ประวัติ พระสมเด็จวัดบางขุนพรหม - ยุคแรก - webpra

พระสมเด็จวัดบางขุนพรหม

ประวัติ ยุคแรก

 

พระสมเด็จ ยุคแรก

 

พระสมเด็จฯ วัดบางขุนพรหม

โดย หม่อมราชวงศ์อภิเดช อาภากร

   
“พระสมเด็จฯ วัดบางขุนพรหมเป็นมรดกอันทรงคุณค่าที่ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังษี ได้สร้างและบรรจุกรุไว้ให้เมื่อกว่าศตวรรษมาแล้ว....ปัจจุบันแม้แต่เศษชิ้น ส่วนที่แตกหักก็ยังเป็นที่ต้องการของผู้คน มีราคาเช่าหาสูงและหายาก....” สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังษี ท่านสร้างพระพิมพ์สมเด็จฯ ไว้ 3 แห่ง คือ
1. พระสมเด็จฯ วัดระฆังโฆษิตาราม กรุงเทพมหานคร
2. พระสมเด็จฯ วัดบางขุนพรหม กรุงเทพมหานคร
3. พระสมเด็จฯ วัดเกศไชโย จังหวัดอ่างทอง
  ในบทความนี้ขอนำเสนอเฉพาะเรื่องพระสมเด็จฯ วัดบางขุนพรหม กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นพระพิมพ์ที่สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) ท่านสร้างและบรรจุไว้ในองค์พระเจดีย์ที่วัดบางขุนพรหม เมื่อประมาณ พ.ศ.2413 โดยจะให้รายละเอียดประวัติการสร้าง การเปิดกรุ พิมพ์ทรงของพระที่บรรจุ และเรื่องน่าสนใจอื่น ๆ ที่เชื่อถือได้มารวบรวมไว้ ณ ที่นี้
     

การสร้างพระสมเด็จฯ วัดบางขุนพรหม

ตามประวัติสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังษี ท่านได้สร้างพระสมเด็จวัดระฆังฯ ขึ้นแจกชาวบ้านในราวปี พ.ศ.2409 หลังจากท่านได้สมณศักดิ์ “สมเด็จพระพุฒาจารย์” ได้ 2 ปี ต่อจากนั้นประมาณ 2-4 ปีคือประมาณ พ.ศ.2411 ถึง พ.ศ.2413 ท่านจึงสร้างพระสมเด็จฯ ขึ้นอีกจำนวนหนึ่งนำไปบรรจุไว้ในพระเจดีย์องค์ประธานที่วัดบางขุนพรหม เรียกกันว่า “พระสมเด็จฯ วัดบางขุนพรหม”ผู้อาราธนาให้ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ สร้างพระพิมพ์เพื่อบรรจุในองค์พระเจดีย์ก็คือ เสมียนตราด้วง ต้นตระกูล “ธนโกเศศ” ข้าราชการเสมียนตราในสมัยรัชกาลที่ 5 เมื่อท่านได้สร้างพระสมเด็จฯ วัดระฆังฯ แจกแล้ว ก็คงมีดำริว่าน่าจะสร้างพระขึ้นจำนวนหนึ่งเพื่อบรรจุไว้ในพระเจดีย์เป็น “อุเทสิกเจดีย์” (สิ่งที่ระลึกถึงพระพุทธเจ้า) ตามคติของคนโบราณด้วย ด้วยความคิดนี้ประกอบกับเสมียนตราด้วง ผู้ปฏิสังขรณ์วัดบางขุนพรหม ได้อาราธนาให้ท่านสร้างพระพิมพ์บรรจุในพระเจดีย์ที่เสมีนตราด้วงสร้างที่วัด บางขุนพรหม การสร้างพระสมเด็จฯ บางขุนพรหมจึงได้ดำเนินการขึ้น ในราว พ.ศ.2413 และสำเร็จเรียบร้อยก่อนที่สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) มรณภาพเพียง 2-3 ปีเท่านั้น พระสมเด็จฯ วัดระฆังฯ นั้นท่านสร้างเป็นครั้งคราวจำนวนคงไม่มากนัก ระยะเวลาในการสร้างไม่เกิน 6 ปี (พ.ศ.2409-2415) เนื้อหาจึงมีมวลสารมากและพระมีเนื้อหนึกนุ่ม เพราะไม่ได้บรรจุกรุ จึงไม่ถูกอบในกรุจนพระแห้งและแกร่ง เช่น พระสมเด็จฯ วัดบางขุนพรหม
 
พระสมเด็จฯ วัดบางขุนพรหม มีทั้งหมด 10 พิมพ์ทรงคือ
1. พิมพ์ทรงใหญ่
2. พิมพ์ทรงเจดีย์
3. พิมพ์ทรงเกศบัวตูม
4. พิมพ์ทรงฐานแซม
5. พิมพ์ทรงปรกโพธิ์ (มีน้อย)
ห้าพิมพ์ทรงข้างต้นนี้ตรงกับพิมพ์ของพระสมเด็จฯ วัดระฆังฯ และยังมีพิมพ์อื่นเพิ่มขึ้นอีก 4 พิมพ์ทรง คือ
6. พิมพ์ทรงฐานคู่
7. พิมพ์ทรงสังฆาฏิ
8. พิมพ์ทรงเส้นด้าย
9. พิมพ์อกครุฑ
10. พิมพ์ไสยยาสน์
     

