ประวัติ เมืองลำพูน - พระกรุ - webpra

เมืองลำพูน

ประวัติ พระกรุ


เมืองลำพูน

                เมืองหริภุญไชย (ลำพูน) ในตำนานพงศาวดารกล่าวโดยเริ่มต้นว่า เมืองนี้ถูกสร้างขึ้นโดยพระฤๅษี 1 องค์ พงศาวดารโยนกว่า 5 องค์ พระสุเทวะฤๅษีหรือฤๅษีวาสุเทพเป็นผู้นำในการสร้าง ท่านมีถิ่นพำนักอยู่ ณ ดอยอุจฉุบรรพต คือ ดอยสุเทพ สร้างเมืองหริภุญไชย เสร็จใน พ.ศ. 1200 จะกล่าวเฉพาะเรื่องราวที่เชื่อมโยงกันกับพระเครื่องในศิลปะหริภุญไชยเท่านั้น เพราะในตำนานส่วนใหญ่กล่าวถึงการเคลื่อนย้ายตั้งถิ่นฐานของกลุ่มชนชาวมอญโบราณ พระพุทธศาสนาและการสร้างบำรุงศาสนสถานของกษัตริย์ในขณะนั้นพระนางจามเทวีได้ถูกอัญเชิญมาเป็นกษัตริย์ครองเมืองนี้และเจ้าหญิงเชื้อสายชนเผ่าจามพระองค์นี้ ทรงเป็นธิดาของพระเจ้าจักรวรรดิราช กษัตริย์มอญ เมืองละโว้หรือลพบุรีในขณะนั้นคงเป็นศูนย์กลางของแคว้นทวาราวดีของชนเผ่ามอญโบราณนี้รับนับถือพระพุทธศาสนาแบบมหายาน พระนางจามเทวีผู้ทรงสิริอันงดงามประเสริฐด้วยศีล ได้ทรงนำพระพุทธศาสนา พระสงฆ์พระไตรปิฎก รวมทั้งศิลปะวิทยาการต่างๆ และผู้คนอีกจำนวนมากขึ้นมายังเมืองหริภุญไชย

                พระนางจามเทวี ได้เสด็จมาถึงนครลำพูนใน พ.ศ. 1205 และขึ้นเป็นกษัตริย์ครองกรุงหริภุญไชยในปีเดียวกันนี้ ตำนานได้กล่าวถึงพระนางทรงสร้างวัดและถาวรวัตถุในศาสนสถาน ที่สำคัญที่สุดคือ ทรงสร้างจตุรพุทธปราการโดยมีวัดไว้ทั้งสี่ทิศ ที่ชาวเมืองเรียกว่าวัดสี่มุมเมืองเพื่อเป็นการคุ้มครองเมืองไว้ทั้งสี่ทิศที่ปรากฏอยู่ ดังนี้

  1. วัดพระคงฤๅษี อยู่ด้านทิศเหนือ
  2. วัดดอนแก้ว อยู่ด้านทิศตะวันออก
  3. วัดมหาวัน อยู่ด้านทิศตะวันตก
  4. วัดประตูลี้ อยู่ด้านทิศใต้

                นอกจากนี้ที่พระเจดีย์ฤๅษี วัดพระคงฤๅษี ยังปรากฏรูปพระฤๅษีทั้งสี่องค์ผู้ร่วมสร้างเมืองหริภุญไชยประทับยืนในซุ้มคูหาของพระเจดีย์องค์นี้ พร้อมทั้งมีคำจารึกไว้ที่ใต้ฐานว่า

  • สุเทวะฤๅษี-ผู้รักษาเมืองฝ่ายทิศเหนือ
  • สุกกทันตฤๅษี-ผู้รักษาเมืองฝ่ายทิศใต้
  • สุพรหมฤๅษี-ผู้รักษาเมืองฝ่ายทิศตะวันออก
  • สุมมนารทะฤๅษี-ผู้รักษาเมืองฝ่ายทิศตะวันตก

