พระผงกรรมฐานพิมพ์พรหมใหญ่ หลวงปู่ดู่วัดสะแก-ชีวินทรีย์ - webpra

เว็บ-พระ ประมูลพระเครื่อง ร้านค้าพระเครื่องออนไลน์

ชีวินทรีย์

ยึดติดวัตถุมงคล ดีกว่ายึดติดวัตถุอัปมงคล "ชีวินทรีย์เพื่อนแท้นักสะสมทั้งผู้ชำนาญการและมือใหม่"

หมวด พระเนื้อผง เนื้อดิน เนื้อว่าน หลังปี 2525

พระผงกรรมฐานพิมพ์พรหมใหญ่ หลวงปู่ดู่วัดสะแก

ชื่อร้านค้า	ชีวินทรีย์ - (คลิ๊กที่นี่เพื่อดู ข้อมูลเกี่ยวกับร้านค้า)
ชื่อเจ้าของร้านค้า	nescience (42)
ชื่อพระเครื่อง	พระผงกรรมฐานพิมพ์พรหมใหญ่ หลวงปู่ดู่วัดสะแก
อายุพระเครื่อง	-
หมวดพระ	พระเนื้อผง เนื้อดิน เนื้อว่าน หลังปี 2525
ราคาเช่า	-
เบอร์โทรติดต่อ	(ไม่แสดงเบอร์ เนื่องจากรายการนี้ไม่ได้ปล่อยเช่า)
อีเมล์ติดต่อ	Saranyawat_t@hotmail.com
สถานะ
Facebook	Share
เปิดให้เช่าตั้งแต่วันที่	จ. - 06 ธ.ค. 2553 - 20:07.03
แก้ไขข้อมูลล่าสุดเมื่อ	จ. - 03 ม.ค. 2554 - 20:49.07

