หมวด พระเนื้อผง เนื้อดิน เนื้อว่าน หลังปี 2525

พระเจ้าสะดุ้งมาร-สะดุ้งกลับ หลวงพ่อเจริญ วัดโนนสว่าง

พระเจ้าสะดุ้งมาร-สะดุ้งกลับ หลวงพ่อเจริญ วัดโนนสว่าง - 3

พระเจ้าสะดุ้งมาร-สะดุ้งกลับ หลวงพ่อเจริญ วัดโนนสว่าง - 4

ชื่อร้านค้า	จ่าจีระสิทธิ์ - (คลิ๊กที่นี่เพื่อดู ข้อมูลเกี่ยวกับร้านค้า)
ชื่อเจ้าของร้านค้า	jeerasit (112)
ชื่อพระเครื่อง	พระเจ้าสะดุ้งมาร-สะดุ้งกลับ หลวงพ่อเจริญ วัดโนนสว่าง
อายุพระเครื่อง	-
หมวดพระ	พระเนื้อผง เนื้อดิน เนื้อว่าน หลังปี 2525
ราคาเช่า	-
เบอร์โทรติดต่อ	08-6560-4037
อีเมล์ติดต่อ	Tayanrum@hotmail.com
LINE	(คลิ๊กที่นี่เพื่อเพิ่มเพื่อนกับเจ้าของร้าน)
สถานะ
Facebook	Share
เปิดให้เช่าตั้งแต่วันที่	ศ. - 21 มี.ค. 2568 - 21:09.39
แก้ไขข้อมูลล่าสุดเมื่อ	พฤ. - 27 มี.ค. 2568 - 11:37.42

รายละเอียด
“พระเจ้าสะดุ้งมาร-สะดุ้งกลับ” หลวงพ่อเจริญ วัดโนนสว่าง ทำบุญจากวัดแพงมาก องค์ใหญ่ ขนาดประมาณ พระสิบทัศน์ หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม ในกลุ่ม ต้องว่ากัน หลักพัน ครับ โพสต์ของ บันทึกประสบการณ์วัตถุมงคลหลวงพ่อเจริญ วัดโนนสว่าง บันทึกประสบการณ์วัตถุมงคลหลวงพ่อเจริญ วัดโนนสว่าง 18 พฤศจิกายน 2014 · “พระเจ้าสะดุ้งมาร-สะดุ้งกลับ” พระเครื่องเนื้อผงที่มีพุทธศิลป์งดงาม สร้างปี ๒๕๕๑ พระรุ่นนี้พุทธคุณเน้นไปเรื่องกลับร้ายกลายเป็นดี ใครคิดร้ายกับผู้ที่มีพระรุ่นนี้จะแพ้ภัยหรือสะท้อนกลับ ฯลฯ ถือว่าโชคดีที่ปัจจุบันพระรุ่นนี้ยังมีให้ร่วมทำบุญบูชาได้ที่วัดโนนสว่าง สนใจติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ อ.ด้า โทร. 0879471759 หรือแจ้งมาทาง facebook : Coke Watnon FC ผมจะเป็นสะพานบุญให้ครับ พระเครื่องรุ่นนี้ผู้สร้างได้เขียนประวัติการจัดสร้างไว้อย่างน่าสนใจ ผมขอร่วมอนุโมทนาบุญกุศลจากการสร้างพระครั้งนี้ด้วยครับ..สาธุ และขออนุญาตินำประวัติที่ผู้สร้างได้เขียนไว้มาลงให้ลูกศิษย์ที่สนใจได้ทราบมีรายละเอียด ดังนี้.- ในวันทอดผ้าป่าวันที่ 15 ม.ค.54 ที่ผ่านมา หลวงพ่อท่านได้แจกพระเจ้าสะดุ้งมารสะดุ้งกลับ ให้กับคณะที่มาทอดผ้าป่า ผมขอนำประวัติ การสร้างพระเจ้าสะดุ้งมาร สะดุ้งกลับ มาให้สมาชิกทราบโดยมีรายละเอียดดังนี้ 31 มกราคม 2551 ผมมีภาระกิจที่จังหวัดขอนแก่น ตกตอนเย็นได้ไปนอนที่วัดโนนสว่าง ตามประสาลูกศิษย์วัด ถึงวัดประมาณทุ่มเศษ ผมได้นำพระเก่าที่บ้านไปให้หลวงพ่อเจริญท่านดู ทราบภายหลังว่าเป็นพระสาม ซุ้มพระปรางค์ กรุลพบุรี หลวงพ่อท่านบอกว่ายาวๆ ไม่ค่อยเข้าใจความหมายนัก แต่สรุปว่าเมื่อสัมผัสพระแล้วรู้สึกพระขึ้นใจ เช้าวันเสาร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ ก่อนผมจะเดินทางกลับ มีลูกศิษย์หลวงพ่อซุ้มแถวบางนา กทม. เ ดินทางมากราบท่าน ซุ้มนี้ก็อยากสร้างพระ แต่แรกขอว่าจะขอแบบพระพุทธเจ้า 11 พระองค์ของผมไปสร้างเป็นเหรียญ เมื่อคุยกันไปคุยกันมาต่อหน้าหลวงพ่อ หลวงพ่อท่านก็ไม่ขัดอะไร แต่ท่านพูดถึงพระซุ้มพระปรางค์ ที่ผมให้ท่านดูเมื่อคืนก่อน