พระกริ่งบรมครู ๓๒ ปี ๒๕๔๙ เนื้อนวโลหะก้นอุดผงพรายกุมาร ติดจีวรตาดเพดาน ทาทอง หมายเลย๑๑๙๖ -ธนาคารพระเครื่อง - webpra
ซื่อสัตย์ ซื่อตรง ส่งเร็วทันใจ บริการด้วยความจริงใจ

หมวด หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่

พระกริ่งบรมครู ๓๒ ปี ๒๕๔๙ เนื้อนวโลหะก้นอุดผงพรายกุมาร ติดจีวรตาดเพดาน ทาทอง หมายเลย๑๑๙๖

พระกริ่งบรมครู ๓๒ ปี ๒๕๔๙ เนื้อนวโลหะก้นอุดผงพรายกุมาร ติดจีวรตาดเพดาน ทาทอง หมายเลย๑๑๙๖  - 1พระกริ่งบรมครู ๓๒ ปี ๒๕๔๙ เนื้อนวโลหะก้นอุดผงพรายกุมาร ติดจีวรตาดเพดาน ทาทอง หมายเลย๑๑๙๖  - 2พระกริ่งบรมครู ๓๒ ปี ๒๕๔๙ เนื้อนวโลหะก้นอุดผงพรายกุมาร ติดจีวรตาดเพดาน ทาทอง หมายเลย๑๑๙๖  - 3พระกริ่งบรมครู ๓๒ ปี ๒๕๔๙ เนื้อนวโลหะก้นอุดผงพรายกุมาร ติดจีวรตาดเพดาน ทาทอง หมายเลย๑๑๙๖  - 4พระกริ่งบรมครู ๓๒ ปี ๒๕๔๙ เนื้อนวโลหะก้นอุดผงพรายกุมาร ติดจีวรตาดเพดาน ทาทอง หมายเลย๑๑๙๖  - 5
ชื่อร้านค้า ธนาคารพระเครื่อง - (คลิ๊กที่นี่เพื่อดู ข้อมูลเกี่ยวกับร้านค้า)
ชื่อเจ้าของร้านค้า
ชื่อพระเครื่อง พระกริ่งบรมครู ๓๒ ปี ๒๕๔๙ เนื้อนวโลหะก้นอุดผงพรายกุมาร ติดจีวรตาดเพดาน ทาทอง หมายเลย๑๑๙๖
อายุพระเครื่อง 13 ปี
หมวดพระ หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่
ราคาเช่า -
เบอร์โทรติดต่อ (ไม่แสดงเบอร์ เนื่องจากรายการนี้ไม่ได้ปล่อยเช่า)
อีเมล์ติดต่อ tbank1996@gmail.com
สถานะ พระโชว์
Facebook
เปิดให้เช่าตั้งแต่วันที่ อ. - 23 เม.ย. 2556 - 07:37.51
แก้ไขข้อมูลล่าสุดเมื่อ อ. - 23 เม.ย. 2556 - 07:38.45
รายละเอียด
เมื่อวันจันทร์ที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๔๙ เป็นวันคล้ายวันมรณภาพครบ ๓๑ ปีย่างเข้าปีที่ ๓๒ ของหลวงปู่ทิม อิสริโก ประกอบกับ พระกริ่งชินบัญชรที่ถือกำเนิดในเทวีฤกษ์ สร้างขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๕ พฤษภาคม ๒๕๑๗ มีอายุการสร้างครบ ๓๒ ปี เช่นกัน ในวันคล้ายวันมรณภาพของหลวงปู่ทิมปีนั้นนอกจากจะทำบุญสัตมาวาร เพื่อระลึกถึงท่านดังเช่นที่ปฏิบัติกันมาทุกปีแล้ว วัดละหารไร่ ซึ่งมีพระครูวิจิตรธรรมาภิรัต (พระอาจารย์เชย) เจ้าอาวาสได้จัดพิธีเททองหล่อพระพุทธมงคลมหามุนีขึ้น (ปัจจุบันประดิษฐานเป็นพระประธานอยู่ชั้นล่าง ศาลาภาวนาภิรัต วัดละหารไร่)
