หลวงพ่อสำเร็จศักดิ์สิทธิ์ "เงินไหลมา ชนะไพรรี" เนื้อผงพุทธคุณผสมวาน ๑๐๘ หน้ากากทองทิพย์-วุฒิ รัตตัญญู - webpra

เว็บ-พระ ประมูลพระเครื่อง ร้านค้าพระเครื่องออนไลน์

วุฒิ รัตตัญญู

เรานิยมพระสวย พระแท้ มาตรฐานสากลยอมรับ เก้คืนเต็ม (โดย...วุฒิ รัตตัญญู) 081-2994954 Line ID wut9451

หมวด พระเกจิภาคกลางตอนล่าง

หลวงพ่อสำเร็จศักดิ์สิทธิ์ "เงินไหลมา ชนะไพรรี" เนื้อผงพุทธคุณผสมวาน ๑๐๘ หน้ากากทองทิพย์

หลวงพ่อสำเร็จศักดิ์สิทธิ์ "เงินไหลมา ชนะไพรรี" เนื้อผงพุทธคุณผสมวาน ๑๐๘ หน้ากากทองทิพย์ - 3

หลวงพ่อสำเร็จศักดิ์สิทธิ์ "เงินไหลมา ชนะไพรรี" เนื้อผงพุทธคุณผสมวาน ๑๐๘ หน้ากากทองทิพย์ - 4

ชื่อร้านค้า	วุฒิ รัตตัญญู - (คลิ๊กที่นี่เพื่อดู ข้อมูลเกี่ยวกับร้านค้า)
ชื่อเจ้าของร้านค้า	Wut_Rattanyoo (377)
ชื่อพระเครื่อง	หลวงพ่อสำเร็จศักดิ์สิทธิ์ "เงินไหลมา ชนะไพรรี" เนื้อผงพุทธคุณผสมวาน ๑๐๘ หน้ากากทองทิพย์
อายุพระเครื่อง	2 ปี
หมวดพระ	พระเกจิภาคกลางตอนล่าง
ราคาเช่า	2,000 บาท
เบอร์โทรติดต่อ	081-2994954
อีเมล์ติดต่อ	Wut.pu@hotmail.com
LINE	(คลิ๊กที่นี่เพื่อเพิ่มเพื่อนกับเจ้าของร้าน)
สถานะ
Facebook	Share
เปิดให้เช่าตั้งแต่วันที่	อ. - 12 ก.ค. 2565 - 16:59.20
แก้ไขข้อมูลล่าสุดเมื่อ	พฤ. - 18 ก.ค. 2567 - 10:05.33

