ประวัติ เมืองตาก - พระกรุ - webpra

เมืองตาก

ประวัติ พระกรุ


เมืองตาก

                ตาก เป็นเมืองเก่าในประวัติศาสตร์มาแต่ครั้งกรุงสุโขทัยเป็นราชธานีในรัชสมัยพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พ่อขุนรามคำแหงมหาราช ราชโอรส เสด็จไปกระทำยุทธหัตถีกับพ่อขุนสามชน เจ้าเมืองฉอด ผู้ยกทัพมาประชิดเมืองตากเมื่อ พ.ศ. 1805 ในการศึกครั้งนั้น พ่อขุนรามคำแหงมหาราชทรงมีชัย และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างเจดีย์ยุทธหัตถีบนดอยสูงซึ่งอยู่ข้างวัดพระบรมธาตุในเมืองตาก (หรือเมืองตากเก่า ตำบลเกาะตะเภา อำเภอบ้านตาก ในปัจจุบัน) เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติที่ทรงชนช้างชนะขุนสามชน

                ต่อมาในรัชสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เมื่อครั้งที่ทรงประกาศอิสรภาพไม่ขึ้นต่อพม่า ณ เมืองแครงก็ทรงยกทัพเสด็จกลับมาทางด่านแม่ละเมา ซึ่งเป็นด่านสำคัญในดินแดนเมืองตาก (อำเภอแม่สอดในปัจจุบัน) จากนั้นได้ทรงย้ายเมืองตากจากที่ตั้งเดิม (ตำบลเกาะตะเภา อำเภอบ้านตากในปัจจุบัน) ลงมาทางใต้ตามลำน้ำปิง ประมาณ 25 กิโลเมตร มาตั้งอยู่บริเวณอำเภอเมืองตากในปัจจุบัน ส่วนเมืองตากเก่ายังคงมีซากเมือง วัดเก่า และเจดีย์ยุทธหัตถีปรากฏให้เห็น

                ถึงรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ยกทัพไปชุมนุมพลที่เมืองตาก เมื่อครั้งไปตีหัวเมืองฝ่ายเหนือ ซึ่งยังประกาศปรากฏหลักฐานคือ วัดพระนารายณ์ (เชิงสะพานกิตติขจร) ครั้งถึงสมัยสมเด็จพระนั่งสุริยาศน์อมรินทร์ (หรือสมเด็จพระเจ้าเอกทัศน์) ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ “สิน” (หรือสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ซึ่งขณะนั้นรับราชการเป็นมหาดเล็กอยู่ในกรมมหาดไทย) เป็นข้าหลวงเชิญท้องตราราชสีห์ขึ้นไปชำระความทางหัวเมืองฝ่ายเหนือ กลับมามีความดีความชอบในราชการ จึงพระราชทานตำแหน่งหลวงยกกระบัตร ขึ้นไปรับราชการทางเมืองตาก และเมื่อพระยาตากคนเดิมถึงแก่อนิจกรรม ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯเลื่อนหลวงยกกระบัตรเป็นพระยากตาก ปกครองเมืองตากสืบต่อไป

                ต่อมาพระยาวชิรปราการ ผู้สำเร็จราชการเมืองกำแพงเพชรถึงแก่อนิจกรรม ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระยาตากเป็นพระยาวชิรปราการ ภายหลังกรุงศรีอยุธยาเสียแก่พม่าใน พ.ศ. 2310 พระยาวชิรปราการได้รวบรวมบ้านเมือง ปราบดาภิเษกเป็นพระมหากษัตริย์ และตั้งราชธานีใหม่ที่กรุงธนบุรี

                อำเภอบ้านตาก อยู่ห่างจากจังหวัดตากไปทางเหนือประมาณ 60 กม. เดิมบริเวณอำเภอบ้านตาก คือที่ตั้งของเมืองตาก ในสมัยโบราณ และได้ปรากฏมีพระแตกกรุออกมาหลายพิมพ์ด้วยกัน เป็นพระที่สร้างในสมัยอยุธยา มีทั้งพระที่ทำด้วย เนื้อชินเงิน และเนื้อตะกั่วสนิมแดง ที่มีชื่อเสียงได้แก่พิมพ์ พระร่วงนั่ง, พิมพ์ซุ้มยอ, พิมพ์พิจิตร, พิมพ์งบน้ำอ้อยฯ


