-
0 8 6 - 5 6 0 4 0 3 7
หมวด พระเนื้อผง เนื้อดิน เนื้อว่าน ก่อนปี 2525
สมเด็จพระแก้วมณีโชติ เนื้อผง พิธีจักรพพรดิ์ 2515





ชื่อร้านค้า | จ่าจีระสิทธิ์ - (คลิ๊กที่นี่เพื่อดู ข้อมูลเกี่ยวกับร้านค้า) |
---|---|
ชื่อเจ้าของร้านค้า | |
ชื่อพระเครื่อง | สมเด็จพระแก้วมณีโชติ เนื้อผง พิธีจักรพพรดิ์ 2515 |
อายุพระเครื่อง | 53 ปี |
หมวดพระ | พระเนื้อผง เนื้อดิน เนื้อว่าน ก่อนปี 2525 |
ราคาเช่า | - |
เบอร์โทรติดต่อ | 08-6560-4037 |
อีเมล์ติดต่อ | Tayanrum@hotmail.com |
LINE |
(คลิ๊กที่นี่เพื่อเพิ่มเพื่อนกับเจ้าของร้าน)
|
สถานะ |
![]() |
เปิดให้เช่าตั้งแต่วันที่ | ศ. - 06 ธ.ค. 2567 - 21:28.19 |
แก้ไขข้อมูลล่าสุดเมื่อ | จ. - 30 ธ.ค. 2567 - 14:30.02 |
รายละเอียด | |
---|---|
สมเด็จพระแก้วมณีโชติ เนื้อผง พิธีจักรพพรดิ์ 2515 เนื้อดิน สีเทา พิมพ์ใหญ่ เมื่อก่อนว่ากันแรง ของตกค้าง ที่วัด ในสมัยหนึ่งออกให้ทำบุญ หลักพัน อีกหนึ่งของดี ประวัติการสร้างพระแก้วมณีโชติ และ พระเครื่องชุด พระผงมหาจักรพรรดิ์ พระพิมพ์ สมเด็จพระแก้วมณีโชติ เป็นสุดยอดต้นตำรับ “สูตรมหาจักรพรรดิ์” ซึ่งเป็นสูตรที่ผ่านกระบวนการคิดวิเคราะห์โดยท่านพระครูศีลสารสัมบัน (สำรวย สมฺปนฺโน) เป็นผู้คิดค้นไว้ เป็นการเฉพาะ ดังนั้นพระเครื่องของวัดสระแก้วปทุมทองจึงเน้นสร้างพระเครื่อง “เนื้อดินผสมผงเก่า” โดยสร้างด้วยกรรมวิธี “การเผา” เช่นเดียวกับ พระเครื่องโบราณชนิดต่างๆ เช่น พระคงลำพูน พระรอดลำพูน พระนางพญาพิษณุโลก พระกรุวัดท่ามะปราง และพระกรุสุโขทัย เป็นต้น ... มวลสารวัสดุที่ใช้สร้างพระเนื้อดินผสมผง ประกอบด้วย -ผงตะไบพระกริ่งวัดสุทัศน์ รุ่น อินโดจีน พ.ศ.2485 -ชนวนพระโลหะและผง รุ่น 25 พุทธศตวรรษ จากจอมพล ป พิบูลสงคราม -ผงสมเด็จวัดระฆัง มวลสารเดียวกันกับ 2 ใน 5 เบญจภาคี มวลสารผงสมเด็จจากวัดระฆังหรือสมเด็จที่แตกหักซึ่งได้รับมาก่อนการสร้างสมเด็จวัดระฆัง รุ่น 100ปี ซึ่งก็มีสมญานามว่า “จักรพรรดิแห่งพระเครื่อง” -ดินที่ขุดจากกรุใต้ฐานสมเด็จพระนางพญา วัดนางพญา เป็นมวลสารหลัก ดินบริเวณนั้นมีพระนางพญา อายุ 700– 800 ปี ฝั่งอยู่ เป็นมวลสารด้วย ทั้งยังมีชิ้นส่วนพระนางพญาสมบูรณ์บ้าง ไม่สมบูรณ์บ้าง “ก่อนการบูรณะและแปลงวิหารพระนางพญามาเป็นพระอุโบสถ พ.