รายละเอียด
หลวงพ่อสำเร็จศักดิ์สิทธิ์ "เงินไหลมา ชนะไพรรี" เนื้อผงพุทธคุณผสมวาน ๑๐๘ หน้ากากทองทิพย์ จำนวนการสร้าง ๑๕ องค์ ออกวัดตะลิ่งชัน กทม. #องค์นี้นัมเบอร์ ๒ ประวัติ หลวงพ่อสำเร็จศักดิ์สิทธิ์ หลวงพ่อสำเร็จศักดิ์สิทธิ์ ขุดพบเจอเมื่อวันจันทร์ ที่ 2 ขึ้น 12 ค่ำ เดือน12 ปีกุน พุทธศักราช 2502 องค์หลวงพ่อ เป็นดินโบกปูน ตบแต่งและประดิษฐานอยู่บนคันคลองระพีพัฒน์ ทิศตะวันออก โดย กรมชลประทานเป็นผู้ขุดเจอ เรื่องเล่า ระหว่างที่กรมชลประทาน ได้ให้คนงานขุนดิน ตรงที่ตรงหลวงพ่อดินบริเวณนั้นกลับเป็นดินแข็ง จึงได้ขุดไปรอบๆเท่าที่จะขุดได้ ต่อมาดินก็ได้แตกเป็นรูป องค์พระ ไม่มีใครคาดคิด ชาวบ้านที่รู้ข่าว ต่างมามุงดูและวิพากวิจารณ์ กันว่า คนงานชลประทานเป็นคนปั้นขึ้นมา ตกเย็น นางฝอยบ้านอยู่หลังตลาด เดินทางผ่านมาทาง องค์พระ นางฝอยจึงเอา เปลือกอ้อยมาทำเป็นธูปและเอาใบมะขามเทศมาทำเป็น ทอง มาไหว้ องค์พระ เพื่อเป็นการล้อเลียน และนางฝอยก็เดินทางกลับบ้าน แต่ยังไม่ทันถึงบ้าน นางฝอยเกิดอาการปวดหัวอย่างรุนแรง นางฝอยนึกขึ้นได้ว่า ตัวเองได้กระทำลบหลู่ องค์พระ พอนางฝอยถึงบ้าน ก็ได้นำธูปจุดขอขอมา องค์พระ อาการปวดหัวก็หายทันที ในคืนเดียวกัน ยายเกลี้ยง สุขเจริญ บ้านอยู่ใกล้กับ องค์พระ เกิดอาการ เทียบทรง โดยที่ ยายเกลี้ยง ไม่เคยเป็นคนทรงมาก่อน ชาวบ้านต่างมามุงดูกันและมีคน ได้สอบถาม ว่า คนเทียบทรง ว่าเป็นใคร ร่างที่เทียบทรง ก็ตอบกลับมาว่า เป็น องค์พระ ที่ขุดเจอ และได้เล่าให้ชาวบ้านฟังว่า โดยผ่านร่างเทียบทรงว่า ท่านมาอยู่ที่นี้2สมัยแล้ว ท่านมากับ ควาญช้างเพื่อ มาคล้องช้างอยู่ 3วัน แต่ไม่ได้ช้าง ตกดึก ควาญพราน ก็ขึ้นไปนอนบนแคร่บนต้นไม้ พระที่ ควาญช้างติดตัวมาก็ ตกลง บริเวณที่ขุดเจอ ควาญช้างหาเท่าไรก็ไม่เจอ ยายหนู ก็ถาม องค์พระ ผ่านคน เทียบทรง ว่า ท่านชื่ออะไร องค์พระ ก็ ตอบกลับ มาว่าถ้าบอกชื่อแล้ว ต้องรับปากว่า จะนิมนต์พระ5วัดมาสวด และตั้งศาลเพียงตา ให้ทำขันห้า ทุกๆวัน และจัดงานกลางเดือน 12 ประจำทุกปี ยายหนูก็รับปาก ท่านบอกว่า ท่านชื่อ หลวงพ่อ สำเร็จศักดิ์สิทธิ์ ทำอะไรก็ศักดิ์สิทธิ์สำเร็จทุกอย่างที่คิด คนจำนวนมากที่มาดูต่างก็เอาขันใส่น้ำมาให้ทำน้ำมนต์ เอากลับบ้านไปใส่น้ำในโอ่งน้ำที้บ้าน น้ำในโอ่งที่บ้าน เกิดเสียง จิ๊ด จิ๊ด เป็นที่น่าอัศจรรย์ ในเวลาต่อมา ยายเง็ก กับชาวบ้านในตลาดได้ว่าจ้าง นายทวี ดารารัตน์ มาทำการโบกปูนซีเมนต์ที่องคหลวงพ่อ แต่ทางกรมชลประทานในสมันนั้นก็จะจับไม่ให้ทำการก่อสร้าง หาว่ากีดขวางทาง และจะให้ชาวบ้านย้ายองค์หลวงพ่อไปอยู่ที่อื่น แต่ชาวบ้านไม่กล้าย้ายองค์หลวงพ่อไม่มีใครกล้าและได้โบกปูนซิเมนต์ที่องค์หลวงพ่อจนแล้วเสร็จในปี พ.ศ.2505 ทางกรมชลประทานมีคำสั่งให้เอารถขุดปรับทำถนน บนคัน คลองจากท่าหลวงถึงอำเภอหนองแค ระหว่างที่รถขุดไปรอบๆ ฐานเกือบจะถูกองค์หลวงพ่อ เกิดฟ้าผ่าลงมา กลางแจ้ง ทั้งที่ท้องฟ้าแจ่มใส คนขับรถรีบหยุดรถและกระโดดลงมากราบขอขมา และรถขุดก็ไม่กล้าขุดดินใกล้กับองค์หลวงพ่ออีกเลย ทำให้ถนนบนคันคลองระพีพัฒน์ต้องเบี่ยงหลบองค์หลวงพ่อดังที่เห็นในปัจจุบัน

รายละเอียด

หลวงพ่อสำเร็จศักดิ์สิทธิ์ "เงินไหลมา ชนะไพรรี" เนื้อผงพุทธคุณผสมวาน ๑๐๘ หน้ากากทองทิพย์ จำนวนการสร้าง ๑๕ องค์ ออกวัดตะลิ่งชัน กทม.
#องค์นี้นัมเบอร์ ๒

