พระพรหม
ประวัติ พระพรหมศาสนาพราหมณ์-ฮินดู
พระพรหมในศาสนาพุทธ กับ พระพรหมในศาสนาพราหมณ์ นั้นมีรูปกายเหมือนกัน ลักษณะภายนอกเหมือนกัน แต่ไม่ใช่องค์เดียวกัน
พระพรหมของพุทธ คือ คนที่ทำความดี ตั้งมั่นอยู่ใน พรหมวิหาร 4และไปเกิดเป็นพรหม ซึ่งมนุษย์ทุกคนสามารถเป็นพรหมได้ หากตั้งมั่นอยู่บนความมีเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา บนสวรรค์จึงมีพระพรหมเป็นล้านๆองค์ พระพรหมที่ชาวไทยรู้จักกันดีได้แก่ ท้าวมหาพรหม หรือ พระพรหมเอราวัณ ณ สี่แยกราชประสงค์ ท้าวพกาพรหม ท้าวกบิลพรหม
พระพรหมของพราหมณ์-ฮินดู คือ ผู้สร้างโลก ซึ่งมีเพียงองค์เดียว แต่เรียกได้หลายพระนาม เช่น พระพรหมมา พระพรหมธาดา ท้าวจตุรมุข ประชาบดี
พระพรหม
(พระพรหมศาสนาพราหมณ์-ฮินดู)
มหาเทพแห่งการสร้าง ประทานความรุ่งเรือง การสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ มอบความสำเร็จและความผาสุข
พระพรหม คือ พระเจ้าผู้สร้าง ผู้ลิขิตความเป็นไปของทุกสรรพสิ่ง เป็นผู้กำหนดชะตาชีวิตของมนุษย์ทุกคน พระพรหมจึงเป็นผู้รู้ความเคลื่อนไหวของสรรพชีวิต เหตุการณ์สำคัญของโลกล้วนอยู่ในสายตาของพระพรหม พระพรหมคือมหาเทพผู้ยิ่งใหญ่หนึ่งในสามตรีมูรติ ทรงรับฟังคำอธิษฐานของผู้ศรัทธาเสมอ ผู้บูชาพระพรหมและทำความดี จะได้รับการบันดาลพรให้สมหวังในสิ่งที่ปรารถนา
พระพรหม มีพระนามหลากหลาย เช่น พระพรหมมา พระพรหมา พระพรหมธาดา ท้าวมหาพรหม ปชาบดี อาทิกวี อาตมภู โลกาธิปดี ฯลฯ
กำเนิดของพระพรหมมีมากมายหลายตำรา
ถ้าเป็นคัมภีร์ปุราณะของพราหมณ์ฝ่ายพระวิษณุเป็นใหญ่ (ไวษณพนิกาย) จะกล่าวถึง กำเนิดพระพรหม ว่า พระพรหมถือกำเนิดในดอกบัว ซึ่งดอกบัวนี้ผุดขึ้นมาจากพระนาภี (สะดือ) ของพระวิษณุ นั่นหมายถึง พระวิษณุมีมาก่อนทุกสรรพสิ่ง พระองค์ต้องการสร้างโลก จึงให้กำเนิดพระพรหมขึ้นมาเพื่อภารกิจนี้
ถ้าเป็นคัมภีร์ปุราณะของพราหมณ์ฝ่ายพระศิวะเป็นใหญ่ (ไศวะนิกาย) จะกล่าวถึงกำเนิดพระพรหมว่า พระศิวะใช้พระหัตถ์ข้างหนึ่งลูกพระหัตถ์อีกข้างหนึ่ง บังเกิดแสงขึ้นมาในพระหัตถ์ พระพรหมก็ออกมาจากแสงนั้นเอง ด้วยเหตุผลที่พระศิวะต้องการสร้างโลก จึงให้กำเนิดพระพรหมขึ้นมาเพื่อภารกิจนี้ ตำนานนี้พระศิวะจึงเป็นผู้มีมาก่อนทุกสรรพสิ่ง