ศ. 2511 นั้น มีการขุดใต้ฐานพระนางพญา วัดนางพญา หลวงพ่อสำรวย ท่านได้ดินก้นกรุใต้ฐานพระนางพญา ที่อยู่ในโอ่งมาเป็นมวลสารเยอะ และได้พระบูชามาด้วย -มวลสารไม่ได้มีวัดนางพญาเท่านั้น มีกรุกำแพงเพชร กรุสุโขทัย สุพรรณ เก็บรวบรวมมาทุกกรุ ทั่วภาคเหนือ” -ผงเกสรดอกไม้ 108จากวัดสำคัญทุกภูมิภาค -ทองคำที่ลอกจากองค์พระสำคัญ เช่น พระพุทธโสธร วัดโสธร วรารามวรวิหาร -เป็นต้น ว่าน 108 ชนิด ดินจากหน้าพระอุโบสถและพระวิหารประจำจังหวัดต่าง ๆ -ดินจากสังเวชนียสถาน 4 ตำบล ในประเทศอินเดีย -ผงจากพระเครื่องโบราณที่ชำรุดแตกหัก เช่น ผงพระสมเด็จวัดระฆัง สมเด็จวัดบางขุนพรหม พระนางพญา พระรอด พระขุนแผน พระผงสุพรรณ -ผงนวโลหะชนวนพระกริ่งของสมเด็จพระสังฆราช (แพ ติสฺสเทโว) -ท่านเจ้าคุณศรี (สนธ์) วัดสุทัศน์เทพวราราม นำมาผสมด้วยน้ำอภิเษกสำหรับการบรมราชาภิเษกในงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของพระมหากษัตริย์ไทยและน้ำสรงพระแก้วมรกต… -ผู้สร้างจะนำผงทั้งหมด ๑๐๘ ชนิดมาตากแดดให้แห้งสนิทแล้วจึงเอามาตำให้เป็นฝุ่นผงเหมือนแป้งสาลีขาวๆ เมื่อกีดด้วยนิ้วผงจะดึงเข้ามารวมกันเองเหมือนแม่เหล็ก แล้วนำมาผสมด้วยน้ำอภิเษก (สำหรับสรงในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก) เพื่อแสดงถึงความเป็นใหญ่ในแว่นแคว้น (พระจักรพรรดิ์) และน้ำศักดิ์สิทธิ์อื่นๆอีกมากมาย เมื่อผสมเสร็จแล้วจึงนำมากดพิมพ์โดยพระภิกษุและสามเณรในพระอุโบสถเท่านั้น จะทำนอกเขตพัทธสีมาไม่ได้ และต้องเป็นพระอุโบสถที่ประดิษฐานสมเด็จพระแก้วมณีโชติเท่านั้น (มีภาพถ่ายเป็นหลักฐาน) ในฤกษ์ยามที่คำนวณไว้แล้วให้เสร็จก่อนเห็นแสงอรุณ แล้วนำไปอบที่โรงหล่อจ่าทวี บูรณเขต ขณะอบต้องเจริญชัยมงคลคาถาจนเสร็จ เมื่อนำพระพิมพ์ออกมาปรากฏว่าพระพิมพ์ที่ไม่มีสี กลับมีสีมากมายถึง ๘ สี ประดุจดังรัตนชาติหรือนพรัตน์ หลากหลายสีสันสวยงาม เป็นที่อัศจรรย์แก่ผู้ประกอบพิธี นี้คือความพิเศษของกระบวนการจัดสร้าง สมเด็จพระแก้วมณีโชติ มีมวลสารวิเศษรวมไว้ในองค์เดียว ความพิเศษที่หาที่ไหนไม่ได้ จึงได้ชื่อว่า “มหาจักรพรรดิ์” จากบันทึกการจัดสร้างที่กล่าวมานี้แสดงให้เห็นว่า พระพิมพ์ สมเด็จพระแก้วมณีโชติ เนื้อดินผสมผง มีหลากหลายสีที่เกิดจาก “การเผา” หรือ “ปาฏิหาริย์” ก็เป็นเรื่องตามแต่วิจารณญาณและความศรัทธาของแต่ละคน พระพิมพ์ที่ถูกเผาดังเช่นพระเนื้อดินโบราณนี้จะมีขนาดและสีที่ แตกต่างกันอย่างเช่น พระรอดลำพูน พระคง พระบาง พระเปิม พระนางพญา ฯลฯ และพระบางองค์ที่ผสมผงเกสรหรือว่านมากไปก็จะกลายเป็น สีดำ หรือ สีเทา และบางองค์ที่มี ผงนวโลหะ (ผงตะไบจากวัดสุทัศน์เทพวราราม) ผสมอยู่มากเมื่อถูกความร้อนสูงผงนวโลหะก็จะละลายแผ่ซึมเข้าไปในเนื้อพระทำให้เป็น สีดำ หรือหากถูกความร้อนมากผงนวโลหะที่ละลายก็จะผุดออกมาจับที่ “ผิวพระด้านนอก” เป็นปุ่มสีดำ ที่มีทั้งผิวพระด้านและแวววาว เมื่อสะท้อนแสง โดยพระเนื้อนี้กลับกลายเป็นที่นิยมกันมากโดยเรียกว่า “พระเนื้อแร่ผงตะไบ” ตามแบบฉบับเนื้อพระกริ่งของวัดสุทัศน์เทพวราราม ที่สำคัญพระเนื้อแร่นี้จะมีความ “แข็งและแกร่ง” คือแตกหักหรือชำรุดได้ยากกว่าเนื้ออื่น ๆ ส่วนพระเนื้อที่ผสมผงเกสรหรือผสมผงนวโลหะน้อยก็จะมีสีสันเป็นธรรมชาติของเนื้อดินกรุวัดนางพญา เช่น เนื้อสีแดงแบบอิฐ สีขาวนวลเรียกว่าดอกพิกุล ที่มีจุดสีส้มเรียกว่า เกสรดอกมะขาม สีครีม สีน้ำตาลไหม้ สีช็อกโกแลต เป็นต้น บางองค์ก็ปรากฏพรายน้ำซึ่งก็คือ ซากพืชซากสัตว์ ที่ทับถมอยู่ในดินนับล้าน ๆ ปีนั่นเองและเมื่อมีพระ “เนื้อพิเศษ” ดังกล่าวและมีน้อยกว่าเนื้ออื่น ๆ เช่น “สีดำ” หรือ “สีช็อกโกแลต” กลายเป็นเนื้อยอดนิยมกลายเป็นของหายากจึงทำให้คน คิดนำพระแท้สีเทาไปทาสีเพื่อทำให้เป็น “เนื้อสีดำหรือช็อกโกแลต” พอนำออกขายก็จะได้ราคามากขึ้น แม้จะมีความพยายามเช่นไรแต่ก็มีพิรุธอยู่ดี คือเนื้อพระจะฉ่ำเยิ้มมีรอยแตกระแหงชำรุดง่าย การสร้างพระพิมพ์ทั้งสิ้นทั้งปวงนั้น ไม่มีฆราวาสคนใดได้จับหรือแตะต้อง มีเพียงพระภิกษุและสามเณรที่ปลงอาบัติและต่อศีลจนบริสุทธิ์ครบถ้วนแล้วเท่านั้นที่ช่วยกันบดผงด้วยครกเหล็กและกดพิมพ์พระจนบริบูรณ์ พระพิมพ์ สมเด็จพระแก้วมณีโชติ เนื้อดินผสมผง พิมพ์เล็กและพิมพ์ใหญ่ มีทั้งหมด 8 สี คือ สีดำเงา สีขาว สีอิฐ สีอรุณ สีคราม สีน้ำตาลอ่อน สีเทา และสีน้ำตาล เรียกกันว่า พระอรหันต์ 8 ทิศ พระพิมพ์ สมเด็จพระแก้วมณีโชติ เนื้อผง พิมพ์เล็กและพิมพ์ใหญ่ สีขาว เป็นเนื้อมวลสารสมเด็จวัดระฆัง และสมเด็จวัดบางขุนพรหม กรุงเทพมหานคร ผสมไว้จำนวนมาก และเป็นมวลสารที่บริสุทธิ์กว่าพระพิมพ์ชนิดอื่นๆ จนมีผู้เล่ากันว่า ท่านพระครูศีลสารสัมบันเป็นผู้กดพิมพ์พระเองเสียด้วยซ้ำ พระพิมพ์ชนิดนี้จัดสร้างไว้จำนวนน้อยคำนวณนับได้ไม่ถึง 100 องค์ เพราะมวลสารสำหรับพิมพ์พระมีน้อย อุปมาดังเช่น พระพุทธเจ้า อันเป็นบุคคลที่หาได้ยากในโลก จึงแทน “พระสัมมาสัมพุทธเจ้า” ความพิเศษของยันต์หลัง เป็น นะ ประทับหลังพระวิษณุ ซึ่งมีความพิเศษคือ ยันต์ดังกล่าวปรากฏอยู่ในอกเลา 6 เหลี่ยม พระอุโบสถของวัดสระแก้วปทุมทอง จังหวัดพิษณุโลก ซ่งถูกดัดแปลงมาจาก 1. ยันต์เฑาว์พุทธะ ในสมัย หลวงพ่อปาน ออกธุดงค์ ประมาณปี พ.