ตะกรุดเกราะเพชร หลวงปู่โสฬส ยโสธโร วัดโคกอู่ทอง จ.ปราจีนบุรี-โอมพัฒน์ - webpra

เว็บ-พระ ประมูลพระเครื่อง ร้านค้าพระเครื่องออนไลน์

โอมพัฒน์

เงินของท่านแท้ ต้องได้ พระแท้ สนใจพระองค์ไหน โทรมาคุยกันได้ครับ ถ้าไหวแบ่งปันกันไปครับ

หมวด เครื่องรางของขลัง

ตะกรุดเกราะเพชร หลวงปู่โสฬส ยโสธโร วัดโคกอู่ทอง จ.ปราจีนบุรี

ตะกรุดเกราะเพชร หลวงปู่โสฬส ยโสธโร วัดโคกอู่ทอง จ.ปราจีนบุรี - 3

ชื่อร้านค้า	โอมพัฒน์ - (คลิ๊กที่นี่เพื่อดู ข้อมูลเกี่ยวกับร้านค้า)
ชื่อเจ้าของร้านค้า	Chaleewan (17)
ชื่อพระเครื่อง	ตะกรุดเกราะเพชร หลวงปู่โสฬส ยโสธโร วัดโคกอู่ทอง จ.ปราจีนบุรี
อายุพระเครื่อง	16 ปี
หมวดพระ	เครื่องรางของขลัง
ราคาเช่า	-
เบอร์โทรติดต่อ	(ไม่แสดงเบอร์ เนื่องจากรายการนี้ไม่ได้ปล่อยเช่า)
อีเมล์ติดต่อ	atitad.ac@gmail.com
สถานะ
Facebook	Share
เปิดให้เช่าตั้งแต่วันที่	อา. - 21 มิ.ย. 2563 - 21:31.06
แก้ไขข้อมูลล่าสุดเมื่อ	ส. - 12 มิ.ย. 2564 - 18:20.29