ผมจึงไปเอาพระที่เก็บอยู่ที่ห้องธรรมมาให้ท่านดูอีกครั้ง คงจะเป็นบุญวาสนาที่จะได้สร้างพระ ท่านอยากสร้างพระองค์นี้ ท่านจึงให้ครูบารูปหนึ่งไปเอากระดาษขาวมาเขียนอักขระ ท่านถามว่าจะเอาภาษาธรรมอิสานหรือภาษาขอม ผมบอกว่าขอภาษาธรรมอิสาน ท่านจึงเขียนอักขระภาษาธรรมอิสาน จำนวน 3 หน้าเพื่อจะนำไปลงด้านหลังขององค์พระ และในเบื้องต้นท่านตั้งชื่อว่า “รุ่นพระเจ้าสะดุ้งมาร” การเพิ่มเติมเปลี่ยนชื่อจาก พระพุทธเจ้าสะดุ้งมาร มาเป็น “พระเจ้าสะดุ้งมาร สะดุ้งกลับ” เกิดขึ้นเมื่อครั้งหลวงพ่อ ท่านเดินทางมากิจนิมนต์ที่กรุงเทพ ช่วงประมาณวันที่ 26 มกราคม ผมได้ไปกราบท่านที่วัดพระศรี หลักสี่ ท่านได้เพิ่มเติมอักขระ และให้เขียนอักขระย้อนกลับในพระคาถาพระเจ้าสะดุ้งมาร และตั้งชื่อใหม่ว่า “พระเจ้าสะดุ้งมาร สะดุ้งกลับ” ซึ่งในคืนนั้นก็มีลูกศิษย์อยู่หลายคน เช่น มหาหมี เจ้ายักษ์บริษัทกลาง คุณวิเชียร คุณกิจ เป็นต้น การปรับอักขระจากรูปแบบการเขียนเป็นแนวนอน มาเป็นแบบสามเหลี่ยม เกิดจากทางคุณวิเชียร ฉายา “ตระกุดโทน” โทรมาหาผมบอกว่าหลวงพ่อท่านอยากให้ส่งแบบพระและอักขระไปให้ครูบาอ้วน วัดพระศรี จะไปสร้างพระโดยใช้งาช้างแกะเป็นรูปพระ และผมทราบว่าท่านเลื่อนวันกลับไปอุดร ยังอยู่ที่กรุงเทพ ผมจึงไปกราบท่านอีกครั้ง ช่วงเย็น ณ บ้านน้าอ้วน (ผู้ที่ทำโรงทานที่วัดเป็นประจำ) ผมเอาอักขระไปให้ท่าน ท่านได้ปรับการเขียนอักขระใหม่โดยเขียนอักขระวนเป็นแบบรูปสามเหลี่ยม ตรงกลางมีวงกลม 3 วง และมีอักขระอยู่ในวงกลมทั้งสาม ซึ่งในคืนนั้นก็มีมหาหมี (ลูกศิษย์คนโปรด และตั้งใจดี) น้าอ้วน พี่นนท์ ครูบาบุญสาน และลูกศิษย์หลวงพ่ออีกสี่ห้าคน การเปลี่ยนแปลงนี้ท่านได้ตั้งใจและลงอักขระถึงสองครั้ง ครั้งแรกใช้ดินสอลง เมื่อถ่ายเอกสารออกมาชัดไม่มากนัก ท่านได้ลงหมึกซ้ำอีกครั้ง ทำให้อักขระชัดมาก และเป็นการกรุณาต่อผมอย่างยิ่ง เพราะจะมีความง่ายขึ้นมากในการ COPY ไปลงคอมพิวเตอร์ โดยได้มอบหมายให้คุณยักษ์ บริษัทกลาง ซึ่งจบทางศิลป์มาเป็นผู้เขียนแบบ ก่อนส่งให้ช่างแกะ ในการสร้างแบบพุทธศิลป์ มหาหมีมีส่วนช่วยได้มาก รู้สึกว่าจะเป็นคนที่รู้เรื่องนี้ดี ก่อนหน้านี้มหาหมีเป็นผู้ที่ช่วยหาคนแกะพระรุ่นพระเจ้า 11 พระองค์มาแล้ว ซึ่งต้องขอขอบคุณเป็นอย่างมาก รวมทั้งคุณตั้มลูกศิษย์หลวงพ่ออีกคนมา วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 51 หลวงพ่อเมตตามารับฉันเพลที่บริษัทกลางฯ พร้อมด้วยครูบาที่วัดอีก 8 รูป รวมเป็น 9 รูป เนื่องจากครบรอบการทำงาน 11 ปี บริษัทกลางฯ หลังจากฉันเพลเสร็จ หลวงพ่อท่านเข้าไปพักที่ห้องที่บริษัทจัดไว้ให้ ก่อนที่ท่านจะเดินทางกลับช่วงเย็น ท่านยังคงใจร้อนเช่นเคย ท่านถามถึงการออกแบบสร้างพระซึ่งคุณยักษ์ยังทำไม่แล้วเสร็จ ท่านจึงให้เรียกโยมนนท์ มาที่บริษัทฯ โดยถามโยมนนท์ถึงช่างที่เคยแกะพระยอดขุนพล พี่นนท์แจ้งว่าถ้าให้ช่างคนนี้ทำ จะใช้เวลาประมาณครึ่งเดือน ท่านเห็นชอบ จึงตกลงส่งรูปตัวอย่างพระที่เรามี รวมทั้งที่มหาหมีช่วยหาจาก Internet ไปให้ช่างดำเนินการ หลังจากนั้นประมาณ 