พระซุ้มนครโกษา กรุวัดสว่างอารมณ์ เมืองสิงห์บุรี - ทำเนียบรุ่น - webpra

เมืองสิงห์บุรี

พระซุ้มนครโกษา กรุวัดสว่างอารมณ์ เมืองสิงห์บุรี

พระซุ้มนครโกษา กรุวัดสว่างอารมณ์ เมืองสิงห์บุรี (-)
พระซุ้มนครโกษา เนื้อตะกั่วสนิมแดง
พระซุ้มนครโกษา กรุวัดสว่างอารมณ์ เมืองสิงห์บุรี (-)
พระซุ้มนครโกษา เนื้อตะกั่วสนิมแดง
พระซุ้มนครโกษา กรุวัดสว่างอารมณ์ เมืองสิงห์บุรี (-)
พระซุ้มนครโกษา เนื้อตะกั่วสนิมแดง
พระซุ้มนครโกษา กรุวัดสว่างอารมณ์ เมืองสิงห์บุรี (-)
พระซุ้มนครโกษา เนื้อตะกั่วสนิมแดง
พระซุ้มนครโกษา กรุวัดสว่างอารมณ์ เมืองสิงห์บุรี (-)
พระซุ้มนครโกษา เนื้อตะกั่วสนิมแดง
พระซุ้มนครโกษา กรุวัดสว่างอารมณ์ เมืองสิงห์บุรี (-)
พระซุ้มนครโกษา เนื้อตะกั่วสนิมแดง
ชื่อพระเครื่อง พระซุ้มนครโกษา กรุวัดสว่างอารมณ์ เมืองสิงห์บุรี
อายุพระเครื่อง 0 ปี
หมวดพระ พระกรุ
สถานะ
จำนวนคนชม 14691
เข้าทำเนียบตั้งแต่วันที่ ศ. - 06 พ.ค. 2554 - 18:09.51
แก้ไขข้อมูลล่าสุดเมื่อ พ. - 01 ส.ค. 2555 - 15:30.37
Facebook
รายละเอียด
กรุที่มีการค้นพบ
- กรุวัดสว่างอารมณ์

ศิลปะยุค
- ศิลปะลพบุรี ยุคปลาย

จำนวน
- ประมาณ 200 องค์


บทความนี้ได้คัดลอกมาจาก saranugrompra.com
---ความเป็นมาที่พบพระกรุนี้เพราะที่หมู่บ้านนั้นเป็นพื้นที่หนึ่งที่ทางราชการเข้าไปพัฒนาเพื่อให้เป็นหมู่บ้านตัวอย่าง ตามโครงการพัฒนาหมู่บ้าน เมื่อวันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2520 นั้น พื้นที่ดังกล่าวหรือเมื่อสมัยโบราณเคยเป็นวัดในพุทธศาสนาแต่ได้รกร้างว่างเปล่าไม่มีพระสงฆ์จำพรรษาเลยปัจจุบันนี้คงเหลือแต่วัดสว่างอารมณ์เท่านั้นที่มีพระสงฆ์จำพรรษาอยู่ วัดนี้เคยมีอดีตเจ้าอาวาสที่สำคัญยิ่งรูปหนึ่งคือ หลวงพ่อสงฆ์ เมื่อ 53 ปี ล่วงมาแล้ว วัดสว่างอารมณ์เป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างในสมัยอยุธยา เพราะมีหลักฐานจากพระเจดีย์เก่าแก่องค์หนึ่งเป็นเจดีย์สมัยอยุธยาปัจจุบันนี้ประชาชนได้ทำบุญทำกุศลและงานพิธีต่างๆ เป็นประจำเสมอมาเป็นวัดใหญ่วัดหนึ่งในหมู่บ้านนั้นความเจริญรุ่งเรืองกับสมัยปัจจุบันนี้เทียบกันไม่ได้ จึงทำให้หน่วยราชการที่เกี่ยวข้องต้องเข้าไปช่วยทำนุบำรุงและพัฒนาหมู่บ้านแห่งนี้จนเป็นที่พอใจของชาวบ้าน

