พระหางหมาก-พระคำข้าว (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง-เศรษฐีธรรม - webpra
สัพพทานัง ธัมมทานัง ชินาติ = การให้ธรรมให้ความรู้เป็นทาน ชนะการให้ทั้งปวง

หมวด หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง - หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม

พระหางหมาก-พระคำข้าว (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง

พระหางหมาก-พระคำข้าว (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง - 1พระหางหมาก-พระคำข้าว (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง - 2พระหางหมาก-พระคำข้าว (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง - 3พระหางหมาก-พระคำข้าว (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง - 4พระหางหมาก-พระคำข้าว (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง - 5
ชื่อร้านค้า เศรษฐีธรรม - (คลิ๊กที่นี่เพื่อดู ข้อมูลเกี่ยวกับร้านค้า)
ชื่อเจ้าของร้านค้า
ชื่อพระเครื่อง พระหางหมาก-พระคำข้าว (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง
อายุพระเครื่อง -
หมวดพระ หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง - หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม
ราคาเช่า -
เบอร์โทรติดต่อ (ไม่แสดงเบอร์ เนื่องจากรายการนี้ไม่ได้ปล่อยเช่า)
อีเมล์ติดต่อ yodchy@gmail.com
สถานะ พระโชว์
Facebook
เปิดให้เช่าตั้งแต่วันที่ พ. - 07 พ.ย. 2555 - 11:11.33
แก้ไขข้อมูลล่าสุดเมื่อ อ. - 25 ส.ค. 2558 - 09:53.38
รายละเอียด
พระหางหมาก-พระคำข้าว คู่นี้อยู่กับผมมาตั้งแต่ปี3xปลายๆ ตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มเก็บสะสมพระหลวงพ่อ ตอนนั้นยังไม่รู้เลยว่ารุ่นไหนรุ่น1รุ่นไหนรุ่น2 หรือพิมพ์ไหนพิมพ์นิยมหรือพิมพ์ธรรมดา ถือเป็นพระมหาลาภคู่กายประจำตัว

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับพระหางหมาก

หลวงพ่อวิรัช โอภาโส อดีตเลขาหลวงพ่อฯ เจ้าอาวาสวัดธรรมยาน กล่าวถึงเรื่องการสร้างพระหางหมาก

(จากหนังสือปฐมธรรมยาน)
หลวงพี่ประทีป หลวงพี่บัญชา อาตมา ปรึกษากันสร้างพระหางหมาก เพราะคนมารอพระคำข้าวต้องรอออกพรรษา (รอหลวงพ่อเสกข้าวในพรรษา ๓ เดือน) จึงปรึกษากับหลวงพี่อนันต์ ท่านเห็นดีด้วย จึงให้ท่านกราบเรียนถามหลวงพ่อเลย หลวงพ่อเห็นดีด้วยเรื่องสร้างพระหางหมาก ก็ถามอาตมาว่า จะเอาแบบไหนดี ตอบว่าเอาพิมพ์สมเด็จโต (สมเด็จ ๓ ชั้น) หลวงพ่อว่า "ดี ให้เอาสีชมพู จะได้เข้ากับสีจีวร" ขณะหลวงพ่อนั่งรับแขก หลวงพ่อเรียกอาตมาเข้าพบ พูดว่า

"พระหางหมากเปลี่ยนเป็นพระยืน ๓๐ศอก ดีไหม?" ก็ตอบว่า "ดีครับ"
"แต่ให้ท่านนั่งลงนะ" ตอบว่า "ครับ"

อาตมาก็มานั่งคิดว่า แล้วท่านอุ้มบาตรอยู่จะทำอย่างไร? พอหลวงพ่อเลิกรับแขก ลุกขึ้นยืนจะไปเข้าห้องน้ำ อาตมาก็เข้าไปถามหลวงพ่อว่า