เนื้อพระสมเด็จฯ บางขุนพรหม

เนื้อพระของพระสมเด็จฯ บางขุนพรหม ส่วนใหญ่เป็น เนื้อสีขาวและขาวอมเหลือง หนึกแกร่ง มีฝ้ากรุฉาบโดยทั่วไป เป็นเนื้อชนิดมีคราบและมีฝ้า อย่างที่เรียกกันทั่ว ๆ ไปว่า “สนิมกรุ หรือคราบกรุ” คราบนี้มีสีขาวหรือค่อนข้างขาวติดแนบแน่นอยู่บนพื้นผิวขององค์พระ ขี้กรุของพระบางองค์มีสีน้ำตาลเข้ม บางองค์คราบกรุบาง บางองค์คราบกรุหนา เมื่อใช้ไปนาน ๆ หรือถูกสัมผัสมากผิวจะเกิดมันละเลื่อมขึ้น

มวลสารของพระสมเด็จฯ

เนื้อหาส่วนใหญ่เป็นปูนขาว เพื่อสร้างพระได้จำนวนมาก (ประมาณวัสดุ) ซึ่งเป็นปูนเปลือกหอย อันเป็นคำยืนยันจากพระธรรมถาวร (ช่วง) ลูกศิษย์ของสมเด็จฯ เนื้อปูนที่ท่านเอามาตำและร่อนจนมีเนื้อนุ่มละเอียด นอกจากนั้นท่านว่ามีส่วนผสมเป็นข้าวสุก เนื้อกล้วย ตัวประสานเป็นน้ำมันตังอิ๊ว เพื่อไม่ให้พระแตกร้าวอีกด้วย นอกจากนั้นเป็นมวลสารที่เป็นวัตถุมงคล (อิทธิวัสดุ) ซึ่งแบ่งเป็น 7 อย่างคือ  
1. ผงวิเศษ 5 ประการ คือ ผงปถมัง อิทธิเจ มหาราช พุทธคุณ และตรีนิสิงเห
2. ผงใบลานเผา
3. เกสรดอกไม้
4. ว่าน
5. ทรายเงินทรายทอง
6. เถ้าธูป
7. น้ำมันจันทน์
     

การปลุกเสก

คาถาปลุกเสก พระสมเด็จฯ ที่สร้างเสร็จแล้ว ท่านจะนำไปใส่ภาชนะไว้บนหอสวดมนต์และปลุกเสกทุกวัน คาถาที่ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ ใช้ปลุกเสกนอกจากมีบทสวดอื่นแล้ว บทสวดที่มีชื่อมากคือ “พระคาถาชินบัญชร” ซึ่งเป็นพระคาถาเก่ามีมาแต่โบราณ (ประเทศศรีลังกาก็มี) โดยท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ ได้เรียบเรียงขึ้นใหม่ให้มีความกระทัดรัดและเหมาะสมขึ้น ปัจจุบันนิยมสวดกันทั่วไปในประเทศไทย
     

รายละเอียดการเปิดกรุ พ.ศ.2500 (เปิดกรุอย่างเป็นทางการ)

รายละเอียดการเปิดกรุพระสมเด็จฯ วัดบางขุนพรหม ได้มาจากการสัมภาษณ์ท่านพระครูบริหารคุณวัตร รองเจ้าอาวาสวัดใหม่อมตรส เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม พ.ศ.2507 โดยคุณเทพชู ทับทอง พิมพ์อยู่ในหนังสือ “พระเครื่องและพระบูชาพระกรุเก้าวัด” มีรายละเอียดบางตอนว่า “การเปิดได้กระทำในวันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ.2500 โดยมี พลเอก ประภาส จารุเสถียร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานกรรมการเปิดกรุ
 
มีอธิบดีกรมศาสนา เจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะอำเภอ ตำรวจ ทหาร ร่วมด้วยในพิธีนี้ พอรุ่งขึ้นวันที่ 25 พฤศจิกายน คณะกรรมการก็ได้ทำการนับจำนวนพระที่ขุดได้ ปรากฏว่าได้พระสมเด็จ (ที่สมบูรณ์) ทั้งหมด 2,950 องค์ นอกจากนั้นก็ได้พระสมเด็จตะกั่วถ้ำชา 1 องค์ สำหรับตะกรุดคงเป็นของคนสมัยนั้นนำเอามาบรรจุไว้ด้วย ส่วนพระสมเด็จที่หักชำรุดมีมากมายพระที่ได้ขึ้นมาในครั้งนั้นเรียกว่า “พระกรุใหม่” ส่วนพระสมเด็จฯ ที่ถูกลักลอบนำออกมาก่อนหน้านั้น เรียกกันว่า “พระกรุเก่า” ซึ่งความจริงเป็นพระขึ้นมาจากกรุเดียวกันนั่นเอง เพียงแต่ระยะเวลาออกมาไม่พร้อมกัน
     