2 สัปดาห์พี่นนท์ก็นำแบบพระที่ช่างวาดในคอมพิวเตอร์ เอามาให้ผมดู ซึ่งผมดูแล้วไม่ถูกใจนัก ผมได้บอกพี่นนท์ว่าขอผมปรับปรุงแบบก่อนแล้วจะส่งให้อีกที ผมจึงตามเจ้ายักษ์ ผู้ซึ่งฝีมือดีแต่ทำงานช้ามากๆว่าแบบที่ทำแล้วเสร็จหรือยัง ผลก็คือยังไม่เสร็จเหมือนเคย การออกแบบของเจ้ายักษ์ยังคงดำเนินการต่อไป จนถึงวันที่ 17 มีนาคม 51 พระต้นแบบของเจ้ายักษ์ก็เสร็จ ซึ่งเมื่อดูแบบพระแล้ว ก็บอกว่า ใช่เลย แบบนี้แหละ ซึ่งผม เจ้ายักษ์ คุณประยูร ได้นำแบบพระไปให้หลวงพ่อดู ซึ่งท่านลงมาที่กรุงเทพพอดี ท่านพักที่บ้านพี่อ้วน รัชดา ซึ่งท่านรอเวลาที่จะไปอินโดนีเซียตอนตีสอง ต้นแบบพระใหม่ เป็นที่ถูกใจหลวงพ่อยิ่งนัก และก็ถูกใจลูกศิษย์หลายๆคนในคืนนั้น หลังจากนั้น เจ้ายักษ์ (นายภาณุกฤษณ์ ชานันโท) ซึ่งเป็นลูกศิลปินแห่งชาติ นายคำนวณ ชานันโท ได้ตกแต่งเพิ่มเติมรายละเอียดองค์พระให้สมบูรณ์มากขึ้น จนเสร็จสมบูรณ์ในวันที่ 19 มี.ค. 51 ซึ่งแบบพระโดยรวมเป็นแบบประยุกต์ของยุคลพบุรีผสมยุครัตนโกสินทร์ การผสมกลมกลืนทำได้ดีมาก รูปแบบลงตัว ใครเห็นก็ชอบ บอกว่าออกแบบสวย ก็ต้องขอชื่นชมผมงานเจ้ายักษ์ไว้ ณ ที่นี้ หลังจากนั้นผมได้ส่งมอบแบบให้คุณตั้มบริษัทกลางฯ ช่วยตกแต่งอีกเล็กน้อย และแปลงเป็นไฟล์อีลาส เพื่อส่งต่อให้พี่นนท์ไปให้ช่างแกะดำเนินการต่อไป ผมได้ให้พระสาม ซุ้มพระปรางค์ กรุลพบุรี ไปให้ช่างดูตัวอย่างด้วย ตามคำขอของพี่นนท์ เพื่อให้ช่างจะได้เห็นพระต้นแบบ ไม่ต้องจินตนาการคิดเอาเอง จะได้ดูออกว่าภาพรวมของพระเป็นอย่างไร ความลึกหนาเท่าไหร่ อุปสรรคย่อมมีเสมอเพื่อให้เราแก้ไข วันที่ 22 มี.ค. ขณะที่ผมกำลังดำเนินการจัดงานบรรพชาอุปสมบทหมู่ชาวบริษัทกลางฯ ที่วัดบวรนิเวศวิหาร กทม. เนื่องในวาระครบรอบการทำงานครบ 10 ปี บริษัทกลางฯ และเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลให้กับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยานิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ในวันนั้นเป็นวันปลงผม ก่อนการบรรพชาในวันรุ่งขึ้น มีชาวบริษัทกลางฯบวชในโครงการนี้ รวม 28 คน เป็นพระ 26 รูป เณร 2 รูป โทรศัพท์จากพี่นนท์ก็ดังขึ้น พี่นนท์แจ้งว่าช่างบอกว่าไม่สามารถเขียนชื่อหลวงพ่อ ชื่อวัด และที่อยู่วัด ลงในแม่พิมพ์ได้ เพราะพื้นที่ไม่พอ และขอเงินเพิ่มอีก 3,000 บาท รวมเป็นค่าทำบล็อค 28,000 บาท และขอเงินให้โอนเงินที่เหลือทั้งหมดด้วย เพื่อไปซื้ออุปกรณ์ การเพิ่มราคาพระ ช่างให้เหตุผลว่าเราเปลี่ยนแปลงแบบตั้งสองครั้ง สิ่งที่ช่างแจ้งทุกอย่างพอรับได้ มีอยู่เพียงอย่างเดียวที่ยังรับไม่ได้ ทำให้นอนไม่ค่อยหลับ คือเรื่องชื่อหลวงพ่อ ชื่อที่อยู่ของวัด ตามที่เราออกแบบไว้ วันที่ 23 มี.ค. ผมได้โทรศัพท์ไปหาหลวงพ่อบอกท่านว่า ถ้าช่างไม่สามารถเอาชื่อหลวงพ่อ ชื่อที่อยู่ของวัดลงได้ ผมขอเปลี่ยนช่างนะครับ หลวงพ่อท่านอนุญาต ซึ่งถ้าช่างไม่แก้ไขให้ก็หมายความว่าผมคงต้องเสียเงินที่วางมัดจำแล้ว 15,000 บาท จากนั้นจึงโทรไปบอกพี่นนท์ว่า ถ้าช่างไม่สามารถทำได้ก็ให้ยกเลิกช่าง จะเสียเงินก็ยอม เวลาผ่านไปสักครู่พี่นนท์โทรมาบอกว่าช่างแจ้งว่าทำได้แต่ต้องเพิ่มความสูงอีกประมาณครึ่งเซนติเมตร ผมบอกว่าไม่เป็นไร การสร้างพระจึงดำเนินต่อไป ครบกำหนดการส่งงานในวันที่ 7 เม.ย. บล็อคพระยังคงไม่แล้วเสร็จ มาเสร็จเอาเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2551 พี่นนท์นำบล็อกพระมาให้ที่บริษัท รุ่งขึ้นวันแรงงานแห่งชาติ ผมจึงเดินทางไปวัดโนนสว่าง ถึงวัดประมาณพบค่ำ ได้ถวายล็อคพระอย่างเป็นทางการ แจ้งท่านว่ามีผู้ร่วมสร้างทั้งสิ้น 42 คน ได้เงินทั้งสิ้น 57,315 บาท ค่าบล็อคพระ 28,00 บาท เหลือเงินอีก 29,315 บาท ซึ่งเงินดังกล่าวที่เหลือได้นำไปซื้อของเข้าวัดได้หลายอย่าง อาทิ ด้ายถักตะกุด แผ่นทองติดลูกนิมิตร ฯลฯ พุทธานุภาพได้ปรากฏให้เห็นสองครั้ง ครั้งแรกในขณะถวายบล็อคพระ ท่านยกพานที่ใส่บล็อคพระ ปรากฏว่าพานหนัก ทั้งๆที่ยังไม่เริ่มพุทธาภิเษก ท่านบอกว่ามีพุทธคุณแล้วตามที่ได้มีเจตนาสร้าง คืนนั้นหลวงพ่อให้ครูบาเนก ไปสต๊าปเกียวบล็อคพระ แล้วท่านเขียนพระคาถา “อมปู่เพ็ชร ศรีราคง คง คง เพ็ชร สะหับ” โดยเขียนเป็นภาษาธรรมอิสานลงในตะกุดเงินฝังในองค์พระ ทราบภายหลังว่าท่านได้พระคาถานี้ตอนที่ท่านไปพุทธาภิเษกที่จังหวัดพิษณุโลก ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นพระคาถาที่ 11 ที่ท่านได้มาโดยมีผู้มาบอกในธรรม การเริ่มปั้มพระเจ้าสะดุ้งมาร สะดุ้งกลับก็เริ่มในคืนนั้นเลย ผมถามหลวงพ่อว่าถูกใจหรือเปล่าครับ ท่านบอกว่าบล็อกออกแบบสวยดี เพียงแค่นี้ลูกศิษย์อย่างเราก็มีความสุขใจไม่น้อย วันรุ่งขึ้นหลวงพ่อท่านปั้มพระเอง บางส่วน เมื่อท่านปั้มเสร็จ ท่านก็เอามือไปไว้เหนือบนองค์พระแล้วท่านก็บอกว่าร้อนๆ มีพุทธคุณแล้ว ท่านให้ผมเอามือไปลองทำบ้าง ครั้งแรกผมบอกว่าไม่รู้สึกอะไรเลย ท่านบอกว่าให้ตั้งใจใหม่ ผมจึงตั้งใจใหม่ แล้วก็สัมผัสพุทธคุณได้แต่ไม่ได้ร้อน เป็นอีกลักษณะหนึ่งคือจะสั่นและร้องออกมา ทั้งนี้เป็นเพียงสิ่งที่ผมสัมผัสรู้ด้วยตนเอง สำหรับท่านที่อ่านประวัติฉบับนี้ ท่านไม่ต้องเชื่อ จนกว่าท่านจะสัมผัสได้เองท่านจึงค่อยเชื่อ บางอย่างพูดไป เขียนไป ก็จะดูไม่งามนัก เหมือน โปรโมชั่นหนัง แต่ที่เขียนลงก็เพราะเป็นเช่นนั้น ด้วยบุญกุศลที่ได้ร่วมสร้างพระเจ้าสะดุ้งมาร สะดุ้งกลับ ของข้าพเจ้าทั้งหลายในครั้งนี้ ข้าพเจ้าทั้งหลายขอถึงซึ่งพระนิพพานในอนาคตกาล เพื่อบูชาคุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์ บูชาหลวงปู่บุษราคัม บูชาครูบาอาจารย์ที่ท่านสร้างพระซุ้มพระปาง ลพบุรี เมื่อราว 600-700 ปี ที่ผ่านมา บูชาหลวงพ่อเจริญ ฐานยุตโต เจ้าอาวาสวัดโนนสว่าง อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี ผู้เป็นครูบาอาจารย์ที่หาได้ยากยิ่งในปัจจุบัน ขอผลบุญกุศลในการสร้างพระครั้งนี้เป็นนิสัย เป็นปัจจัย ตามส่งให้ถึงพระนิพพาน และขอแผ่ส่วนบุญ ส่วนกุศลในครั้งนี้ให้บิดา มารดา ครูบาอาจารย์ ตลอดจนเจ้ากรรมนายเวร ซึ่งพวกข้าพเจ้าได้ล่วงเกินด้วย กาย วาจา ใจ ด้วยเจตนาก็ดี ไม่เจตนาก็ดี ขออโหสิกรรมด้วยเทอญ ตลอดจนขอแผ่ผลบุญในครั้งนี้ให้เป็นไปตามเจตนาของผู้ที่ร่วมสร้างทั้งหลายที่ได้ตั้งใจอุทิศให้กับผู้ล่วงลับ ตามเจตนาและความตั้งใจของแต่ละคน สำหรับผมขอบารมีหลวงปู่บุษราคัม นำผลบุญในครั้งนี้ แผ่ให้กับคุณยายสำเนียง ศุขะธรรม ผู้ซึ่งเลี้ยงดูข้าพเจ้ามาแต่เกิด และให้กับคุณแม่อ๊อด ผู้ให้กำเนิด ลูกศิษย์ สายบริษัทกลางฯ นายกรวิชญ์ สกุลตัง 6 พฤษภาคม 2551