รายละเอียด
หลวงปู่ดู่ หรือพระพรหมปัญโญ พระอริยเจ้าแห่งปัจจุบันสมัย ผู้สถิตย์อยู่ในใจและเหนือเศียรเกล้าของศิษย์ทั้งมวล ท่านเป็นผู้จุดประกายในดวงใจของศิษย์หลายผู้หลายนาม ให้มาเดินตามหนทางแห่งโมกขธรรม ท่านคือสงฆ์ผู้ที่สาธุชนจะพึงกราบได้โดยสนิทใจ ท่านเป็นผู้ไม่พึงหวังลาภยศสักการะทั้งมวล ศิษย์ส่วนใหญ่เรียกท่านว่า พระพรหมปัญโญ ดูดังกับว่าท่านมีสมณศักดิ์พระราชาคณะชั้นพรหม แม้ในความเป็นจริงท่านมิเคยรับสมณศักดิ์ที่ชั้นใดๆเลย และท่านไม่เคยปรารถนาก็อาจกล่าวได้ แต่คุณธรรมอันท่านดำรงไว้ยามที่ยังทรงสังขารธรรมอยู่นั้น เลยขึ้นไปกว่ายศศักดิ์ใดที่ทางโลกจะพึงสรรเสริญ ผู้ที่เคยอุปฐากใกล้ชิดย่อมจะรู้ว่าสิ่งเดียวที่ท่านปรารถนาก็คือหนทางสู่พุทธภูมิ หลวงปู่ดู่ท่านมีชาตะกาลเมื่อ ๑๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๔๗ ตรงกับวันศุกร์ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ ซึ่งเป็นวันเพ็ญวิสาขปุรณมี ณ บ้านข้าวเม่า อำเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่ออายุครบ 21 ปีได้เข้าบรรพชาอุปสมบท ณ ที่วัดสะแก โดยมีพระเดชพระคุณหลวงพ่อกลั่น ธรรมโชโต เจ้าอาวาสวัดพระญาติการามป็นพระอุปัชฌาย์ ได้ฉายาว่า “พรหมปัญโญ” สิ่งที่ท่านมอบให้แก่พุทธศาสนิกชนผู้มีศรัทธาไปกราบท่านก็คือ ธรรมะ ข้อธรรมที่ท่านให้ทุกคนใฝ่ปฏิบัติคือการภาวนาทำจิตให้สงบ ท่านเคยกล่าวไว้ว่า “ทำจิตให้สงบเพียงแค่ช้างกระดิกหู งูแลบลิ้น ก็ยังดีกว่าผู้ไม่เคยสัมผัสเลย” นอกเหนือจากพระธรรมแล้วท่านยังมีเมตตาทำพระหลายหลากพิมพ์ ส่วนใหญ่เป็นพระผงกรรมฐานผสมด้วยปูนซีเมนต์ขาวเพื่อให้แก่ศิษย์ไว้ใช้กำในมือขณะบำเพ็ญภาวนา และด้วยจิตที่หยั่งรู้ถึงความวุ่นวายในโลกมนุษย์ที่มักพาภยันตรายมาสู่ทุกคนทุกผู้ทุกนาม พระที่ท่านทำไว้ก็ได้ผ่านการแผ่เมตตาอธิษฐานจิตเป็นอย่างดี ในจำนวนพระหลายพิมพ์ที่ท่านทำและศิษย์ได้ช่วยทำ ส่วนมากต้นแบบจะเป็นพระของหลายสำนัก หรือพระกรุจากที่ต่างๆนำมาถอดพิมพ์ด้วยดินน้ำมัน แล้วนำปูนที่ผสมผงพุทธคุณคลุกเคล้ากันดีแล้ว มาเทลงบนแบบพิมพ์ที่ถอดเอาไว้ แต่ในกระบวนพระพิมพ์ที่มีทั้งหมดไม่นับรวมพระเหรียญ และโลหะหล่อซึ่งส่วนมากสร้างที่นอกวัด พระพิมพ์พรหมที่มีทั้งแบบพิมพ์ใหญ่ กลาง และเล็ก รวมทั้งที่เป็นเศียรพรหม กับพระพิมพ์หลวงปู่ทวดดูจะเป็นพิมพ์ที่มีความสำคัญอย่างมาก โดยเฉพาะพิมพ์พรหมท่านมักไม่ใคร่แจกให้กับใครนัก หากใครได้รับพระพิมพ์พรหมจากมือท่านละก็นับเป็นโชคดีที่สุด ส่วนใหญ่ผู้ที่ได้รับมักจะได้เมื่อคราวที่ทางวัดเปิดกรุ หรือความจริงคือนำพระออกจากกุฏิของท่านภายหลังท่านละสังขารแล้วออกให้เช่าบูชา ความนิยมในพระพิมพ์พรหมนั้นมีข้อสันนิษฐานข้อแรกว่าเนื่องมาจากที่ท่านมีฉายา “พรหมปัญโญ” ดูทีว่าจะมีความเกี่ยวเนื่องกัน และข้อที่สองคือผู้มีไว้บูชาประสบกับอานุภาพศักดิ์สิทธิ์ที่คุ้มครองชีวิตให้ปลอดภัย รวมถึงนำพามาซึ่งความอยู่เย็นเป็นสุขความเจริญรุ่งเรืองในทุกด้าน ข้อหลังนี้เป็นที่กล่าวขวัญกันมานานนับตั้งแต่ก่อนท่านละสังขารเสียอีก