ศ. 2446 ท่านพบลายแทงฉบับหนึ่งบ่งบอกว่า มีขุมทรัพย์และพระคาถามหายันต์อันศักดิ์สิทธิ์บรรจุอยู่ภายในพระปรางค์ร้าง วัดพระศรีมหาธาตุ สุพรรณบุรี หลวงพ่อปาน มีความสนใจในพระคาถามหายันต์นั้นเป็นอย่างมาก ท่านจึงออกธุดงค์ดั้นด้นค้นหาพระปรางค์ร้างจนพบและทำ การขุดเจาะรงตำแหน่งลายแทง ก็พบทรัพย์สมบัติและพระพิมพ์ต่างๆ มากมายบรรจุอยู่ในพระปรางค์ แต่ท่านก็ไม่มีความสนใจในทรัพย์สมบัติอันล้ำค่าต่างๆ เหล่านั้นเลย นอกจากผอบทองคำใบหนึ่งซึ่งภายในมีแผ่นลานทอง จารึกพระคาถาและอุปเท่ห์วิธีใช้ที่พระฤๅษี 108 ตน ร่วมกันชักยันต์ขึ้นมาเป็นพิเศษ เพื่อมอบแด่ผู้มีบุญต่อไปในภายภาคหน้า เมื่อ หลวงพ่อปาน ได้พระคาถามหายันต์ไปใช้แล้วก็นำมาท่องจนขึ้นใจสามารถชักยันต์ได้จนมีความ ชำนาญ จึงนำแผ่นลานทองเก็บไว้ในผอบทองคำตามเดิมแล้วนำมาบรรจุที่ใต้ฐานพระพุทธรูป องค์หนึ่ง จาก นั้นหลวงพ่อปานก็นำพระคาถามหายันต์นั้นมาใช้ได้บัง เกิดผลอันศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่น่าอัศจรรย์ ต่อมาเมื่อหลวงพ่อปานพิมพ์รูปของท่านออกแจก จึงประทับมหายันต์นั้นไว้บนศีรษะมหายันต์ดังกล่าวนั้นคือ “ยันต์เฑาว์พุทธะ”นั่นเอง... ยันต์เฑาว์พุทธะ นี้มีอานุภาพความศักดิ์สิทธิ์สูงส่ง เพราะพระฤๅษีผู้ทรง อภิญญาร่วมกันชักยันต์ขึ้นถึง 108 ตน นอกจากจะใช้ป้องกันภูตผีปีศาจแล้ว ยังใช้แก้โรคภัยไข้เจ็บทั้งภายในและภายนอกได้ดี โดยพิมพ์ยันต์ลงบนผ้า ปิดตามร่างกายที่ปวดเช่น ปวดศีรษะ ปวดบวมตามร่างกาย หรือจะสูญฝีก็ได้ให้ใช้นิ้วจุ่มน้ำลายใต้ลิ้น เขียนยันต์สูญรอบๆฝีหรือจะลงแก้มแก้คางทูมก็ได้ดียิ่งนัก ให้ระลึกถึงคุณพระศรีรัตนตรัย พระฤๅษี 108 ตน และหลวงพ่อปานเท่านั้นก็หายสิ้นแล 2. ยันต์นะมหาอุด หรือ นะซ่อนหาง หากพิจารณา ผิวเผินแล้ว ยันต์ตัวนี้เขียนง่าย แต่การเรียก สูตรนั้นยาก ขึ้นอยู่กับเฉพาะตัวว่าพระเกจิอาจารย์รูปใด จะใช้คาถาใด ในการเรียกสูตรยันต์ บางรูปก็ใช้คาถา หัวใจอิติปิโส หรือหัวใจพระเจ้า 16 พระองค์ คือ นะ มะ นะ อะ กอ กอ นะ กะ กอ ออ นอ อะ นะ อะ กะ อัง แต่ถ้าเรียกสูตร นะมหาอุด ตัวเดียวให้บริกรรม ระหว่างเขียนว่า นะ อุด ตะ รัง อุด ตะ รัง มิ จะ นะ อย่า อย่า นะ วิ หา รัง ปิด อุท ธัง อัท โธ ของหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ วัดสะแก จ.