รายละเอียด

“พระเจ้าสะดุ้งมาร-สะดุ้งกลับ” หลวงพ่อเจริญ วัดโนนสว่าง

ทำบุญจากวัดแพงมาก

องค์ใหญ่ ขนาดประมาณ พระสิบทัศน์ หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม

ในกลุ่ม ต้องว่ากัน หลักพัน ครับ

โพสต์ของ บันทึกประสบการณ์วัตถุมงคลหลวงพ่อเจริญ วัดโนนสว่าง
บันทึกประสบการณ์วัตถุมงคลหลวงพ่อเจริญ วัดโนนสว่าง
18 พฤศจิกายน 2014 ·
“พระเจ้าสะดุ้งมาร-สะดุ้งกลับ”
พระเครื่องเนื้อผงที่มีพุทธศิลป์งดงาม สร้างปี ๒๕๕๑
พระรุ่นนี้พุทธคุณเน้นไปเรื่องกลับร้ายกลายเป็นดี ใครคิดร้ายกับผู้ที่มีพระรุ่นนี้จะแพ้ภัยหรือสะท้อนกลับ ฯลฯ
ถือว่าโชคดีที่ปัจจุบันพระรุ่นนี้ยังมีให้ร่วมทำบุญบูชาได้ที่วัดโนนสว่าง
สนใจติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ อ.ด้า โทร. 0879471759
หรือแจ้งมาทาง facebook : Coke Watnon FC ผมจะเป็นสะพานบุญให้ครับ
พระเครื่องรุ่นนี้ผู้สร้างได้เขียนประวัติการจัดสร้างไว้อย่างน่าสนใจ ผมขอร่วมอนุโมทนาบุญกุศลจากการสร้างพระครั้งนี้ด้วยครับ..สาธุ และขออนุญาตินำประวัติที่ผู้สร้างได้เขียนไว้มาลงให้ลูกศิษย์ที่สนใจได้ทราบมีรายละเอียด ดังนี้.-
ในวันทอดผ้าป่าวันที่ 15 ม.ค.54 ที่ผ่านมา หลวงพ่อท่านได้แจกพระเจ้าสะดุ้งมารสะดุ้งกลับ ให้กับคณะที่มาทอดผ้าป่า ผมขอนำประวัติ การสร้างพระเจ้าสะดุ้งมาร สะดุ้งกลับ มาให้สมาชิกทราบโดยมีรายละเอียดดังนี้
31 มกราคม 2551 ผมมีภาระกิจที่จังหวัดขอนแก่น ตกตอนเย็นได้ไปนอนที่วัดโนนสว่าง ตามประสาลูกศิษย์วัด ถึงวัดประมาณทุ่มเศษ ผมได้นำพระเก่าที่บ้านไปให้หลวงพ่อเจริญท่านดู ทราบภายหลังว่าเป็นพระสาม ซุ้มพระปรางค์ กรุลพบุรี หลวงพ่อท่านบอกว่ายาวๆ ไม่ค่อยเข้าใจความหมายนัก แต่สรุปว่าเมื่อสัมผัสพระแล้วรู้สึกพระขึ้นใจ เช้าวันเสาร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ ก่อนผมจะเดินทางกลับ มีลูกศิษย์หลวงพ่อซุ้มแถวบางนา กทม. เ ดินทางมากราบท่าน ซุ้มนี้ก็อยากสร้างพระ แต่แรกขอว่าจะขอแบบพระพุทธเจ้า 11 พระองค์ของผมไปสร้างเป็นเหรียญ เมื่อคุยกันไปคุยกันมาต่อหน้าหลวงพ่อ หลวงพ่อท่านก็ไม่ขัดอะไร แต่ท่านพูดถึงพระซุ้มพระปรางค์ ที่ผมให้ท่านดูเมื่อคืนก่อน ผมจึงไปเอาพระที่เก็บอยู่ที่ห้องธรรมมาให้ท่านดูอีกครั้ง คงจะเป็นบุญวาสนาที่จะได้สร้างพระ ท่านอยากสร้างพระองค์นี้ ท่านจึงให้ครูบารูปหนึ่งไปเอากระดาษขาวมาเขียนอักขระ ท่านถามว่าจะเอาภาษาธรรมอิสานหรือภาษาขอม ผมบอกว่าขอภาษาธรรมอิสาน ท่านจึงเขียนอักขระภาษาธรรมอิสาน จำนวน 3 หน้าเพื่อจะนำไปลงด้านหลังขององค์พระ และในเบื้องต้นท่านตั้งชื่อว่า “รุ่นพระเจ้าสะดุ้งมาร”