ประวัติ หลวงพ่อสำเร็จศักดิ์สิทธิ์
หลวงพ่อสำเร็จศักดิ์สิทธิ์ ขุดพบเจอเมื่อวันจันทร์ ที่ 2 ขึ้น 12 ค่ำ เดือน12 ปีกุน พุทธศักราช 2502 องค์หลวงพ่อ เป็นดินโบกปูน ตบแต่งและประดิษฐานอยู่บนคันคลองระพีพัฒน์ ทิศตะวันออก โดย กรมชลประทานเป็นผู้ขุดเจอ
เรื่องเล่า ระหว่างที่กรมชลประทาน ได้ให้คนงานขุนดิน ตรงที่ตรงหลวงพ่อดินบริเวณนั้นกลับเป็นดินแข็ง จึงได้ขุดไปรอบๆเท่าที่จะขุดได้ ต่อมาดินก็ได้แตกเป็นรูป องค์พระ ไม่มีใครคาดคิด ชาวบ้านที่รู้ข่าว ต่างมามุงดูและวิพากวิจารณ์ กันว่า คนงานชลประทานเป็นคนปั้นขึ้นมา ตกเย็น นางฝอยบ้านอยู่หลังตลาด เดินทางผ่านมาทาง องค์พระ นางฝอยจึงเอา เปลือกอ้อยมาทำเป็นธูปและเอาใบมะขามเทศมาทำเป็น ทอง มาไหว้ องค์พระ เพื่อเป็นการล้อเลียน และนางฝอยก็เดินทางกลับบ้าน แต่ยังไม่ทันถึงบ้าน นางฝอยเกิดอาการปวดหัวอย่างรุนแรง นางฝอยนึกขึ้นได้ว่า ตัวเองได้กระทำลบหลู่ องค์พระ พอนางฝอยถึงบ้าน ก็ได้นำธูปจุดขอขอมา องค์พระ อาการปวดหัวก็หายทันที ในคืนเดียวกัน ยายเกลี้ยง สุขเจริญ บ้านอยู่ใกล้กับ องค์พระ เกิดอาการ เทียบทรง โดยที่ ยายเกลี้ยง ไม่เคยเป็นคนทรงมาก่อน ชาวบ้านต่างมามุงดูกันและมีคน ได้สอบถาม ว่า คนเทียบทรง ว่าเป็นใคร ร่างที่เทียบทรง ก็ตอบกลับมาว่า เป็น องค์พระ ที่ขุดเจอ และได้เล่าให้ชาวบ้านฟังว่า โดยผ่านร่างเทียบทรงว่า ท่านมาอยู่ที่นี้2สมัยแล้ว ท่านมากับ ควาญช้างเพื่อ มาคล้องช้างอยู่ 3วัน แต่ไม่ได้ช้าง ตกดึก ควาญพราน ก็ขึ้นไปนอนบนแคร่บนต้นไม้ พระที่ ควาญช้างติดตัวมาก็ ตกลง บริเวณที่ขุดเจอ ควาญช้างหาเท่าไรก็ไม่เจอ
ยายหนู ก็ถาม องค์พระ ผ่านคน เทียบทรง ว่า ท่านชื่ออะไร องค์พระ ก็ ตอบกลับ มาว่าถ้าบอกชื่อแล้ว ต้องรับปากว่า จะนิมนต์พระ5วัดมาสวด และตั้งศาลเพียงตา ให้ทำขันห้า ทุกๆวัน และจัดงานกลางเดือน 12 ประจำทุกปี ยายหนูก็รับปาก ท่านบอกว่า ท่านชื่อ หลวงพ่อ สำเร็จศักดิ์สิทธิ์ ทำอะไรก็ศักดิ์สิทธิ์สำเร็จทุกอย่างที่คิด คนจำนวนมากที่มาดูต่างก็เอาขันใส่น้ำมาให้ทำน้ำมนต์ เอากลับบ้านไปใส่น้ำในโอ่งน้ำที้บ้าน น้ำในโอ่งที่บ้าน เกิดเสียง จิ๊ด จิ๊ด เป็นที่น่าอัศจรรย์ ในเวลาต่อมา ยายเง็ก กับชาวบ้านในตลาดได้ว่าจ้าง นายทวี ดารารัตน์ มาทำการโบกปูนซีเมนต์ที่องคหลวงพ่อ แต่ทางกรมชลประทานในสมันนั้นก็จะจับไม่ให้ทำการก่อสร้าง หาว่ากีดขวางทาง และจะให้ชาวบ้านย้ายองค์หลวงพ่อไปอยู่ที่อื่น แต่ชาวบ้านไม่กล้าย้ายองค์หลวงพ่อไม่มีใครกล้าและได้โบกปูนซิเมนต์ที่องค์หลวงพ่อจนแล้วเสร็จในปี พ.ศ.2505 ทางกรมชลประทานมีคำสั่งให้เอารถขุดปรับทำถนน บนคัน คลองจากท่าหลวงถึงอำเภอหนองแค ระหว่างที่รถขุดไปรอบๆ ฐานเกือบจะถูกองค์หลวงพ่อ เกิดฟ้าผ่าลงมา กลางแจ้ง ทั้งที่ท้องฟ้าแจ่มใส คนขับรถรีบหยุดรถและกระโดดลงมากราบขอขมา และรถขุดก็ไม่กล้าขุดดินใกล้กับองค์หลวงพ่ออีกเลย ทำให้ถนนบนคันคลองระพีพัฒน์ต้องเบี่ยงหลบองค์หลวงพ่อดังที่เห็นในปัจจุบัน