เหรียญรุ่นแรก พระครูธรรมสาทิส (แม้น ธมฺมสโร) วัดใหญ่โพหัก พ.ศ. ๒๔๙๔ -ภาพสยาม - webpra
คิดดี พูดดี ทำแต่สิ่งที่ดีๆ

หมวด เหรียญปั๊ม ก่อนปี 2520

เหรียญรุ่นแรก พระครูธรรมสาทิส (แม้น ธมฺมสโร) วัดใหญ่โพหัก พ.ศ. ๒๔๙๔

เหรียญรุ่นแรก พระครูธรรมสาทิส (แม้น ธมฺมสโร) วัดใหญ่โพหัก พ.ศ. ๒๔๙๔  - 1เหรียญรุ่นแรก พระครูธรรมสาทิส (แม้น ธมฺมสโร) วัดใหญ่โพหัก พ.ศ. ๒๔๙๔  - 2
ชื่อร้านค้า ภาพสยาม - (คลิ๊กที่นี่เพื่อดู ข้อมูลเกี่ยวกับร้านค้า)
ชื่อเจ้าของร้านค้า
chae1 (6)
ชื่อพระเครื่อง เหรียญรุ่นแรก พระครูธรรมสาทิส (แม้น ธมฺมสโร) วัดใหญ่โพหัก พ.ศ. ๒๔๙๔
อายุพระเครื่อง 73 ปี
หมวดพระ เหรียญปั๊ม ก่อนปี 2520
ราคาเช่า -
เบอร์โทรติดต่อ (ไม่แสดงเบอร์ เนื่องจากรายการนี้ไม่ได้ปล่อยเช่า)
อีเมล์ติดต่อ zowking@gmail.com
สถานะ พระโชว์
Facebook
เปิดให้เช่าตั้งแต่วันที่ พ. - 14 ต.ค. 2563 - 22:42.57
แก้ไขข้อมูลล่าสุดเมื่อ พ. - 14 ต.ค. 2563 - 22:42.57
รายละเอียด
เหรียญปั๊มรูปเหมือนรุ่นแรก พ.ศ. ๒๔๙๔
พระครูธรรมสาทิส (แม้น ธมฺมสโร)
วัดใหญ่โพหัก ตำบลโพหัก อำเภอบางแพ จังหวัดราชบุรี
บ้านโพหัก หมู่ ๗ ตำบลโพหัก อำเภอบางแพ จังหวัดราชบุรี เป็นที่ตั้งของ ‘วัดใหญ่โพหัก’ เป็นวัดเก่าแก่โบราณวัดหนึ่งของจังหวัดราชบุรี มีโบราณสถานอันน่าสนใจ คือ อุโบสถเก่า ซึ่งปัจจุบันได้เปลี่ยนเป็นวิหารชื่อ ‘วิหารอุด’ เป็นอุโบสถที่เรียกกันว่า ‘โบสถ์มหาอุด’ เพราะเข้าออกได้ทางเดียว
เป็นวัดที่มีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก และเป็นวัดหนึ่งที่มีพระเกจิอาจารย์ดัง-ขลัง-ดี เป็นเจ้าของเหรียญปั๊มรูปเหมือนเหรียญหนึ่ง ซึ่งหยิบมาเล่าสู่กัน
แต่ก่อนไปคุยกันถึงเรื่องเหรียยและพระเกจิอาจารย์ดังอดีตเจ้าอาวาสวัดใหญ่โพหัก
มาฟังอดีตกาลของวัดกันก่อน
ความเป็นมาของวัดใหญ่โพหัก จากปากคำบอกเล่าของชาวบ้านกล่าวกันไว้หลายทาง ทางหนึ่งเป็นเรื่องเล่าที่เกี่ยวพันถึงพญากง พญาพาน ว่าพญาพานได้ยกทัพเพื่อจะไปรบกับพญากงผู้เป็นบิดา ผ่านมาบริเวณบ้านโพหักนี้เห็นว่ามีทำเลที่เหมาะสมจึงได้หยุดพักไพล่พล เหล่าไพร่พลที่มาในกองทัพได้เอาศาสตราวุธที่นำมาด้วยไปพิงไว้กับต้นโพธิ์ ทำให้ต้นโพธิ์หักลงอันเป็นอาเพทบอกเหตุว่า พญาพานจะกระทำปิตุฆาตฆ่าบิดาของตน ตำบลแห่งนี้จึงได้ชื่อว่า ‘ตำบลโพหัก’
อีกทางหนึ่งเล่าว่า ในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย พม่าได้ยกกองทัพมาตีกรุงศรีอยุธยา ได้มาหยุดพักพล ณ ตำบลนี้ ทหารพม่าได้เอาปืนใหญ่ที่นำมาด้วยไปวางพิงไว้กับต้นโพธิ์ทำให้ต้นโพธิ์หักลงมา จึงได้เรียกกันเป็นที่หมายของการพบปะกันบริเวณแห่งนี้ว่า ‘ตำบลโพหัก’