"หลวงพ่อครับ หลวงพ่อจะให้ทำพระหางหมากพิมพ์พระยืน ๓๐ศอก แต่ให้ท่านนั่งลง แต่ท่านอุ้มบาตรอยู่ จะทำไงครับ ต้องให้ท่านอุ้มบาตรด้วยหรือเปล่าขอรับ? "

ไม้เท้าลอยมา โป๊ก! มึนเลย ท่านยืนหัวเราะ บอกว่า

"แกจะโง่ให้ท่านอุ้มบาตรอยู่ทำไม ก็เอาบาตรออกซิ"

ก็นึกขึ้นได้ว่า ที่หลวงพ่ออนุญาตให้สร้างแบบสมเด็จโต เพื่อรักษากำลังใจลูกศิษย์ (พวกเรา) จึงคล้อยตามไปก่อน จึงนึกย้อนไปได้ว่า เคยมีคนมาถามหลวงพ่อว่า

"ทำไมหลวงพ่อไม่สร้างพระขี่ครุฑ ขี่ไก่ แบบหลวงพ่อปานบ้าง?"
หลวงพ่อเลยตอบว่า "สร้างไม่ได้หรอก เป็นการตีเสมอครูบาอาจารย์ เป็นการไม่สมควร" นี่หลวงพ่อก็เคารพสมเด็จโตเป็นครูบาอาจารย์เช่นเดียวกัน เพราะว่าการสร้างพระคำข้าว หลวงพ่อก็ให้สร้างแบบจำลองพระประธานในวิหาร ๑๐๐เมตร ซึ่งเป็นพระคำข้าวองค์แรกของวัดท่าซุง ดังนั้น จึงสรุปได้ว่า หลวงพ่อให้เราเอาแบบพระพุทธรูปในวัดท่าซุงเป็นแบบ ไม่ต้องเลียนแบบที่อื่นเขาด้วย

หลังพิธีพุทธาภิเษกที่วิหารแก้ว ๑๐๐เมตร หลวงพ่อเมตตาเล่าให้ฟังว่า “สมเด็จองค์ปัจจุบันเสด็จมาเป็นประธานเอง ระหว่างปลุกเสกมองไปเห็นสมเด็จหางหมาก แต่ละองค์เปล่งแสงสว่างจ้ายิ่งกว่าดวงไฟ ๑๐๐ แรงเทียนซะอีก...”

“สมเด็จท่านตรัสว่า อานุภาพของสมเด็จหางหมากนั้น รอบรัศมี ๔เมตร กัมมัตภาพรังสีจะเข้าไม่ได้เลย ถ้าใช้ในการรบเพื่อประเทศชาติ คำว่าตายรับรองว่าไม่มี แต่ถ้าใครนำไปใช้ในทางที่ผิด จะถูกปืนยิงแสกหน้าตาย...!”

สำหรับหางหมากหรือหางพลูนั้น เมื่อเสกหมากก่อนฉันแล้วนำหางพลูที่เหลือมาผสมกับผงทำเป็นพระ แล้วนำเข้าพุทธาภิเษกอีกครั้ง

สำหรับผลของพระคำข้าวนั้น มีความต้องการในทางลาภมากที่สุด และอย่างอื่นก็ขอท่านไว้ทุกอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ให้ผลเป็นพิเศษแด่ท่านที่นำไปบูชาในระยะใกล้มาแล้ว ขอให้ถามผลจากท่านที่เคารพจริงก็แล้วกัน สำหรับพระหางพลูนี้มีผลเช่นเดียวกัน แต่หนักไปในทางที่พูดเป็นที่จับใจคนมีลาภสักการะเสมอกัน "

พระหางหมากสร้างจำนวน 1 ล้านองค์ โดย 600,00องค์แรก ปลุกเสกเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2533 ( หลวงพ่อพูดในงานพิธีปลุกเสกว่าพระหางหมากเข้าพิธีในวันนี้มีจำนวน 6แสนองค์ จากวิดีโอเทปพิธีปลุกเสกพระหางหมากวันศุกร์ที่ 24 สิงหาคม 2533 ) ส่วนอีก 4แสนองค์ ปลุกเสกเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2533 (พร้อมกับพระคำข้าวรุ่น 2 ที่ปลุกเสกคร้ังแรก )