รายละเอียด
ตะกรุดเกราะเพชร หลวงปู่โสฬส ยโสธโร วัดโคกอู่ทอง จ.ปราจีนบุรี รุ่น โสฬสมหามงคล 51 ตะกรุดเกราะเพชร นี้หลวงปู่ท่านสร้างขึ้นเพื่อเจริญรอยตามตามหลวงพ่อเส็งผู้เป็นอาจารย์ ทำพิธีปลุกเสกในอุโบสถวัดโคกอู่ทอง เมื่อวันอาทิตย์ที่ 6 เมษายน 2551 จัดสร้างจำนวน 500 ดอก* ในปัจจุบัน พระสุปฏิปันโนที่เป็นที่พึ่งทางใจพุทธศาสนิกชนชาวปราจีนบุรีและจังหวัดใกล้เคียง ย่อมต้องเอ่ยถึงนาม "พระครูธำรงโพธิเขต" หรือที่รู้จักกันในนาม "หลวงปู่โสฬส ยโสธโร" หลวงปู่โสฬส สิริอายุ 97 ปี 75 พรรษา วัดโคกอู่ทอง ต.โพธิ์ทอง อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี อัตโนประวัติหลวงปู่โสฬส มีนามเดิมว่า โสฬส ไชยยันต์ เกิดเมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2457 ตรงกับวันแรม 7 ค่ำ เดือน 4 ปีมะโรง ที่ ต.หนองแก้ว อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี โยมบิดา-มารดา คือ นายทองแดงและนางนาก ไชยยันต์ ในวัยเด็ก ท่านชอบติดตามมารดาไปเข้าวัดฟังธรรมเป็นอย่างยิ่ง ได้ซึมซับความรู้เกี่ยวกับพระพุทธศาสนามากมาย ครั้นเมื่ออายุครบเกณฑ์ ได้ตัดสินใจเข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2479 ณ พัทธสีมาวัดโคกอู่ทอง โดยมีพระอธิการตาล เป็นพระอุปัชฌาย์ และได้อยู่จำพรรษาวัดโคกอู่ทองมาโดยตลอด ดังที่กล่าวมาแล้วเบื้องต้นว่าท่านมีความสนใจในเรื่องพระพุทธศาสนามาแต่เยาว์วัย หลวงปู่โสฬสได้มีบทบาทในการสร้างความเจริญมาสู่วัดโคกอู่ทอง ทั้งในด้านถาวรวัตถุและในด้านจิตใจพุทธศาสนิกชนชาวเมืองปราจีนบุรี ในด้านถาวรวัตถุนั้น ด้วยบารมีและคุณงามความดีของหลวงปู่ ท่านสามารถรวบรวมศรัทธาจากชาวบ้านทั้งในทางใกล้และทางไกล เพื่อสมทบทุนสร้างวัดโคกอู่ทองให้เจริญรุ่งเรืองมิแตกต่างจากวัดในเมืองที่เจริญแล้วแต่อย่างใด ในส่วนของความเจริญทางด้านจิตใจ หลวงปู่โสฬสจัดได้ว่าเป็นศูนย์รวมจิตใจของพุทธบริษัทอย่างเหนียวแน่นทั้งใกล้และไกล ไม่ว่าจะเป็นด้านการศึกษาทั้งทางโลกและทางธรรม ให้ความช่วยเหลือโดยมิขาดสายจวบจนกระทั่งทุกวันนี้ หากกล่าวถึงภูมิธรรมของหลวงปู่โสฬสแล้วไซร้ ท่านมิได้เป็นสองรองจากใครทั้งสิ้น สำหรับพระเถราจารย์ในยุคเดียวกัน ต่างยอมรับนับถือกันว่าหลวงปู่เป็นผู้คงแก่เรียน แตกฉานในคัมภีรศาสตร์พระพุทธศาสนา ตลอดจนศาสตร์แขนงอื่นๆ เช่น พฤกษศาสตร์ว่าด้วยเรื่องของสมุนไพรบำบัด โหราศาสตร์ ดาราศาสตร์ อักษรศาสตร์ และไสยเวท ฯลฯ เนื่องจากหลวงปู่โสฬส เป็นศิษย์ผู้สืบทอดวิทยาคมจากพระอภิญญาจารย์ในอดีตหลายรูป เช่น หลวงพ่อจาด วัดบางกระเบา, หลวงปู่อวน วัดหนองพลับ, พระอาจารย์วัน วัดเขาวงค์ถ้ำพระนารายณ์ และคณาจารย์สายฆราววาสจอมขมังเวทย์ ด้วยเหตุนี้ วัตถุมงคลต่างๆ ที่หลวงปู่จัดสร้าง ต่างเป็นที่ยอมรับแก่บรรดาศิษยานุศิษย์ โดยเฉพาะเหรียญรุ่นแรกที่จัดสร้างแจกทหารหาญผู้อาสาไปปฏิบัติราชการในสงครามเกาหลี ในปี พ.ศ.2495 และเหรียญนี้ได้แจกจ่ายมาจนถึงในราชการสงครามเวียดนาม ลาว เขมร และในราชการสงครามปราบปรามผู้ก่อความไม่สงบตามแนวตะเข็บชายแดน เรียกว่า เหรียญ 5 สมรภูมิ มีประสบการณ์มากมาย จนกลายเป็นที่เสาะแสวงหาของประชาชนในท้องถิ่น นอกจากจะเป็นที่พึ่งของบรรดาคณะศิษย์ในยามยาก หลวงปู่โสฬสยังเป็นหัวเรือใหญ่ในการรวบรวมศรัทธา ปสาทะ ในการนำความเจริญมาสู่พระพุทธศาสนา ตลอดจนเป็นพระมหาเถราจารย์ที่พระสมณะรุ่นหลังนำมาเป็นแบบอย่างในการปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ จนได้รับการขนานนามว่า "พระดีศรีประจันตคาม" เพื่อคอยจรรโลงพระพุทธศาสนาให้รุ่งเรืองสืบไป**

รายละเอียด

ตะกรุดเกราะเพชร หลวงปู่โสฬส ยโสธโร วัดโคกอู่ทอง จ.ปราจีนบุรี รุ่น โสฬสมหามงคล 51 ตะกรุดเกราะเพชร นี้หลวงปู่ท่านสร้างขึ้นเพื่อเจริญรอยตามตามหลวงพ่อเส็งผู้เป็นอาจารย์ ทำพิธีปลุกเสกในอุโบสถวัดโคกอู่ทอง เมื่อวันอาทิตย์ที่ 6 เมษายน 2551 จัดสร้างจำนวน 500 ดอก***

***ในปัจจุบัน พระสุปฏิปันโนที่เป็นที่พึ่งทางใจพุทธศาสนิกชนชาวปราจีนบุรีและจังหวัดใกล้เคียง ย่อมต้องเอ่ยถึงนาม "พระครูธำรงโพธิเขต" หรือที่รู้จักกันในนาม "หลวงปู่โสฬส ยโสธโร"

หลวงปู่โสฬส สิริอายุ 97 ปี 75 พรรษา วัดโคกอู่ทอง ต.โพธิ์ทอง อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี

อัตโนประวัติหลวงปู่โสฬส มีนามเดิมว่า โสฬส ไชยยันต์ เกิดเมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2457 ตรงกับวันแรม 7 ค่ำ เดือน 4 ปีมะโรง ที่ ต.หนองแก้ว อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี โยมบิดา-มารดา คือ นายทองแดงและนางนาก ไชยยันต์

