พระราหู
ประวัติ (เทพเจ้าแห่งทรัพย์)
พระราหู
ประวัติความเป็นมา
ตามตำนานเล่ากำเนิดของพระราหูมีมากมาย ดังนี้
- พระราหูเป็นโอรสของพระวิประจิตติ และพระนางสิหิกา เมื่อแรกเกิดขึ้น พระราหูมีหางเป็นนาค สถิตอยู่ในวิมานสีนิชล หรือสีดำขลับ โดยมีพาหนะเป็นพญาครุฑ พระราหูถิเป็นเทวะองค์ที่ 8 ในบรรดาเทพแห่งนพเคราะห์
- ในคัมภีร์อินเดียโบราณ บันทึกว่าพระศิวะได้นิรมิตผีโขมด 12 ตน และร่ายพระเวทป่นให้ผีนั้นแหลกละเอียดเป็นผุยผงจากนั้นนำผ้าสีดำสนิทมาห่อ และประพรหมด้วยน้ำอมฤตเสกสรรบันดาลให้กลายเป็นเทวะองค์ที่ 8 นามว่าพระราหู พระราหูทรงเป็นอสูรเทพ คือเป็นเทพที่มีรูปกายเป็นยักษ์นั่นเอง มีพระวรกายเป็นสีดำสนิท และทรงอาภรณ์สีดำบ้างก็สีทองแดง
- ในคัมภีร์โบราณฮินดูกล่าวว่าพระราหูเป็นโอรสของพระพฤหัสบดีกับนางสิหิกา มีหาหนะเป็นสิงห์
- พระราหูทรงเป็นพี่น้องกับพระอาทิตย์ และพระจันทร์ ก่อนมากำเนินบนสวรรค์ มีเรื่องเล่าว่า อดีตชาติมีเรื่องราวเกิดขึ้นที่บ้านของเศรษฐีผู้มั่งคั่งผู้หนึ่ง มีบุตรชาย 3 คน คนโตอดีตชาติคือพระอาทิตย์ คนรองอดีตชาติคือพระจันทร์ และคนสุดท้องอดีตชาติคือพระราหู ต่อมาเมื่อเศรษฐีได้ถึงแก่กรรมลง ทั้ง 3 พี่น้องได้นิมนต์พระมาทำบุญโดยการใส่บาตร พี่คนโตคว้าขันทองคำพร้อมอธิษฐานด้วยเสียงดังว่า ผลบุญที่กระทำไว้จงส่งผลให้เกิดเป็นพระอาทิตย์เพื่อส่องแสงในยามกลางวัน พี่คนรองคว้าได้ขันเงิน เมื่อใส่บาตรเสร็จจึงอธิฐานดัง ๆ ว่า ขอให้เกิดเป็นพระจันทร์ทำหน้าที่ส่องแสงในยามค่ำคืน ส่วนคนสุดท้องเมื่อได้ฟังพี่ชายทั้ง 2 ของตนอธิฐานก็โกรธเป็นอย่างมาก จึงคว้ากระบุงใส่ข้าวมาใส่บาตร อธิฐานดัง ๆ ว่า ขอให้ตนเกิดเป็นพี่ชายใหญ่ของพระอาทิตย์ และพระจันทร์ มีร่างกายใหญ่โตจนสามารถบดบังแสงของพระอาทิตย์ และพระจันทร์ไว้ กาลเวลาต่อมาเมื่อทั้ง 3 คน สิ้นอายุขัยลง คำอธิฐานไว้ก็เป็นไปดังที่ขอทั้งสิ้น เวลากลางวันเมื่อพระราหูโคจรมาพบพระอาทิตย์ ก็บดบังแสงไว้มิให้ส่องลงมายังโลก เหตุนี้จึงเรียกว่าการเกิดสุริยุปราคา และเวลากลางคืนพระราหูก็จะบดบังอมพระจันทร์ไว้ให้มืดมิด เหตุนี้จึงเรียกว่าการเกิดจันทรุปราคา ส่วนเหตุที่ทำให้พระราหูมีร่างขาดเป็น 2 ท่อน เล่ากันว่าพระราหูได้แปลงตัวเป็นเทวะองค์หนึ่งเข้าร่วมการชุมนุมของทวยเทพ และได้ดื่มน้ำอมฤตเข้าไป แต่ทว่า พระสุริยาทิตย์ และพระจันทร์ได้สังเกตเห็น จึงนำความไปบอกพระวิษณุ หรือพระนารายณ์ ว่าพระราหูลอบแปลงร่างเข้ามาดื่มน้ำอมฤต พระนารายณ์ทรงกริ้วนำ จึงขว้างด้วยจักรถูกพระราหูจนขาดไปครึ่งองค์ แต่หาได้ทรงสิ้นชีพ เนื่องจากได้ดื่มน้ำอมฤตเข้าไปแล้ว จึงมีฤทธานุภาพสูงเทียมเท่ากับ เทวะทั้งมวล พระราหูจึงเหลือแต่ท่อนหัว ล่องลอยไปมาในสวสรรค์คอยจับพระอาทิตย์ และพระจันทร์มากินเพื่อแก้แค้นเช่นเดิม ส่วนท่อนล่างของพระราหูที่กระเด็นขาดหายไปได้กลายไปเป็นพระเกตุ เป็นเทวะแห่งนพเคราะห์องค์ที่ 9 ซึ่งมีรูปลักษณ์เป็นดาวหาง หรือผีพุ่งไต้ เกิดขึ้นนาน ๆ ครั้งในชั้นบรรยากาศนั่นเอง
ลักษณะความเชื่อ
โดยมีความเชื่อกันว่าการบูชาพระราหูหรือ เรียกอีกชื่อ หนึ่งว่า “เทพราหู” ซึ่งถือเป็นเทพงค์หนึ่ง สามารถบันดาลประโยชน์และโทษให้เกิดขึ้นกับบุคคล หรือสิ่งต่าง ๆ ได้ ดังนั้นจึงได้มีคิดค้นวิธีการบูชาพระราหูเกิดขึ้น เนื่องจากมีความเชื่อว่าให้สิ่งที่เลวร้ายอันอาจจะเกิดขึ้น ให้บรรเทาเบาบางลง แปรเปลี่ยนเป็นสิ่งที่ดี เกิดความสำเร็จในหน้าที่การงาน มีโชคมีลาภ เจริญก้าวหน้าร่ำรวย
ข้อมูลอ้างอิง : http://www.watphananchoeng.com/watphananchoeng/index.php?option=com_content&view=article&id=35:2011-07-11-18-50-53&catid=4:god&Itemid=48