-
0 8 6 - 5 6 0 4 0 3 7
หมวด เหรียญปั๊ม ก่อนปี 2520
เหรียญวิเศษเรืองปัญญา วัดดอนยานนาวา พิธี เสาร์5 ปี 2516
ชื่อร้านค้า | จ่าจีระสิทธิ์ - (คลิ๊กที่นี่เพื่อดู ข้อมูลเกี่ยวกับร้านค้า) |
---|---|
ชื่อเจ้าของร้านค้า | |
ชื่อพระเครื่อง | เหรียญวิเศษเรืองปัญญา วัดดอนยานนาวา พิธี เสาร์5 ปี 2516 |
อายุพระเครื่อง | 52 ปี |
หมวดพระ | เหรียญปั๊ม ก่อนปี 2520 |
ราคาเช่า | - |
เบอร์โทรติดต่อ | 08-6560-4037 |
อีเมล์ติดต่อ | Tayanrum@hotmail.com |
LINE |
(คลิ๊กที่นี่เพื่อเพิ่มเพื่อนกับเจ้าของร้าน)
|
สถานะ | |
เปิดให้เช่าตั้งแต่วันที่ | อา. - 01 ธ.ค. 2567 - 21:43.32 |
แก้ไขข้อมูลล่าสุดเมื่อ | จ. - 30 ธ.ค. 2567 - 14:34.39 |
รายละเอียด | |
---|---|
เหรียญวิเศษเรืองปัญญา วัดดอนยานนาวา พิธี เสาร์5 ปี 2516 เหรียญสวยผิวเดิมครับ.. พิธีมหาพุทธาภิเษก วัดดอนยานนาวา 7 เมษายน 16 เสาร์ห้า เหรียญวิเศษเรืองปัญญา เป็นพระที่สร้าง และ ปลุกเสกพิธีใหญ่ ณ วัดดอนยานนาวา กรุงเทพฯ ในปี พ.ศ.2516 มีฤกษ์ดี คือ ฤกษ์เสาร์ 5 ที่คนโบราณเชื่อกันว่าเป็นฤกษ์ที่แข็งที่สุด ในรอบหลายๆปี เพราะวันเสาร์ที่ตรงกับวันขึ้น/แรม 5 ค่ำ และ เดือน 5 มีไม่บ่อยนัก หลายๆปี จึงจะมีสักครั้ง จึงมีความเข้มขลัง และ ศักดิ์สิทธิ์เป็นพิเศษ และ ในปีนี้เอง ทางวัดดอนจึงได้จัดสร้างวัตถุมงคลขึ้นหลายชนิด เช่น พระกริ่งฟ้าผ่า รุ่น2 เหรียญหลวงพ่อกึ่น พระสมเด็จโคดม บรมสกลธวัชชัย และ เหรียญวิเศษเรืองปัญญา พิธีพุทธาภิเษก จัดอย่างยาวนานถึง 5 วัน 5คืน เริ่มตั้งแต่วันที่ 7 เมษายน จนไปถึงวันที่ 11 เมษายน 2516 โดยมีพิธีกรรมแบบเดียวกับเหรียญจักรเพชรวัดดอน คือ พิธีพราหมณ์ และ พุทธ โดยพิธีพุทธนั้น มีเกจิดังๆในสมัยนั้นอย่างคับคั่ง โดยมีหลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี เป็นประธานในพิธี และ ยังมีเกจิอาจารย์นั่งปรกในพิธี อีกมากมาย วัดดอนเป็นวัดโบราณสร้างมานานตั้งแต่ครั้งรัชกาลที่หนึ่งกรุงรัตนโกสินทร์ แผ่นดินพระบาทสมเด็จบรมบพิตรพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชปรากฏความตามหลักฐานดั้งเดิมว่า มังจันจ่าพระยาทวาย เป็นผู้มีศรัทธา สร้างขึ้นด้วยความร่วมแรงร่วมใจของชาวทวายในสมัยนั้น มังจันจ่าผู้เป็นหัวหน้าสร้างวัดนี้เดิมทีเป็นขุนนางแห่งพุกามประเทศมีราชทินนามตามตำแหน่งที่โนมะโยกะยอดินกินเมืองทวาย