ขุนแผนเสด็จกลับ พิมพ์ใหญ่ ปี 06 เลี่ยมทองยกซุ้ม พร้อมบัตรรับรองฯ อาจารย์ชุม ไชยคีรี เจ้าพิธี-นิว พระเครื่อง - webpra
VIP
New Amulet บริการพระแท้ สภาพสวย พร้อมรับประกันความพึงพอใจ Tel : 081-927-3528 www.new-amulet.com

หมวด พระเนื้อผง เนื้อดิน เนื้อว่าน ก่อนปี 2525

ขุนแผนเสด็จกลับ พิมพ์ใหญ่ ปี 06 เลี่ยมทองยกซุ้ม พร้อมบัตรรับรองฯ อาจารย์ชุม ไชยคีรี เจ้าพิธี

ขุนแผนเสด็จกลับ พิมพ์ใหญ่ ปี 06 เลี่ยมทองยกซุ้ม พร้อมบัตรรับรองฯ อาจารย์ชุม ไชยคีรี เจ้าพิธี - 1ขุนแผนเสด็จกลับ พิมพ์ใหญ่ ปี 06 เลี่ยมทองยกซุ้ม พร้อมบัตรรับรองฯ อาจารย์ชุม ไชยคีรี เจ้าพิธี - 2ขุนแผนเสด็จกลับ พิมพ์ใหญ่ ปี 06 เลี่ยมทองยกซุ้ม พร้อมบัตรรับรองฯ อาจารย์ชุม ไชยคีรี เจ้าพิธี - 3ขุนแผนเสด็จกลับ พิมพ์ใหญ่ ปี 06 เลี่ยมทองยกซุ้ม พร้อมบัตรรับรองฯ อาจารย์ชุม ไชยคีรี เจ้าพิธี - 4ขุนแผนเสด็จกลับ พิมพ์ใหญ่ ปี 06 เลี่ยมทองยกซุ้ม พร้อมบัตรรับรองฯ อาจารย์ชุม ไชยคีรี เจ้าพิธี - 5
ชื่อร้านค้า นิว พระเครื่อง - (คลิ๊กที่นี่เพื่อดู ข้อมูลเกี่ยวกับร้านค้า)
ชื่อเจ้าของร้านค้า
ชื่อพระเครื่อง ขุนแผนเสด็จกลับ พิมพ์ใหญ่ ปี 06 เลี่ยมทองยกซุ้ม พร้อมบัตรรับรองฯ อาจารย์ชุม ไชยคีรี เจ้าพิธี
อายุพระเครื่อง 61 ปี
หมวดพระ พระเนื้อผง เนื้อดิน เนื้อว่าน ก่อนปี 2525
ราคาเช่า -
เบอร์โทรติดต่อ 081-927-3528 Line ID : namchai_k
อีเมล์ติดต่อ new-amulet@hotmail.com WeChat ID : New_Amulet_TH
LINE
(คลิ๊กที่นี่เพื่อเพิ่มเพื่อนกับเจ้าของร้าน)
สถานะ เช่าแล้ว
Facebook
เปิดให้เช่าตั้งแต่วันที่ ส. - 03 ส.ค. 2567 - 22:40.14
แก้ไขข้อมูลล่าสุดเมื่อ พฤ. - 21 พ.ย. 2567 - 15:08.19
รายละเอียด
พระขุนแผนเสด็จกลับ พิมพ์ใหญ่ เนื้อว่านสบู่เลือด ปี พ.ศ. 2506 จ.ภูเก็ต เลี่ยมทองสั่งทำยกซุ้มหนาปึ้กอย่างสวยจากร้านดังย่านเยาวราช (ตอกโค๊ตประจำร้านที่ห่วง) มีขนาดสูง 5.0 x 3.2 ซ.ม.( วัดรวมกรอบทองคำที่เลี่ยมแล้ว ) มาในสภาพสวยสมบูรณ์ คราบน้ำทะเลแบบจัดๆ หน้าตาและเส้นซุ้มคมชัด มาพร้อมบัตรรับรองพระเครื่องเพื่อยืนยันความแท้ และไม่มีหักซ่อมใดๆ ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานของร้าน นิว พระเครื่อง คือนอกจะแท้แล้ว ยังต้องสวยสมบูรณ์หมดจรดอีกด้วย ในราคาที่เป็นเจ้าของได้ไม่ยาก พระพิธีดี ปีลึก และที่สำคัญแท้ๆแบบนี้นับวันจะพบเจอน้อยลงทุกทีครับ