ในวัยเด็ก ท่านชอบติดตามมารดาไปเข้าวัดฟังธรรมเป็นอย่างยิ่ง ได้ซึมซับความรู้เกี่ยวกับพระพุทธศาสนามากมาย

ครั้นเมื่ออายุครบเกณฑ์ ได้ตัดสินใจเข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2479 ณ พัทธสีมาวัดโคกอู่ทอง โดยมีพระอธิการตาล เป็นพระอุปัชฌาย์ และได้อยู่จำพรรษาวัดโคกอู่ทองมาโดยตลอด

ดังที่กล่าวมาแล้วเบื้องต้นว่าท่านมีความสนใจในเรื่องพระพุทธศาสนามาแต่เยาว์วัย หลวงปู่โสฬสได้มีบทบาทในการสร้างความเจริญมาสู่วัดโคกอู่ทอง ทั้งในด้านถาวรวัตถุและในด้านจิตใจพุทธศาสนิกชนชาวเมืองปราจีนบุรี

ในด้านถาวรวัตถุนั้น ด้วยบารมีและคุณงามความดีของหลวงปู่ ท่านสามารถรวบรวมศรัทธาจากชาวบ้านทั้งในทางใกล้และทางไกล เพื่อสมทบทุนสร้างวัดโคกอู่ทองให้เจริญรุ่งเรืองมิแตกต่างจากวัดในเมืองที่เจริญแล้วแต่อย่างใด

ในส่วนของความเจริญทางด้านจิตใจ หลวงปู่โสฬสจัดได้ว่าเป็นศูนย์รวมจิตใจของพุทธบริษัทอย่างเหนียวแน่นทั้งใกล้และไกล ไม่ว่าจะเป็นด้านการศึกษาทั้งทางโลกและทางธรรม ให้ความช่วยเหลือโดยมิขาดสายจวบจนกระทั่งทุกวันนี้

หากกล่าวถึงภูมิธรรมของหลวงปู่โสฬสแล้วไซร้ ท่านมิได้เป็นสองรองจากใครทั้งสิ้น สำหรับพระเถราจารย์ในยุคเดียวกัน ต่างยอมรับนับถือกันว่าหลวงปู่เป็นผู้คงแก่เรียน แตกฉานในคัมภีรศาสตร์พระพุทธศาสนา ตลอดจนศาสตร์แขนงอื่นๆ เช่น พฤกษศาสตร์ว่าด้วยเรื่องของสมุนไพรบำบัด โหราศาสตร์ ดาราศาสตร์ อักษรศาสตร์ และไสยเวท ฯลฯ

เนื่องจากหลวงปู่โสฬส เป็นศิษย์ผู้สืบทอดวิทยาคมจากพระอภิญญาจารย์ในอดีตหลายรูป เช่น หลวงพ่อจาด วัดบางกระเบา, หลวงปู่อวน วัดหนองพลับ, พระอาจารย์วัน วัดเขาวงค์ถ้ำพระนารายณ์ และคณาจารย์สายฆราววาสจอมขมังเวทย์

ด้วยเหตุนี้ วัตถุมงคลต่างๆ ที่หลวงปู่จัดสร้าง ต่างเป็นที่ยอมรับแก่บรรดาศิษยานุศิษย์ โดยเฉพาะเหรียญรุ่นแรกที่จัดสร้างแจกทหารหาญผู้อาสาไปปฏิบัติราชการในสงครามเกาหลี ในปี พ.ศ.2495 และเหรียญนี้ได้แจกจ่ายมาจนถึงในราชการสงครามเวียดนาม ลาว เขมร และในราชการสงครามปราบปรามผู้ก่อความไม่สงบตามแนวตะเข็บชายแดน เรียกว่า เหรียญ 5 สมรภูมิ มีประสบการณ์มากมาย จนกลายเป็นที่เสาะแสวงหาของประชาชนในท้องถิ่น

นอกจากจะเป็นที่พึ่งของบรรดาคณะศิษย์ในยามยาก หลวงปู่โสฬสยังเป็นหัวเรือใหญ่ในการรวบรวมศรัทธา ปสาทะ ในการนำความเจริญมาสู่พระพุทธศาสนา ตลอดจนเป็นพระมหาเถราจารย์ที่พระสมณะรุ่นหลังนำมาเป็นแบบอย่างในการปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ

จนได้รับการขนานนามว่า "พระดีศรีประจันตคาม" เพื่อคอยจรรโลงพระพุทธศาสนาให้รุ่งเรืองสืบไป***