เหรียญพระฤาษีโคดมบรมครู อาจารย์โสมทัต เขมจารี-จ่าจีระสิทธิ์ - webpra
VIP
  • 0 8 6 - 5 6 0 4 0 3 7
  • Page 1
  • Page 2
หน้าที่ และความรับผิดชอบ

หมวด เครื่องรางของขลัง

เหรียญพระฤาษีโคดมบรมครู อาจารย์โสมทัต เขมจารี

เหรียญพระฤาษีโคดมบรมครู อาจารย์โสมทัต เขมจารี - 1เหรียญพระฤาษีโคดมบรมครู อาจารย์โสมทัต เขมจารี - 2เหรียญพระฤาษีโคดมบรมครู อาจารย์โสมทัต เขมจารี - 3เหรียญพระฤาษีโคดมบรมครู อาจารย์โสมทัต เขมจารี - 4เหรียญพระฤาษีโคดมบรมครู อาจารย์โสมทัต เขมจารี - 5
ชื่อร้านค้า จ่าจีระสิทธิ์ - (คลิ๊กที่นี่เพื่อดู ข้อมูลเกี่ยวกับร้านค้า)
ชื่อเจ้าของร้านค้า
ชื่อพระเครื่อง เหรียญพระฤาษีโคดมบรมครู อาจารย์โสมทัต เขมจารี
อายุพระเครื่อง -
หมวดพระ เครื่องรางของขลัง
ราคาเช่า 550 บาท
เบอร์โทรติดต่อ 08-6560-4037
อีเมล์ติดต่อ Tayanrum@hotmail.com
LINE
(คลิ๊กที่นี่เพื่อเพิ่มเพื่อนกับเจ้าของร้าน)
สถานะ พระมาใหม่
Facebook
เปิดให้เช่าตั้งแต่วันที่ พฤ. - 25 ก.ค. 2567 - 21:14.00
แก้ไขข้อมูลล่าสุดเมื่อ พฤ. - 25 ก.ค. 2567 - 21:14.00
รายละเอียด
เหรียญพระฤาษีโคดมบรมครู อาจารย์โสมทัต เขมจารี

เหรียญ สวยเดิม ๆ ไม่ผ่านการใช้

ในวาระ อายุ 60 ปี ของท่าน

อาจารย์โสมทัต เขมจารี
ฆราวาสเรืองเวทย์ชั้นแนวหน้าเมืองไทย
ท่านเป็นศิษย์ วิชาสายปู่เทียนวัดโบสถ์​ ปทุมธานี พระครูสิงหล ปู่เทพารามทุ่ง หลวงพ่อกบ วัดเขาตะไคร้ หลวงพ่อเส็ง วัดบางนา ที่สำคั​ญ​ ท่านได้รับความเมตตา จากบรมครูฤาษีเขมเวทย์โกษาจารย์เถรวาทเจ้า
จากถ้ำภูเขาควายเมืองสปป.ลาว
และ ครูอาจารย์​ อีกหลายท่านมากมาย อาจารย์โสมทัตท่านจะดังเด่นมาก ด้านคงกระพันชาตรี ถอนของ
คุณไสย มนต์ดำ
ในสมัยนั้นมีคนมี ชื่อเสียงระดับประเทศ
ตำรวจชั้นผู้ใหญ่ แม่ทัพภาค นักธุรกิจคนรวย ผู้หญิงไฮโซ
มาฝากตัวเป็นศิษย์ ท่านเยอะแยะ มากมาย มีทุกชนชั้น ตั้งแต่ กรุงเก่า บ้านแพน อยุธยา ซอยสวนพลู
เอ่ยชื่อท่าน ไม่มีใคร ไม่รู้จัก
ชื่อ อาจารย์โสมทัต เขมจารี
นิสัย ท่านออกนักเลง ใจถึง ชอบลองของ
แม้แต่พระเกจิในสมัยนั้น ต้องโดนท่านลองหมด
แต่ในสมัยนั้นไม่ใช่ลองของเพื่อว่าใครแน่ กว่าใคร แต่เขาลองกันเพื่อทดสอบวิชา ของแต่ละท่าน เป็นธรรมเนียมปฏิบัติ
หลายครั้งที่ ท่านนิมนต์
พระเกจิอาจารย์ อยุธยา กรุงเก่า
หลวงพ่อมี วัดมารวิชัย
หลวงปู่ทิม วัดพระขาว
หลวงพ่อเมี้ยน วัดโพธิ์กบเจา
มาในพิธีงานไหว้ครู และได้แอบทดสอบ วิชากัน​
โดยอาจารย์โสมทัต ท่านได้เสก
ปล่อยเสือพยนต์ไป หาพระเกจิ แต่ละรูป
โดย พระเกจิหลายท่านก็รู้สามารถ ก็แก้ได้ ทุกครั้ง


