พระกรุวัดท้ายตลาด พิมพ์ปางไสยาสน์ หลังยันต์สาม-เว็บพระแท้2 - webpra
VIP
***ไม่มีสิ่งใดๆในโลกที่ดีหรือเลว มีแต่ความคิดของเราเท่านั้น ที่ทำให้เกิดความดีและความเลว***

หมวด พระกรุ เนื้อดิน - เนื้อผง

พระกรุวัดท้ายตลาด พิมพ์ปางไสยาสน์ หลังยันต์สาม

พระกรุวัดท้ายตลาด พิมพ์ปางไสยาสน์ หลังยันต์สาม - 1พระกรุวัดท้ายตลาด พิมพ์ปางไสยาสน์ หลังยันต์สาม - 2พระกรุวัดท้ายตลาด พิมพ์ปางไสยาสน์ หลังยันต์สาม - 3
ชื่อร้านค้า เว็บพระแท้2 - (คลิ๊กที่นี่เพื่อดู ข้อมูลเกี่ยวกับร้านค้า)
ชื่อเจ้าของร้านค้า
ชื่อพระเครื่อง พระกรุวัดท้ายตลาด พิมพ์ปางไสยาสน์ หลังยันต์สาม
อายุพระเครื่อง -
หมวดพระ พระกรุ เนื้อดิน - เนื้อผง
ราคาเช่า -
เบอร์โทรติดต่อ (ไม่แสดงเบอร์ เนื่องจากรายการนี้ไม่ได้ปล่อยเช่า)
อีเมล์ติดต่อ gt540@hotmail.com
LINE
(คลิ๊กที่นี่เพื่อเพิ่มเพื่อนกับเจ้าของร้าน)
สถานะ พระโชว์
Facebook
เปิดให้เช่าตั้งแต่วันที่ พฤ. - 24 ก.ค. 2557 - 23:15.44
แก้ไขข้อมูลล่าสุดเมื่อ พฤ. - 24 ก.ค. 2557 - 23:35.52
รายละเอียด
พระกรุวัดท้ายตลาด พิมพ์ปางไสยาสน์ หลังยันต์สาม สภาพสวยมาก

ประวัติความเป็นมาของพระกรุวัดท้ายตลาด-ซึ่งเป็นวัดโบราณตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี ทำเลที่ตั้งอยู่ริมคลองบางกอกใหญ่หลังพระราชวังเดิม ในอดีตสมัยกรุงธนบุรีเป็นราชธานี บริเวณดังกล่าวนี้ ชาวบ้านเรียกกันว่า “ท้ายตลาด” หรือ “ท้ายพระราชวังเดิม” จึงนิยมเรียกขานวัดนี้กันว่า "วัดท้ายตลาด" และในวงการนักนิยมสะสมพระเครื่องทุกยุคทุกสมัยก็มักเรียกพระเครื่องจากกรุพระเจดีย์วัดนี้กันติดปากว่า "พระวัดท้ายตลาด" เช่นกัน

ย้อนไปในสมัยกรุงธนบุรี วัดท้ายตลาดนับเป็นวัดสำคัญคู่บ้านคู่เมือง สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงโปรดฯให้เป็นสถานที่ประกอบพระราชพิธีทางศาสนา เช่นเดียวกับวัดพระศรีสรรเพชญ์ในสมัยกรุงศรีอยุธยา และวัดพระศรีรัตนศาสดารามหรือวัดพระแก้วในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ และยังคงมีความสำคัญต่อเนื่องจนถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ พระมหากษัตริย์ทุกพระองค์แห่งราชวงศ์จักรียังทรงมีความผูกพันกับวัดท้ายตลาดมาโดยตลอด อาทิเช่น รัชกาลที่1 ทรงโปรดฯอาราธนาสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์(ขุน)ให้เป็นเจ้าอาวาสวัดท้ายตลาด รัชกาลที่2 ทรงพระราชทานนามวัดท้ายตลาดว่า"วัดพุทไธศวรรยาวาส”หรือ"วัดพุทไธศวรรย์" ต่อมาพระราชทานนามใหม่เป็น"วัดโมลีโลกยาราม"จนถึงปัจจุบันและพระราชโอรสในพระองค์ เมื่อทรงพระเยาว์ก็เสด็จไปศึกษาอักขระสมัยเบื้องต้นกับท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์(ขุน)ที่วัดนี้รวมทั้งพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 และพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4

รัชกาลที่ 3 เมื่อคราวท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์(ขุน)พระราชกรรมวาจาจารย์ของ พระองค์มรณภาพลง ทรงโปรดฯให้หล่อพระรูปสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์(ขุน)2รูป“รูปเล็ก”บูชาอยู่ใน หอพระเจ้า ส่วน“รูปใหญ่”ทรงโปรดฯให้สร้างหอเพื่อเป็นที่ประดิษฐานไว้ที่วัดโมลีโลกยา รามหรือวัดท้ายตลาด โดยเป็นการหล่อในโอกาสเดียวกับรูปหล่อพระรูปสมเด็จพระสังฆราชพระญาณ สังวร(สุก)สังฆราชไก่เถื่อน ที่วัดพลับ
มาถึงสมัยรัชกาลที่4 และรัชกาลที่5 ก็ยังมีการบูรณปฏิสังขรณ์พระอารามอย่างสม่ำเสมอ และในคราวที่พระมหากษัตริย์ทุกพระองค์เสด็จฯพระราชทานพระกฐิน จะทรงเสด็จฯไปสักการะพระรูปสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์(ขุน)ทุกครั้ง พระวัดท้ายตลาดมีการค้นพบเมื่อครั้งกรุพระเจดีย์แตก ได้ปรากฎพระพิมพ์เนื้อผง จำนวนมากมายถึง 89,000 องค์และมีหลายแบบหลายพิมพ์ มากกว่า 50 พิมพ์ เช่น