สำหรับคัมภีร์ปุราณะของ ฝ่ายพระพรหม เองนั้นบันทึกไว้ว่า พระพรหมเกิดขึ้นมาเองโดยไม่มีสิ่งใดมาก่อน แท้จริงแล้วพระองค์ไม่มีจุดกำเนิด คือ มีอยู่ตั้งแต่เริ่มต้นของจักรวาลแล้ว เรียกสภาวะของพระพรหมนี้ว่า อาปวะ เมื่อพระพรหมประสงค์จะสร้างสิ่งต่างๆ จึงได้แบ่งตัวเองออกเป็น 2 ภาค ภาคหนึ่งคือเพศชาย ภาคหนึ่งคือเพศหญิง (พระแม่สรัสวดี) ร่วมมือกันสร้างเทพองค์อื่นๆ เทวดา มนุษย์ สัตว์ และพืชพรรณทั้งหลายในโลก
พระพรหม เป็นเทพเจ้าแห่งการสร้างสรรค์ ทรงมีอานุภาพในการลิขิตชะตาชีวิต โดยควบคุมทุกอย่างให้เป็นไปตามเงื่อนไขของกฎแห่งกรรม พระพรหมจึงเป็นผู้คุ้มครองคนดี และลงโทษผู้กระทำบาป ผู้มีกิเลสตัณหา จะถูกพระพรหมลิขิตให้ชีวิตมีแต่ความลำบากยากเข็ญ ผู้มีจิตใจเอื้ออารีย์ต่อผู้อื่น พระพรหมจะบันดาลให้มีความสุขและสมบูรณ์ในชีวิต การเสียสละต่อส่วนรวมคือการถวายความจงรักภักดีต่อพระพรหม พระพรหมจะบันดาลพรให้ผู้เสียสละนั้นมีแต่ความสุขตลอดกาล
ผู้ศรัทธาในพระพรหม เมื่อสวดบูชาต่อพระองค์แล้ว พระองค์จะประทานปัญญาในการประกอบอาชีพ ปกป้องให้ห่างจากศัตรู ประทานความแข็งแรง ความรู้แจ้ง ชี้แนะแนวทางแก้ไขปัญหาต่างๆ และมอบความบริสุทธิ์ทางจิตวิญญาณแก่ผู้นั้น
พระพรหมทรงโปรดความเงียบสงบ ไม่วุ่นวาย มีพระทัยอ่อนโยน รักสรรพชีวิตที่พระองค์สร้างมาเสมอ เมื่อผู้ศรัทธาต้องการสักการะ พระพรหมก็โปรดการจัดการอย่างเรียบง่าย มีความตั้งใจ แต่ไม่ใหญ่โตวุ่นวาย พระองค์โปรดให้ลูกศิษย์สวดภาวนาว่า "สัก ชิต เอกัม พรหมมา" หรือ "โอม อาฮัม พรหมมา อัสมิ" เป็นร้อยๆ พันๆ หมื่นๆ แสนๆ เที่ยว และให้นั่งสมาธิตั้งจิตเพ่งไปที่พระองค์ การที่ผู้ศรัทธาได้อยู่กับพระพรหมตามลำพัง นั่งสมาธิและสวดภาวนาให้นานที่สุด พระองค์จะโปรดมาก เพราะพระองค์ทรงสอนว่า การนั่งอยู่กับที่และระลึกถึงพระองค์ บริโภคมังสวิรัติ ไม่ออกไปสร้างสิ่งเดือดร้อนให้ผู้อื่น คือการตอบแทนพระคุณพระพรหมได้ดีที่สุด
ศาสตราวุธของพระพรหม
- ลูกประคำ คือ การสวดมนต์ภาวนาต่อพระพรหมเพื่อแผ่เมตตาไปยังสรรพชีวิต
- ดอกบัว คือ ความสวยงามของธรรมะ ความดีงาม พระองค์ทรงสอนให้มนุษย์กระทำในสิ่งที่ดีงามและมีเมตตาต่อผู้อื่นเสมอ
- คัมภีร์ คือ การตั้งตนอยู่ในความดีความชอบ การศึกษาบทสวดและโยคะเพื่อมุ่งตรงสู่พระผู้เป็นเจ้า
- หม้อน้ำ คือ กมัณฑลุ หรือ หม้อกลัศ ที่นักพรตตวงน้ำจากแม่น้ำคงคา ไปใช้ในพิธีกรรมบูชาเทพต่างๆ (น้ำมนต์บริสุทธิ์)
ศาสตราวุธทั้ง 4 นี้คือศาสตราวุธหลัก แต่ก็ยังมีศาสตราวุธอีกมากมาย