ประวัติการสร้างพระเสด็จกลับของหลวงปู่สุภา กันตสีโล

เป็นที่ทราบกันดีแล้วว่า หลวงปู่สุภา ได้สร้างวัดที่เกาะสิเหร่ จังหวัดภูเก็ตเสร็จตั้งแต่ปี พ.ศ.2504 พร้อมทั้งได้สร้างพระพุทธไสยาสน์ ประดิษฐานไว้บนยอดเขาเกาะสิเหร่ และท่านได้ทูลเกล้าฯ ขอพระราชทานแววพระเนตร จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ซึ่งได้รับพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานให้ตามความปรารถนา หากแต่พระพุทธไสยาสน์องค์นั้นยังมิได้มีวิหารครอบคลุม เป็นเพียงแต่ใช้สังกะสีมุงไว้เท่านั้น หลวงปู่สุภาจึงมีความประสงค์ที่จะสร้างพระวิหารครอบคลุมพระพุทธไสยาสน์เป็นการโดยเสด็จพระราชกุศลเพื่อให้สมพระเกียรติ แต่ยังขาดปัจจัยในการสร้างอีกมาก หลวงปู่จึงได้ทำการสร้างพระเสด็จกลับ เพื่อหาปัจจัยทำการดังกล่าว

การสร้างพระเสด็จกลับที่วัดสารอด เขตราษฏร์บูรณะ กรุงเทพ

หลวงปู่ได้เดินทางเข้ากรุงเทพ เพื่อพบอาจารย์ชุม ไชยคีรี ซึ่งเป็นอาจารย์ที่มีความรู้ความสามารถ และมีความชำนาญในการสร้างพระมาเป็นเวลานาน ท่านได้ขอความร่วมมือจากอาจารย์ชุม เพื่อนำเอาว่านยา แร่ธาตุ ที่ท่านสะสมไว้ตั้งแต่ครั้งเมื่อท่านเดินธุดงค์ สร้างรูปพระและวัตถุมงคลเพื่อสมนาคุณแก่ศิษยานุศิษย์ และผู้มีจิตศรัทธา ที่บริจาคปัจจัยร่วมทุนสร้างพระวิหารในครั้งนี้ อาจารย์ชุมมีความยินดีและอนุโมทนาในกุศลครั้งนี้ พร้อมกันนั้นได้มอบแร่ธาตุ ว่านยา ผงวิเศษกว่า 1000 ชนิด ที่อาจารย์ได้สะสมไว้เพื่อนำมาประสมกับว่านยาของหลวงปู่สุภา

อาจารย์ชุม ได้อัญเชิญวิญญาณขุนแผน ซึ่งท่านเคารพนับถือเป็นอย่างสูงในชีวิตของท่าน โดยที่ถือว่าเป็นวิญญาณวิเศษ เป็นเทพชั้นสูง เข้าประทับทรงเชิญเข้าร่วมการกุศล วิญญาณขุนแผนผู้ปรารถนาพระโพธิญาณก็ยินดีอนุโมทนาอนุญาตให้ทำพระเป็นรูปทรงขุนแผนเรือนแก้ว พร้อมทั้งบอกตำราและวิธีการสร้างพระตามตำราอาจารย์คง ผู้เป็นอาจารย์ของท่าน อาจารย์คงเป็นผู้สร้างพระขุนแผนซุ้มเรือนแก้วให้แก่ขุนแผนตั้งแต่ครั้งต้นสมัยกรุงศรีอยุธยาเมื่อครั้งขุนแผนเป็นแม่ทัพ ท่านรับเข้าประทับทรงเป็นประธานทำพิธีปลุกเสก บรรจุคุณให้มีคุณครบถ้วนตามคุณวิเศษของท่านเมื่อครั้งท่านยังมีชีวิต