มูลนิธิหลวงปู่ทิม อิสริโก จึงถือเอาเป็นวันมหามงคล เททองสร้าง พระกริ่งชินบัญชร ขึ้นมาอีกครั้งเพื่อหารายได้ช่วยวัดละหารไร่ สร้างพระมหาเจดีย์ภาวนาภิรัต และเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในกิจกรรมต่างๆของมูลนิธิหลวงปู่ทิม อิสริโก อาทิ หน่วยช่วยเหลือประชาชนเคลื่อนที่ที่มาบตาพุด โดยให้ชื่อว่า พระกริ่งชินบัญชร บรมครู ๓๒ ถอดแบบจากพระกริ่งชินบัญชรองค์เดิมของหลวงปู่ทิม แต่จะดัดแปลงให้สวยงามและพระพักตร์ให้อิ่มเอิบเป็นเอกลักษณ์ เข้าหุ่นด้วยดินไทยและเททองหล่อแบบโบราณ ณ ลานวัดละหารไร่ ต่อหน้าองค์พ่อปู่ฤาษีอิสริโกมุนี พร้อมพระพุทธมงคลมหามุนี เวลา ๑๒.๓๙ น. โดยมีพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียง นั่งปรกปลุกเสกหน้าเตาหลอมทอง ๔ องค์ ๔ ทิศ คือ
ทิศบูรพา (ทิศตะวันออก) พระอาจารย์ สาคร มนุญโญ วัดหนองกรับ ศิษย์เอกหลวงปู่ทิม
ทิศประจิม (ทิศตะวันตก) หลวงพ่อ สิน วัดละหารใหญ่ ซึ่งเป็นวัดพี่-วัดน้องกับ วัดละหารไร่ หลวงพ่อสินเอง เป็นศิษย์เอกอีกองค์หนึ่งของหลวงปู่ทิม ทั้งมีวัตรปฏิบัติที่งดงามเคร่งครัด และสำรวมยิ่งองค์หนึ่งของบ้านค่าย
ทิศอุดร (ทิศเหนือ) หลวงปู่ทรง วัดศาลาดิน จ.อ่างทอง พระเถระผู้มีกระแสจิตแก่กล้า นอกจากจะได้ชื่อว่า เสกเดี่ยวได้อย่างมั่นใจไม่ต้องให้ใครมาช่วยเดี่ยวแล้ว ท่านยังเป็นพระปรมาจารย์ที่มีชื่อเสียงเกียรติคุณโด่งดัง ท่านรับนิมนต์มานั่งปรกที่วัดหลวงปู่ทิมด้วยความยินดี เพื่อช่วยให้กริ่งบรมครู ๓๒ ดังสุดๆอีกครั้งหนึ่ง
ทิศทักษิณ (ทิศใต้) ท่านเจ้าหรีด หรือพระครูบุญญาภินันท์ วัดปาโมกข์ จ.พังงา ซึ่งเป็นพระเกจิอาจารย์สายใต้องค์หนึ่งซึ่งกำลังโด่งดังอยู่ในขณะนี้ ท่านนั่งปลุกเสกประจำทิศใต้ ท่านนั่งปลุกเสกมีดหมอรุ่นไหว้ครู (๑พฤษาคม๒๕๔๙) ต่อหน้ารูปหล่อหลวงปู่ทิม อิสริโก ที่มูลนิธิฯ คู่กับพระอาจารย์สาคร จนน้ำมนต์หมุนให้เห็นกันจะจะมาแล้ว และเหรียญรุ่น ๑ ของท่านเจ้าหรีดก็กำลังดังมีคนถูกยิงแล้วไม่ระคายผิว เมื่อวันเททองหล่อ พระกริ่งชินบัญชร บรมครู ๓๒ เมื่อวันจันทร์ที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๔๙ นอกจากฝนฟ้าจะว่างเว้นให้อย่างอัศจรรย์ ๒ วัน ๒ คืน ครูบาอาจารย์ หลวงปู่ทิม ตลอดจนเทพพรหมมากันมืดฟ้ามัวดิน จนบดบังแสงอาทิตย์ที่กำลังแผดกล้า แล้วยังมีเหตุอัศจรรย์ที่จะเรียกว่าอภินิหารหรือปาฏิหาริย์ก็เห็นจะไม่ผิด เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นระหว่างเททองหล่อพระกริ่งชินบัญชรบรมครู ๓๒ ท่ามกลางสายตาผู้เข้าชมการเททองพระกริ่งนับพันคน