แล้วแต่ช่างจะจินตนาการปั้นหรือวาด เพื่อเสริมความหมายขึ้นมา เช่น ธนู หอก กระจก
สังข์ ดาบ มีด กริซ ช้อนตักน้ำมันไฟ จักร คฑา ตลอดจนเครื่องดนตรีต่างๆ
พระพรหมเป็นผู้ให้กำเนิดคัมภีร์พระเวท
พระพักตร์ทั้ง 4 ของพระพรหมจึงหมายถึง พระเวททั้ง 4
พระพักตร์ด้านตะวันออก คือ ฤคเวท / พระพักตร์ด้านใต้ คือ ยชุรเวท
พระพักตร์ด้านตะวันตก คือ สามเวท / พระพักตร์ด้านเหนือ คือ อาถรรพ์เวท
พระพรหมผู้สร้างโลกได้สร้างมนุษย์ขึ้นมา โดยวรรณะต่างๆของชาวอินเดีย มีกำเนิดมาจากส่วนต่างๆของพระพรหม ดังนี้
ชนชั้นพราหมณ์ (นักบวช) เกิดจากพระโอษฐ์
ชนชั้นกษัตริย์ (นักรบ) เกิดจากพระพาหา
ชนชั้นแพศย์ (พ่อค้าทั่วไป) เกิดจากพระเพลา
ชนชั้นศูทร (กรรมกร) เกิดจากพระบาท
--- การบูชาพระพรหม ---
แท่น หรือ หิ้งบูชา
ถ้าองค์เทวรูปมีขนาดใหญ่ ควรสร้างเป็นศาลอยู่นอกอาคาร แต่ถ้ามีขนาดไม่เกิด 1 ศอกสามารถประดิษฐานในบ้านได้ และเนื่องจากพระพรหมมี 4 พระพักต์ การจัดวางเทวรูปในบ้านจึงไม่ควรให้พระพักต์ใดพระพักต์หนึ่งหันไปชิดผนังมาก เกินไป ควรเว้นระยะออกมาจากผนังพอสมควร ถ้าเป็นเทวาลัยหรือศาลนอกบ้าน จะต้องเป็นเทวาลัยที่เปิดออกทั้ง 4 ทิศ โต๊ะหมู่บูชาและการทาสี ควรใช้ผ้า สีขาว สีเหลือง สีชมพูหรือสีอ่อนๆไม่ฉูดฉาดและห้ามใช้สีดำ
การกราบไหว้พระพรหม
หากสถานที่กราบไหว้เป็นเทวาลัยขนาดใหญ่ ควรไหว้พระพรหมให้ครบทั้ง 4 พระพักตร์ เริ่มจากพระพักต์กลาง เดินวนไปตามเข็มนาฬิกา จนกลับมาที่เดิม
เครื่องบูชา เครื่องสังเวยต่างๆ
ดอกไม้ กลิ่นหอมอ่อนๆ ดอกมะลิ ดาวเรือง ดอกบัว ดอกโมก กำยานและธูป ใช้จุดได้ทุกกลิ่น อาหารที่ถวาย ควรเป็นขนมหวาน รสอ่อน ไม่ปรุงรสมากเกิน ไม่เค็มจัด ไม่ผสมสี เน้นธรรมชาติให้มากที่สุด ผลไม้ ถวายได้ทุกชนิด แนะนำมะพร้าว สาลี่ ชมพู่ กล้วย สามารถถวาย ธัญพืช เช่น ข้าวกล้อง ข้าวสาร ข้าวหุง เมล็ดถั่วต่างๆ งาขาว งาดำ ลูกเดือย เผือก มัน สมุนไพร เมล็ดพริกไทย ผักชี ใบกระเพรา พืชผักสดต่างๆ (ของทุกอย่างจะสุกหรือไม่สุกก็ได้ เช่น ผักสดก็ถวายได้ ผักต้มสุกก็ถวายได้) ห้ามถวายเนื้อสัตว์เด็ดขาด
บทสวดมนต์บูชาพระพรหม
ก่อนสวดบูชาพระพรหม ต้องสวดบูชาพระพิฆเนศก่อนทุกครั้ง ซึ่งเป็นกฎการไหว้เทพของศาสนาพราหมณ์ทุกนิกาย
บทสวดพระพรหมของพราหมณ์
(เลือกสวดบทใดก็ได้)
- โอม อาฮัม พรหมมา อัสมิ (บทสวดหลัก)
