หมวด ครูบาศรีวิชัย วัดบ้านปาง - หลวงพ่อเกษม สุสานไตรลักษณ์ - หลวงพ่อประสิทธิ์ วัดป่าหมู่ใหม่
พระผงสิงห์เกษร ว่าน 108 ชนิด หลวงพ่อเกษม เขมโก จ.ลำปาง ปี 2503 เนื้อจัดเป็นพระยุดต้น ของหลวงพ่อเกษม
ชื่อร้านค้า | ศิลป์เจริญพร - (คลิ๊กที่นี่เพื่อดู ข้อมูลเกี่ยวกับร้านค้า) |
---|---|
ชื่อเจ้าของร้านค้า | |
ชื่อพระเครื่อง | พระผงสิงห์เกษร ว่าน 108 ชนิด หลวงพ่อเกษม เขมโก จ.ลำปาง ปี 2503 เนื้อจัดเป็นพระยุดต้น ของหลวงพ่อเกษม |
อายุพระเครื่อง | 64 ปี |
หมวดพระ | ครูบาศรีวิชัย วัดบ้านปาง - หลวงพ่อเกษม สุสานไตรลักษณ์ - หลวงพ่อประสิทธิ์ วัดป่าหมู่ใหม่ |
ราคาเช่า | 4,500 บาท |
เบอร์โทรติดต่อ | 0811178991 (สะดวกรับสายเวลา 18.00 - 20.00 น.) |
อีเมล์ติดต่อ | เนื่องจากมีลูกค้าติดต่อขอเช่าพระมาจำนวนมากต่อวัน ดังนั้นเช่าผ่านLINE จะติดต่อง่ายและสะดวกสุดครับ |
LINE |
(คลิ๊กที่นี่เพื่อเพิ่มเพื่อนกับเจ้าของร้าน)
|
สถานะ | |
เปิดให้เช่าตั้งแต่วันที่ | จ. - 19 ต.ค. 2563 - 21:39.37 |
แก้ไขข้อมูลล่าสุดเมื่อ | จ. - 19 ต.ค. 2563 - 22:29.20 |
รายละเอียด | |
---|---|
**รหัส ศ.ร.๑๕๐๒๖ พระผงสิงห์เกษร ว่าน 108 ชนิด หลวงพ่อเกษม เขมโก จ.ลำปาง ปี 2503 เนื้อจัดเป็นพระยุดต้น ของหลวงพ่อเกษมท่าน (หายาก) พระผงสิงห์เกสร หลวงพ่อเกษม เขมโก สร้างเมื่อปีพ.ศ.2503 จัดสร้างโดยพระครูโสภณ ปัญญาคุณ เจ้าอาวาส วัดหัวข่วง จังหวัดลำปาง นับได้ว่าเป็นพระเครื่องรุ่นแรกๆที่หลวงพ่อเกษมอธิฐานจิตเอาไว้ การจัดสร้างมี พิมพ์ใหญ่ พิมพ์กลาง พิมพ์เล็ก มีเนื้อสีดำ น้าตาลเข้ม และสีขาว มีจำนวนการสร้างที่น้อยมากไม่มีการบันทึกเอาไว้ ส่วนใหญ่เนื้อจะรานและปริงอตามธรรมชาติ พระเครื่องที่พิมพ์ได้ทั้งหมด ได้นำเข้าพิธีพุทธาภิเษกที่วัดหัวข่วง จังหวัดลำปาง เมื่อปี พ.ศ. 2503 โดยทางวัดหัวข่วงได้นิมนต์หลวงพ่อเกษม มาเป็นประธานในพิธีร่วมกับพระเกจิอาจารย์ทางภาคเหนืออีกหลายท่าน เมื่อเสร็จพิธีแล้วทางคณะผู้จัดสร้าง จึงได้นำเอาพระเครื่องออกให้ประชาชนทำบุญ เพื่อนำเอาปัจจัยมาบูรณะซ่อมแซมถาวรวัตถุทางศาสนาในวัดหัวข่วง จนสำเร็จลุล่วงตามจุดประสงค์ที่ตั้งไว้ในตอนแรกทุกประการ สมกับที่เป็นพระเครื่องที่จัดสร้างขึ้นโดยมีเจตนาดีที่เป็นการกุศลอย่างแท้จริง ลักษณะของพระผงสิงห์เกสร ด้านหน้าเป็นรูปจำลองพระพุทธสิหิงค์ แต่เป็นปางนั่งขัดสมาธิเพชรบนฐานบัว มีฐานเป็นขาโต๊ะรองอีกทีหนึ่ง บนพระเศียรมีเส้นรัศมีแผ่กระจาย รายละเอียดส่วนต่างๆของร่างกายติดชัดเจน ส่วนด้านหลังเรียบ ฐานกว้างประมาณ 2 ซม. สูงประมาณ 3.3 ซม. หนาประมาณ 0.3-0.4 ซม. เนื้อหามวลสารออกสีดำ มีคราบไขผุดจากในเนื้อเป็นสีเหลืองอมน้ำตาล พระเครื่องทั่วองค์มีรอยแตกรานเล็กน้อย เพราะความชื้นในเนื้อพระระเหยออกไป ผู้สร้างพระผงเกสร ได้พยายามที่จะสร้างพระเครื่องชุดนี้ให้ดีที่สุด