ต่อจากนั้นอาจารย์ชุม ได้ไปเชิญอาจารย์อุทัย ดุจศรีวัชร์ อายุ 74 ปี ซึ่งเป็นผู้ทรงความรู้ทางคุณพระและทางไสยศาสตร์เป็นพิเศษอีกท่านหนึ่งมาร่วมด้วย อาจารย์อุทัยก็ยินดีอนุโมทนาและท่านยังได้อุทิศว่านยา แร่ธาตุ ผงวิเศษ ทำผ้ายันต์เสือ ผ้ายันต์สิงห์ ซึ่งเป็นผ้ายันต์ที่ท่านเคยใช้ได้ผลดีมาแล้วเข้าสมทบในการกุศล และได้อุทิศตัวเข้าร่วมปลุกเสกตลอดพิธี

ต่อจากนั้นก็พิจารณาหาสถานที่ทำพิธี เฒ่าแก่ยู่ลิ้น แซ่เฮง ได้ขอร้องให้ไปทำพิธีที่วัดสารอด เขตราษฏร์บูรณะ กรุงเทพ โดยให้เหตุผลว่าวัดสารอดเป็นวัดที่เก่าชำรุดทรุดโทรม และกำลังทำการบูรณะปฏิสังขรณ์อยู่ หลวงพ่อสุภา และอาจารย์ชุม จึงได้ไปพบอธิการชนาง เอี่ยมอุดม เจ้าอาวาสและกรรมการวัด ทุกคนเมื่อทราบเรื่องราวต่างก็ยินดีและให้ความสะดวกทุกประการ

พิธีสร้างพระเสด็จกลับจึงกำหนดทำขึ้นที่วัดสารอด เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2506 การพิมพ์พระเริ่มตั้งแต่วันที่ 20 พฤศจิกายน 2506 และพิมพ์ครบ 84000 องค์เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2506 เริ่มทำพิธีปลุกเสกเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2506 และพิธีสมโภชได้ทำเสร็จเรียบร้อยในวันที่ 24 มกราคม 2507 เวลา 6.00 นาฬิกา รวมเวลาทั้งสิ้นสองเดือนเศษ

พระเสด็จกลับหรือพระผงวิเศษจำนวน 84000 องค์ เป็นพระทรงขุนแผนเรือนแก้ว ทรงพระรอด รูปและลูกประคำหลวงปู่คงของอาจารย์ชุม รูปเหรียญหลวงปู่สุภา กันตสีโล ที่สร้างด้วยว่านยาแร่ธาตุ พญาว่าน มหาว่าน น้ำพระพุทธมนต์อันศักดิ์สิทธิ์ รวม 2000 กว่าชนิด ผ้ายันต์เสือ ผ้ายันต์สิงห์ ของอาจารย์อุทัย ดุจศรีวัชร์ น้ำมันมหานิยมเลิกรบของอาจารย์ชุม ไชยคีรี ที่ทำพิธีสร้างและพิธีพุทธาภิเษกที่อุโบสถวัดสารอด เขตราษฏร์บูรณะ จังหวัดธนบุรี(ในสมัยนั้น)

วันที่ 23 ธันวาคม 2506 เวลา 6.30 นาฬิกา ถือเป็นอุดมฤกษ์พุทธาภิเษกและปลุกเศก อาจารย์ชุม ไชยคีรี อาจารย์อุทัย ดุจศรีวัชร์ เป็นผู้ทำพิธีบวงสรวงสังเวย

เวลา 9.00 น.หลวงปู่สุภาเจิมเทียนชัย และอาจารย์ทั้งสามท่านร่วมกันอธิษฐานเชิญครูอาจารย์และวิญญาณเทพเข้าประจำในมณฑลพิธี วิญญาณขุนแผนเข้าประทับตรวจความเรียบร้อยของพิธี อาจารย์อุทัยเข้าบริกรรมเริ่มตั้งธาตุ บรรจุธาตุเป็นเวลา 8 ชั่วโมงพร้อมกันนั้นอาจารย์ชุม นำพระผงวิเศษที่สร้างพร้อมกันรวม 108 องค์ ไปโดยเรือยนต์พร้อมด้วยพระสงฆ์ 5 รูป ไปทำพิธีบวงสรวงสังเวยกลางแม่น้ำแล้วกลับมาทำพิธีที่ศาลเทพารักษ์ที่ได้สร้างไว้ที่แม่น้ำหน้าวัดสารอด