อ.โสมทัต เขมจารี ถอนคุณไสย



คุณประธาน ดวงรัตน์ เป็นอดีตนายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย มีผลงานมากมายในทางกฎหมายอันเป็นประโยชน์ต่อบ้านเมือง ซึ่งตลอดเวลาที่ท่านทำงานก็ไม่เคยมีเรื่องเสื่อมเสียหรือบาดหมางกับใคร แต่สาเหตุที่เกิดขึ้นนี้ก็คงไม่ต่างจากที่นายแพทย์สำนวน บัวพิมพ์ ได้เจอ คือเกิดจาก "ความริษยา"

เพราะในทันทีที่คุณประธานได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2522 ได้ประมาณ 1 อาทิตย์เท่านั้น คุณประธานก็เกิดมีอาการปวดช่องท้องทางซ้ายอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ความเจ็บปวดนั้นมิได้มีอยู่แต่เฉพาะตรงช่วงท้อง หากยังแผ่ขยายขึ้นมาจนถึงหัวใจราวกับมีอะไรมาบีบรัดหรือทิ่มแทงเนื้อหัวใจอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะเมื่อขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวหรือเผลอเปลี่ยนแปลงอิริยาบถอย่างกะทันหันก็จะเจ็บปวดสาหัสขึ้นทันที

เมื่อมีอาการมากเข้า คุณประธานก็ไปพบนายแพทย์ ดร.นิพนธ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลกรุงเทพ เพื่อตรวจร่างกายอย่างละเอียด แต่ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติใด ๆ ทว่าเมื่อคนไข้มีอาการเจ็บปวดหมอก็เลยต้องสั่งจ่ายยารักษาการอักเสบของกล้ามเนื้อมาให้รับประทานแล้วคอยสังเกตอาการกันต่อไป

ต่อมาอาการที่เหมือนมีอะไรมาทิ่มแทงบีบรัดหัวใจได้เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงกับทำให้คุณประธานนอนราบลงในท่าต่าง ๆ ไม่ได้เลย ต้องพักผ่อนด้วยการใช้หมอนลูกใหญ่รองที่หน้าขาแล้วนั่งฟุบหน้าลงกับหมอนเพื่อหลับ เป็นที่น่าเวทนายิ่งนัก

เหตุการณ์ทรมานเช่นนี้เป็นมาอยู่สักระยะหนึ่ง ก็มีเพื่อนสนิทมาชวนไปรับประทานอาหารกลางวันด้วยกัน ขณะที่ทานไปคุยไปนั้นก็วกมาถึงเรื่องที่คุณประธานเจ็บปวดช่องท้องและเสียวแปลบที่หัวใจ เพื่อนคนนั้นก็แนะนำว่าทำไมไม่ลองไปรักษาในทางไสยศาสตร์ดูบ้างเผื่อว่าจะหาย ว่าแล้วก็พาคุณประธานไปพบกับอาจารย์ไสยศาสตร์ชื่อดังในทันที ซึ่งก็คือ

"อาจารย์โสมทัต เขมจารี"