จึงได้ตระเตรียมจัดหาวัสดุมวลสารที่มีความศักดิ์สิทธิ์ และเป็นมงคลหลายต่อหลายอย่างโดยเริ่มเตรียมการสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ.2500 ซึ่งมวลสารที่นำมาสร้างพระเครื่องนั้น ต้องใช้ความพยายามและอุตสาหะอย่างยิ่งยวดกว่าจะได้มาแต่ละสิ่ง แต่ทางคณะผู้จัดสร้างก็ได้ใช้ความพยายามหามาได้หลายอย่างเช่น ดินจากสังเวชนียสถานทั้งสี่แห่งจากประเทศอินเดีย ใบลานและสมุดข่อยที่จารึกพระธรรม คัมภีร์ พระพุทธมนต์ และตำราต่างๆที่ชำรุดแล้วใช้การไม่ได้ เอามาเผาและป่นให้ละเอียด ดอกไม้ธูปเทียนที่มีผู้นำไปกราบไหว้สักการะหลวงพ่อเกษม เพราะความเลื่อมใสศรัทธา ผงขี้ธูป ก้านธูป และดอกไม้แห้งที่หลวงพ่อเกษมท่านใช้จุดและบูชาขณะบำเพ็ญภาวนา ข้าวแห้งก้นบาตรของหลวงพ่อเกษมที่เหลือจากการฉันเอามาตากแห้งบดให้ละเอียด ผงพุทธคุณจากการนำเข้าร่วมพิธีพุทธาภิเษกหลายวัด น้ำอ้อยเคี่ยว ยางไม้บางชนิด และที่สำคัญที่สุดก็คือ เส้นผมของหลวงพ่อเกษมที่ท่านได้ปลงผมไว้จำนวนหนึ่ง จะเห็นได้ว่ามวลสารที่เป็นส่วนผสมขององค์พระ ล้วนเป็นสิ่งที่ศักดิ์สิทธิ์และหาได้ยาก ทางคณะผู้สร้างต้องใช้เวลาในการเก็บรวบรวมมวลสารเหล่านี้ ถึงสามปีเต็มๆจึงได้ครบเพียงพอแก่ความต้องการ เมื่อได้มวลสารเพียงพอแล้วจึงได้เอามวลสารเหล่านั้นไปบดตำและร่อนแยกเป็นส่วนๆก่อนที่จะเอาคลุกเคล้าด้วยตัวประสาน เพื่อให้มวลสารยึดเข้าเป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นจึงได้อาศัยพระภิกษุและสามเณรช่วยกันกดพิมพ์ การกดพิมพ์พระก็เป็นการกระทำกันในวัด อาศัยแรงงานจากพระภิกษุและสามเณร ทุกคนที่มาช่วยงานต่างก็ได้อุทิศทั้งแรงกายและแรงใจ เพื่อให้งานครั้งนี้เสร็จลุล่วงไปด้วยดี และเพื่อให้พระเครื่องที่สร้างมีความศักดิ์สิทธิ์สูง จำนวนพระเครื่องที่กดพิมพ์ได้เข้าใจว่ามีมากพอสมควร แต่ก็ไม่มากจนเกินไป เพราะกดพิมพ์เท่าที่จำนวนมวลสารที่มีอยู่ เมื่อมวลสารหมดก็หยุดพิมพ์ ไม่ได้มีการสร้างเสริมขึ้นมาใหม่ทีหลัง พระเครื่องที่พิมพ์ได้ทั้งหมด ได้นำเข้าพิธีพุทธาภิเษกที่วัดหัวข่วง จังหวัดลำปาง เมื่อปี พ.ศ. 2503 โดยนิมนต์หลวงพ่อเกษม มาเป็นประธานในพิธีร่วมกับพระเกจิอาจารย์ทางภาคเหนืออีกหลายท่าน เมื่อเสร็จพิธีแล้วทางคณะผู้จัดสร้าง จึงได้นำเอาพระเครื่องออกให้ประชาชนทำบุญ เพื่อนำเอาปัจจัยมาบูรณะซ่อมแซมถาวรวัตถุทางศาสนาในวัดหัวข่วง จนสำเร็จลุล่วงตามจุดประสงค์ที่ตั้งไว้ในตอนแรกทุกประการ สมกับที่เป็นพระเครื่องที่จัดสร้างขึ้นโดยมีเจตนาดีเป็นการกุศลอย่างแท้จริง มีเรื่องเล่าขานกันว่า ในขณะพิธีพุทธาภิเษกหลวงพ่อเกษม ร่วมพิธีปลุกเสก หรือสมัยก่อนเรียกว่าสวดเบิก คือเป็นการสวดทั้งวันทั้งคืน ขณะปลุกเสก(สวด) ฝนได้ตกลงมาทำให้บริเวณนั้นน้ำเอ่อท่วมในพิธี แต่หลวงพ่อเกษม ท่านไม่ได้ลุกหนีฝนหรือน้ำที่เอ่อในบริเวณนั้น (นั่งกับพื้น ส่วนพระรูปอื่นลุกหนีน้ำ) แต่หลวงพ่อเกษม ยังคงทำพิธีสวดต่อไปครับ |