ประวัติ เมืองพิษณุโลก - พระกรุ - webpra

เมืองพิษณุโลก

ประวัติ พระกรุ


เมืองพิษณุโลก

                นักประวัติศาสตร์ และนักโบราณคดีทั่วไปเชื่อว่าเมืองพิษณุโลกน่าจะสร้างขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่ 16 หรือประมาณพุทธศักราช 105 ซึ่งเป็นสมัยชนชาติ ”ขอม” เข้ามามีอำนาจการปกครองอยู่ในดินแดนภาคเหนือขณะนั้น

                แต่บริเวณที่สร้างเมืองในสมัยนั้นจะอยู่ที่วัด “จุฬามณี” ในปัจจุบัน ทั้งนี้เนื่องจากได้ค้นพบเทวสถานและปราสาทหิน ศิลปะแบบขอมเป็นหลักฐานสำคัญ โดยเรียกเมืองนี้ว่า “เมืองสองแคว” ทั้งนี้เพราะว่าตัวเมืองจะตั้งอยู่ระหว่างแม่น้ำน่าน ซึ่งไหลผ่านตัวเมืองไปทางทิศตะวันตก กับแม่น้ำแคว ซึ่งไหลผ่านตัวเมืองไปทางทิศตะวันออก จึงเรียกเมืองนี้ว่า “เมืองสองแคว” ในสมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราช อาณาเขตสุโขทัยจึงได้แผ่ขยายออกไปอย่างกว้างขวาง ทิศตะวันออกถึงสระหลวงสองแคว ลุมบาจาย จนถึงฝั่งโขงเวียงจันทน์ ทิศใต้ถึงบางแพรก ราชบุรี เพชรบุรี และนครศรีธรรมราช ทิศตะวันตกถึงเมืองฉอด หงสาวดี และทิศเหนือถึงเมืองแพร่ เมืองน่าน เมืองพลัว พ้นฝั่งโขง ไปจนถึงสิบสองจุไท

                ในปีพุทธศักราช 1900 พระมหาธรรมราชาลิไทแห่งราชวงศ์พระร่วงกรุงสุโขทัย ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ย้ายเมืองสองแควมาตั้งอยู่แห่งใหม่ คือบริเวณเมืองพิษณุโลกทุกวันนี้

                พระมหาธรรมราชาลิไท ได้ทรงสถาปนาเมืองพิษณุโลกขึ้นเป็นเมืองลูกหลวงในเวลาต่อมา แล้วทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระยาไสลือไท ราชโอรสขึ้นไปครองในขณะที่พระมหาธรรมราชาลิไท ครองเมืองสองแควอยู่นั้น สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง) ก็ทรงสร้างอาณาจักร “กรุงศรีอยุธยา” ขึ้นทางลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่างในปีพุทธศักราช 1893 นับเป็นอาณาจักรใหม่ที่รุ่งเรืองและเข้มแข็งขึ้นทุกขณะจนในที่สุดเมืองพิษณุโลกก็ถูกอำนาจทางอาณาจักรกรุงศรีอยุธยาเข้าครอบครอง แต่เนื่องจากเมืองพิษณุโลกมีความสำคัญทางด้านเศรษฐกิจ การคมนาคม และการป้องกันประเทศ ซึ่งเป็นศักดิ์ศรีของแคว้น สุโขทัย ในขณะเดียวกันพระมหาธรรมราชาลิไททรงทราบว่าอาณาจักรล้านนาก็กำลังพยายามขยายอำนาจ และอาณาเขตลงมาสู่แคว้นสุโขทัยเช่นกัน จึงทรงได้ขอเมืองพิษณุโลกคืนจากกรุงศรีอยุธยา ฝ่ายสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง) ก็ทรงคืนให้และทรงรักษาสัญญาที่ทรงให้ไว้แก่พระมหาธรรมราชาลิไท โดยไม่แตะต้องอาณาเขตกรุงสุโขทัย ตลอดจนสิ้นรัชกาลไป

                ครั้งต่อมาในปีพุทธศักราช 2091 สมเด็จพระมหาจักรพรรดิขึ้นครองกรุงศรีอยุธยา ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระมหาธรรมราชา ราชบุตรเขยขึ้นครองเมืองพิษณุโลก ทำให้เมืองพิษณุโลกมีศักดิ์ศรีเป็นเมืองลูกหลวงในขณะนั้น

                ในปีพุทธศักราช 2111 พระเจ้าหงสาวดี (บุเรงนอง) ยกทัพมาตีกรุงศรีอยุธยาได้ จึงอภิเษกพระมหาธรรมราชาให้ครองกรุงศรีอยุธยาแทนสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ์ต่อมาสมเด็จพระมหาธรรมราชาได้ส่งพระธิดาองค์ใหญ่ไปเป็นตัวประกัน แล้วทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เป็นพระมหาอุปราชครองเมืองพิษณุโลก

                เมื่อสมเด็จพระมหาธรรมราชาเสด็จสวรรคต สมเด็จพระนเรศวร (พระโอรส) ได้ประกาศอิสรภาพและทำสงครามยุทธหัตถีมีชัยแก่พม่า เมืองพิษณุโลกจึงได้ฐานะเป็นเมืองเอกทางภาคเหนือขึ้นตรงต่อกรุงศรีอยุธยา

                เราทราบดีแล้วเมืองพิษณุโลก เป็นเมืองเก่าแก่ตั้งแต่ขอมมีอำนาจจนไล่มาถึงสมัยกรุงศรีอยุธยา เพราะฉะนั้นประติมากรรมของขลังต่างๆจึงมีหลายสมัยรวมกัน ไม่ว่า ขอม สุโขทัย อยุธยา ตลอดจนรัตนโกสินทร์ และวัสดุที่ใช้ในการสร้างพระบูชา และพระเครื่องของเมืองพิษณุโลก ก็มีวัสดุแทบทุกอย่างในการสร้างไม่ว่าทองคำ เงิน ดิน ชิน สำริด

                เมืองพิษณุโลก จัดว่าเป็นเมืองพระเมืองหนึ่งพระที่ขึ้นชื่อเสียงของเมืองพิษณุโลก และเรียกได้ว่าชื่อเสียงโด่งดังทั่วประเทศก็คือ พระพุทธชินราชซึ่งประดิษฐานอยู่ที่ “วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ” หรือประชาชนทั่วๆไปเรียกว่า “วัดใหญ่” พระหลวงพ่อชินราชนี้เป็นที่เคารพบูชาของประชาชนทั้งประเทศทีเดียว

                นอกจากนี้พระเครื่องของเมืองพิษณุโลก ก็มีอีกหลายองค์ที่มีชื่อเสียงในด้านพุทธคุณ และความต้องการของผู้นิยมสะสมพระเครื่องเป็นอันมาก เช่นพระนางพญาของวัดราชบูรณะ หรือวัดนางพญา ซึ่งถูกจัดให้เป็นพระชั้นนำหนึ่งในห้าของประเทศไทย หรือชุดเบญจภาคี ที่มีชื่อเสียงนั่นเอง และจัดให้เป็นพระชั้นนำ ประเภทเนื้อดิน

                ส่วนพระชั้นนำระดับประเทศ ประเภทเนื้อดินชินก็ได้แก่พระชินราชใบเสมา พระยอดอัฏฐารส พระท่ามะปราง พระชินสีห์ ล้วนแล้วแต่มีชื่อเสียงทั้งนั้น


ข้อมูลอ้างอิง : คัดลอกมาจาก "หนังสือ อมตพระกรุ"
ทางทีมงานขอขอบคุณทางเจ้าของหนังสือมา ณ โอกาสนี้



Top