รายละเอียด

หลวงปู่ดู่ หรือพระพรหมปัญโญ พระอริยเจ้าแห่งปัจจุบันสมัย ผู้สถิตย์อยู่ในใจและเหนือเศียรเกล้าของศิษย์ทั้งมวล ท่านเป็นผู้จุดประกายในดวงใจของศิษย์หลายผู้หลายนาม ให้มาเดินตามหนทางแห่งโมกขธรรม ท่านคือสงฆ์ผู้ที่สาธุชนจะพึงกราบได้โดยสนิทใจ ท่านเป็นผู้ไม่พึงหวังลาภยศสักการะทั้งมวล ศิษย์ส่วนใหญ่เรียกท่านว่า พระพรหมปัญโญ ดูดังกับว่าท่านมีสมณศักดิ์พระราชาคณะชั้นพรหม แม้ในความเป็นจริงท่านมิเคยรับสมณศักดิ์ที่ชั้นใดๆเลย และท่านไม่เคยปรารถนาก็อาจกล่าวได้ แต่คุณธรรมอันท่านดำรงไว้ยามที่ยังทรงสังขารธรรมอยู่นั้น เลยขึ้นไปกว่ายศศักดิ์ใดที่ทางโลกจะพึงสรรเสริญ ผู้ที่เคยอุปฐากใกล้ชิดย่อมจะรู้ว่าสิ่งเดียวที่ท่านปรารถนาก็คือหนทางสู่พุทธภูมิ
หลวงปู่ดู่ท่านมีชาตะกาลเมื่อ ๑๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๔๗ ตรงกับวันศุกร์ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ ซึ่งเป็นวันเพ็ญวิสาขปุรณมี ณ บ้านข้าวเม่า อำเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่ออายุครบ 21 ปีได้เข้าบรรพชาอุปสมบท ณ ที่วัดสะแก โดยมีพระเดชพระคุณหลวงพ่อกลั่น ธรรมโชโต เจ้าอาวาสวัดพระญาติการามป็นพระอุปัชฌาย์ ได้ฉายาว่า “พรหมปัญโญ” สิ่งที่ท่านมอบให้แก่พุทธศาสนิกชนผู้มีศรัทธาไปกราบท่านก็คือ ธรรมะ ข้อธรรมที่ท่านให้ทุกคนใฝ่ปฏิบัติคือการภาวนาทำจิตให้สงบ ท่านเคยกล่าวไว้ว่า “ทำจิตให้สงบเพียงแค่ช้างกระดิกหู งูแลบลิ้น ก็ยังดีกว่าผู้ไม่เคยสัมผัสเลย”
นอกเหนือจากพระธรรมแล้วท่านยังมีเมตตาทำพระหลายหลากพิมพ์ ส่วนใหญ่เป็นพระผงกรรมฐานผสมด้วยปูนซีเมนต์ขาวเพื่อให้แก่ศิษย์ไว้ใช้กำในมือขณะบำเพ็ญภาวนา และด้วยจิตที่หยั่งรู้ถึงความวุ่นวายในโลกมนุษย์ที่มักพาภยันตรายมาสู่ทุกคนทุกผู้ทุกนาม พระที่ท่านทำไว้ก็ได้ผ่านการแผ่เมตตาอธิษฐานจิตเป็นอย่างดี ในจำนวนพระหลายพิมพ์ที่ท่านทำและศิษย์ได้ช่วยทำ ส่วนมากต้นแบบจะเป็นพระของหลายสำนัก หรือพระกรุจากที่ต่างๆนำมาถอดพิมพ์ด้วยดินน้ำมัน แล้วนำปูนที่ผสมผงพุทธคุณคลุกเคล้ากันดีแล้ว มาเทลงบนแบบพิมพ์ที่ถอดเอาไว้ แต่ในกระบวนพระพิมพ์ที่มีทั้งหมดไม่นับรวมพระเหรียญ และโลหะหล่อซึ่งส่วนมากสร้างที่นอกวัด พระพิมพ์พรหมที่มีทั้งแบบพิมพ์ใหญ่ กลาง และเล็ก รวมทั้งที่เป็นเศียรพรหม กับพระพิมพ์หลวงปู่ทวดดูจะเป็นพิมพ์ที่มีความสำคัญอย่างมาก โดยเฉพาะพิมพ์พรหมท่านมักไม่ใคร่แจกให้กับใครนัก หากใครได้รับพระพิมพ์พรหมจากมือท่านละก็นับเป็นโชคดีที่สุด ส่วนใหญ่ผู้ที่ได้รับมักจะได้เมื่อคราวที่ทางวัดเปิดกรุ หรือความจริงคือนำพระออกจากกุฏิของท่านภายหลังท่านละสังขารแล้วออกให้เช่าบูชา ความนิยมในพระพิมพ์พรหมนั้นมีข้อสันนิษฐานข้อแรกว่าเนื่องมาจากที่ท่านมีฉายา “พรหมปัญโญ” ดูทีว่าจะมีความเกี่ยวเนื่องกัน และข้อที่สองคือผู้มีไว้บูชาประสบกับอานุภาพศักดิ์สิทธิ์ที่คุ้มครองชีวิตให้ปลอดภัย รวมถึงนำพามาซึ่งความอยู่เย็นเป็นสุขความเจริญรุ่งเรืองในทุกด้าน ข้อหลังนี้เป็นที่กล่าวขวัญกันมานานนับตั้งแต่ก่อนท่านละสังขารเสียอีก