-
0 8 6 - 5 6 0 4 0 3 7
หมวด พระเนื้อผง เนื้อดิน เนื้อว่าน ก่อนปี 2525
พระสมเด็จ กรุวัดราชประดิษฐ์ พิมพ์อุ้บาตร
ชื่อร้านค้า | จ่าจีระสิทธิ์ - (คลิ๊กที่นี่เพื่อดู ข้อมูลเกี่ยวกับร้านค้า) |
---|---|
ชื่อเจ้าของร้านค้า | |
ชื่อพระเครื่อง | พระสมเด็จ กรุวัดราชประดิษฐ์ พิมพ์อุ้บาตร |
อายุพระเครื่อง | - |
หมวดพระ | พระเนื้อผง เนื้อดิน เนื้อว่าน ก่อนปี 2525 |
ราคาเช่า | 550 บาท |
เบอร์โทรติดต่อ | 08-6560-4037 |
อีเมล์ติดต่อ | Tayanrum@hotmail.com |
LINE |
(คลิ๊กที่นี่เพื่อเพิ่มเพื่อนกับเจ้าของร้าน)
|
สถานะ | |
เปิดให้เช่าตั้งแต่วันที่ | จ. - 28 ต.ค. 2567 - 21:21.32 |
แก้ไขข้อมูลล่าสุดเมื่อ | พ. - 30 ต.ค. 2567 - 20:47.04 |
รายละเอียด | |
---|---|
พระสมเด็จ กรุวัดราชประดิษฐ์ พิมพ์อุ้บาตร วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร ชื่อเดิมคือ “วัดราชประดิษฐ์สถิตธรรมยุติการาม” เรียกสั้นๆว่าวัดราชประดิษฐ์ เป็นวัดประจำรัชกาลที่ 4 และเป็นพระอารามแห่งแรกของคณะสงฆ์ฝ่ายธรรมยุติ ซึ่งรัชกาลที่ 4 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้น ภายในวัดมีศิลปะในยุครัตนโกสินทร์งดงามตระการตาให้ชมมากมาย มีจิตรกรรมฝาผนังภาพการชมสุริยุปราคาในสมัยรัชกาลที่ 4 และเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธสิหิงค์ด้วย พระกรุที่พบที่วัดนี้เป็นเนื้อผง จะเป็นพระสมเด็จสี่เหลี่ยม ที่เป็นแบบปลายแหลมก็มี เนื้อผงสีขาวบางองค์มีคราบฟู จาก ประวัติที่สืบค้นได้ พระผงกรุนี้เป็นพระที่สร้างโดย อ.หนู (โตมร บุนนาค) ซึ่งเป็นครูบาอาจารย์สายเก้าเฮ (สายแขก) หรือสายวังหน้า ในกทม. เสียชีวิตราวปี 2519 ในสมัยที่ท่านยังอยู่ท่านเป็นอาจารย์ฆราวาสที่ เข้มขลังมาก วิชาที่เด่นของสายนี้ได้แก่วิชา "หินเบา" ซึ่งสามารถสั่งให้ร่างกายคงกระพันอย่างกับหินหรือสั่งให้ตัวอ่อนจนทำร้ายทำ อันตรายไม่ได้ก็มี ท่านเคยบวชเป็นพระภิกษุอยู่ที่วัดราชประดิษฐ ตอนหลังมีเรื่องให้ต้องสึก เพราะคนแกล้งเนื่องจากเห็นว่าคนขึ้นท่าน คนมาหาท่านมากจนอาจจะถูกคนอิจฉา ก่อนสึกออกมา ท่านยังได้สำแดงปาฏิหาริย์ไว้ ด้วยการตบจอหนังที่ฉายครั้งเดียว จอเป็นสีขาวไม่มีตัวหนังปรากฎ แม้เครื่องฉายยังทำงานตามปกติ ขณะบวชเป็นพระภิกษุอยู่ที่วัดราชประดิษฐฯนั้น ท่านได้สร้างพระพิมพ์จากเนื้อผงขาวที่ท่านลบเองตามตำราที่ได้ศึกษามาจากสายต่างๆ พิมพ์พระสมเด็จเท่าที่พบเห็นมีอยู่ 3 พิมพ์ คือ 1.พิมพ์โมคคัลลาน์พระสารีบุตร ฐานผ้าทิพย์ ส่วนใหญ่ด้านหลังจะมียันต์พบเห็นน้อยคาดว่าจะเป็นพิมพ์นับคะแนน 2.