ภายหลังต่อมาได้เกิดขัดใจกันขึ้นกับสมเด็จพระเจ้าปดุงกรุงอังวะผู้ดุร้าย ไม่ยอมอยู่ใต้อำนาจพม่าอีกต่อไป จึงแต่งทูตให้ถือท้องตรามาขอสวามิภักดิ์ขึ้นกับไทย พร้อมกันนั้นได้ชักชวนเกลี้ยกล่อมพระยามะริดและพระยาตะนาวศรีซึ่งว่าราชการเมืองมะริดเมืองตะนาวศรีให้มาร่วมสวามิภักดิ์กับไทยเจ้าเมืองทั้งสองก็เห็นดีเห็นงามร่วมกันมีท้องตราทูลความมาขอเป็นข้าขอบขันฑสีมาของไทยสยามประเทศ พระบาทสมเด็จพระบรมบพิตรพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่หนึ่ง ทรงอนุสรณ์ถึงความดีความชอบของมังจันจ่าพระยาทวาย ในกรณีที่ยกเมืองทวายและชักชวนเจ้าเมืองมะริด ตะนาวศรีซึ่งเป็นฝ่ายพม่าข้าศึกให้มาสวามิภักดิ์เป็นข้าขอบขัณฑสีมาของไทยนั้นประการหนึ่งกับอีกประการหนึ่ง มังจันจ่าพระยาทวายผู้นี้มีความดีความชอบเป็นพิเศษ โดยได้พาเอาสมเด็จพระราชภาคิไนยที่จากไปนานให้มาเฝ้าได้พบกัน ครั้งหลานพระหลานเธอสมเด็จเจ้าฟ้ากรมขุนรามินทรสุดาราชภาคิไนยซึ่งเป็นธิดาของเจ้ารามณรงค์พระเชษฐาธิบดีผู้ถึงแก่ชีพิตักษัยไปนานแล้ว ณ กรุงเก่าคราวศึกพม่า เมื่อได้มาเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพร้อมกับสมเด็จพระอนุชาธิราชกรมพระราชวังบวร ซึ่งทรงเป็นพระเจ้าอาทั้งสองก็นองน้ำตาเล่าถวายถึงความทุกข์ยากลำบาก ตั้งแต่บ้านแตกสาแหรกขาดคราวศรีอยุธยาพ่าย พลัดพรากจากไปอยู่เมืองพม่าแล้วหลบหนีมาบวชเป็นรูปชีอยู่ที่เมืองทวาย ได้มังจันจ่าพระยาทวายให้ความอุปถัมภ์บำรุงคราวตกยากและพรรณนาถึงคุณความดีของมังจันจ่าที่อุตสาห์ซ่อนเร้นคอยบำรุงรักษาอย่างเข้มงวดกวนขัน ปิดบังความมิให้พม่ารู้ด้วยเกรงจะเกิดอันตราย พระหลานเธอรำพันไปถึงความทุกข์ยากต่างๆนานาแล้วก็ทรงพระกรรแสง สมเด็จพระบรมบพิตรพระเจ้าอยู่หัวและพระอนุชาธิราชทั้งสองพระองค์ทรงสดังความแล้วก็กลั้นน้ำพระเนตรไว้มิได้ด้วยความสงสารในพระภาคิไนย ซึ่งเป็นธิดาองค์เดียวของพระเจ้ารามณรงค์พระเชษฐา เมื่อทรงพิจารณาไปความดีของมังจันจ่าพระยาทวายก็ปรากฏประจักษ์ชัดขึ้น จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้มังจันจ่าพระยาทวายผู้ มีความชอบ พาครอบครัวและญาติสนิทมิตรสหาย ข้าไทบริวารอพยพมารับราชการที่กรุงเทพพระมหานครโปรดพระราชทานที่หลวงซึ่งมีอยู่ ณ ตำบลคอกกระบือ ให้เป็นที่อยู่ของเหล่าชาวทวายที่อพยพมา เมื่อปีชวด พระพุทธศักราช ๒๓๓๕ แล้วทรงพระกรุณาแต่งตั้งให้เนมะโยกะยอดินหรือมังจันจ่าพระยาทวาย