-
มีพระกรุยอดนิยมหลากหลายสภาพ ให้เลือกชมเน้นพระแท้ ดูง่าย รับประกันความแท้ตามสากลนิยม มีให้เลือกชมทั้งพระเนื้อดิน ชิน ผง
แทบทุกองค์ได้รับการตรวจสอบจากผู้เชียวชาญ โดยมีรางวัลจากการผ่านงานประกวดมาตรฐาน
หรือ
ผ่านการออกใบรับรองพระแท้ จากสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย
ที่สามารถยืนยันถึงความแท้และความถูกต้องของข้อมูล
ที่เกี่ยวกับองค์พระได้เป็นอย่างดี -
ส่วนใหญ่เป็นพระกรุพระเก่ายอดนิยมหลายองค์เป็นพระในตำนาน หาชมได้ยากในปัจจุบัน
บางองค์ไม่มีแม้แต่รูปให้ผ่านสายตา
ส่วนบางองค์มีให้เห็นแค่เฉพาะภาพในหนังสือพระเครื่องมาตรฐานสูงบางเล่มเท่านั้น
สนใจเชิญติดต่อกันเข้ามาได้
ยินดีต้อนรับด้วยความเป็นกันเองทุกท่านทุกสายเลยจ้า
หมวด พระกรุ เนื้อดิน - เนื้อผง
พระโคนสมออยุธยา ปางมารวิชัย องค์นี้เนื้อดินสภาพเดิม มีรักทองสมบูรณ์ ดูง่าย ๆ มาอีกองค์แล้วจ้า
ชื่อร้านค้า | jorawis - (คลิ๊กที่นี่เพื่อดู ข้อมูลเกี่ยวกับร้านค้า) |
---|---|
ชื่อเจ้าของร้านค้า | |
ชื่อพระเครื่อง | พระโคนสมออยุธยา ปางมารวิชัย องค์นี้เนื้อดินสภาพเดิม มีรักทองสมบูรณ์ ดูง่าย ๆ มาอีกองค์แล้วจ้า |
อายุพระเครื่อง | 307 ปี |
หมวดพระ | พระกรุ เนื้อดิน - เนื้อผง |
ราคาเช่า | - |
เบอร์โทรติดต่อ | (ไม่แสดงเบอร์ เนื่องจากรายการนี้ไม่ได้ปล่อยเช่า) |
อีเมล์ติดต่อ | Jorawis@gmail.com |
สถานะ | |
เปิดให้เช่าตั้งแต่วันที่ | พฤ. - 10 ก.ค. 2557 - 11:46.46 |
แก้ไขข้อมูลล่าสุดเมื่อ | อา. - 07 ก.ย. 2557 - 18:08.57 |
รายละเอียด | |
---|---|
พระโคนสมอ หากพิจารณาจากพุทธศิลป์ตลอดจนพุทธลักษณะ สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยอยุธยาตอนปลายคาบเกี่ยวกับรัตนโกสินทร์ตอนต้น โดยเรียกตามสถานที่ ๆ พบ คือวังหน้า หรือชื่อเป็นทางการคือ พระราชวังบวรสถานมงคล ที่ได้สร้างวัดไว้ในวังตามแบบราชประเพณีตั้งแต่ครั้งกรุงเก่า และโปรดพระราชทานนามว่า “ วัดบวรสถานสุทธาวาส “แตกกรุออกมาครั้งแรกเมื่อประมาณ พ.ศ. ๒๔๗๕ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าให้เจ้าพระยาวรพงศ์พิพัฒน์ เป็นผู้บูรณะโดยโปรดถอนวิสุงคามสีมาส่วนของวัดบวรฯ เพื่อสร้างโรงเรียนนาฏดุริยางศาสตร์ หรือโรงเรียนนาฏศิลป์ในปัจจุบัน พร้อมกันกับวัดพระแก้วในคราวเดียวกันเพื่อจัดงานฉลองสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ครบรอบ ๑๕๐ ปี ขณะทำการปรับรื้อได้พบพระเครื่องจำนวนมากใต้ฐานชุกชี ภายในบริเวณวัดบวรฯ มีทั้งเนื้อดิน ชินเงิน ตะกั่วสนิมแดง และผง เมื่อแรกพบคนงานได้นำมากองไว้ที่โคนต้นสมอพิเภกภายในบริเวณนั้น จึงเรียกกันต่อมาว่า "พระโคนสมอ" แม้ในภายหลังเมื่อมีผู้พบอีกหลายครั้ง และ กรุ ตามวัดสำคัญ ๆ ต่าง ๆ รวมถึงวัดรั้วเหล็ก หรือ วัดประยุรวงศาวาส และอีกหลายครั้งต่อมาพบก็มีการค้นพบพระแบบเดียวกันนี้อีกตามกรุต่างๆ ในกทม.