พิมพ์อุ้มบาตรปรกโพธิ์ และ 3.พิมพ์สมเด็จฐานแซม ทั้ง2พิมพ์ที่พบหลังจะเรียบไม่มียันต์ ครูในตำนาน - อาจารย์โตมร บุนนาค อาจารย์โตมร บุนนาค ท่านมีชื่อเล่นว่า หนู ท่านเป็นบุตรของพระยาชัยสุรินทร์ บ้านท่านหรือสำนักท่านจะอยู่แถวสามเสน ท่านจะมีทั้งวิชาสายแขก และสายไทย ปู่หนูเป็นคนรูปร่างสูงใหญ่ และจะออกดุๆ เป็นคนไม่ค่อยพูด แต่เมตตาสูงใครมาหามาขออะไรท่านก็ให้ ไม่ต้องมีค่าครูหรืออะไร แต่บางอย่างถ้าตามตำราให้เก็บค่าครูเช่นหกสลึงท่านก็เก็บ แต่ใครไม่มีท่านก็เอาเงินท่านใส่พานให้ ใครถือดอกไม้ธูปเทียนขึ้นมาท่านก็บอกให้เอาไปไหว้พระ ใครอยากจะทำบุญท่านก็บอกให้เอาไปหยอดในตู้ ตู้จะเปิดปีละหนเดียวคือวันไหว้ครู เพื่อให้นำเงินไปซื้อข้าวของมาไหว้ครู ลูกศิษย์ลูกหาตกงานนอนอยู่บนสำนัก ถ้าอยู่สักห้าคน เช้ามาท่านก็จะวางเงินไว้ให้ห้ากอง กองละห้าบาท บุหรี่กรุงทองหนึ่งซอง โดยที่ท่านไม่ได้พูดอะไร ลูกศิษย์ก็เป็นอันรู้กันว่าอาจารย์ให้ ซึ่งท่านเป็นอาจารย์รุ่นเก่าที่มีชื่อเสียง สำนักท่านโดยมากสำนักสักอื่นจะรู้จักว่าสำนักนี้สิงห์เผ่น ปู่หนูท่านเป็นบุตรของพระยาชัยสุรินทร์ ผู้อำนวยการกองสลากฯ และท่านยังเป็นหลานของเจ้าจอมมารดาเอี่ยม ซึ่งเป็นเจ้าจอมในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๕ บ้านท่านหรือสำนักท่านก็จะอยู่บริเวณตำหนักเจ้าจอมมารดาเอียม ย่านสามเสน ท่านเรียนทั้งวิชาสายไทยและสายแขก สายแขกท่านก็ได้วิชามาจากเปาะอินดาซามา เปาะอารียา สายไทยท่านก็ได้วิชามาจากหลวงปู่ตันวัดโตนด จังหวัดสระบุรี ตอนหลังท่านเรียนวิชากับหลวงปู่ตันหมดสิ้นแล้ว หลวงปู่ตันท่านก็เขียนจดหมายให้ปู่หนูถือมาหาพ่อแก้ว คำวิบูลย์ เมื่อพ่อแก้วอ่านจดหมายก็น้ำตาไหล แล้วก็ได้เรียนวิชากับพ่อแก้ว โดยปู่หนูท่านก็ไม่ทราบว่าจดหมายข้างในจะเขียนว่าอะไร ส่วนมากวิชาที่เรียนทางสายพ่อแก้วก็จะเป็นวิชาทางด้านเมตตามหานิยม ตำราที่จดไว้ก็จะเป็นพวกคาถาซาวข้าว คาถาตบหมอน ฯลฯ นอกจากนี้ท่านยังเป็นลูกศิษย์ปู่เอม อยู่สถาพรด้วย สมัยก่อนซักปีน่าจะราวๆ2500 ต้นๆ ท่านเคยถูกเจ้าหน้าที่บ้านเมืองจับกุมพร้อมลูกศิษย์ ขึ้นหนังสือพิมพ์ไทยรัฐหน้าหนึ่ง ว่าเป็นอาจารย์โจร เพราะลูกศิษย์ลูกหาโดยมากก็จะมีแต่พวกเชิงนักเลงทั้งนั้น ขณะถูกจับลูกศิษย์ก็ได้สะสมอาวุธเพื่อจะไปห้ำหั่นกับลูกศิษย์ของอาจารย์ดังอีกสำนักหนึ่งก็ข่าวรั่วไปเข้าหูเจ้าหน้าที่บ้านเมือง ก็โดนข้อหาซ่องโจรกันไป เมื่อท่านพ้นคดีความท่านก็ไปบวชเป็นพระอยู่ที่วัดประดิษฐาราม ขณะไปบวชก็ยังไม่วายมีชาวบ้านชาวช่องลูกศิษย์ลูกหาไปหาอยู่เรื่อย จนวัดนี่ดูจะไม่เรียบร้อย