การเพิ่มเติมเปลี่ยนชื่อจาก พระพุทธเจ้าสะดุ้งมาร มาเป็น “พระเจ้าสะดุ้งมาร สะดุ้งกลับ” เกิดขึ้นเมื่อครั้งหลวงพ่อ ท่านเดินทางมากิจนิมนต์ที่กรุงเทพ ช่วงประมาณวันที่ 26 มกราคม ผมได้ไปกราบท่านที่วัดพระศรี หลักสี่ ท่านได้เพิ่มเติมอักขระ และให้เขียนอักขระย้อนกลับในพระคาถาพระเจ้าสะดุ้งมาร และตั้งชื่อใหม่ว่า “พระเจ้าสะดุ้งมาร สะดุ้งกลับ” ซึ่งในคืนนั้นก็มีลูกศิษย์อยู่หลายคน เช่น มหาหมี เจ้ายักษ์บริษัทกลาง คุณวิเชียร คุณกิจ เป็นต้น
การปรับอักขระจากรูปแบบการเขียนเป็นแนวนอน มาเป็นแบบสามเหลี่ยม เกิดจากทางคุณวิเชียร ฉายา “ตระกุดโทน” โทรมาหาผมบอกว่าหลวงพ่อท่านอยากให้ส่งแบบพระและอักขระไปให้ครูบาอ้วน วัดพระศรี จะไปสร้างพระโดยใช้งาช้างแกะเป็นรูปพระ และผมทราบว่าท่านเลื่อนวันกลับไปอุดร ยังอยู่ที่กรุงเทพ ผมจึงไปกราบท่านอีกครั้ง ช่วงเย็น ณ บ้านน้าอ้วน (ผู้ที่ทำโรงทานที่วัดเป็นประจำ) ผมเอาอักขระไปให้ท่าน ท่านได้ปรับการเขียนอักขระใหม่โดยเขียนอักขระวนเป็นแบบรูปสามเหลี่ยม ตรงกลางมีวงกลม 3 วง และมีอักขระอยู่ในวงกลมทั้งสาม ซึ่งในคืนนั้นก็มีมหาหมี (ลูกศิษย์คนโปรด และตั้งใจดี) น้าอ้วน พี่นนท์ ครูบาบุญสาน และลูกศิษย์หลวงพ่ออีกสี่ห้าคน การเปลี่ยนแปลงนี้ท่านได้ตั้งใจและลงอักขระถึงสองครั้ง ครั้งแรกใช้ดินสอลง เมื่อถ่ายเอกสารออกมาชัดไม่มากนัก ท่านได้ลงหมึกซ้ำอีกครั้ง ทำให้อักขระชัดมาก และเป็นการกรุณาต่อผมอย่างยิ่ง เพราะจะมีความง่ายขึ้นมากในการ COPY ไปลงคอมพิวเตอร์ โดยได้มอบหมายให้คุณยักษ์ บริษัทกลาง ซึ่งจบทางศิลป์มาเป็นผู้เขียนแบบ ก่อนส่งให้ช่างแกะ ในการสร้างแบบพุทธศิลป์ มหาหมีมีส่วนช่วยได้มาก รู้สึกว่าจะเป็นคนที่รู้เรื่องนี้ดี ก่อนหน้านี้มหาหมีเป็นผู้ที่ช่วยหาคนแกะพระรุ่นพระเจ้า 11 พระองค์มาแล้ว ซึ่งต้องขอขอบคุณเป็นอย่างมาก รวมทั้งคุณตั้มลูกศิษย์หลวงพ่ออีกคนมา
วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 51 หลวงพ่อเมตตามารับฉันเพลที่บริษัทกลางฯ พร้อมด้วยครูบาที่วัดอีก 8 รูป รวมเป็น 9 รูป เนื่องจากครบรอบการทำงาน 11 ปี บริษัทกลางฯ หลังจากฉันเพลเสร็จ หลวงพ่อท่านเข้าไปพักที่ห้องที่บริษัทจัดไว้ให้ ก่อนที่ท่านจะเดินทางกลับช่วงเย็น ท่านยังคงใจร้อนเช่นเคย ท่านถามถึงการออกแบบสร้างพระซึ่งคุณยักษ์ยังทำไม่แล้วเสร็จ ท่านจึงให้เรียกโยมนนท์ มาที่บริษัทฯ โดยถามโยมนนท์ถึงช่างที่เคยแกะพระยอดขุนพล พี่นนท์แจ้งว่าถ้าให้ช่างคนนี้ทำ จะใช้เวลาประมาณครึ่งเดือน ท่านเห็นชอบ จึงตกลงส่งรูปตัวอย่างพระที่เรามี รวมทั้งที่มหาหมีช่วยหาจาก Internet ไปให้ช่างดำเนินการ หลังจากนั้นประมาณ 2 สัปดาห์พี่นนท์ก็นำแบบพระที่ช่างวาดในคอมพิวเตอร์ เอามาให้ผมดู ซึ่งผมดูแล้วไม่ถูกใจนัก ผมได้บอกพี่นนท์ว่าขอผมปรับปรุงแบบก่อนแล้วจะส่งให้อีกที ผมจึงตามเจ้ายักษ์ ผู้ซึ่งฝีมือดีแต่ทำงานช้ามากๆว่าแบบที่ทำแล้วเสร็จหรือยัง ผลก็คือยังไม่เสร็จเหมือนเคย การออกแบบของเจ้ายักษ์ยังคงดำเนินการต่อไป จนถึงวันที่ 17 มีนาคม 51 พระต้นแบบของเจ้ายักษ์ก็เสร็จ ซึ่งเมื่อดูแบบพระแล้ว ก็บอกว่า ใช่เลย แบบนี้แหละ ซึ่งผม เจ้ายักษ์ คุณประยูร ได้นำแบบพระไปให้หลวงพ่อดู ซึ่งท่านลงมาที่กรุงเทพพอดี ท่านพักที่บ้านพี่อ้วน รัชดา ซึ่งท่านรอเวลาที่จะไปอินโดนีเซียตอนตีสอง ต้นแบบพระใหม่ เป็นที่ถูกใจหลวงพ่อยิ่งนัก และก็ถูกใจลูกศิษย์หลายๆคนในคืนนั้น หลังจากนั้น เจ้ายักษ์ (นายภาณุกฤษณ์ ชานันโท) ซึ่งเป็นลูกศิลปินแห่งชาติ นายคำนวณ ชานันโท ได้ตกแต่งเพิ่มเติมรายละเอียดองค์พระให้สมบูรณ์มากขึ้น จนเสร็จสมบูรณ์ในวันที่ 19 มี.ค. 51 ซึ่งแบบพระโดยรวมเป็นแบบประยุกต์ของยุคลพบุรีผสมยุครัตนโกสินทร์ การผสมกลมกลืนทำได้ดีมาก รูปแบบลงตัว ใครเห็นก็ชอบ บอกว่าออกแบบสวย ก็ต้องขอชื่นชมผมงานเจ้ายักษ์ไว้ ณ ที่นี้ หลังจากนั้นผมได้ส่งมอบแบบให้คุณตั้มบริษัทกลางฯ ช่วยตกแต่งอีกเล็กน้อย และแปลงเป็นไฟล์อีลาส เพื่อส่งต่อให้พี่นนท์ไปให้ช่างแกะดำเนินการต่อไป ผมได้ให้พระสาม ซุ้มพระปรางค์ กรุลพบุรี ไปให้ช่างดูตัวอย่างด้วย ตามคำขอของพี่นนท์ เพื่อให้ช่างจะได้เห็นพระต้นแบบ ไม่ต้องจินตนาการคิดเอาเอง จะได้ดูออกว่าภาพรวมของพระเป็นอย่างไร ความลึกหนาเท่าไหร่
อุปสรรคย่อมมีเสมอเพื่อให้เราแก้ไข วันที่ 22 มี.ค. ขณะที่ผมกำลังดำเนินการจัดงานบรรพชาอุปสมบทหมู่ชาวบริษัทกลางฯ ที่วัดบวรนิเวศวิหาร กทม. เนื่องในวาระครบรอบการทำงานครบ 10 ปี บริษัทกลางฯ และเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลให้กับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยานิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ในวันนั้นเป็นวันปลงผม ก่อนการบรรพชาในวันรุ่งขึ้น มีชาวบริษัทกลางฯบวชในโครงการนี้ รวม 28 คน เป็นพระ 26 รูป เณร 2 รูป โทรศัพท์จากพี่นนท์ก็ดังขึ้น พี่นนท์แจ้งว่าช่างบอกว่าไม่สามารถเขียนชื่อหลวงพ่อ ชื่อวัด และที่อยู่วัด ลงในแม่พิมพ์ได้ เพราะพื้นที่ไม่พอ และขอเงินเพิ่มอีก 3,000 บาท รวมเป็นค่าทำบล็อค 28,000 บาท และขอเงินให้โอนเงินที่เหลือทั้งหมดด้วย เพื่อไปซื้ออุปกรณ์ การเพิ่มราคาพระ ช่างให้เหตุผลว่าเราเปลี่ยนแปลงแบบตั้งสองครั้ง สิ่งที่ช่างแจ้งทุกอย่างพอรับได้ มีอยู่เพียงอย่างเดียวที่ยังรับไม่ได้ ทำให้นอนไม่ค่อยหลับ คือเรื่องชื่อหลวงพ่อ ชื่อที่อยู่ของวัด ตามที่เราออกแบบไว้ วันที่ 23 มี.ค. ผมได้โทรศัพท์ไปหาหลวงพ่อบอกท่านว่า ถ้าช่างไม่สามารถเอาชื่อหลวงพ่อ ชื่อที่อยู่ของวัดลงได้ ผมขอเปลี่ยนช่างนะครับ หลวงพ่อท่านอนุญาต ซึ่งถ้าช่างไม่แก้ไขให้ก็หมายความว่าผมคงต้องเสียเงินที่วางมัดจำแล้ว 15,000 บาท จากนั้นจึงโทรไปบอกพี่นนท์ว่า ถ้าช่างไม่สามารถทำได้ก็ให้ยกเลิกช่าง จะเสียเงินก็ยอม เวลาผ่านไปสักครู่พี่นนท์โทรมาบอกว่าช่างแจ้งว่าทำได้แต่ต้องเพิ่มความสูงอีกประมาณครึ่งเซนติเมตร ผมบอกว่าไม่เป็นไร การสร้างพระจึงดำเนินต่อไป