**************************************************************************************************

ประวัติพระคำข้าว มหาลาภ

หลวงพ่อได้เล่าความอัศจรรย์ของพระคำข้าว สมัยที่ท่าน ยังอยู่ กับหลวงพ่อปานไว้ดังนี้...
เมื่อสมัยหลวงพ่อ(ปาน)ยังทรงชีวิตอยู่ ท่านทำพระไว้องค์หนึ่ง เสกข้าว ๓ เดือนนี่ปรากฏว่า คำไหนอร่อยมากคำนั้นไม่กินเอาออกเก็บ สำหรับที่ฉันนี่ พระพุทธเจ้าท่านบอกว่า คำแรกยังไม่ต้องกินกับข้าวที่ดีที่สุดผสมก่อน เสกเก็บนะ ก็ทำจริง ๆ ๔ เดือน ไปไหนก็ทำ หมายความว่าบังเอิญจะมาที่นี่ ก่อนจะกินก็ต้องทำเก็บไว้เหมือนกัน เพราะคำว่า ๓ เดือน ๓ เดือน นี่จะขาด สักวันหนึ่งไม่ได้เลย แล้วก็ผลจริง ๆ ที่เคยปรากฎนะ ที่หลวงพ่อปาน ท่านทำ ใช่ไหมทำแล้วก็ทำเป็นผงผสมไว้แล้วก็สร้างเป็นพระพุทธรูปไว้บูชาที่พระสวดมนต์ เวลาหลวงพ่อท่านไม่อยู่คนไม่ค่อยเอากับข้าวไปให้กิน ฉันก็ไป บูชาพระองค์นั้น ขอหม้อใหญ่ ๆ มาเรื่อยนี่เป็นเรื่องจริง ๆ นะ มาอีกวันหนึ่ง เป็นเรื่องที่อัศจรรย์มาก คือว่าหลวงพ่อ ไป เขาวงพระจันทร์ อีตาโปร่งแก เป็นเจ้าของโรงงานต่อเรือยนต์นะ แกก็นำแกงมา ๓ หม้อใหญ่ ใหญ่มาก ปรากฏพอมาถึงหน้าวัด ฉันบูชาตอนกลางคืนนี่นะ ฉันอดนะ กับข้าวไม่ค่อย มีกิน หลวงพ่อไม่อยู่เราก็อาศัยพระพุทธรูป ตาโปร่งมาถึงพอมาถึงจอด เรือ ปั๊บ ถามว่าหลวงพ่อ อยู่ไหม เขาบอกไม่อยู่ไปเขาวงพระจันทร์ แกถอยหลัง เรือออกเลยแหมหม้อต้มใหญ่ ๆ จะให้หลวงพ่อปานฉันองค์เดียว ใบจักรหัก มันไม่มีตอนะ ใบจักรหัก ฉันเลยหม่ำซะ ๓ หม้อเลย ใบจักรหักเรา ก็ไม่ช่วยต่อ เรื่องของแก พอหลวงพ่อปานกลับมา ตาโปร่งก็มา เล่าให้ฟัง บอกว่า ผมเอาอาหารมาถวาย นึกว่าหลวงพ่อยังอยู่ พอหลวงพ่อไม่อยู่ พระบอกว่า หลวงพ่อไม่อยู่ ผมเลยถอนหลังกลับเอาอาหารกลับบ้าน แต่ใบจักร ไม่รู้ฟันอะไรหัก หลวงพ่อปานบอกที่นั่นมันไม่มีตอ หน้าวัดไม่มีตอ แกก็ถามทำไมจึงหัก ท่านก็เลยบอกว่า แกคลายศัทธาใบจักรก็หัก ในเมื่อ มาถึงวัดแล้ว แกไปทำไมไอ้คนจะเป็นมหาเศรษฐี ถอยหลัง ไม่ต้องการ มหาเศรษฐีมีที่ไหน อ้อเทวดาช่วยนะ ช่วยใครรู้ไหม ช่วยฉัน โอ้โฮหม่ำซะ ไม่มี ดีใจกินแกงใบจักรหัก