- โอม สารบัม กฮาลวิดาอี พรหมมา
- สัต ชิด เอกัม พรหมมา
- โอม พรหมมะเน นะมัส
- โอม พรหมมา เทวา นะมัสเต
- โอม สารเว ภะโย พรหมมา เนพะโย นะมะฮา
- โอม ปรเมศะ นะมัสการัม โองการะ นิสสะวะรัม
พรหมเรสะยัม ภูปัสสะวา วิษณู ไวยะทานะโมโทติลูกะปัม
ทะระมา ยิกยานัม ยะไวยะลา คะมุลัม
สทานันตะระ วิมุสะตินัม
นะมัสเต นะมัสเต
จะอะการัง ตะโถวาจะ เอตามาตาระยัต ตะมันตะรามา
กัตถะนารัมลา จะสะระวะปะติตัม
สัมโภพะกะละ ทิวะทิยัม มะตัมยะ
- โอม จตุรมุขคาย วิดมาเฮ
ฮันษา รุทยา ดีมาฮี
ตันโน พรหมมา ประโจทะยาตุ
- โอม จตุรมุขคาย วิดมาเฮ
กามันดาลุทารัย ดีมาฮี
ตันโน พรหมมา ประโจทะยาตุ
- โอม ปรเมศวราเย วิดมาเฮ
ปารตัตวาเย ดีมาฮี
ตันโน พรหมมา ประโจทะยาตุ
- โอม นะโม ราโช ชุเศอิ สริสตะอุ
สติตะอุ สัตตะวา มายายะชา
ทะโม มายายะ สัมหะริเนอิ
วิศวารูปายะ เวทาเสอิ
โอม พรหมมันไย นะมะฮา
- โอม อีม หรีม ชรีม กลีม สาอะห์ สัต ชิด เอกัม พรหมมา
บทสวดสรรเสริญพระพรหม
โอม สารบัม กฮาลวิดาอี พรหมมา (3 จบ)
โอม สัตยัม กฮานัม อานันดัม พรหมมา
โอม สัตยัม กฮานัม อานันตัม พรหมมา
โอม สัตยัม กฮานัม อัมรึตัม พรหมมา
โอม สัตยัม กฮานัม อาบโฮยัม พรหมมา
โอม มยามาตมาฮา พรหมมา
โอม ปรากนอานาม อานันดัม พรหมมา
โอม ตัต สัต โอม
ความหมาย :
ทุกสรรพสิ่งในจักรวาล ถูกสร้างโดยพระพรหมมา
ขอน้อมสักการะพระพรหมมา ผู้เป็นความจริงอันสูงสุด
พระองค์คือความสุข พระองค์คือสรรพความรู้
พระองค์คือสิ่งที่อยู่อย่างนิรันดร์
พระองค์คือสิ่งอันเป็นอมตะ
พระองค์คือสิ่งผู้กล้าหาญเหนือผู้อื่นใด
สรรพความรู้และความสุขทั้งหลายคือพระพรหมมา
ทุกอนูของเราทั้งหลายจึงขอถวายแด่พระพรหมมา
บทสวดพระพรหมของพุทธ
(เลือกสวดบทใดก็ได้)
- โองการพินธุนาถัง อุปปันนัง
พรหมมาสะหะปะตินามะ
อาทิกัปเป สุอาคะโต ปัญจะปะทุมมังทิสะวา
นะโมพุทธายะ วันทะนังฯ
- โอม พรหมมะเณ นะมะ โองการพินทุ นาถังอุปปันนาถัง
สุอาคะโต ปัญจะปะทุมมัง
พรหมมาสะหัมปะตินามัง ทิสสะวา นะโมพุทธายะ วันทานัง
- โอม พระพรหมมา ปฏิพาหายะ
ทุติยัมปิ พระพรหมมา ปฏิพาหายะ
ตะติยัมปิ พระพรหมมา ปฏิพาหายะ
- พรหมมาจิตตัง ปิยังมะมะ
นะชาลีติ นะมะพะทะ
นะมะอะอุ เมกะอะอุ
- ปิโย เทวะ มะนุสสานัง ปิโย พรหมมา นะมุตตะมัง
ปิโย นาคะ สุปันณานัง ปินินทะริยัง นะมามิหัง
ข้อมูลอ้างอิง : http://www.siamganesh.com/lordbrahma.html