อีกทางหนึ่งเล่าว่า เมื่อกรุงศรีอยุธยาแตก ราษฎรจากกรุงศรีอยุธยาได้พากันอพยพหนีภัยสงคราม โดยมีการใช้เกวียนบรรทุกทรัพย์สมบัติต่างๆ หนีการปล้นสะดมของทหารพม่ามาถึงตำบลหนึ่ง วัวที่ใช้เทียมเกวียนเกิดเมื่อยล้าไม่สามารถเดินทางต่อไปได้ ชาวบ้านจึงได้หยุดแล้วเอาทรัพย์สมบัติที่ขนมากองและแขวนไว้กับต้นโพธิ์ ทำให้ต้นโพธิ์หักลงจึงเรียกสถานที่ดังกล่าวว่า ‘บ้านโพหัก’ และมีการสร้างวัดขึ้น
ดังที่ได้เอ่ยถึงข้างต้นถึง ‘โบสถ์มหาอุด’ ที่ด้านบนประตูทางเข้ามีป้ายเขียนไว้ว่า ‘พระอุโบสถหลังแรกของวัดใหญ่โพหัก สร้างราวปี พ.ศ. ๒๒๐๙’ และยังมีป้ายบอกนักท่องเที่ยวที่จัดทำไว้ว่า
“พระอุโบสถหลังแรก (วิหารอุด) เป็นอาคารก่ออิฐถือปูนขนาดเล็ก ๑ ประตู ด้านหลังทึบแบบที่เรียกว่าวิหารอุด ภายในวิหารประดิษฐานพระพุทธรูปหินทรายแดงลงรักปิดทอง ศิลปะสมัยอยุธยาตอนปลาย ๑ องค์ จากรูปแบบการก่อสร้างสันนิษฐานว่าวิหารหลังนี้สร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย”
อีกหลังหนึ่ง คือ พระอุโบสถหลังเก่า เป็นอาคารก่ออิฐถือปูนขนาดกว้าง ๑๐ เมตร ยาว ๒๗ เมตร และสูง ๘ เมตร ประวัติกล่าวว่าสร้างขึ้นในสมัย ‘เจ้าประคุณในโกษฐ หรือหลวงพ่อทองดี’ อดีตเจ้าอาวาสเมื่อประมาณ ๑๗๐ ปี มาแล้ว หลังคาเครื่องไม้มุงกระเบื้องทรงทึบ ด้านหน้ามีพาไลยื่นออกมา ๑ ห้อง มีเสาไม้กลมรองรับ ๔ ต้น ไม่มีช่อฟ้าใบระกา หน้าบันปูนปั้นลวดลายมังกรด้นเมฆ และลวดลายสิ่งของมงคลแบบอิทธิพลจีน ฐานพระอุโบสถเป็นฐานบัว ผนังก่ออิฐถือปูนด้านหน้ามีประตูทางเข้า ๒ ด้าน บานประตูเป็นไม้สลักลายดอกไม้ระบายสี มีรูปบุคคลและรูปสัตว์ประกอบในลวดลาย ด้านหลังทึบ ด้านข้างทั้งสองด้านมีช่องหน้าต่างด้านละ ๓ บาน บานหน้าต่างเป็นไม้เรียบ ภายในพระอุโบสถประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้นลงรักปิดทองขนาดใหญ่ประทับนั่งแสดงปางมารวิชัย อยู่บนฐานบัวที่มีลวดลายปูนปั้นที่ชายผ้าทิพย์อันงดงาม ศิลปะสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย นอกจากนั้นบริเวรด้านข้างฐานชุกชีพบพระพุทธรูปหินทรายแดงลงรักปิดทองประทับนั่งแสดงปางมารวิชัยและปางสมาธิ ศิลปะสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลายประดิษฐานอยู่อีกหลายองค์
เจดีย์เหลี่ยม ตั้งอยู่ด้านข้างพระอุโบสถหลังเก่า ลักษณะเป็นเจดีย์ก่ออิบถือปูน ฐานรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสกว้างด้านละ ๗.๕ เมตร สูง ๑๒ เมตร สอบขึ้นทางด้านบนเรือนธาตุมีซุ้มอยู่ทั้ง ๔ ด้าน ยอดเจดีย์มีบัลลังก์ย่อมุมไม้สิบสองรองรับปล้องไฉนขนาดใหญ่ ส่วนของปลียอดหักหาย ลักษณะของเจดีย์องค์นี้มีรูปแบบที่แตกต่างไปจากลักษณะเจดีย์โดยทั่วไป เป็นฝีมือช่างท้องถิ่น