                วัดทั้งสี่มุมเมืองนี้ พระนางจามเทวีทรงสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 1223 เป็นพุทธาวาสที่สำคัญ เป็นแหล่งกำเนิดกรุพระเครื่องอันมีชื่อที่สุดในลำพูนด้วย พระพิมพ์พระเครื่องหลายพิมพ์ทรงโดยเฉพาะ พระรอด พระคง พระฤๅ พระบาง พระเปิม มีรูปแบบของศิลปะทวาราวดี และศิลปะศรีวิชัย คงไม่ทราบว่าสร้างขึ้นในยุคแรกหรือยุคปลายของสมัยหริภุญไชย แต่เดิมเชื่อกันว่าสร้างโดยฤๅษีพร้อมกับสร้างวัดในสมัยพระนางจามเทวี มีอายุราว 1,300 ปี ศิลปะทวาราวดีในหริภุญไชยนั้นเริ่มตั้งแต่ พ.ศ. 1223 ถึง พ.ศ. 1824 ยาวนานถึง 624 ปี พระเครื่องทั้งสี่องค์ที่กล่าวมานั้น ข้าพเจ้าไม่ขอออกความเห็น เพราะข้าพเจ้าเคยพบพระพิมพ์ดินเผาขนาดใหญ่สมัยทวาราวดีกรุนาดูน จังหวัดมหาสารคาม ถ้ากำหนดอายุตามศิลปะแล้วราวพันปี แต่พระพิมพ์องค์นี้ที่ด้านหลังมีจารึกภาษาจีน บอกชื่อผู้สร้างและปีศักราชหยวนจีน(ราชวงศ์หยวน) ตรงกับ พ.ศ. 1838 ทำให้ได้ทราบศิลปะทวาราวดีมีสร้างมาจนถึงพุทธศตวรรษที่ 19 หลังจากพระนางจามเทวีแล้วมีกษัตริย์ราชวงศ์จามเทวีสืบต่อมาอีก 27 พระองค์ถึงวงศ์อาทิตตราช

 

พระยาอาทิตตราช พ.ศ. 1586 – 1604

                ในขณะนั้นบ้านเมืองสิ้นศึกสงคราม มีความสงบสุขพระพุทธศาสนาในนครหริภุญไชยได้เจริญรุ่งเรือง มีการพบพระบรมธาตุ บังเกิดขึ้นด้วยอภินิหารอันมหัศจรรย์ มีปรากฏในตำนานฉบับต่างๆ ที่อ้างชื่อไว้ตอนท้ายนี้ พระยาอาทิตตราช ก่อสถูปบรรจุพระบรมธาตุประดิษฐานไว้กลางเมืองหริภุญไชย พระนางปทุมวดี พระมเหสี ได้ทรงสร้างสุวรรณเจดีย์ยอดหุ้มด้วยทองคำองค์หนึ่ง ทางด้านทิศเหนือ พระเจดีย์องค์นี้ สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 พ.ศ. 2484-2485 มีการขุดพบพระเปิมได้เป็นจำนวนมาก เป็นพระเปิมกรุเดียวกับของวัดดอนแก้ว เรียกพระเปิมกรุนี้ว่ากรุปทุมวดี จบข้อความบางตอนที่ข้าพเจ้าอ้างจากตำนานมูลศาสนา และตำนานจามเทวีวงศ์มูลศาสนาเขียนขึ้น โดยพระพุทธญาณ จามเทวีวงศ์ เขียนขึ้นโดย พระโพธิรังสี พระเถระทั้ง 2 รูปนี้ ท่านเป็นนักปราชญ์ในสมัยล้านนา ท่านแต่งตำนานเสร็จภายหลังสร้างเมืองหริภุญไชยแล้วเกือบแปดร้อยปี

 

พระยาสรรพสิทธิ์ และศิลาจารึกตชุมหาเถร

                พระยาสรรสิทธิ์ เขียนในจารึกว่า สวาธิสิทธิเสวยราชในนครหริภุญไชย พ.ศ. 1616-1661 เป็นยุคแห่งพระพุทธศาสนาและวรรณคดีภาษาบาลีเจริญรุ่งเรืองอย่างยิ่งคัมภีร์พระปริตต์พระสูตรบทต่างๆ ก็ได้แต่งขึ้นครั้งแรกในนครหริภุญไชย และได้แพร่หลายมาจนทุกวันนี้ ดังปรากฏหลักฐานพบที่วัดแสนข้าวห่อ คือศิลาจารึก ตชุมหาเถรอักษรภาษามอญโบราณ เนื้อความกล่าวถึงตัวท่านตชุมหาเถรแห่งวัดเชตุวัน ในการนี้ได้สร้างถาวรวัตถุต่างๆ พร้อมทั้งสร้างคัมภีร์พระปริตต์และคัมภีร์ยอดพระไตรปิฎกไว้ในวัดมหาวัลล์ (มหาวัน) จารึกตชุมหาเถรนี้จะได้สร้างในสมัยเดียวกับจารึกวัดกู่กุดและจารึกวัดเชตะวัน ในรัชกาลของพระยาสรรพสิทธิ์