เป็นหัวหน้าปกครองดูแลบรรดาชาวทวายเหล่านั้นเมื่อได้ที่อยู่อาศัยเป็นหลักฐานแล้ว มังจันจ่าพระยาทวายผู้เป็นหัวหน้าจึงชักชวนผู้มีจิตศรัทธาชาวทวายให้ช่วยกันขวนขวายสร้างวัดขึ้นในราวปีพุทธศักราช ๒๓๔๐ วัดที่มังจันจ่าพระยาทวายสร้างขึ้นนี้โดยเหตุที่เป็นวัดสร้างขึ้นบนภูมิภาคอันเป็นที่ดอนรอบบริเวณเป็นที่ลุ่มราบดังนี้นจึงปรากฏนามว่า “วัดดอน”และโดยที่วัดนี้ถูกสร้างขึ้นด้วยศรัทธาของพระยาทวายพร้อมกับญาติมิตรสหายชาวทวายทั้งปวง ณ สถานที่หลวงพระราชทานหลังบ้านทวาย ดังนั้นผู้คนทั้งหลายจงนิยมเรียกกันง่ายๆว่า วัดดอนทวาย จะอย่างไรก็ดีพอตกมาถึงปีพุทธศักราช ๒๕๐๐ ครั้งรัชกาลที่ ๔ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ แผ่นดินพระบาทสมเด็จพระบรมบพิตรพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวพระองค์ผู้ทรงเป็นมหาปราชญ์ในเชิงอังษรศาสตรภาษา ได้ทรงพระกรุณาเปลี่ยนนามวัดที่พระยาทวายสร้างขึ้นนี้ว่า “วัดบรมสถล” แต่มหาชนก็ยังนิยมเรียกว่า วัดดอนทวาย อยู่อีกตามเดิมด้วยความเคยชิน วัดดอนหรือวัดที่พระกรุณาเปลี่ยนนามให้ใหม่ว่า วัดบรมสถล มีบริเวณแผ่ตลอดไปตามภูมิภาคที่ดอน มีจำนวนเนื้อที่ ๑๗ ไร่ ๒ งาน ๒๘ วา โดยมีคูเป็นเขตวัดล้อมรอบทุกด้าน กล่าวคือคูด้านเหนือและด้านตะวันออกเป็นเครื่องปันเขตวัดดอนกับป่าช้าจีน ส่วนคูด้านใต้และด้านตะวันตกเป็นเครื่องปันเขตวัดดอนกับชาวบ้าน วัดดอนนี้เดิมทีมีแต่พระสงฆ์ชาวทวายจำพรรษาอยู่เป็นส่วนมากโดยมีพระสงฆ์อาวุโสทำหน้าที่ปกครองดูแลสืบต่อกันมาจนถึงสมัยพระอุปัชฌาย์จั่น รูปนี้ก็เป็นชาวทวายอีกเหมือนกันทำหน้าที่ปกครองวัดเป็นสมภารมานานช้า บรรดาศิษย์และชาวบ้านเรียท่านว่าท่านใหญ่ เป็นพระอุปัชฌาย์ให้การอุปสมบทกุลบุตรทั้งชาวทวายและชาวไทยมีผุ้เคารพเลื่อมใสมากถึงมรณภาพเมื่อปีพุทธศักราช ๒๔๖๒ ครั้นพระอุปัชฌาย์จั่นหรือท่านใหญ่ถึงมรณภาพเมื่อปีพุทธศักราช ๒๔๖๒ พระครูกัลยาณวิสุทธิ์ ก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นสมภารเจ้าวัดสืบมา พระครูกัลยาณวิสุทธิ์หรือหลวงพ่อกึ๋นนี้ ก็มีชาติกำเนิดสืบเชื้อสายมาแต่ชาวทวาย เกิดที่บ้านทวาย เขตยานนาวา กรุงเทพมหานคร เป็นสมภารเจ้าวัดดอนมาหลายสิบปีมีเกียรติคุณในทางสมาธิ ภาวนาและขลังในคาถาอาคมโดยได้เล่าเรียนสืบต่อมาจากพระอุปัชฌาย์ จั่นท่านใหญ่และอาจารย์เปี่ยมซึ่งเป็นอาจารย์วิชาอาคมขลังเรืองนาม