พระนครศรีอยุธยา นะ ประทับหลังพระวิษณุ คือ การรวมกันระหว่าง ยันต์เฑาว์พุทธะ และ ยันต์นะมหาอุด หรือ นะซ่อนหาง ซึ่งปรากฏอยู่ด้านหลังพระพิมพ์ สมเด็จพระแก้วมณีโชติ และพระพิมพ์รูปเหมือนพระครูศีลสารสัมบัน ทุกองค์นั้น เป็นการนำเอาอานุภาพของยันต์ทั้งสองผสานด้วยกัน กล่าวคือ นะ ประทับหลังพระวิษณุ เป็นยันต์หนึ่งใน 108 ยันต์ที่ลงในผ้าประเจียด เป็นมงคลแคล้วคลาด และเป็นเมตตามหานิยม สารพัดจะใช้ได้ทุกประการ และเป็นหัวใจของยันต์พระเจ้าห้ามทุกข์ ป้องกันการถูกกระทำไสยศาสตร์ใส่มนต์ดำ และเป็นยอดยันต์ประทับหลัง ยันต์พิชัยสงคราม ต้องปลุกด้วย อิติปิโสรัตนมาลา จึงจะขลัง โบราณท่านว่ามีค่าควรเมือง สุดท้ายเป็นยอดยันต์ธงมหาอุด ปลุกเสกด้วยพระคาถาภควัม 108 จบ จึงจะทรงกฤษดาอภินิหารยิ่ง ท่านพระครูศีลสารสัมบัน เลือกยันต์นี้ เพราะพุทธคุณเหลือคณานับ ของยันต์ทั้งหมด รวมกันแล้วกะทัดรัดลง หลังพระเครื่อง จะเป็นยันต์ที่ดีที่สุด เหตุผลของการเลือกยันต์ นะประทับหลังพระวิษณุ ไว้หลังองค์พระพิมพ์… พิธีพุทธาภิเษก จัดขึ้น ณ พระวิหารพระพุทธชินราช วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร (วัดใหญ่) จังหวัดพิษณุโลก วันพฤหัสบดี ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2515 ในพิธีนี้ พระอาจารย์ผ่อง จินดา วัดจักรวรรดิราชาวาส กทม. และ อาจารย์เทพย์ สาริกบุตร ซึ่งเป็นเจ้าพิธีได้กำหนด และควบคุมดำเนินการประกอบพิธี "จักรพรรดิมหาพุทธาภิเษก" ครบถ้วนตามแบบฉบับของโบราณพิธีทุกประการ คณะกรรมการพิธีจักรพรรดิมหาพุทธาภิเษก ประธานฝ่ายสงฆ์ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (วาสน์ วาสโน) ทรงเป็นประธานจุดเทียนชัย ประธานฝ่ายฆราวาส ศาสตราจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์ นายกพุทธสมาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นประธานในพิธีจุดเทียนบูชาพระรัตนตรัย ประธานบริกรรมปลุกเสก พระครูศรีพรหมโสภิต (หลวงพ่อแพ) วัดพิกุลทอง จ.สิงห์บุรี พระคณาจารย์นั่งปรกปลุกเสก 109 รูป ดังนี้ 1. หลวงพ่อทอง (พระครูวิริยะโสภิต) วัดพระปรางค์ จ.สิงห์บุรี 2. หลวงพ่อเงิน (พระราชธรรมมาภรณ์) วัดดอนยาหอม จ.นครปฐม 3. หลวงพ่อนาค (พระครูจันทรโสภณ) วัดนรนาถสุนทริการาม กรุงเทพฯ 4. หลวงพ่อแดง (พระครูญาณวิลาศ) วัดเขาบันไดอิฐ จ.เพชรบุรี 5. หลวงพ่อหอม (พระครูภาวนาณุโยค) วัดซากหมากป่าเรไร จ.ระยอง 6. หลวงพ่อสุข วัดโพธิ์ทรายทอง จ.บุรีรัมย์ 7. หลวงพ่อสด (พระครูวิจิตนชัยการ) วัดหางน้ำ จ.ชัยนาท ฯลฯ |
พระเครื่องที่เกี่ยวข้องในร้านค้านี้...










อื่นๆ...
กำหลังโหลด Comments