ทันทีที่อาจารย์โสมทัตเห็นหน้าคุณประธาน ดวงรัตน์ ท่านก็บอกได้ทันทีว่าคุณประธาน "ถูกของ" เข้าแล้ว มิหนำซ้ำ "ของ" ที่ใครคนนั้นส่งมายังรุนแรงถึงขนาดจะเอาชีวิตกันในเวลาอันสั้น และแรงอย่างที่ป้องกันไม่ให้ใครแก้ได้ ทำให้อาจารย์โสมทัตถึงกับอุทานหลังจากพิจารณาแล้วว่า

"นี่เขาเล่นกันรุนแรงถึงเพียงนี้เชียวหรือ ! ทำไมถึงใจคอโหดร้ายขนาดนี้"

อาจารย์โสมทัตจึงลงมือทำน้ำมนต์ถอนของในทันที แล้วจัดการอาบให้นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทยโดยฉับพลัน เมื่ออาบไปได้เพียงครู่เดียว ก็เกิดสิ่งอัศจรรย์ขึ้น คือมีตะปูตัวหนึ่งผุดทะลุหนังคุณประธานออกมาจากทางสีข้างด้านซ้ายหนึ่งตัว ทว่าอาจารย์โสมทัตก็ยังคงรดน้ำมนต์ต่อเนื่องไปอีก ไม่นานนักตะปูตัวที่สองก็โผล่ออกมาอีก ตลอดเวลาที่ตะปูแทงเนื้อออกมานั้น คุณประธานส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวดแบบไม่ต้องอายใคร เพราะมันทรมานเหลือจะพรรณนา ก็ไม่รู้ว่าเพราะเสียงร้องของคุณประธานหรือเพราะเหตุใด อาจารย์โสมทัตได้หยุดอาบน้ำมนต์แล้วสั่งว่าวันพรุ่งนี้ให้มารักษาอีกเพื่อเอา "ของ" ที่เหลืออยู่ออกให้หมดสิ้น

ทว่าวันที่อาจารย์โสมทัตนัดนั้นเป็นวันเสาร์ ซึ่งเป็นวันที่คุณประธาน ดวงรัตน์ มีนัดสำคัญคือการเลี้ยงฉลองที่ได้รับตำแหน่งนายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย คุณประธานจึงขออนุญาตอาจารย์เลื่อนมาเป็นวันอาทิตย์แทน ซึ่งอาจารย์โสมทัตก็ตอบตกลงแต่กำชับว่าให้มาให้ได้และให้มาแต่เช้าตรู่ เพราะผู้ที่ส่งคุณไสยมาเข้าตัวนั้นได้กำหนดวันตายให้คุณประธานไว้แล้วคือ วันพุธที่จะมาถึงนี้ จึงจำเป็นที่จะต้องกำจัดในตัวออกให้หมดก่อนจะถึงวันสั่ง คุณประธานได้ยินแล้วก็หัวใจหวิวรีบรับปากอย่างแข็งขันทันที

เมื่อนายกสมาคมทนายตวามฯกลับมาถึงบ้าน ก็พยายามรำลึกความว่าก่อนที่จะมีเหตุร้ายเกิดขึ้นแก่ตนนั้นตนได้ทำอะไรไปบ้าง นึกอยู่นานก็คิดได้ว่าหลังจากที่ได้รับเลือกให้เป็นนายกสมาคมทนายความฯ ได้ไม่กี่วัน วันหนึ่งกลับจากทำงานมาก็ถอดสร้อยพระเครื่องออกแขวนไว้แล้วไปอาบน้ำ จากนั้นก็ลืมเรื่องสายสร้อยไปอย่างสนิท จึงมิได้สวมสร้อยห้อยพระอีกเลย ต่อมาประมาณ 2 ทุ่มของวันเดียวกัน คุณประธานจะออกไปสะสางงานที่ค้างไว้ให้เสร็จที่สำนักงานของตนเองซึ่งอยู่ในบริเวณรั้วบ้านเดียวกัน ขณะที่กำลังก้าวเดินออกไปนั้นก็ได้ยินเสียงวัตถุวิ่งแหวกอากาศมาอย่างรวดเร็วแล้วกระทบเข้ากับหลังคาบ้านซึ่งอยู่เหนือศีรษะพอดีดังเปรี๊ยะ

คุณประธานจึงแหงนขึ้นมองอย่างสงสัยแล้วเผลอพูดออกไปว่า

"อะไรกันวะ ?"

เมื่อมองหาสิ่งผิดปกติแล้วไม่พบอะไรก็เลิกให้ความสนใจ ทว่านับตั้งแต่วันนั้นมาก็เกิดอาการผิดปกติขึ้นกับร่างกายดังกล่าว

พอถึงวันอาทิตย์ที่นัดหมายไว้ คุณประธานก็เดินทางมาพบอาจารย์โสมทัตที่สำนักแต่เช้าโดยมีเพื่อน ๆ ที่เป็นทนายความด้วยกันติดตามมาขอดูเหตุการณ์ด้วยอีก 6 คน ในจำนวนนี้มีคุณแฉล้ม ยุวบูรณ์ ภรรยาของ คุณอนันต์ ยุวบูรณ์ มาด้วย

วันนี้ท่าจะเป็นวันสำคัญชี้เป็นชี้ตายจริง ๆ เพราะเห็นอาจารย์โสมทัตตั้งพิธีอย่างยิ่งใหญ่ดูท่าแล้วจะเป็นวาระที่สำคัญมาก เมื่อทุกอย่างพร้อมอาจารย์ก็เอาน้ำมันมนต์มาทาที่ลำตัวด้านซ้ายของคุณประธาน จากนั้นก็ใช้ปูนแดงเสกวงที่สีข้างวงหนึ่ง ที่ด้านหลังวงหนึ่ง และที่หน้าอกอีกวงหนึ่ง จากนั้นก็เริ่มสาธยายมนตรา

ผ่านไปราวครึ่งชั่วโมง ก็เกิดสิ่งอัศจรรย์ ในวงปูนที่วาดไว้เป็นวงกลมปรากฏมีหัวตะปูขนาดใหญ่ค่อย ๆ แทงทะลุเนื้อออกมา อาจารย์จึงสั่งให้คนที่อยู่ใกล้ที่สุดจับแล้วดึงออกมาตรง ๆ สร้างความเจ็บปวดให้คุณประธานเป็นอย่างยิ่งเพราะตะปูถูกยึดติดแน่นเหมือนมีแรงดึงดูดลึกลับทำให้ดึงออกมาได้ยากมาก กว่าจะหลุดได้แต่ละตัวเล่นเอาคุณประธานถึงกับเจ็บปวดสาหัส

ซึ่งตะปูดังกล่าวได้โผล่ออกมาในวงปูนเสกที่วาดไว้สามตำแหน่งวงละหนึ่งตัวรวมเป็น 3 ตัว ทั้งทนายความที่มาด้วย ทั้งคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์อย่างตื่นเต้นว่าตะปูยาวขนาดนี้เข้าไปอยู่ในร่างกายได้อย่างไรตั้งสามตัว และออกมาเองได้อย่างไรโดยไม่ต้องผ่าตัด