---เมื่อรถเกรดดินทำการเกรดพื้นที่ดินให้เสมอกันนั้น เป็นการทำถนนเข้าหมู่บ้านและวัดสว่างอารมณ์ เมื่อวันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2520 นั้น ดินทำถนนที่เกรดรวมไว้ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการจำเป็นต้องอาศัยดินจากที่อื่นมารวมเข้าด้วยกัน หน่วยรถขุดดินก็ได้ทำการขุดดินจากบริเวณใกล้เคียงกันนั้น เพื่อให้รถตักดินนำดินมาทำถนนด้านเหนือของวัดสว่างอารมณ์เล็กน้อยที่เนินดินสูงกว่าระดับดินธรรมดา รถตักดินและขุดดินไปเรื่อยๆ สิ่งที่ไม่คาดคิดก็บังเกิดขึ้นได้ทันที ในเมื่อบุ้งกี๋เหล็กของรถได้ขุดไปกระทบกับไห 2 ใบแตกสลาย ภายในไหนั้นปรากกว่าคนรถได้พบพระจำนวนมากขาวเป็นพรืดไปหมด และได้กระจัดกระจายไปตามบุ้งกี๋ของรถเกลื่อนกลาด คนรถและชาวบ้านแถบนั้นได้เข้าไปดูการขุดเมื่อพบเข้าเช่นนั้น ก็ได้กรูกันเข้าไปเก็บพระที่กระจัดกระจายดังกล่าวนั้นคนรถได้ดับเครื่องรถค้นหาพระเป็นการใหญ่ ตรงไห แตกและก็ได้พบพระทั้งคนรถและชาวบ้านในละแวกนั้นจำนวนไม่น้อย

---ข่าวคราวการแตกกรุของพระกรุนี้ได้แพร่สะพัดไปยังบุคคลต่างๆ คนเหล่านั้นต่างก็เลื่องลือกระพือข่าวไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะบรรดานักนิยมพระทั้งหลายอาทิ เช่น นักนิยมพระเมืองสิงห์บุรี นักนิยมพระเมืองลพบุรี นักนิยมพระเมืองสุพรรณบุรี นักนิยมพระเมืองชัยนาท นักนิยมพระเมืองกรุงเทพ และนักนิยมพระเมืองอ่างทอง ต่างก็ทยอยกันมาเช่าพระกรุดังกล่าวนี้กันจ้าละหวั่น คนที่ได้พระมากแต่ได้เงินน้อยก็มี คนที่ได้พระน้อยแต่ได้เงินมากก็มี เหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะคนที่ได้มากรีบจำหน่ายจ่ายแจก ก็ได้เงินไม่มากนัก ส่วนคนที่รับเช่านำไปให้ผู้เช่าต่อก็ได้มากยิ่งกว่า สำหรับคนที่ได้พระน้อยแต่ปล่อยทีหลัง เพราะคนสนใจเสาะแสวงหากันมากก็ปล่อยในเวลาที่คนต้องการก็ได้ราคาแพงมากกว่าคนได้มากแต่ปล่อยถูกนั้นเอง ชาวบ้านที่ไม่รู้ค่าหรือรู้ราคาจึงทำให้พระไปสู่มือนักเล่นในเวลาอันรวดเร็วเพราะต่างคนต่างแย่งกันเช่า-ซื้อ

---คนที่เข้าไปดูการขุดบางคนเดินไปตามถนนที่กำลังสร้างยังเก็บพระได้ก็มีพระกรุนี้ทั้งกรุเป็นพระเนื้อตะกั่วสนิมแดงทุกองค์เป็นพระศิลปะสมัยลพบุรีทั้งสิ้นมีอยู่ประมาณ 300 องค์มีอยู่ 2 พิมพ์ทรงด้วยกันคือ

1.แบบพิมพ์ทรงซุ้มนครโกษาทั้งฐานสูงและฐานเตี้ย
2.แบบพิมพ์ทรงซุ้มเรือนแก้ว พิมพ์ใบเสมา

---ที่สำคัญมีพระชำรุดมากเป็นร้อยๆ องค์และได้ถูกเช่าบูชาจากเซียนหัวใสไปหมด เพื่อจะนำไปซ่อมสมบูรณ์แล้วนำออกมาให้บูชาทีหลังนั้นเอง

---พุทธลักษณะของพระกรุวัดสว่างอารมณ์ทั้งหมด ทั้งพระบูชาและพระเครื่องที่พบที่พบทั้งหมดเป็นพระศิลปลพบุรีทั้งสิ้น (ในภาพที่ท่านเห็น) จะเป็นพระที่สมบูรณ์แบบที่สุด มีพิมพ์ใบเสมาเท่านั้นที่ไม่ค่อยชัดเจนนัก แต่เราก็สามารถรู้ได้ว่าเป็นศิลปะเป็นสิ่งที่บ่งบอกและยืนยันได้ว่าเป็นพระศิลปะสมัยลพบุรี เป็นพระที่มีสนิมแดงทั้งกรุไม่มีเนื้อชินเลย สักองค์ สนิมแดงเข้มเหมือนสีลูกหว้าสุกก็มี แดงแบบผิวมังคุดก็มี แดงแบบเม็ดพริกสุกก็มีสำหรับสนิมผิวของพระกรุนั้นเป็นที่ประทับใจของบรรดานักนิยมพระเป็นอย่างยิ่ง มีการไขว่คว้าเสาะหากันจ้าระหวั่นเพราะเป็นพระพิมพ์ที่หนึ่งที่สมบูรณ์แบบเล็กกระทัดรัดไม่ใหญ่โตเกินขนาด มีลักษณะสวยงามมากพิมพ์หนึ่ง ซึ่งดีกว่าบางกรุที่เคยพบเห็นมาหรือเรียกว่า หนึ่งในสยาม ก็ย่อมได้ เพราะยังไม่เห็นพระกรุใดมีความงดงามเท่าที่เมื่อนักนิยมที่รู้คุณค่าพบแล้วจะต้องประทับจิตประทับใจอย่างมากทีเดียว