เวลา 19.00 น. พระเถระผู้ใหญ่ 9 รูป จากพระอารามหลวง และอารามต่างๆ มีสมเด็จพระวันรัต วัดพระเชตุพนฯ เป็นประธาน เจริญพระพุทธมนต์เวลา 20.30 น. เชิญวิญญาณอาจารย์คง อาจารย์ขุนแผนเข้าประทรับทรง จุดเทียนชัย พระสงฆ์ชุดพุทธาภิเษก 4 รูป สวดคาถาจุดเทียนไชย พระอาจารย์สุภา นั่งปรก วิญญาณขุนแผนเข้าประทับทรงอาจารย์ชุม อาจารย์อุทัย เข้าทำการปลุกเสก พระสวดพุทธาภิเษก เวลา 21.00 น. หยุด เปิดโอกาสให้ผู้ใหญ่ที่มา ในพิธีเข้าพบวิญญาณขุนแผนได้จนถึงเวลา 22.00 น. เวลา 24.00 น. ขุนแผนพร้อมด้วยวิญญาณเทพทำพิธีตลอดพิธี มีพุทธาภิเษก และปลุกเสกบรรจุคุณ โดยพระอาจารย์ผู้ทรงคุณชุดละ 9 อาจารย์ และเชิญวิญญาณขุนแผนเข้าประทับทรงปลุกเสกบรรจุคุณตลอดพิธี โดยมีระเบียบและแบ่งเวลาออกดังนี้

ระยะที่ 1

เสกตั้งธาตุ บรรจุธาตุแต่งธาตุ เสกพระคาถาจุติจากชั้นดุสิตลงสู่ พระครรภ์พระพุทธมารดา เสกพระคาถาประสูตรจากพระครรภ์เสกพระคาถาเสด็จย่าง 7 ก้าว พระอาการ 32 พระคาถาบำเพ็ญพระบารมี จนสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้า 3 วัน
เสกธาตุ 4 อาการ 32 อักขระ 16 หัวใจ ของหัวใจ 108 อย่างละ 108 จบ 3 วัน
เสกธาตุ 4 อาการ 32 อักขระ 16 หัวใจ ของหัวใจ 108 คาถาชุดคงกระพัน อย่างละ 108 จบ 5 วัน
ระยะที่ 2 เสกกันปืนมหาอุด กันวัตถุระเบิด ห้ามดินน้ำลมไฟเสกผูกเสกกัน 5 วัน

ระยะที่ 3 เสกแคล้วคลาด เสกศักดิ์สิทธิ์ 1 เสกไปกลับ แปลงรูปหุ่นยนต์ เสกกำแพงเพ็ชร์ 7 ชั้น เสกมงกุฏ พระพุทธเจ้า 5 วัน

ระยะที่ 4 เสกมหานิยม มหาเสน่ห์ มหาละลวย มหาลาภ เลิกรบเลิกเบียดเบียน 5 วัน

ระยะที่ 5 เสกรวมเสกผูกกัน 4 วัน รวมเป็นเวลาพุทธาภิเษกและปลุกเสก 30 วัน วันละ 3 เวลา คือ เวลา 5.00 น 9.00 น. 21.00 น.

พระอาจารย์ที่เป็นพระต้องปลงอาบัติ ทุกครั้งแล้วจึงต้องเข้ามลฑลพิธี อาจารย์ที่เป็นฆราวาสต้องนุ่งขาวห่มขาวสมาทานศีลห้า โดยถือพรมจรรย์เป็นวัตรอยู่ประจำในบริเวณพิธี และบริเวณวัดตลอดพิธี เมือเสกจบลงระยะหนึ่งๆ ก็ทำการพิสูจน์ทดลองต่อหน้าประชาชนให้ผู้สนใจชม เป็นการอบรมศึกษาวิธีทำจิตให้เข้าถึงคุณพระไปในตัว การทดลองก็เพื่อชี้ให้เห็นเป็นประจักษ์พยานว่า พระพุทธเจ้าแม้เสด็จเข้าสู่ปรินิพานไปนานแล้ว ยังทรงอยู่ แต่พระคุณทั้งหลาย ถ้าผู้ใดเข้าถึงพระพุทธคุณแล้ว ยกเอาพระพุทธคุณเป็นที่พึ่ง พระพุทธคุณย่อมเป็นที่พึ่งเป็นที่ระลึก และกำตัดภัยให้ผู้เข้าถึงได้จริง นอกจากนั้น พระพุทธคุณย่อมแสดงอิทธิปาฏิหาริย์ เป็นอัศจรรย์ได้นานาประการ