เป็นที่เคารพนับถือของคนในสมัยนั้นจึงทำให้ท่านฝักใฝ่อยู่แต่ในทางนี้จนมีชื่อว่าเป็นเกจิอาจารย์รูปหนึ่งในบรรดาเกจิอาจารย์ผู้มีวิชาอาคมขลังทั้งหลาย อนุสรณ์ยิ่งใหญ่ที่ท่านพระครูกัลยาณวิสุทธิ์สร้างไว้ในฐานะที่เป็นเกจิอาจารย์ผู้ทรงวิทยามนต์อันสูงยิ่งก็คือพระกริ่งฟ้าผ่า สาเหตุที่พระกริ่งของท่านจะได้ชื่อว่าพระกริ่งฟ้าผ่านั้น เล่ากันว่าเมื่อปีพุทธศักราช ๒๔๘๐ สมัยที่เป็นพระครูกึ๋น ผู้มีวัยสี่สิบเศษปรารภเหตุไทยจะเข้าทำสงครามอินโดจีน ในฐานนะที่ท่านเคยเป็นทหารมาก่อนจึงมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะช่วยประเทศชาติตามวิสัยสมณะจะพึงกระทำได้จึงคิดสร้างพระกริ่งนิรันตราย เพื่อแจกจ่ายแก่บรรดาศิษย์ลูกบ้านทวายที่ลาไปทัพกับทหารไทยทั่วไปในการสร้างพระกริ่งครั้งนี้ได้จัดเป็นพิธีใหญ่โดยตัวท่านเองไปทูลอาราธนาสมเด็จพระสังฆราช(แพ ติสสเทวมหาเถร) วัดสุทัศนเทพวราราม ซึ่งเป็นที่เคารพอย่างสูงสุดให้มาทรงเป็นองค์ประธานจุดเทียนชัยและกำกับการบวงสรวงอันเชิญปวงเทพเจ้ามาเข้าร่วมพิธีศักดิ์สิทธิ์นี้ในระหว่างพิธีได้ปรากฏเหตุมหัศจรรย์ถึงสองครั้งสองครา ครั้งหนึ่งจู่ๆท้องฟ้าที่กำลังแจ่มใสก็มืดครึ้มลงได้เกิดสายฟ้าผ่าลงมาในปริมณฑลพิธี แต่ก็ไม่เป็นอันตรายแก่ผู้ร่วมงานในพิธีแต่อย่างใดและอีกครั้งขณะที่สมเด็จพระสังฆราชแพทรงจับสายสิญจน์ในพิธีเททอง สายสิญจน์เส้นหนึ่งได้ถูกลมพัดตกลงในเบ้าหลอมเนื้อโลหะที่กำลังร้อนแต่ก็ไม่ไหม้ เหตุการณ์ทั้งสองเกิดขึ้นต่อหน้าพระพักตร์สมเด็จพระสังฆราชแพผู้มาร่วมงานพิธีเป็นจำนวนมากจึงทรงประทานนามพระกริ่งว่า “พระกริ่ง นิรันตราย”แต่ส่วนใหญ่มักเรียก “พระกริ่งฟ้าผ่า ตามเหตุอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นและเรียกติดปากกันมาจนถึงทุกวันนี้ พระกริ่งฟ้าผ่า หลวงพ่อกึ๋น วัดดอนยานนาวา สร้างด้วยวิธีการเททองหล่อแบบโบราณและบรรจุกริ่งในตัวเหมือนกระกริ่งวัดสุทัศน์ กระแสของเนื้อโลหะเป็นทองผสม วรรณะจะออกเหลืองอมน้ำตาล ที่อมเขียวจะมีจำนวนน้อย มี ๒ ขนาด คือขนาดใหญ่และขนาดเล็กแต่พุทธลักษณะจะเหมือนกันทุกประการคือองค์พระประทับนั่งปางมารวิชัย ขัดสมาธิเพชร สถิตเหนืออาสนะบัวคว่ำบัวหงาย ๗ กลีบซึ่งเป็นรูปสี่เหลี่ยมแบบบัวจีน พระหัตถ์ข้างซ้ายถือหม้อน้ำมนต์ หน้าพระเพลาเป็นผ้าทิพย์ด้านหลังพระเศียรเป็นประภามณฑลลักษณะกลมประดับด้วยเม็ดไข่ปลานูน หลังประภามณฑลแบนเรียบมีจารอักขระขอม ตัวอุ เกือบทุกองค์ พระเกศเป็นหนามขนุน พระนลาฏปรากฏอุณาโลม