1.พระพิมพ์สมาธิบัวสองชั้น
2.พระพิมพ์พระแม่ธรณีบีบมวยผม ใหญ่-เล็ก
3.พระพิมพ์โมคคัลลาน์-สารีบุตร
4.พระพิมพ์ซุ้มปราสาท(เก๋งจีน)
5.พระพิมพ์พระเจดีย์
6.พระพิมพ์ปรกโพธิ์ ใหญ่-เล็ก
7.พิมพ์มารวิชัยข้างเม็ด
8.พิมพ์มารวิชัยข้างเส้น
9.พระพิมพ์พุทธกวัก(ปางรับผลมะม่วง)
10.พระพิมพ์นางกวัก
11.พระพิมพ์สังกัจจายน์
12.พระพิมพ์สมาธิแหวกม่าน
13.พระพิมพ์เล็บมือ
14.พระพิมพ์หยดแป้ง
15.ปางรำพึง
16.ปางถวายเนตร
17.ปางป่าเลไลย์ ใหญ่-เล็ก
18.ปางนาคปรก ใหญ่-เล็ก
19.ปางไสยาสน์
20.ปางอุ้มบาตร
21.ปางห้ามสมุทร
22.พระปิดตานะหัวเข่า
23.พระปิดตานั่งยอง
24.พระปิดตายันต์เฑาะว์
25.พระปิดตาสมาธิเพชร-สมาธิราบ ฯลฯ

ปางต่างๆ ดังกล่าว ล้วนเป็นคติการสร้างพระพุทธรูปซึ่งเกิดใหม่ในสมัยรัชกาลที่3ทั้งสิ้น นอกจากนี้พุทธลักษณะองค์พระนับเป็นการออกแบบที่ได้สัดส่วนงดงามและประณีต ซึ่งดูแล้วน่าจะเป็นฝีมือการสร้างในระดับ“ช่างหลวง”ที่สำคัญ พระองค์ทรงมีพระราชประสงค์ที่จะทรงบำเพ็ญพระราชกุศลเหมือนอย่างโบราณ กษัตริย์ในสมัยกรุงศรีอยุธยา ด้วยการสร้างพระพิมพ์ตามจำนวนพระธรรมขันธ์ เพื่อเป็นการสืบทอดพระศาสนา จึงทรงโปรดฯให้สมเด็จพระสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส ทรงคิดค้นคัดเลือกพระพุทธอิริยาบถปางต่างๆในพระพุทธประวัติ(นับรวมกับแบบเดิม8ปาง เป็น40ปางประดิษฐานไว้ในหอราชกรมานุสร วัดพระศรีรัตนศาสดาราม)จึงสันนิษฐานได้ว่าพระวัดท้ายตลาด น่าจะสร้างขึ้นโดยรัชกาลที่3 และด้วยเหตุผลประการสุดท้าย คือการจะสร้างพระได้จำนวนมากมายถึง8หมื่นกว่าองค์นั้น สามัญชนคนธรรมดาทั่วไปคงจะเป็นไปได้ยากมากแน่นอน ในช่วงแรกๆที่กรุแตกนั้น พระวัดท้ายตลาดยังไม่เป็นที่นิยมแพร่หลายนัก จนเมื่อคราวเกิดสงครามอินโดจีน ได้มีการนำพระซึ่งมีจำนวนมากส่งไปยังกระทรวงกลาโหม เพื่อแจกจ่ายไปยังเหล่าทัพต่างๆเป็นการสร้างขวัญกำลังใจ ด้วยพุทธคุณเป็นที่ปรากฏประจักษ์แก่สายตาผู้ที่เข้าร่วมทัพ และบอกเล่าต่อเนื่องกันปากต่อปาก ทำให้พระวัดท้ายตลาดได้รับความนิยมและเป็นที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวางยิ่งขึ้น

ปัจจุบันกลายเป็นพระพิมพ์เนื้อผงยอดนิยมสำหรับวงการนักนิยมสะสมพระเครื่อง พระบูชาไทยไปแล้ว ข้อสังเกตที่จะฝากไว้ในการพิจารณา“พระวัดท้ายตลาด”ประการหนึ่ง คือนอกจากพระที่นำมาแจกจ่ายเมื่อคราวสงครามอินโดจีนแล้ว ยังมีการนำพระบางส่วนไปบรรจุในกรุพระเจดีย์ตามวัดต่างๆ อาทิ วัดตะล่อม วัดนางชี และวัดบางสะแก จ.สมุทรสงคราม เป็นต้น ดังนั้นจากสภาพแวดล้อมและสภาวะภายในกรุแต่ละกรุที่แตกต่างกัน องค์พระจึงมีลักษณะพื้นผิวที่ต่างกันด้วยเช่น พระที่นำไปบรรจุไว้ที่วัดตะล่อม ซึ่งจะบรรจุใต้ฐานชุกชีคลุกอยู่กับปูนขาว ทำให้เวลานำองค์พระออกมา ผิวขององค์พระจึงถูกปูนขาวจับอยู่โดยทั่วไป แลดูไม่เข้มขลังเหมือนกับพระที่ออกจากกรุวัดท้ายตลาด ความนิยมจึงลดหลั่นแตกต่างกันไป

ข้อมูลคัดลอกจาก เอสซีพระเครื่อง

พระเครื่องที่เกี่ยวข้องในร้านค้านี้...

อื่นๆ...

กำหลังโหลด Comments
Top