ข้อมูลอ้างอิง : คัดลอกมาจาก "หนังสือ อมตพระกรุ"
ทางทีมงานขอขอบคุณทางเจ้าของหนังสือมา ณ โอกาสนี้



ข้อมูลเพิ่มเติมจากเว็บ Pralanna โดย User อาทิตย์


         นักนิยมพระหลายๆท่านคงเคยได้ยินมาว่า ที่จังหวัดตากนั้นมีพระกรุบ้านตากที่มีชื่อเสียง และหลายท่านก็คงไม่รู้อีก ว่า พระกรุท่าแค    นั้นเกี่ยวข้องกันอย่างไร  ที่จริงแล้ว    พระกรุ ท่าแค อ. เมือง จ. ตาก ซึ่งแตกกรุที่เชิงสะพานกิตติขจร ฝั่งตัวจังหวัด หลังข้ามแม่น้ำปิงเข้าสู่ตัวเมืองตาก ซึ่งวัดนี้เป็นวัดที่สร้างขึ้นตั้งแต่ สมัยอยุธยา ซึ่งเป็นคนละสมัยกับ พระกรุบ้านตาก ซึ่งเป็นพระสมัย สุโขทัย และแตกกรุที่ อ. บ้านตาก ซึ่งอยู่เลยตัวเมือง ตาก ขึ้นไปตามเส้นทาง ถนน พหลโยธินไปสู่ทาง จ.ว. ลำปาง และมีทางแยกซ้ายมือเข้าไปยังตัวอำเภอบ้านตาก อีกรวมกว่า 30 ก.ม.  และยังต้องเดินทางเข้าไปถึง ตัวกรุ  ซึ่งอยู่ที่ บ. เกาะตะเภา  ซึ่งละแวกนั้น เป็นที่ตั้งของเจดีย์พระบรมธาตุบ้านตาก และเจดีย์ยุทธหัตถีของพ่อขุนรามคำแหงอีกร่วม 20  กิโลเมตร  และเนื่องจากพระทั้ง 2 กรุนี้ เป็นพระที่แตกกรุในจังหวัดตากเช่นเดียวกัน  จึงทำให้คนที่ไม่รู้รายละเอียด สับสน แล้วเนื่องมาจากว่าพระกรุบ้านตาก ซึ่งแตกกรุเมื่อราวปี 2510 กว่าๆนั้นแตกกรุ ออกมาสู่วงการพระแบบเงียบๆ  จึงไม่มีใครรู้ว่า  นี่คือพระกรุบ้านตาก ตลอดจนพิมพ์ทรง  ของพระกรุนี้ก็ไม่มีผู้จดบันทึกเอาไว้เป็นหลักฐานว่ามีพิมพ์อะไรบ้าง  บรรดาเซียนพระที่อื่นที่ไม่ค่อยจะรู้เรื่อง  การแตกกรุมาก่อน    เมื่อเจอพระกรุบ้านตากบางพิมพ์   ที่มีพุทธลักษณะคล้ายพระสุโขทัย ก็นำไปรวมพิมพ์ส่งประกวด และให้เช่าเป็นพระจังหวัดสุโขทัยเป็นเวลาร่วม 10 กว่าปี  จนเมื่อภายหลัง  หลายๆท่านในวงการที่รู้เรื่องพระกรุนี้ ต่างค่อยๆทยอยกันออกมาให้ข้อมูล  ความจริงจึงได้เปิดเผย ซึ่งก็ทำให้ชื่อของพระกรุบ้านตาก ดังกึกก้องไปทั่ววงการพระทีเดียว 


        
อย่างที่บอกไปแล้วว่า พระกรุท่าแคนั้น แตกกรุ เนื่องมาจากการสร้างถนน พหลโยธินจากกรุงเทพ ขึ้นไปยัง จ.ว. เชียงใหม่ เมื่อก่อนปี พ.ศ. 2500  และเพื่อให้การข้ามแม่น้ำปิงเข้าสู่  ตัวเมือง  จ.ว. ตาก ทำได้สะดวก จึงได้มีการสร้างสะพาน กิตติขจร  เพื่อข้ามแม่น้ำ เข้าสู่ตัวจังหวัด และที่เชิงสะพานกิตติขจรด้านทิศตะวันออก ทั้ง2 ฝั่งมีวัดอยู่ริมน้ำ  แต่เจดีย์ของวัดท่าแคซึ่งตั้งอยู่ฝั่งตัวจังหวัดนั้น กินอาณาเขตลุกล้ำเข้ามาในบริเวณที่จะสร้างสะพาน จึงต้องทำผาติกรรม แล้วรื้อเจดีย์ออก  ในครั้งนั้นจึงได้พบพระเครื่อง และพระบูชาขึ้น ซึ่งในปัจจุบัน วัดท่าแค นี้ได้มีนามเป็นทางการใหม่ว่า วัดชัยชนะสงคราม 