เกร็ดความรู้ที่หลวงพ่อพูดถึงเกี่ยวกับพระคำข้าว
คัดลอกจากหนังสือ ธรรมปฏิบัติ เล่ม ๙
โดย หลวงพ่อพระราชพรหมยาน

อันดับแรกที่เราจะทำอะไรทั้งหมด ตื่นขึ้นมาใหม่ๆ นึกถึงพระพุทธเจ้าก่อน นึกถึงด้วยความเคารพ เพื่อหวังพระนิพพานก็ตาม นึกถึงเพื่อขอลาภสักการะก็ตาม ก็ถือว่าเป็นการนึกถึงพระพุทธเจ้าเหมือนกัน อันดับแรกนะ อย่างมี พระคำข้าว- พระคำข้าวน่ะ หนักไปในทางลาภสักการะ อย่างอื่นก็มีหมด แต่ลาภน่ะหนักมาก และก็หยิบขึ้นมาพนมมือ สาธุ ว่า นะโม ตัสสะ ใช่ไหม ว่านะโมตัสสะ ด้วยความเคารพ และอธิฐานว่า วันนี้ต้องการ...(ลาภอย่างไร)

เป็นอันว่าเราอยากจะให้ค้าขายดี ทำราชการดี เมตตาปราณี อะไรก็ตามเถอะ ก็อย่าลืมว่าเวลานั้นเรานึกถึงพระพุทธเจ้า เราขอบารมีจากท่าน อย่างนี้ถือว่าเป็น ฌาน ในพุทธานุสติกรรมฐาน ถ้านึกถึงทุกวันน่ะ ถ้าถึงเวลาแล้วต้องทำอย่างนั้นทุกวัน ถ้าไม่ทำแล้วไม่สบายใจ นั่นเป็นฌานในพุทธานุสติ เป็นของง่าย ๆ เพราะวันนี้ท่านบอกให้พูดง่าย ๆ ใช้วิธีง่าย ๆ นะ ก็ว่าตามท่าน

...ทีนี้เมื่อเมื่อบรรดาท่านพุทธ บริษัท นึกถึงพระพุทธเจ้าแล้ว อย่าลืมพระที่คอ นี่คือพระพุทธเจ้า อย่างพระคำข้าว เป็นพระพุทธชินราช อย่าลืมน่ะ คือก็เหมือนกับพระพุทธรูปองค์ใดองค์หนึ่งนั่นแหละ เป็นองค์แทนพระพุทธเจ้าท่าน และเวลาทำจริง ๆ พระพุทธเจ้าท่านก็มาทำ อันนี้ไม่ได้โฆษณานะ พูดให้ฟัง คือเวลาทำจริง ๆ พระพุทธเจ้าทุกองค์เสด็จมาหมด องค์ปฐมเป็นประธาน อยู่ข้างบนใช่ไหม และ องค์ปัจจุบันคุมฉัน ท่านปล่อยกระแสจิตพุ่งสว่างเป็นลำพุ่งมาที่ใจฉัน แล้วบอกเธอนั่งนิ่งๆ อย่าคิดถึงเรื่องอะไรทั้งหมด ห้ามดูอะไรทั้งหมด ให้ทรงอารมณ์เฉยๆ ๑๐ นาที ก็ทำตามท่าน แล้วท่านก็สั่งว่า ให้ว่าอิติปิโสฯ หลัง ๑๐ นาทีแล้ว ท่านบอกดูได้พุ่งใจไปที่ของได้ พอพุ่งใจไปที่ของ ที่เห็นเป็นลำ ไม่เห็นของที่ปลุกเลย แสงพระพุทธเจ้ากลบหมด หนามาก พระคำข้าว เด่นทางมหาลาภ มีรูปพระพุทธชินราช (พระพุทธกัสสป) ด้านหน้าและด้านหลังเป็นรูปหลวงพ่อ