วันที่ 23 มกราคม 2507 เวลา 20.00 น. นิมนต์พระเถระผู้ทรงคุณทางวิปัสนากรรมฐาน 9 รูป สวดพระธรรมจักรกัปวัตนสูตร์พระสหาสมัยสูตร แล้วสวดพุทธาภิเษก และปลุกเสก ด้วยพระอาจารย์ชุดเดิม ถึงเวลา 23.30 น.

วันที่ 24 มกราคม 2507 เวลา 03.00 น. นิมนต์พระอาจารย์ผู้ทรงคุณทางวิปัสนากรรมฐาน 9 รูป เข้านั่งปรก สงบเสียงอื่นๆ หมดจนถึงเวลา 04.00 น. ต่อจากนั้นสวดพุทธาภิเษกบทสุดท้าย พระอาจารย์ และอาจารย์ ชุดเดิมจุดเทียนมงคลเจิมเวียนเป็นทักษิณาวัตร 3 รอบ พระเถระ 9 รูปสวดชัยมงคลคาถา ย่ำคล้องย่ำกลองจนถึงเวลา 06.00 น พระสวดคาถาดับเทียนไชย พระอาจารย์และอาจารย์ชุดเดิมดับเทียนไชย และเทียนเจิมพร้อมกัน พระอาจารย์ อาจารย์ และคณะกรรมการนำพระผงปางที่สร้างขึ้นในพิธี และพระผลทุกรุ่นทุกปางของอาจารย์ชุม ไชยคีรี ที่เคยสร้างมาครั้งก่อนๆ พร้อมด้วยแบบพิมพ์อธิษฐาน เข้าบรรจุไว้ในกรุใต้ฐานพระประธานในพระอุโบสถวัดสารอด เสร็จแล้วถวายอาหารบิณฑบาตแก่พระอาจารย์ และพระสงฆ์ในวัดประมาณ 50 รูป

ซึ่งนับว่าการสร้างพระ 84,000 องค์ ครั้งนี้เป็นนิมิตอันดียิ่ง และเป็นมงคลอันสูงสุด ทั้งมีความมั่นใจอย่างยิ่ง ว่าคงได้รับผลสมความปรารถนา อย่างคุณวิเศษของขุนแผน ครั้งเมื่อท่านมีชีวิตอยู่ทุกประการ เพราะแรงฤทธิ์อำนาจว่านยาแรงฤทธิ์เวทมนต์คาถา ประกอบด้วยความรู้ ความชำนาญ ความตั้งใจจริงของท่านอาจารย์ทั้งสาม

1. พระอาจารย์สุภา กนฺตสีโล , อาจารย์ชุม ไชยคีรี , อาจารย์อุทัย ดุจศรีวัชร์ ทั้งสามอาจารย์ ไม่เคยรู้จักกัน บันดาลให้มาพบกัน มีความรักความสามัคคี มีเจตนาเสมอกัน

2. วิญญาณอาจารย์คง อาจารย์ของขุนแผน และวิญญาณขุนแผน มาเข้าประทับทรงบอกตำรา และเป็นประธานในการปลุกเสก บรรจุคุณตลอดพิธี

3. วันที่ 24 พฤศจิกายน เวลาที่อาจารย์ทั้งสามกำลังทำพิธีบวงสรวงสังเวย และผสมผงแร่ธาตุว่านยาเข้ารวมกัน พระสงฆ์ 9 รูป กำลังสวดไชยมงคลคาถาอยู่นั้น อีกาฝูงใหญ่ไม่เคยมีมาแต่ครั้งก่อน บินมาวนเป็นทักษิณาวัตร ร้องส่งเสียงอยู่ประมาณ 30 นาทีแล้วหายไป