         ในส่วนของพระเครื่องจากกรุวัดท่าแค นี้นั้นพบ พระเนื้อชินตะกั่วสนิมแดง กับพระเนื้อชิน ออกจากกรุ มาหลายแบบพิมพ์ด้วยกัน ที่รู้จักกันดีก็คือพิมพ์ งบน้ำอ้อย และพิมพ์พิจิตรใบข้าว ที่นำมาให้ชมกันนี้  พร้อมทั้งพระพิมพ์อื่นอีกไม่มากนัก

         สำหรับพระกรุบ้านตากนี้ ไม่มีหลักฐานยืนยันได้ว่า สร้างขึ้นในสมัยใด  แต่จากประวัติการพบพระว่า  ได้พบแผ่นลานทองจารึกถึงการสร้างนี้จำนวนหนึ่งด้วย  แต่ก็เป็นที่น่าเสียดายว่า แผ่นลานทองที่ถูกพบทั้งหมด ได้ถูกคนขุดนำไปขายให้กับร้านทอง  แล้วร้านทองก็ทำลายหลักฐาน โดยการนำไปเทหลอมเสียหมด  ทำให้ประวัติการสร้างพระกรุนี้ เป็นความลับ ดำมืดไปเสียสิ้น

         ศิลปของพระกรุนี้ เป็นศิลปสุโขทัย  เช่นพระร่วงนั่งเข่าลอยของกรุบ้านตาก มีพิมพ์ที่ละม้ายคล้ายคลึงกับ  พระร่วงนั่งเข่าลอยกรุบางขลังมาก  จนวงการประกวดพระในสมัยนั้น นำเอาพระร่วงนั่งเข่าลอยกรุบ้านตาก เข้าส่งประกวดในนาม พระร่วงนั่งกรุบางขลัง  แล้วกรรมการเองก็ไม่รู้ ก็เลยตัดสินให้ติดรางวัล  ดังมีหลักฐานเป็นรูปในหนังสือพระประกวดในสมัยนั้นกันให้เกร่อ  อีกพิมพ์ก็คือพิมพ์พระร่วงยืนกรุหนองช้างเผือก ซึ่งพิมพ์ไปเหมือนกันกับ พระร่วงยืนกรุวัดมหาธาตุ  สุโขทัย  แต่พระของกรุ วัดมหาธาตุจะทำเป็นแบบข้างเม็ดล้อมด้านข้างองค์พระ แถมขนาดและกรอบพิมพ์พระก็ยังไล่เรี่ยกันอีกด้วย

         บางพิมพ์ทรงก็ไปเหมือนพระลำพูน เช่นพระสาม ซุ้มกระรอกกระแต  และพระเลี่ยง ซึ่งบางพิมพ์ก็ยังมีศิลปลพบุรีอีกด้วย  ถ้าแผ่นลานทองยังอยู่  ก็คงจะบอกเรื่องราวถึงจุดประสงค์ในการสร้าง ว่าสร้างโดยผู้ใด  สร้างขึ้นเมื่อใด  ไม่แน่ว่าอาจจะสร้างมาก่อนยุคกรุงสุโขทัยรุ่งเรือง เป็นราชธานีของไทย มาตั้งแต่ในสมัยแรกๆ ก็อาจเป็นได้  และน่าจะมีมาก่อน การสร้างเจดีย์ยุทธหัตถี  ก็เพราะเจดีย์ยุทธหัตถีนั้น ยังคงมีสภาพที่ดีมาก  ผิดกันกับกรุพระบ้านตากที่บางกรุเช่น กรุหนองช้างเผือก นั้น ตัวกรุล่มจมเป็นท้องนาไปหมดแล้ว จะมีก็กรุที่อยู่บนเนินดิน  ที่ก็แทบ ไม่หลงเหลือซากอะไรให้จับเค้าได้แล้ว

ข้อมูลอ้างอิง : http://pralanna.com/boardpage.php?topicid=38535

 


 


ข้อมูลเพิ่มเติมจากเว็บ Pralanna โดย User วันชัย

ข้อมูลอ้างอิง : http://www.pralanna.com/boardpage.php?topicid=667

Top