้นมีลง ถ้าใจของเราขึ้นลงกับเขามันก็แย่    เวลาโลกหมุนมันไม่ได้หมุนธรรมดานะ มันหมุนแบบเฟือง    ถ้าเสียหลักมันก็ดึงเข้าไป ดึงเข้าไป กินเสื้อ ดึงแขน ดึงขาเข้าไป แขนก็ขาด ขาก็ขาด    โลกาภิวัตน์นั้นมันมิใช่โลกาภิวัตน์หรอก มันเป็น โลกกาวินาศมากกว่า    ตอนนี้อะไรๆ ก็เป็นสินค้าไปหมด    ธรรมะของพระพุทธเจ้าก็ถูกทำให้เป็นสินค้าแล้ว    มีการเอามาดัดแปลง เอามาขาย มาโฆษณากันแล้ว    เนื้อในก็จะค่อยๆ หายไป

พอเกิดเหตุการณ์ 11 กันยายน สหรัฐถูกโจมตี    สภาพจิตใจของคนที่นั่นเป็นอย่างไรบ้างครับ

ตามศูนย์ฝึกสมาธิอะไรต่างๆ นี้ไม่มีคนมาเลยเพราะหลับตาก็เห็นแต่ภาพเหตุการณ์นั้น    แต่หลังจากนั้นไม่นานก็หลั่งไหลมาจนที่ไม่พอ    คนแสวงหาที่พึ่งทางใจ    แต่คนที่นิวยอร์กเขาเข้าใจนะเพราะเขาเป็นทุกข์    เขาเข้าใจคนอื่น ไม่อยากให้คนอื่นเป็นเช่นที่เขาประสบ    แต่คนที่ดูโทรทัศน์ คนที่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์นั้นจะต่อสู้อย่างเดียว    อยากไปสู้กับเขา พวกนี้ไม่รู้เรื่อง    ถึงขนาดมีคนบอกว่า พุทธต้องปรับตัวให้เข้ากับเขา ถึงขนาดนั้น

ทุกปีอาตมาจะได้รับนิมนต์ไปเทศนาอบรมจิตตามศูนย์ภาวนาที่เขาสร้างขึ้น เมืองต่างๆ 4-5 แห่งเป็นประจำ    มีที่บอสตัน นิว เม็กซิโก ซีแอตเติ้ล นิวยอร์ก ซานฟรานซิสโก ก็ไปดูอาการของคนที่นั่นว่าเป็นอย่างไร    เดี๋ยวนี้คนหันมาสนใจค้นหาหลักเดิมของศาสนามากขึ้นเพราะที่ดัดแปลงของเดิมเพื่อให้เข้ากับสังคมนั้นมันแก้ทุกข์ไม่ได้

ลมไม่ได้เป็นของพุทธของคริสต์

ลมเป็นของกลาง ให้ใจอยู่กับลม

ไปมาอย่างไรครับหลวงพ่อถึงได้มาบวช

ไปรู้จักหลวงพ่อเฟื่อง โชติโก (วัดธรรมสถิตย์ จ.ระยอง ปัจจุบันมรณภาพแล้ว) ก่อน    พักปฏิบัติกับท่าน 3 เดือนแล้วกลับไปอเมริกาปีกว่า    ช่วงนั้นจิตใจก็ต่อสู้กันว่าจะบวชหรือไม่บวชดี    โยมพ่อไม่อยากจะให้บวช โยมแม่นั้นท่านเสียชีวิตไปแล้ว เพื่อนฝูงก็ไม่มีใครสนับสนุน    แต่ก็คิดว่า เรามีโอกาสพบครูบาอาจารย์ที่ดีแล้ว ถ้าไม่ปฏิบัติตอนนี้จะปฏิบัติตอนไหน ก็เลยตัดสินใจบวช    มาอยู่กับหลวงพ่อเฟื่อง ตั้งแต่ปี 2519-2529 ท่านมรณะปี 2529 ก็อยู่ต่อมาอีก 5 พรรษา    แล้วหลวงปู่สุวัจน์ ก็ได้นิมนต์ไปช่วยสร้างวัดเมตตาฯ ที่สหรัฐอเมริกา

ทุกวันนี่โยมพ่อและโยมเพื่อนว่าอย่างไรบ้างครับ

ทุกวันนี้ปรับได้แล้ว    โยมพ่อก็ภาวนาอยู่ที่บ้าน    อยู่ห่างกันไกลเพราะบ้านอยู่ที่เวอร์จิเนีย    พ่ออายุ 85 แล้ว    ตอนอยู่กับหลวงพ่อเฟื่อง ปีกว่าๆ ท่านมาหาก็พาไปกราบหลวงพ่อเฟื่อง    พาไปดู เสร็จแล้วท่านก็ว่าพอแล้ว    อาตมาบอกว่าว่า ยังไม่พอ ยังเรียนวิชานี้ไม่จบ ต้องลองนั่งภาวนา    ท่านถามหลวงฟ่อเฟื่องว่า ท่านเป็นคริสต์มีอะไรขัดข้องไหม    หลวงพ่อเฟื่องก็บอกว่า ให้ดูลม ลมไม่ได้เป็นของพุทธของคริสต์    ลมเป็นของกลาง ให้ใจอยู่กับลม    โยมพ่อปฏิบัติก็สงบลง ทุกวันนี้ท่านก็ยังปฏิบัติอยู่

หลวงพ่อภาวนามานานหรือยังครับ

25 พรรษาและก่อนนั้นอีก 3 ปี

ภาวนามา 28 ปี พบว่าอย่างไรบ้างครับ

พระพุทธเจ้าเสนอเรื่องความจริงทั้งนั้น    (นิ่งไปนิด ก่อนจะเอ่ยว่า...) เท่านี้

คลุมหมดเลยครับ    ระหว่างที่อยู่กับครูบาอาจารย์ หลวงพ่อประทับใจกับคำสอนอะไรบ้างครับ

หลายอย่าง ทั้งคำสอนทั้งการปฏิบัติของท่าน    คำสอนก็อย่าง การทำอย่างไรให้ทุกข์เป็นมรรค, การภาวนาอย่างไรให้ใจบริสุทธิ์, คนเราจะมีความสุขโดยไม่ต้องอาศัยสิ่งแวดล้อมจากภายนอกได้อย่างไร, ไม่เห็นความโง่ของตนเองภาวนายังไม่เป็น ปัญญายังไม่เกิด ฯลฯ


ข้อมูลอ้างอิงจาก : dharma-gateway.com

 

Top