ท่านเจ้าอาวาสปู่ใหญ่ซึ่งเป็นอาจารย์ท่านด้วย ปู่ใหญ่นี่ท่านจะเป็นอาจารย์ที่เก่งทางด้านวิปัสนากรรฐาน ท่านก็บอกปู่หนูว่าท่านสึกเถอะ ก่อนท่านจะสึกในช่วงนั้นวัดเกิดมีงานวัดฉายหนังกันอยู่ท่านก็แสดงปาฐิหารย์เอามือตบจอหนัง ปรากฏว่าหนังฉายไม่เห็นตัวจอขาวจั๊ว เกิดเป็นเรื่องวุ่นวาย จนคนฉายหนังไปบอกปู่ใหญ่ ปู่ใหญ่บอกว่าไปบอกเค้าสิอยู่โน่นแนะเค้าเป็นคนทำ แล้วท่านก็สึกออกมา สำนักนี้ก็ไม่มีข้อห้ามอะไรมาก แต่ปู่หนูท่านบอกห้ามด่าแม่ไม่ว่าแม่ใคร ตามประวัติที่หลายคนเล่ามาว่าปู่หนูท่านอยู่น้ำ ท่านจะไม่อาบน้ำเลยเป็นปี จะอาบก็ตอนที่ท่านจะไปพวกงานสำคัญเช่นงานบวชเท่านั้น เล่ากันว่าปู่หนูนี่เนื้อตัวท่านแข็งเหมือนไม้กระดานเลย เวลาใช้ให้ลูกศิษย์นวดลูกศิษย์ก็เรียกว่าโถมกันทั้งตัวหรือขึ้นไปเหยียบบนตัวและเอามือยันเพดานเป็นรอยมือเต็มไปหมด ท่านยังไม่รู้สึกอะไรเลยนอนหลับเฉยเลย ในเรื่องวิชาเก้าเฮของปู่หนูเล่าว่ามาจากแขกเคราแดง (แขกเลี้ยงวัว) ผู้สืิบทอดปัจจุบันจะมีใครบ้างก็ไม่อาจทราบได้ วิชาเก้าเฮนี่ลูกศิษย์บางคนปู่หนูก็ไม่ได้ครอบให้ ลูกศิษย์ลูกหาโดยมากก็จะท่องคาถากันได้อยู่แล้วก็สอนวิธีชักยันต์ต่อๆกัน ใครอยากชักยันต์เป็นปู่ก็จะบอกคนที่เป็นชักเป็นแล้วว่าไปสอนให้มันหน่อย ลูกศิษย์บางคนปู่หนูท่านก็สักคาถาเฮไว้ให้ ( ปู่หนูท่านจะสักหัวใจเฮเป็นภาษาแขกโบราณ) บางคนก็จะสักหรือจารเป็นยันต์ไว้ให้ ยันต์นี่ก็เหมือนยันต์ชาตรีของหลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติ แต่ของปู่หนูจะมีภาษาแขกกำกับไว้ และในตอนทำพิธีครอบครูปู่หนูจะมีอ่างซึ่งใส่พวกศาตราวุธทุกอย่างลงไป เช่น หอก มีด ดาบ ง้าว ฯลฯ แล้วลูกศิษย์ก็ลงไปนั่งในนั้น แล้วก็จะทำพิธีเอาน้ำในนั้นลูบตัว แล้วท้ายสุดก็ยกหินทุ่มหลังสามครั้ง ก็เป็นอันเสร็จพิธี ท่านบอกว่าต้องชักยันต์เข้าตัวทุกเช้า-เย็น ติดต่อกันเจ็ดปี จึงจะถ่ายทอดให้คนเป็นเรื่องเป็นราวได้ ซึ่งน้อยคนนักทีจะทำให้ครบได้ เวลาชักยันต์ก็จะแก้ผ้าหรือนุ่งผ้าขาวม้าหรือใส่เสื้อผ้าให้น้อยชิ้นที่สุด เพื่อให้การลูบตัวตอนชักยันต์ไม่สะดุด ก่อนชักยันต์จะขึ้นเฮ ก็ว่าคาถาแขกไหว้ครูแขกเสียก่อน การชักยันต์ก็จะมีทั้งลูกหนักลูกเบา ชักลูกหนักตัวเราก็จะเหมือนหินเวลาโดนกระทบก็จะเหมือนของแข็งเจอแข็ง ชักลูกเบาตัวเราก็จะอ่อนเวลาโดนกระทบตัวเราก็จะอ่อนนุ่ม แต่คนสมัยก่อนเล่าว่าถ้าเล่นลูกหนักมากก็จะเพี้ยนๆเพราะไม่กลัวใคร บ้าไปเลยก็มีแต่ใครทำอะไรไม่ได้ ในช่วงหลังๆจึงนิยมเล่นลูกเบาเสียมากกว่า |
พระเครื่องที่เกี่ยวข้องในร้านค้านี้...
อื่นๆ...
กำหลังโหลด Comments