และอยุธยา ซึ่งเชื่อว่าน่าจะเป็นพระที่สร้างในยุตสมัยเดียวกันทั้งสิน คือ เป็นพระสมัยอยุธยาตอนปลายเป็นอย่างสูง ส่วนสาเหตุที่พระเหล่านั้น พบเห็นกระจัดกระจายอยู่ตามกรุต่าง ๆ ทั่วไปนั้น น่าจะเป็นเพราะ เมื่อครั้งเสียกรุงศรี ฯ ครั้งที่ 2 แล้วเริ่มสร้างเมืองที่ธนบุรี ต่อไปจนถึงบางกอกนั้นก็ได้มีการชะลอพระพุทธรูปจากโบราณสถานต่างๆ ในจังหวัดที่เป็นวัดร้างเข้ามาประดิษฐานไว้ตามพระอารามต่างๆ . พระพุทธรูปจากอยุธยาเองก็ถูกนำเข้ามาไว้ในกรุง หลายองค์ประจำอยู่ตามวัดต่างๆ ในกทม. นอกจากพระพุทธรูปที่ได้นำเข้ามาไว้ในกรุงแล้วก็ยังได้นำพระเครื่องที่พบตามกรุในอยุธยาเข้ามาบรรจุไว้ตามวัดต่างๆ ด้วย และพระโคนสมอก็ได้ถูกนำเข้ามาบรรจุไว้ตามสถานที่ต่างๆ ในครั้งนั้นด้วยเช่นกัน และมีบางส่วนที่สร้างขึ้นใหม่ เพื่อทดแทนจำนวนพระที่แตกหักเสียหายจากการขนส่ง โดยใช้แบบพิมพ์เดิม แต่เป็นที่น่าเสียดายคือ ไม่มีบันทึกไว้ว่า พระทั้งหมดนั้นได้นำมาจากที่วัดใดในอยุธยา พระโคนสมอ ที่ถูกพบนั้นส่วนใหญ่เป็นพระเนื้อดินเผา ซึ่งมีขนาดใหญ่ และเป็นพระที่มีการลงรักปิดทองทั้งหมด และมีพระเนื้อดินเผาที่มีขนาดใหญ่เป็นพิเศษที่มักเรียกกันว่า "พระท้าวชมพู" หรือหากจะเรียกให้ถูกต้อง ต้องเรียกขานกันตามพุทธประวัติที่นักสะสมรุ่นปู่ท่านเรียกขานกันว่าเป็นปาง " ทรมานพญาชมพู " ซึ่งเป็นพระยืนปางประทานพร ทรงเครื่องขัดติยราชประดับมงกุฎ สวยงามมาก ส่วนพระโคนสมอทั่วๆ ไปเป็นพระที่สร้างเป็นแบบพระประจำวันเสียเป็นส่วนใหญ่ ลักษณะเป็นพระที่ประทับอยู่ในซุ้มเรือนแก้ว ฐานแบบย่อมุม ตามแบบศิลปะอยุธยายุคปลาย นอกจากพิมพ์พระประจำวันแล้วก็ยังมีพิมพ์อื่นๆ อีกบ้าง พระโคนสมอส่วนมากเป็นพระเนื้อดินเผา แต่ก็มีเนื้ออื่นๆ ที่พบน้อยมาก เช่น เนื้อว่าน เนื้อชินเงิน และเนื้อแก้วน้ำประสาน สำหรับเนื้อแก้วน้ำประสานนั้นแทบไม่ค่อยได้พบเห็นกันเลย องค์นี้เป็นพระโคนสมอปางมารวิชัย แม้จะพบได้ทั่วไป แต่รักทองที่มีอยู่ก็ถือได้ว่ารักทองยังสมบูรณ์เกือบเต็มฟอร์ม องค์พระหนา เมื่อพิจารณาจาดเนื้อดินที่ค่อนข้างหยาบ จะพบว่าเนื้อหาลักษณะเดียวกันกับพระอยุธยาที่สร้างในยุคสมัยเดียวกัน แบบเดียวกับพระตะไกรหน้ามงคล หรือพระหลวงพ่อโตยังไงยังงั้น และไม่มีทรายเงินทรายทอง อันเป็นลักษณะที่พบได้ทั่วไปในพระเนื้อดินที่สร้างในยุครัตนฯ ที่เนื้อดินจะปนกรวดทราย ความหนาขององค์พระค่อนข้างบางกว่าพระสมัยอยุธยาและมีมักพบทรายเงินทรายทองแบบที่กล่าวมาข้างต้น เป็นอันสรุปได้ชัดเจนถึง ยุคสมัยในการสร้างได้เป็นอย่างดี ขออธิบายด้วยภาพจ้า Jorawis ขอรับประกันความแท้ตามมาตรฐานสากลเหมียนเดิมมมม สนใจติดต่อสอบถามกันเข้ามาได้เลยจ้า หากองค์นี้ยังไม่ถูกใจอาจมีพระรายการอื่น ๆ ที่ทำนกำลังค้นหาอยู่เชิญที่นี่เลยจ้า http://www.web-pra.com/Shop/jorawis |
พระเครื่องที่เกี่ยวข้องในร้านค้านี้...
อื่นๆ...
กำหลังโหลด Comments