การเททองหล่อพระพุทธรูปเป็นภูมิปัญญาของไทยเรามาแต่โบราณ จนถึงยุครัตนโกสินทร์ก็มีบ้านช่างหล่อ มีตระกูล วงศ์ช่างหล่อ แต่ปัจจุบันการสร้างพระปฏิมากรขนาดเล็กแบบพระกริ่ง มีการทำกันอยู่ ๒ ลักษณ์ คือ สร้างด้วยดินไทย และ สร้างด้วยดินฝรั่ง การสร้างด้วยดินฝรั่งเป็นการดัดแปลงเอาวิธีการของฝรั่งมาใช้ในการสร้างพระ พุทธรูปขนาดเล็ก โดยเอาวัตถุที่ใช้พอกหุ่นที่สร้างขึ้นเพื่อทำจิวเวอรี่ หรือหล่อวัตถุต่างๆอันได้แก่เครื่องประดับชิ้นเล็กชิ้นน้อยมาดัดแปลงเป็นการ หล่อพระที่เรียกว่า เหวียง แทนที่จะใช้ ดินไทย ซึ่งเป็นภูมิปัญญาดั่งเดิมของบรรพบุรุษ
การเททองแบบดินไทยต้องใช้ขี้วัวเป็นวัตถุดิบสำคัญ และต้องใช้ขี้วัวสดๆ ที่ถ่ายออกมาใหม่ๆ ผ่านกรรมวิธี เป็นดินพอกหุ่น พราหมณ์ซึ่งเป็นเจ้าพิธีการมาแต่ครั้งโบราณถือว่า ของที่บริสุทธิ์และเป็นมงคลตามธรรมชาติที่จะต้องนำมาใช้ในงานพิธีสำคัญๆไม่ ว่าจะเป็นงานของชาวบ้านหรืองานพระราชพิธีของพระมหากษัตริย์ มีอยู่ ๒ สิ่งคือ หอยสังข์ และ มูลโค หรือขี้วัว หอยสังข์ใช้เป่าในงานพระราชพิธีต่างๆถือว่าเป็นของบริสุทธิ์และศักดิ์สิทธิ์ โดยธรรมชาติ ส่วนมูลที่โคถ่ายออกมาก็ถือว่าเป็นของบริสุทธิ์โดยธรรมชาติ เพราะโคไม่เคยเบียดเบียนใคร กินแต่หญ้ามาโดยตลอด มูลโคจึงถือเป็นของบริสุทธิ์ บรรพบุรุษของเราจึงเอามาเป็นวัสดุสำคัญในการหล่อพระ
การหล่อพระกริ่งชินบัญชรบรมครู ๓๒ ตั้งใจทำด้วยความบริสุทธิ์ เอาสิ่งที่ถือว่าบริสุทธิ์ที่เกิดเองมาหล่อ เพื่อให้ท่านที่เคารพนับถือหลวงปู่ทิม มีของมงคลของบริสุทธิ์ไว้ใช้ และคงเป็นความบริสุทธิ์ใจของคณะผู้สร้างสิ่งมหัศจรรย์ก็เกิดขึ้น ขณะเททองประการแรกเมื่อได้ฤกษ์เททอง ๑๒.๓๙ น. อันเป็นราชาฤกษ์ เมื่อฆ้องประกาศฤกษ์ลั่นขึ้นพระอาทิตย์เวลาเที่ยงวัน ซึ่งกำลังส่องแสงอันแรงกล้าปราศจากเมฆหมอก ความร้อนจากแสงอาทิตย์กำลังแผดกล้า(หลังฝนตกหนักติดต่อกันมาแล้ว ๒ วัน เพราะดีเปรสชั่นเข้ามาทางภาคตะวันออก) ถ้าใช้มือป้องสายตามองขึ้นไปจะเห็นพระอาทิตย์กำลังทรงกลด คุณไพศาล ช่างการบินไทย ซึ่งพาภรรยามาร่วมพิธีด้วย เล่าให้ฟังภายหลังว่า ได้สะกิดให้ภรรยาซึ่งนั่งอยู่ในเต็นท์ที่อยู่ในประรำพิธีแหงนหน้าขึ้นไปมอง พระอาทิตย์ มีเมฆหมอกมาบังให้ร่มเย็นอย่างอัศจรรย์ แต่ภรรยาซึ่งก็กำลังมองท้องฟ้าอยู่บอกว่า อย่ามากวนใจกำลังมีความสุข ซึ่งอธิบายหลังพิธีว่า มองขึ้นบนท้องฟ้า เห็นรัศมีขาวใสดุจประกายเงินประกายทองของเทพ พรหม ครูบาอาจารย์เต็มไปหมด และโปรยปรายประกายเงินประกายทองลงมาในพิธี ขณะนั้น ก็ได้ยินเสียงร้องว่า น้ำทองกระโดด จึงหันหลังกลับไปดูการเททอง นายสมบัติ ชัยยะ ซึ่งเป็นช่างเททองของโรงหล่อ ขุน-ชิน ลูกศิษย์สายตรงของอาจารย์ มาลี พัฒนากร ผู้เป็นอาจารย์ใหญ่สายพระกริ่ง ขณะที่ช่างสมบัติ ชัยยะ กำลังตักน้ำทองออกจากเตาหลอมเพื่อเทลงในเบ้าพระกริ่ง น้ำทองโลหะที่กำลังละลายเป็นน้ำเหลวๆมีอุณหภูมิกว่า ๔,๕๐๐ องศา เกิดระเบิดขึ้นมาจากเบ้า แตกกระเด็นมาถูกเสื้องานกริ่งบรมครู ๓๒ สีขาว(ด้านหลังมียันต์๕) ตรงต้นแขนด้านขวา ความร้อนของโลหะที่ละลายเป็นน้ำถูกเสื้อขาดเป็นรู แทนที่น้ำทองร้อนๆจากโลหะจะเจาะทะลุเข้าไปโดนเนื้อจนถึงกระดูกแล้ว กลับไหลเป็นน้ำตกลงไปยังพื้นทรายเททองรองรับไว้ ท่ามกลางความตกตะลึงของผู้ที่เฝ้าชมการเททองนับร้อยๆคน จากนั้นต่างคนต่างวิ่งไปขอบูชาเสื้อตัวละ ๓๐๐ บาทซึ่งเหลือไม่กี่ตัวไปจนหมด ผู้ที่บูชาเสื้อไม่ได้ต่างขอบูชาต่อจากผู้ที่ได้ไป จนบางคนโก่งราคาถึงตัวละ ๑,๐๐๐ บาท ก็ยังมีผู้บูชาไป ส่วน กัปตันมานิตย์ รุธีรยุทธ ซึ่งมีซิกเซ้นต์ มาร่วมงานกับคุณพิมพ์กานต์แฟนสาว บอกผู้เขียนก่อนเริ่มการเททองให้หาอาสนะไว้ที่หนึ่ง ปูรองด้วยใบตองและหญ้าคา เพราะหลวงปู่ทิม อิสริโก ท่านได้นิมนต์พระเถระผู้ใหญ่มาร่วมพิธีด้วย กัปตันบอกว่าน่าจะเป็น สมเด็จพระพนรัตน วัดป่าแก้ว ปรมาจารย์เจ้าของตำรับการสร้างพระกริ่ง หรือพระชัยฉลองพระเดชพระคุณที่ผมได้มาจากกุฏิสุนทรภู่ วัดเทพธิดาราม เรื่องที่เล่านี้เป็นความเชื่อของผู้ที่เคารพนับถือหลวงปู่ทิมที่มาร่วมงาน
การสร้าง พระกริ่งชินบัญชร บรมครู ๓๒ หรือ รุ่นทองกระโดด ครั้งนั้นจะสร้างแบบโบราณด้วยการเข้าหุ่นด้วยดินขี้วัวหรือดินไทยแบบโบราณ โดยถอดแบบพระกริ่งชินบัญชร รุ่นแรกปี ๒๕๑๗ แล้วยังจะคงไว้ซึ่งของเก่าๆ สมัยหลวงปู่ทิม ยังมีชีวิตอยู่ และมอบให้ผู้สร้างไว้ โดยจะบรรจุผงอุดก้นด้วยมวลสารผงพรายกุมาร ผสมสีผึ้ง หลวงปู่ทิม อิสริโก ,น้ำมันพระเจ้าตาก ที่ฝังไว้เมื่อ ๒๐๐ ปีก่อน;น้ำมันใส่ผมตราสงกรานต์ ที่หลวงปู่ทิม ปลุกเสกในพระอุโบสถวัดกระบกขึ้นผึ้ง เมื่อปี ๒๕๐๓ และเจ้าของนำมาฝากหลวงปู่ทิม ปลุกเสกต่อจนท่านมรณภาพ ก็ไม่มารับ(รวมเวลาที่หลวงปู่ทิมปลุกเสกร่วม ๑๖ ปี);จีวร น้ำมันเสือ น้ำมันพราย สีผึ้ง และปิดก้นด้วยจีวรดาดเพดาน หรือ คาย อันเป็นที่สถิตของครูบาอาจารย์ เมื่อหลวงปู่ทิมทำพิธีปลุกเสกวัตถุมงคลในกุฏิของท่าน เมื่อตบแต่งพระกริ่งสำเร็จแล้วจึงลงรักปิดทองบูชา ให้สมชื่อ พรายกุมารทอง