4. วันที่ 31 ธันวาคม ปลุกเสกมาได้ 7 วัน เวลา 05.00 น. เกิดแสงสว่างขึ้นที่หน้าพระอุโบสถ ปรากฏแก่สายตาพระสงฆ์ ที่กำลังเตรียมตัวจะออกบิณฑบาตรนานประมาณ 1 นาที เวลา 06.30 น. พระผงรวม 108 องค์ ที่อาจารย์ชุม ไชยคีรี ได้นำไปอาราธนาลงในแม่น้ำดังกล่าวแล้ว แสดงอภินิหารเสด็จกลับมาต่อหน้าพระภิกษุสงฆ์ และประชาชนเป็นจำนวนมากซึ่งกำลังมุงดูกันอยู่ด้วยความแปลกใจ และกำลังย่ำฆ้องทะยอยกันเสด็จกลับมาประมาณ 3 ชั่วโมงจึงหยุด

5. วันที่ 31 ธันวาคม เวลา 21.00 น. ทำพิธีตรวจนับพระที่เสด็จกลับปรากฏว่าพระเสด็จมาเพียง 106 องค์ ขาดไป 2 องค์ คณะศิษย์เรียนถามวิญญาณขุนแผนท่านบอกว่า พระที่เสด็จกลับมานั้นท้าวภุชงค์นาคราช พร้อมด้วยบริวารนำมาให้ และที่ขาดไป 2 องค์ วิญญาณขุนแผน บอกว่า หลวงปู่คง มอบให้ท้าวภุชงค์กับพระมเหสี คนละ 1 องค์ เวลา 22.00 น. ทดลองความขลังด้านคงกระพัน โดยอาจารย์ชุม อบรมผู้มีศรัทธา 7 คน แจกพระให้ถือไว้ในมือ และอมไว้ในปากคนละ 1 องค์ แล้เอามีดโกน ใบมีดดาบ ฟันเชือดเฉือน และให้ผู้อื่นเข้ามาเชือดเฉือนดู ปรากฏว่าเป็นคงกระพันตลอด จึงเอามีดตัดผมก็ไม่ขาดต่อหน้าประชาชน

ตามตำรากล่าวไว้ว่า ผู้ที่มีพระว่านวิเศษนี้อยู่ที่ตัว มีความเลื่อมใสจริงๆ เมื่อถึงคราวคับขันหมดที่พึ่งอย่างอื่น เช่น ออกรบศึก ถูกข้าศึกจับเป็นเชลย ถูกจองจำไว้ด้วยเครื่องพันธนาการ ให้ตั้งใจนึกถึงบ้าน และระลึกถึงคุณบิดามารดา เครื่องพันธนาการต่างๆ จะหลุดออกหมดกลับมาบ้านไหว้บิดามารดาได้ หรือเมื่อเราเป็นหัวหน้านำทัพ ลูกน้องถูกจับเป็นเชลย เพื่อนหรือญาติถูกจับเป็นเชลย หรือคนที่เรารักสูญหายไปจากบ้าน ตั้งใจภาวนาเรียกให้กลับ เมื่อเรามีพระชนิดนี้อยู่ที่ตัวเรา และพระอยู่ที่ตัวผู้ที่หายไปเรียกให้กลับมาได้

เมื่อคืนวันที่ 15 มกราคม 2507 เวลา 24.00 น. อาจารย์ชุม ไชยคีรี ได้เรียกสุภาพบุรุษมา 12 คน อบรมให้รู้จักคุณวิเศษของพระ แล้วให้ทุกคนอมพระรอดไว้ในปากคนละหนึ่งองค์ แล้วพร้อมกันเอาอีกคนหนึ่งไปใส่กุญแจมือคร่อมเสาไว้ในป่าช้า แล้วอีก 11 คน มานั่งบริกรรมเรียกอยู่ในพระอุโบสถ ประมาณ 5 นาที คนที่ใส่กุญแจไว้ กุญแจหลุดออกหมดทั้งสองข้างกลับมาได้ต่อหน้าประชาชน ชี้ให้เห็นประจักษ์พยานว่า มีพระว่านวิเศษชนิดนี้อยู่ไปแล้วกลับ แม้จะถูกจองจำด้วยพันธนาการใดๆ ก็กลับได้

พระเครื่องที่เกี่ยวข้องในร้านค้านี้...

อื่นๆ...

Top