พระมณฑปประดิษฐานรอยพระพุทธบาท พระมณฑปก่ออิฐถือปูน ปัจจุบันเหลืออยู่เฉพาะส่วนฐานและกำแพงบางส่วน ฐานพระมณฑปเป็นฐานสี่เหลี่ยมจัตุรัสกว้างด้านละ ๘ เมตร ส่วนเรือนธาตุและส่วนยอดหักหายอยู่ในสภาพที่ชำรุดมาก
หอระฆัง อาคารเครื่องไม้สองชั้นสูงประมาณ ๙ เมตร หลังคาเครื่องไม้มุงกระเบื้องมีช่อฟ้าใบระกาไม้แกะสลักและคันทวยรองรับชายคา ย่อทอง ต้นสกุล ‘ขวัญดี’ สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๕๖
เจดีย์ราย ภายในบริเวณวัดพบเจดีย์รายตั้งอยู่ทั่วไป โดยเฉพาะด้านหน้าพระวิหารอุด ลักษณะเป็นเจดีย์ก่ออิฐถือปูนขนาดเล็กย่อมุมไม้สิบสอง ฐานเจดีย์เป็นฐานสิงห์ ๓ ชั้น องค์เจดีย์ทรงระฆังย่อมุมมีบัวปากระฆังรองรับ มีการตกแต่งองค์ระฆังด้วยลวดลายปูนปั้นและการทาสีส่วนยอดเป็นชุดบัวคลุ่มเถา และปลียอด ซึ่งส่วนใหญ่จะหักหายชำรุด ศิลปะสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลายและกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น
ระฆังสำริด ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๖๐ เซนติเมตร สูง ๙๐ เซนติเมตร ที่ขอบระฆังมีจารึกว่า “สร้างในการเฉลิมฉลองงานมหากุศล เมื่อพุทธศักราช ๒๓๐๑” อันตรงกับรัชสมัยของพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศแห่งกรุงศรีอยุธยา
นั้นเป็นโบราณสถานและโบราณวัตถุของวัดใหญ่โพหัก ซึ่งได้การประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน หากมีโอกาสว่างมีเวลาไปดูชมกันได้
จากนี้มาพูดคุยกันถึงอดีตเจ้าอาวาสวัดใหญ่โพหัก ‘พระครูธรรมสาทิส (แม้น ธมฺมสโร)’ กัน
ประวัติปูมหลังกล่าวไว้ว่า ท่านเกิดเมื่อวันที่ ๒๓ เมษายน พ.ศ. ๒๔๓๔ ที่บ้านโพหัก เป็นบุตรของนายทอง ทิมบุตร และนางโมง ทิมบุตร
ในวัยเด็กได้ศึกษาเล่าเรียนหนังสือไทยและบาลีกับหลวงพ่อกล่อม วัดใหญ่โพหัก และเมื่อเติบใหญ่จนอายุได้ ๒๑ ปี ในปี พ.ศ. ๒๔๕๕ ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ มีหลวงพ่อแดง วัดทำนบ ตำบลวัดแก้ว อำเภอบางแพ จังหวัดราชบุรี เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการดำ วัดจินดาราม ตำบลตลาดจินดา อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอธิการอ้น วัดใหญ่โพหัก เป็นพระอนุสาวนาจารย์
อุปสมบทแล้วจำพรรษาที่วัดใหญ่โพหัก ได้มีโอกาสศึกษาวิชาพุทธาคมกับพระเกจิอาจารย์ดังของจังหวัดราชบุรี จังหวัดสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสาคร และจังหวัดนครปฐม ไม่ว่าจะเป็น หลวงพ่อแดง วัดทำนบ หลวงพ่อกล่อม วัดใหญ่โพหัก หลวงพ่อแช่ม วัดดอนเซ่ง หลวงพ่อดำ วัดจินดาราม หลวงพ่อรุ่ง วัดดอนยายหอม ฯลฯ