แต่คงเป็นเพราะความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นในระหว่างการถอนของ อาจารย์จึงนัดให้คุณประธานมาทำการรักษาอีกครั้งในวันรุ่งขึ้นซึ่งก็คือ วันจันทร์
วันจันทร์แม้คุณประธานจะมีคดีสำคัญที่ต้องไปว่าความ แต่ก็รีบไปศาลแต่เช้าแล้วแจ้งแก่ศาลว่าตนเองไม่สบายขอผ่อนผันเลื่อนการพิจารณาออกไปวันอื่น ศาลเห็นคุณประธานหน้าตาซีดเซียวราวคนป่วยหนักจึงอนุญาตให้เป็นไปตามที่ขอ จากนั้นคุณประธานก็รีบกลับลงมาเพื่อขึ้นรถ ขณะที่ยืนรอคนขับรถเอารถมารับ ก็ได้พบกับคุณพิสิทธิ์ เทศะบำรุง อธิบดีผู้พิพากษากรมบังคับคดี กับ คุณชาญ แก้วชูสาย อดีตรองหัวหน้าพรรคกิจสังคม ทั้งสองท่านได้แวะทักทายคุณประธาน เมื่อทราบว่าคุณประธานกำลังจะเดินทางไปที่สำนักของอาจารย์โสมทัตเพื่อรักษาคุณไสย ทั้งสองท่านจึงขอติดตามไปชมเหตุการณ์ด้วย คุณประธานก็ตกลง

เมื่อมาถึงสำนักของอาจารย์แล้วไม่นานนัก ท่านก็เริ่มทำการรักษาคุณประธานเหมือนเช่นเคย ซึ่งวันนี้สามารถเรียกตะปูออกมาได้ถึง 6 ตัว ตลอดเวลาที่ประกอบพิธี คุณชาญและท่านอธิบดีพิสิทธิ์จ้องมองด้วยความตื่นตะลึง นึกไม่ถึงว่าในชีวิตจะได้พานพบเรื่องราวอัศจรรย์ต่อหน้าต่อตาเช่นนี้

อาจารย์โสมทัตจึงบอกว่า "ใครอยากจะดูหรืออยากจะดึงก็เข้ามาใกล้ ๆ"

ทั้งสองท่านจึงเผ่นผึงเดียวถึงตัวคุณประธาน ทั้งที่ใจท่านอธิบดีพิสิทธิ์นั้นอยากลองดึงตะปูอาถรรพณ์เป็นกำลัง แต่เกรงว่าตนเองจะมีกำลังไม่พอจึงบอกให้คนขับรถของคุณประธานเป็นคนดึง เมื่อคนขับรถซึ่งเป็นหนุ่มฉกรรจ์ออกแรงดึงเต็มที่ ตัวคุณประธานเองก็เซไปตามแรงดึงพร้อมกับร้องเสียงดังด้วยความเจ็บปวดเป็นที่สุด แต่แทนที่ตะปูจะหลุดตามมือออกมากลับกลายเป็นนิ้วพลขับลื่นหลุดออกจากตะปูเสียเอง

ทนายความที่มาด้วยจึงโดดเข้าไปแทนที่แล้วพยายามดึงตะปูสนิมเขรอะนั้นออกมาจนได้ ตัวแล้ว ตัวเล่า กว่าจะดึงออกมาได้แต่ละตัวเล่นเอาคนดึงสะบักสะบอม เพราะแม้คุณประธานจะเจ็บปวดเพียงใดแต่ทันทีที่ตะปูหลุดออกจากผิวหนังไปแล้วก็เหมือนกับว่ามันเอาความเจ็บปวดทั้งหลายออกไปด้วยกัน

แม้จะได้ตะปูออกมาหลายตัวจนดีใจว่าคงจะหมดแล้ว แต่อาจารย์โสมทัตก็พูดเสียงเครียดว่า

"อ้ายตัวสำคัญตัวสุดท้ายอาคมมันแข็ง ไม่ยอมออกมาง่าย ๆ แต่มันก็อยู่ไม่ได้ต้องออกมาในวันนี้ตอนพระอาทิตย์ตกดิน"
แม้ท่านอธิบดีพิสิทธิ์ เทศะบำรุง และคุณชาญ แก้วชูสาย จะอยากอยู่ดูช่วงเวลาสำคัญมากเพียงใด แต่ก็ติดว่ามีธุระสำคัญที่ต้องไปจัดการให้เรียบร้อยก่อนเวลาเย็นจึงไม่อาจอยู่จนถึงนาทีสำคัญได้ต้องกราบลาอาจารย์โสมทัตไปอย่างเสียดาย

ต่อมาในเวลา 16.20 น. จู่ ๆ อาจารย์โสมทัตก็ร้องออกมาว่า

"มันกำลังจะออกมาอีกแล้ว"

คุณเอกวิทย์ ทนายความร่วมสำนักงานเดียวกับได้รีบรุดเข้าไปดูใกล้ ๆ ก็เห็นด้ายสายสิญจน์อันเป็นด้ายดิบชนิดเดียวกับที่สัปเหร่อใช้มัดตราสังศพแทงทะลุเนื้อคุณประธานออกมาตรงแผ่นหลังด้านซ้ายอย่างไม่น่าเชื่อ เพราะสายสิญจน์เป็นวัตถุที่นิ่ม และเบามาก ไม่สามารถใช้แทงทะลุวัตถุสิ่งใด ๆ ได้เลย แต่บัดนี้วิทยาศาสตร์ก็หมดหนทางอธิบายปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าคุณเอกวิทย์เสียแล้ว เพราะนอกจากด้ายดิบที่โผล่ออกจากเนื้อมนุษย์ได้ด้วยตัวมันเองแล้ว มันยังมีอาการเคลื่อนไหวแกว่งไกวช้า ๆ อยู่ไปมาราวกับมันมีชีวิตเป็นของตนเอง และเมื่อสำแดงภาพสยองได้สักพักมันก็ทำท่าจะมุดกลับลงไปในเนื้อคุณประธาน

ถึงตอนนี้อาจารย์โสมทัตก็ร้องสั่งการเสียงดังว่า "ดึงด้ายออกมาเร็ว ๆ" แล้วก็เร่งท่องพระเวทรัวเร็วเหมือนจะสะกดด้ายตราสังนั้นให้อยู่กับที่

คุณเอกวิทย์จึงรีบคว้าปลายด้ายเอาไว้แน่นแล้วออกแรงดึงอย่างแรง ทำให้คุณประธานถึงกับร้องออกมาอย่างโหยหวน พอคุณเอกวิทย์เห็นคุณประธานร้องอย่างนั้นก็อยากให้ความเจ็บปวดยุติลงโดยเร็วจึงออกแรงดึงด้ายอาถรรพณ์นั้นสุดแรงเกิดเป็นผลให้ด้ายสายสิญจน์นั้นถึงกับขาดออกจากกัน

แล้วภาพสยองก็ปรากฏขึ้นอีก เมื่อสายสิญจน์ส่วนที่ขาดซึ่งอยู่นอกเนื้อคุณประธานทำอาการดิ้นกระดุกกระดิกราวกับหางจิ้งจกแล้วทำท่ามุดกลับลงไปในเนื้ออีกครั้ง คุณเอกวิทย์แม้จะรู้สึกตื่นกลัวกับภาพตรงหน้าแต่ก็ยังมีสติที่จะเผ่นเข้าไปคว้าด้ายตราสังส่วนนั้นไว้แน่น

อาจารย์โสมทัตบอกทนายเอกวิทย์ว่าให้ค่อย ๆ ดึง อย่าดึงแรงอย่างกระชากมันจะขาด เพราะสายสิญจน์มันเปื่อย ถ้าขาดแล้วมันหดหนีกลับเข้าไปในตัวคนป่วยอีก คราวนี้จะเรียกออกมายากมาก คุณเอกวิทย์ก็เข้าใจแล้วค่อย ๆ ทำตามที่อาจารย์บอก ในที่สุดก็สามารถดึงด้ายตราสังนั้นออกมาจนหมด ด้ายทั้งเส้นรวมส่วนที่ขาดติดมือออกมาก่อนหน้านั้นมีความยาวราว 2 เมตรและมีกลิ่นศพเหม็นเน่าอย่างรุนแรงคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ

ฯลฯ

พระเครื่องที่เกี่ยวข้องในร้านค้านี้...

อื่นๆ...

กำหลังโหลด Comments
Top