พระพุทธคุณ

การที่พระสมเด็จฯ เป็นที่นิยมก็คงจะเนื่องจากคุณวิเศษที่คนบูชาได้ประจักษ์กับตนเอง จนเป็นที่โจษขานกันปากต่อปาก ทำให้พระสมเด็จฯ เป็นที่ต้องการของผู้คน ดังที่เห็นกันอยู่ในปัจจุบัน คุณประชา ศรีวิญญานนท์ หรือที่รู้จักกันในนามว่า “เปงย้ง ตลาดพลู” นักเล่นพระรุ่นเก่าที่มีชื่อเสียง ก็เคยประจักษ์ในพระพุทธคุณของพระสมเด็จฯ วัดบางขุนพรหม โดยได้ให้คำสัมภาษณ์ (ในหนังสือ Spirit Vol. 1 No. 1 Nov.-Dec 2003 หน้า 104) มีข้อความน่าสนใจว่า“พระองค์แรกที่เช่าเองและเป็นองค์ที่ภูมิใจที่สุดทุก วันนี้ก็ยังเก็บไว้อยู่เลยก็คือ พระสมเด็จฯ บางขุนพรหม พิมพ์อกครุฑ กรุเก่าซึ่งได้มาจากเพื่อนและเพื่อนก็ได้มาจากลุงของเขา เพราะลุงของเพื่อนสะสมพระเยอะ และเพื่อนคนนั้นเผอิญมีอยู่ช่างหนึ่งเขาขาดเงิน
 
จึงเอาพระสมเด็จฯ ที่ห้อยคออยู่มาขอจำนำไว้ 500 บาท หลังจากนั้นได้นำพระองค์นี้เข้าไปในสนาม เซียนพระขอเช่าในราคา 300 บาท แสดงว่าแท้แน่นอน จึงพยายามขอซื้อจากเพื่อนคนนี้อยู่นานจนตอนหลังขาดจำนำจึงได้เก็บไว้ และพระองค์นี้มีประวัติ มีประสบการณ์ โดยเรื่องเกี่ยวกับท้องร่วงท้องเสีย ผมท้องเสีย เลยเอาพระไปแช่น้ำและไหว้ขอพรจากองค์พระแล้วก็ดื่มน้ำแก้วนั้น ไม่น่าเชื่อหายเป็นปลิดทิ้ง พระองค์นี้เดิมเจ้าของคือลุงมาขายให้หลานซึ่งเป็นเพื่อนผมแล้วก็หมดตัวเลย พอเพื่อนคนนั้นเอามาขายให้ผมเพื่อนคนนั้นก็ติดคุก ผมเลยไม่กล้าขายให้ใครเลย จะให้ผมกี่ล้านก็ไม่ขาย ก็ใช้บูชาติดตัวมาจนทุกวันนี้”ข้างต้นนี้เป็นตัวอย่างหนึ่งของพระพุทธคุณของ สมเด็จฯ วัดบางขุนพรหม ซึ่งมีเรื่องเล่ามามากมาย ด้วยเหตุนี้เอง พระสมเด็จฯ จึงเป็นที่ต้องการของผู้คนทั่วไป
     

ความนิยม

พระสมเด็จฯ วัดบางขุนพรหม จึงเป็นมรดกอันทรงคุณค่าที่ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังษี ได้สร้างและบรรจุกรุไว้เมื่อกว่าศตวรรษมาแล้ว ประชาชนต่างเชื่อมั่นในพระพุทธคุณดังจะเห็นได้มีการลักลอบนำพระสมเด็จฯ ออกมาจากกรุตลอดมา จนกระทั่งทางวัดต้องเปิดกรุอย่างเป็นทางการใน พ.ศ.2500 ปัจจุบันแม้แต่เศษชิ้นส่วนที่แตกหักก็ยังเป็นที่ต้องการของผู้คน มีราคาเช่าหาสูงและหายาก
 
ชิ้นส่วนพระสมเด็จฯ ที่พบในกรุ ทางวัดบางขุนพรหมก็นำมาเป็นส่วนผสมในการสร้าง พระสมเด็จฯ บางขุนพรหม รุ่น พ.ศ.2509 ซึ่งเป็นที่นิยมของผู้คนเป็นอันมากเช่นเดียวกัน เรื่องที่ประมวลมาทั้งหมดแสดง
ถึงความเป็นอมตะของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังษี กับพระพิมพ์ที่ท่านได้สร้างไว้และเชื่อแน่ได้ว่าจะเป็นพระเครื่องที่เป็นที่ นิยมสูงสุดของประชาชนชาวไทยตลอดไ

 


ข้อมูลอ้างอิงจาก : www2.pt-amulet.com

Top