นอกจากนั้นหลวงพ่อแม้นยังเป็นสหธรรมิกกับหลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม หลวงพ่อสาย วัดหนองสองห้อง
ในปี พ.ศ. ๒๔๖๐ ตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดใหญ่โพหักได้ว่างลง หลวงพ่อแม้นได้รับการแต่งตั้งจากคณะสงฆ์ให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดใหญ่โพหักสืบต่อ
ในปี พ.ศ. ๒๔๖๓ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าคณะตำบล และยังได้รับแต่งตั้งให้เป็นพระอุปัชฌาย์
ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรที่ ‘พระครูธรรมสาทิส’ เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๙๒
มีเรื่องเล่ากันว่า เมื่อครั้งที่มีการขุดคลองป่าหลวงไปถึงช่วงหนึ่งแล้วต้องหยุด เพราะทำการขุดต่อไปไม่ได้ หลวงพ่อแม้นได้บอกกับชาวบ้านว่าให้ทำพิธีขอขมา และเมื่อทำการจุดต่อไปจึงได้พบโครงกระดูกคนโบราณมีความสูงถึง ๘ ศอก ชาวบ้านล้วนแปลกใจว่าหลวงพ่อแม้นท่านทราบได้อย่างไรว่าตรงนั้นมีโครงกระดูกมนุษย์โบราณฝังอยู่ และเพราะหลวงพ่อแม้นมักจะกล่าวถึงแล้วเป็นจริงดังเช่นที่ท่านว่า ผู้คนจึงต่างเชื่อว่าหลวงพ่อแม้นท่านมีวาจาสิทธิ์และล่วงรู้เหตุการณ์ล่วงหน้า
ดังที่ชายหนุ่มขับมอเตอร์ไซค์มากราบหลวงพ่อแม้นถึงที่วัด ซึ่งสมัยนั้นยังเป็นทุ่งนาโดยรอบ เมื่อกราบท่านเป็นที่เรียบร้อยแล้วหลวงพ่อแม้นได้บอกกับชายหนุ่มนั้นว่า ให้ชายหนุ่มหาที่นอนในวัดนี้แหละ แต่ชายหนุ่มได้บอกปฏิเสธไปว่าไม่ได้คิดจะมาค้างที่วัดแต่อย่างใด หลวงพ่อแม้นได้แต่หัวเราะแล้วเดินเข้ากุฏิไป สักพักหนึ่งฝนก็ตกลงมาทำให้ชายหนุ่มคนนั้นขับมอเตอร์ไซค์กลับไม่ได้ต้องพักค้างที่วัด
สำหรับเหรียญปั๊มรูปเหมือนรุ่นแรกของหลวงพ่อแม้น สร้างในปี พ.ศ. ๒๔๙๔
ด้านหน้าเป็นรูปเหมือนหลวงพ่อแม้นครึ่งรูป ด้านบนมีอักขระขอมว่า ‘มะ อะ อุ’ ด้านล่างมีอักษรไทยจารึกว่า ‘พระครูธรรมสาทิส (แม้น)
ด้านหลังเป็นยันต์ ๕ บรรจุอักขระขอม ‘นะ โม พุท ธา ยะ’ และมีตัวอุด้านบนยันต์ ๓ ตัว ด้านล่างยันต์มีอักษรไทยว่า ‘วัดใหญ่โพหัก พ.ศ. ๒๔๙๔’
สำหรับเหรียญบล็อกรูปเหมือนหลวงพ่อแม้นรุ่นแรกนี้ ในปี พ.ศ. ๒๔๙๘ ได้นำบล็อกเก่านี้มาทำการปั๊มเหรียญใหม่ โดยได้แก้ไขตัวเลขปี พ.ศ. ๒๔๙๔’ โดยแกะตัวเลข ‘๔’ ให้เป็นเลข ‘๘’
หลวงพ่อแม้นมรณภาพเมื่อวันที่ ๑๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๙๘ สิริอายุได้ ๖๕ ปี พรรษาที่ ๔๔

พระเครื่องที่เกี่ยวข้องในร้านค้านี้...

อื่นๆ...

กำหลังโหลด Comments
Top