                คัมภีร์พระปริตต์เป็นบทสวดพุทธมนต์ที่ศักดิ์สิทธิในพระพุทธศาสนา ประเพณีการสวดพระปริตต์ก็เพื่อเป็นศิริมงคลคุ้มครองป้องกันภัย คัมภีร์พระปริตต์ คัมภีร์ยอดพระไตรปิฎกและชินบัญชร พระคาถา ได้แต่งขึ้นที่ประเทศศรีลังกาในราวพุทธศตวรรษที่ 10 สมัยอนุราชปุระตอนต้น โดยพระเถระลังกา พระพุทธเรวัติมหาเถร เป็นประธาน ได้รวบรวมบทพระปริตต์ รวมเป็นคัมภีร์เรียกว่า พระสูตรจตุภาณวาร เป็นพระสูตรที่ได้นำมาจากพระไตรปิฎก 14 พระสูตร มีพระสูตรที่สำคัญ 6 พระสูตรที่นิยมสวดกัน ดังมีในหนังสือสวดมนต์เจ็ดตำนาน

                เมื่อพระพุทธศาสนานิกายลังกา แผ่มาถึงนครหริภุญไชยในยุคนั้น พระสงฆ์ชาวลังกาคงนำประเพณีการสวดพระปริตต์ เข้ามาเผยแพร่ด้วย

                วัดมหาวันเป็นแหล่งกำเนิดพระรอด พระพิมพ์แบบต่างๆ มากที่สุด ซึ่งตชุมหาเถร ขณะนั้นอยู่วัดเชตะวันหรือวัดดอนแก้วเป็นผู้สร้างขึ้น แล้วบรรจุไว้ในสถูปเจดีย์ใหญ่ จารึกวัดมหาวันว่าพระเจดีย์ใหญ่องค์นี้ พระยาสรรพสิทธิ์ทรงสถาปนาขึ้น (พระเจดีย์องค์เดิมคงพังทลายไปแล้ว)

                ศิลาจารึกวัดกู่กุดได้กล่าวถึงแผ่นดินไหวครั้งใหญ่นั้นคงทำให้ศาสนาสถานถาวรวัตถุพังเสียหายมาก เจดีย์วัดกู่กุดก็พังทลายลง พระยาสรรพสิทธิ์ทรงซ่อมสร้างขึ้นใหม่ รวมทั้งพระพุทธรูปยืนในซุ้มเจดีย์ด้วย

                กลุ่มพระเครื่องหลายพิมพ์ทรงในลำพูน ข้าพเจ้ามีความเข้าใจว่าได้สร้างขึ้นในสมัยพระยาสรรพสิทธิ์ ครองนครหริภุญไชย ด้วยมีความเจริญรุ่งเรืองในพระพุทธศาสนาวิทยาการต่างๆ ดังปรากฏหลักฐานในศิลาจารึกและผู้ทำจารึกก็ทันอยู่ในเหตุการณ์ขณะนั้น และเป็นพระสังฆราชในนครหริภุญไชยด้วย ต่างจากตำนานที่เริ่มเขียนขึ้นเมื่อ พ.ศ. 1994 ผู้เขียนอยู่ห่างจากเหตุการณ์ในขณะนั้นราว 700 ปี

                พระยาสรรพสิทธิ์ครองราชย์ยาวนานถึงประมาณ 45 ปี เพียงพอต่อการพัฒนาบ้านเมือง ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาสร้างศิลปวัฒนธรรมให้เจริญรุ่งเรืองได้ บ้านเมืองในแคว้นใกล้เคียงมีความเจริญในขณะนั้น มีศรีลังกา พม่า พูกามและแคว้นลพบุรี ก็ได้แผ่อิทธิพลทางศิลปวัฒนธรรมเข้ามายังเมืองหริภุญไชย ศิลปะมอญแห่งพุกามในสมัยพระเจ้าครรชิตถึงพระเจ้านรปติสิทธู พ.ศ. 1627 – 1716 กำลังรุ่งเรืองในขณะนั้นมีอิทธพลอย่างมากได้เข้ามาผสมผสานกับศิลปะในหริภุญไชยด้วย

                พระเครื่องในลำพูนทุกพิมพ์ เป็นพระเครื่องเนื้อดินเผาทั้งสิ้น ในจำนวนนี้มีพระเครื่องชั้นนำคือ พระรอด พระคง พระฤๅ พระเปิม ทั้งสี่องค์นี้สร้างจากวัดสี่มุมเมือง นอกนั้นเป็นพระพิมพ์ขนาดใหญ่ หลายพิมพ์กระจายอยู่ตามกรุหลายแห่งในเมืองลำพูน

               

ข้อมูลอ้างอิง : คัดลอกมาจาก "หนังสือ อมตพระกรุ"
ทางทีมงานขอขอบคุณทางเจ้าของหนังสือมา ณ โอกาสนี้



Top