รายละเอียดการสร้างพระกริ่งชินบัญชร บรมครู ๓๒ มีดังนี้
๑.พระกริ่งชินบัญชร บรมครู ๓๒ เนื้อสุวรรณชมพูนุท หรือทองคำ สร้าง ๓๒ องค์เท่ากับจำนวนปี ๓๒ ปีของอายุการสร้างพระกริ่งชินบัญชร ซึ่งกำเนิดขึ้นเมื่อ ๕ พฤษภาคม ๒๕๑๗ ทุกองค์อุดมวลสารผงพรายกุมาร เม็ดลูกปืนเสกแม่ไม่ฆ่าลูกของหลวงปู่ทิมและปิดจีวรดาดเพดานเต็มฐาน
๒.พระกริ่งชินบัญชร บรมครู ๓๒ เนื้อพิเศษพรายเงิน เป็นเนื้อโลหะแข็งผสมทังสเตน (เหมือนเนื้อกริ่งชินบัญชร เนื้อบรมพุทโธ ปี๒๕๑๗) มองดูคล้ายเงิน แต่หนักและมีมวลสารมากกว่า ก้นอุดผงพรายมวลสาร และปิดจีวรดาดเพดานเต็มฐาน
๓.พระกริ่งชินบัญชร บรมครู ๓๒ เนื้อเงิน สร้าง ๓๓๒ องค์ แต่มีการเทเผื่อเหลือเผื่อขาดไว้ถึง ๔๐๐ องค์ ดังนั้นจึงตอกลำดับเลข ๑-๓๓๒ อุดผงพรายกุมารผสมวัตถุอาถรรพ์ ติดจีวรดาดเพดานเต็มฐาน
๔.พระกริ่งชินบัญชร บรมครู ๓๒ เนื้อนวโลหะ อุดผงพราย,มวลสาร สร้าง ๒,๕๓๒ องค์ แต่เททองเผื่อ และตอกลำดับเลขไว้ถึงราว ๒,๖๙๙ องค์ (ส่วนที่เกิน หมายเลข ๒,๕๓๒ มักไม่จ่ายออกภายนอก แต่อาจนำไปหุ้มก้นเป็นนวโลหะก้นทองคำ, ก้นเงิน ,ก้นหุ้มทองแดง แทน)
๕.พระกริ่งชินบัญชร บรมครู ๓๒ เนื้อนวโลหะ อุดผงพรายก้นหุ้มทองคำ สร้าง ๓๒ องค์
๖.พระกริ่งชินบัญชร บรมครู ๓๒ เนื้อนวโลหะ อุดผงพรายก้นหุ้มเงิน สร้าง ๓๒ องค์
๗.พระกริ่งชินบัญชร บรมครู ๓๒ เนื้อทองทิพย์ อุดผงพราย,จีวรดาดเพดาน สร้าง ๑,๙๓๒ องค์
๘.พระชัยวํฒน์ชินบัญชร บรมครู ๓๒ ขนาดบูชา ๕ นิ้วเทนำฤกษ์ ๑๒.๓๙ น. ถอดพิมพ์จากพระชัยวัฒน์ชินบัญชรปี๒๕๑๗ สร้าง ๓๙ องค์
๙.พระชัยวัฒน์ชินบัญชร บรมครู ๓๒ เนื้อเงิน ถอดพิมพ์พระมงคลมหามุนี อุดผงพรายมวลสาร สร้าง ๓๓๒ องค์
๑๐.พระชัยวัฒน์ชินบัญชร บรมครู ๓๒ เนื้อนวโลหะ ถอดพิมพ์พระมงคลมหามุนี อุดผงพรายมวลสาร สร้าง ๒,๕๓๒ องค์
๑๑.พระชัยวัฒน์ชินบัญชร บรมครู ๓๒ เนื้อสัมฤทธิ์ ถอดพิมพ์พระมงคลมหามุนี อุผงพรายมวลสาร มี ๒ พิมพ์ คือ พิมพ์ลอยองค์ ,และ พิมพ์หลังเตารีด สร้างรวม ๑,๕๓๒ องค์
๑๒.พระอวโลกิเตศวร เนื้อนวโลหะ สร้าง ๙๓๒ องค์ อุดผงพรายมวลสาร
ส่วนองค์นี้เป็นพระกริ่งบรมครู ๓๒ ปี ๒๕๔๙ เนื้อนวโลหะก้นอุดผงพรายกุมาร ติดจีวรตาดเพดาน ทาทอง หมายเลย๑๑๙๖ องค์นี้ทาทองล้นครับ กล่องเดิมๆ สภาพสวยครับ

พระเครื่องที่เกี่ยวข้องในร้านค้านี้...

อื่นๆ...

กำหลังโหลด Comments
Top