---ราคาเมื่อแตกกรุครั้งแรกองค์ละ 3,000-4,000 บาท ก็ยังพอหาเช่าได้ ต่อเมื่อมีประชาชนรู้ว่าเป็นของแท้แล้วราคาค่าเช่าก็แพงลิบลิ่ว องค์งามๆมีคนเช่าไปไม่ต่ำกว่าองค์ละหมื่นก็มี ขณะนี้อยู่ที่ศรีประจันต์ จังหวัดสุพรรณบุรี

---นอกจากพระเครื่องแล้วในกรุนี้ยังพบพระบูชาสมัยลพบุรี 1 องค์ เป็นพระเนื้อสำริดสนิมเขียวคราม ปางยืนประทานพร สวมหมวกจีโบสูงถึง 18 นิ้ว รวมอยู่ในกรุนี้ด้วย ตรงพระศกถอดได้คือไม่หล่อติดกัน คนที่พบพระบูชาดังกล่าวนี้ได้นำไปให้เสี่ยเมืองสิงห์บุรีคนหนึ่งเช่าไปในราคา 1 แสนบาทเท่านั้นขณะนี้ยังอยู่กับเสี่ยผู้นั้น

---สถานที่พบพระหรือบริเวณที่พบพระจากการสังเกตของผู้เขียนมีความเชื่อหมั่นว่า พื้นที่ที่อยู่ห่างจากวัดสว่างอารมณ์เพียง 400-500 เมตรนั้น ต้องเป็นวัดเก่าที่ร้างมานานเป็นแน่จากการที่เห็นมากับตาตัวเองนั้น ปรากฏว่ามีแผ่นอิฐอยู่ในบริเวณนั้นกว้างขวาง เนินดินเหล่านั้นจะต้องเป็นพระเจดีย์และโบถส์คู่กันไปพระที่บรรจุอยู่ในไหโดยมากจะอยู่ในพระเจดีย์คงไม่ใช่โบถส์ ผมได้ประสบพบมาแล้วหลายครั้งหลายหนในเรื่องของการพบพระกรุตามกรุต่างๆ โดยมากจะเป็นการพบอิฐเป็นส่วนใหญ่ส่วนผิวที่อยู่ตามพื้นดินทั่วๆไป คงฝังไว้เพื่อหนีศึกสงครามหรือสถานที่มั่นคงเป็นพื้นที่ของคนทำ(สร้างพระ) มาก่อน การหนีทัพหรือหนีสงครามแล้วนำไปฝังย่อมมีขึ้นได้ การพบพระดังกล่าวนี้มีอยู่แถวสุพรรณบุรี-สิงห์บุรี และชัยนาท ก็เคยปรากฏบ่อยครั้ง เช่นกัน เช่นการพบพระบูชากลางท้องนาแถวบ้านหัวไผ่ เมืองสิงห์บุรี เคยพบพระบูชาสมัยลพบุรีทั้งสิ้น สูงถึง 24 นิ้ว และที่เคยพบที่บริเวณวัดร้างของสิงห์บุรี ด้านทิศตะวันตกของฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นพระนั่งสมัยลพบุรีหน้าตักกว้าง 12 นิ้ว(เขมรอู่ทอง) ศิลปนครวัดสวยงามมากองค์หนึ่ง เราจะเห็นได้ว่ามีพระบูชาองค์ใหญ่ๆโตๆยังอยู่ทั่วๆไปไม่จำเป็นต้องอยู่ในกรุดังกล่าวเสมอไป การหนีทัพข้าศึกผู้หนีย่อมจะต้องเอาตัวรอดเป็นธรรมดาฉะนั้นเสบียงสัมภาระอื่นๆ ที่ไม่จำเป็นก็ต้องทิ้งไปหรือฝังไว้ เมื่อนำติดตัวไปไม่ไหวยังต้องฝังไว้จนลืมที่ บางครั้งเจ้าของเกิดล้มหายตายจากไปของนั้นก็จะจมดินอยู่ จนกระทั่งมีผู้มาพบเข้าในภายหลังในภาคกลางของไทยเราหรือทุกจังหวัดทางภาคตะวันออกก็เคยพบพระเช่นนี้
Top