ครบกำหนดการส่งงานในวันที่ 7 เม.ย. บล็อคพระยังคงไม่แล้วเสร็จ มาเสร็จเอาเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2551 พี่นนท์นำบล็อกพระมาให้ที่บริษัท รุ่งขึ้นวันแรงงานแห่งชาติ ผมจึงเดินทางไปวัดโนนสว่าง ถึงวัดประมาณพบค่ำ ได้ถวายล็อคพระอย่างเป็นทางการ แจ้งท่านว่ามีผู้ร่วมสร้างทั้งสิ้น 42 คน ได้เงินทั้งสิ้น 57,315 บาท ค่าบล็อคพระ 28,00 บาท เหลือเงินอีก 29,315 บาท ซึ่งเงินดังกล่าวที่เหลือได้นำไปซื้อของเข้าวัดได้หลายอย่าง อาทิ ด้ายถักตะกุด แผ่นทองติดลูกนิมิตร ฯลฯ
พุทธานุภาพได้ปรากฏให้เห็นสองครั้ง ครั้งแรกในขณะถวายบล็อคพระ ท่านยกพานที่ใส่บล็อคพระ ปรากฏว่าพานหนัก ทั้งๆที่ยังไม่เริ่มพุทธาภิเษก ท่านบอกว่ามีพุทธคุณแล้วตามที่ได้มีเจตนาสร้าง คืนนั้นหลวงพ่อให้ครูบาเนก ไปสต๊าปเกียวบล็อคพระ แล้วท่านเขียนพระคาถา “อมปู่เพ็ชร ศรีราคง คง คง เพ็ชร สะหับ” โดยเขียนเป็นภาษาธรรมอิสานลงในตะกุดเงินฝังในองค์พระ ทราบภายหลังว่าท่านได้พระคาถานี้ตอนที่ท่านไปพุทธาภิเษกที่จังหวัดพิษณุโลก ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นพระคาถาที่ 11 ที่ท่านได้มาโดยมีผู้มาบอกในธรรม การเริ่มปั้มพระเจ้าสะดุ้งมาร สะดุ้งกลับก็เริ่มในคืนนั้นเลย ผมถามหลวงพ่อว่าถูกใจหรือเปล่าครับ ท่านบอกว่าบล็อกออกแบบสวยดี เพียงแค่นี้ลูกศิษย์อย่างเราก็มีความสุขใจไม่น้อย วันรุ่งขึ้นหลวงพ่อท่านปั้มพระเอง บางส่วน เมื่อท่านปั้มเสร็จ ท่านก็เอามือไปไว้เหนือบนองค์พระแล้วท่านก็บอกว่าร้อนๆ มีพุทธคุณแล้ว ท่านให้ผมเอามือไปลองทำบ้าง ครั้งแรกผมบอกว่าไม่รู้สึกอะไรเลย ท่านบอกว่าให้ตั้งใจใหม่ ผมจึงตั้งใจใหม่ แล้วก็สัมผัสพุทธคุณได้แต่ไม่ได้ร้อน เป็นอีกลักษณะหนึ่งคือจะสั่นและร้องออกมา ทั้งนี้เป็นเพียงสิ่งที่ผมสัมผัสรู้ด้วยตนเอง สำหรับท่านที่อ่านประวัติฉบับนี้ ท่านไม่ต้องเชื่อ จนกว่าท่านจะสัมผัสได้เองท่านจึงค่อยเชื่อ บางอย่างพูดไป เขียนไป ก็จะดูไม่งามนัก เหมือน โปรโมชั่นหนัง แต่ที่เขียนลงก็เพราะเป็นเช่นนั้น
ด้วยบุญกุศลที่ได้ร่วมสร้างพระเจ้าสะดุ้งมาร สะดุ้งกลับ ของข้าพเจ้าทั้งหลายในครั้งนี้ ข้าพเจ้าทั้งหลายขอถึงซึ่งพระนิพพานในอนาคตกาล เพื่อบูชาคุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์ บูชาหลวงปู่บุษราคัม บูชาครูบาอาจารย์ที่ท่านสร้างพระซุ้มพระปาง ลพบุรี เมื่อราว 600-700 ปี ที่ผ่านมา บูชาหลวงพ่อเจริญ ฐานยุตโต เจ้าอาวาสวัดโนนสว่าง อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี ผู้เป็นครูบาอาจารย์ที่หาได้ยากยิ่งในปัจจุบัน ขอผลบุญกุศลในการสร้างพระครั้งนี้เป็นนิสัย เป็นปัจจัย ตามส่งให้ถึงพระนิพพาน และขอแผ่ส่วนบุญ ส่วนกุศลในครั้งนี้ให้บิดา มารดา ครูบาอาจารย์ ตลอดจนเจ้ากรรมนายเวร ซึ่งพวกข้าพเจ้าได้ล่วงเกินด้วย กาย วาจา ใจ ด้วยเจตนาก็ดี ไม่เจตนาก็ดี ขออโหสิกรรมด้วยเทอญ ตลอดจนขอแผ่ผลบุญในครั้งนี้ให้เป็นไปตามเจตนาของผู้ที่ร่วมสร้างทั้งหลายที่ได้ตั้งใจอุทิศให้กับผู้ล่วงลับ ตามเจตนาและความตั้งใจของแต่ละคน สำหรับผมขอบารมีหลวงปู่บุษราคัม นำผลบุญในครั้งนี้ แผ่ให้กับคุณยายสำเนียง ศุขะธรรม ผู้ซึ่งเลี้ยงดูข้าพเจ้ามาแต่เกิด และให้กับคุณแม่อ๊อด ผู้ให้กำเนิด
ลูกศิษย์ สายบริษัทกลางฯ
นายกรวิชญ์ สกุลตัง
6 พฤษภาคม 2551