มีทั้งแบบเม็ดไข่ปลานูนและรอยตอกด้วยตุ๊ดตู่ลึกลงไป พระพักตร์ค่อนข้างยาวรีคล้ายผลมะตูม พระเนตรเป็นแบบเนตรเนื้อ จำนวนการสร้างในครั้งนั้นก็มากพอประมาณแต่ปัจจุบันค่อนข้างหาดูหาเช่าของแท้ๆค่อนข้างยากจึงขอชี้จุดเอกลักษณ์เฉพาะในการพิจารณาเบื้องต้นคือ ด้วยความเก่าแก่ขององค์พระซึ่งถ้านับถึงปัจจุบันก็กว่า ๗๐ ปีดังนั้นเมื่อนำแว่นขยายมาส่องดูจะสังเกตุเห็นผิวขององค์พระเป็นลายมุ้งละเอียด พิจารณาให้ดีก่อนตัดสินใจ ในปี พ.ศ.๒๕๑๖ มีฤกษ์ดีคือฤกษ์เสาร์๕ ที่คนโบราณเชื่อกันว่าเป็นวันแข็งที่สุดในรอบหลายๆปีเพราะวันเสาร์ที่ตรงกับวันขึ้น/แรม ๕ ค่ำและเดือน ๕ มีไม่บ่อยนักหลายๆปีถึงจะมีสังครั้ง ทางไสยศาสตร์ถือว่าวัตถุมงคลอะไรก็ตามหากได้ประกอบพิธีปลุกเสกในวันเสาร์ ๕ จะมีความเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์เป็นพิเศษและในปีนี้ทางวัดดอนได้จัดสร้างวัตถุมงคลขึ้นมาหลายชนิดเช่นพระกริ่งฝ้าผ่ารุ่นสอง เหรียญหลวงพ่อกึ๋น พระสมเด็จพระโคดมบรมสถลธวัชชัย และเหรียญวิเศษเรืองปัญญาโดยได้นำชนวนโลหะที่เหลือจากพิธีครั้งก่อนมาหลอมเป็นจำนวนมากแล้วจึงนำไปรีดมาเป็นแผ่นเพื่อปั๊มเหรียญ พิธีมหาพุทธาภิเษกได้จัดอย่างยาวนานถึงห้าวันห้าคืน เริ่มตั้งแต่วันที่ ๗ เมษายน ๒๕๑๖ ไปถึงวันที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๑๖ โดยมีพิธีกรรมทั้งแบบพราหมณ์โดยการทำพิธีเทวาภิเศก(แบบเดียวกับการจัดพิธีปลุกเสกเหรียญจักรเพชร)และพิธีแบบศาสนาพุทธโดยการจัดพิธีมหาพุทธาภิเศกโดยนิมนต์พระเกจิอาจารย์ที่เรืองเวทย์ในสมัยนั้นมาร่วมพุทธาภิเศกหลายท่านโดยมีหลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี เป็นประธานในพิธีและมีพระเกจิอาจารย์นั่งปรกในพิธีอีกมากมายเท่าที่สืบค้นได้ก็มี หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม หลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี หลวงพ่อทองอยู่ วัดใหม่หนองพะอง หลวงพ่อหน่าย วัดบ้านแจ้ง หลวงพ่อเทียม วัดกษัตราธิราช พระอาจารย์นำ วัดดอนศาลา หลวงพ่อหมุน วัดเขาแดงตะวันออก หลวงพ่อสุด วัดกาหลง หลวงพ่อนอ วัดกลางท่าเรือ ครูบาวัง วัดบ้านเด่น หลวงพ่อโอด วัดจันเสน นครสวรรค์ หลวงพ่อวงษ์ วัดปริวาส หลวงปู่เส่ง วัดกัลยณมิตร หลวงพ่อมุม วัดประสาทเยอร์ หลวงพ่อพริ้ง วัดโบสถ์โก่งธนู หลวงพ่อกี๋ วัดหูช้าง ฯลฯ |
พระเครื่องที่เกี่ยวข้องในร้านค้านี้...
อื่นๆ...
กำหลังโหลด Comments