หลวงพ่อเคยบอกว่า สมเด็จองค์ปฐม ได้ให้พระพุทธกัสสป-พระพุทธทีปังกร คุมเรื่องลาภ

คัดลอกจากหนังสือธัมมวิโมกข์ฉบับที่ ๑๔๕ หน้า ๖๓

..."สมเด็จองค์ปฐมก็มา และพระพุทธกัสสปก็มา สมเด็จพระพุทธทีปังกรก็มา...สมเด็จองค์ ปฐมท่านบอกว่า เรื่องลาภนะ สมเด็จพระพุทธกัสสป หนักที่สุด และรองลงมาคล้ายคลึงกันคือ สมเด็จพระพุทธทีปังกร ก็เลยถามท่านว่า "พระพุทธเจ้ามีบารมีเต็มเหมือนกัน ทำไมแตกต่างกันเรื่องลาภ" ท่านบอกว่า "สุดแล้วแต่การเริ่มต้น คู่อันไหนแรงกว่ากัน"...ท่านบอก "ให้พระพุทธกัสสปคุมเพราะลาภมาก" สมเด็จองค์ปฐมบอกว่า..."ลีลาต่างกันนิดหนึ่ง...

...สมเด็จพระพุทธทีปังกร : มีกำลังแข็งมากสู้แรงมาก

...พระพุทธกัสสป : ท่านนิ่มนวลในทางลาภมหาศาล

...แต่ลาภมหาศาลทั้งคู่ : ท่านก็เลยบอกว่าเป็นหน้าที่ของทั้ง ๒ องค์

***********************************************

วิธีอาราธนาพระหางหมาก-พระคำข้าว

คำอาราธนา ให้ระลึกถึงพระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระธรรม และพระอริยสงฆ์ทั้งหมด รวมทั้งเทวดาและพรหม ครูบาอาจารย์ทั้งหมด มีหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค อ.เสนา จ.อยุธยา เป็นที่สุด แล้วตั้งนะโม ๓ จบ ปฏิบัติตามปกติว่าอิติปิโส ๑ จบ หลังจากนั้นให้อธิษฐานเอาตามประสงค์ เมื่ออธิษฐานแล้ว ปลุกด้วย คาถาปลุกพระของหลวงพ่อปานว่า

"อิทธิฤทธิ พุทธะนิมิตตัง ขอเดชะ เดชัง ขอเดชเดชะ จงมาเป็นที่พึ่งแก่มะอะอุนี้เถิด"

*********************************************************************

เพื่อความคล่องตัวในด้านการเงิน ใช้ท่องกับคาถาเงินล้านครับ การเงินจะคล่องตัว

คาถาเงินล้าน

(ตั้ง นะโม ๓ จบ )

สัมปจิตฉามิ
นาสังสิโม
พรหมา จะ มหาเทวา สัพเพยักขา ปะรายันติ (คาถาปัดอุปสรรค)
พรหมา จะ มหาเทวา อภิลาภา ภะวันตุ เม (คาถาเงินแสน )
มหาปุญโญ มหาลาโภ ภะวันตุ เม (คาถาลาภไม่ขาดสาย)
มิเตภาหุหะติ (คาถาเงินล้าน)
พุทธะมะอะอุ นะโมพุทธายะ วิระทะโย วิระโคนายัง วิระหิงสา
วิระทาสี วิระทาสา วิระอิทถิโย พุทธัสสะ มานีมามะ พุทธัสสะ สวาโหม (คาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า)
สัมปะติจฉามิ (คาถาเร่งลาภให้ได้เร็วขึ้น)
เพ็ง ๆ พา ๆ หา ๆ ฤา ๆ
( บูชา ๙ จบ ตัวคาถาต้องว่าทั้งหมด)

**********************************************************************

พระเครื่องที่เกี่ยวข้องในร้านค้านี้...

อื่นๆ...

กำหลังโหลด Comments
Top