เหรียญพยัคฆ์มงคล หลวงพ่อทรง วัดยางสูง กาญจนบุรี-จ่าจีระสิทธิ์ - webpra
VIP
  • 0 8 6 - 5 6 0 4 0 3 7
  • Page 1
  • Page 2
หน้าที่ และความรับผิดชอบ

หมวด เหรียญปั๊ม ปี 2541 ถึง ปัจจุบัน

เหรียญพยัคฆ์มงคล หลวงพ่อทรง วัดยางสูง กาญจนบุรี

เหรียญพยัคฆ์มงคล หลวงพ่อทรง วัดยางสูง กาญจนบุรี - 1เหรียญพยัคฆ์มงคล หลวงพ่อทรง วัดยางสูง กาญจนบุรี - 2เหรียญพยัคฆ์มงคล หลวงพ่อทรง วัดยางสูง กาญจนบุรี - 3เหรียญพยัคฆ์มงคล หลวงพ่อทรง วัดยางสูง กาญจนบุรี - 4เหรียญพยัคฆ์มงคล หลวงพ่อทรง วัดยางสูง กาญจนบุรี - 5
ชื่อร้านค้า จ่าจีระสิทธิ์ - (คลิ๊กที่นี่เพื่อดู ข้อมูลเกี่ยวกับร้านค้า)
ชื่อเจ้าของร้านค้า
ชื่อพระเครื่อง เหรียญพยัคฆ์มงคล หลวงพ่อทรง วัดยางสูง กาญจนบุรี
อายุพระเครื่อง 12 ปี
หมวดพระ เหรียญปั๊ม ปี 2541 ถึง ปัจจุบัน
ราคาเช่า -
เบอร์โทรติดต่อ 08-6560-4037
อีเมล์ติดต่อ Tayanrum@hotmail.com
LINE
(คลิ๊กที่นี่เพื่อเพิ่มเพื่อนกับเจ้าของร้าน)
สถานะ เช่าแล้ว
Facebook
เปิดให้เช่าตั้งแต่วันที่ อา. - 24 มี.ค. 2567 - 21:26.13
แก้ไขข้อมูลล่าสุดเมื่อ อ. - 16 เม.ย. 2567 - 11:52.05
รายละเอียด
สายเหนียว

เหรียญรุ่นนี้เป็นเหรียญยันต์ประจำตัวหลวงพ่อที่โด่งดังมากๆสมัยที่สักยันต์อยู่วัดการ้อง สุพรรณบุรี
มีลูกศิษย์ทั่วสารทิศมาให้หลวงพ่อสักแต่ละคนที่มาสักจะได้ยันต์หัวเสือนี้กลับบ้านไปทุกคนและมีประสบการณ์ในด้านคงกระพัน มีอำนาจ เมตตา


เหรียญพยัคฆ์มงคล หลวงพ่อทรง วัดยางสูง กาญจนบุรี

ขนาดประมาณ 3 x 3.5 ซ.ม.

ท่านมรณภาพ แล้วครับ

เป็นเหรียญที่ลูกศิษย์ ต้องการกันมาก...จัดไป แบบ เบา ๆ ครับ

พระครูวินัยธร ( บุญทรง ) ปคุโณ ท่านเป็นชาวจังหวัดราชบุรี ในวัยที่ยังหนุ่มท่านเป็นอีกตำนานหนึ่งของคนจริงในสมัยนั้น แถบจังหวัดราชบุรี เพชรบุรี สุพรรณบุรี กาญจนบุรีนครปฐมและอีกหลายจังหวัดที่ท่านไปถึงถิ่นพบสิ้นทั้งถ้ำเสือลูกเสือโดยเฉพาะอำเภอบ้านลาดจังหวัดเพชรบุรีในอดีตนับได้ว่าเป็นดงคนดุอย่างแท้จริงขึ้นชื่อว่าเสือเป็นที่รู้กันดีว่าน่ากลัวแต่คงต้องเว้นคนชื่อบุญทรงไว้สักคนเพราะท่านรู้จักมักคุ้นกับผู้ทรงอิทธิพลประเภทเสือที่มีชื่อเสียงหลายต่อหลายคนและด้วยความเป็นคนจริงที่ไม่คิดจะกลัวใครนี่เองทำให้ได้รับการชื่นชมจากเหล่าเสือร้ายทั้งหลายโดยเฉพาะสิ่งใดก็ตามที่ผิดต่อศีลธรรมอันดีแล้วอย่าหวังว่าท่านจะยอมก้มหัวให้ใครเป็นเหตุให้ต้องขัดใจกันในหลายๆเรื่องทำให้เส้นทางชีวิตที่ต้องเสี่ยงภัยกับลูกกระสุนปืนดูจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆแม้ว่าขณะนั้นท่านเองมีดีติดตัวชนิดไม่คิดต้องกลัวใครก็ตาม แต่ภายใต้จิตสำนึกของคุณงามความดีที่ซ่อนงำอยู่ภายในเริ่มทำให้ท่านมองเห็นสัจธรรมมากขึ้นจนกระทั่งเบื่อหน่ายกับการระเหเร่ร่อนไปตามจังหวัดต่างๆ( ฝากตัวเสาะหาอาจารย์ดีมีวิชาร่ำเรียนทุกแห่งที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก)จึงได้หันหลังให้กับประสบการณ์ที่ท่านได้รับด้วยรู้สึกพอและที่สำคัญผู้ที่ได้ชื่อว่าเสือในอดีตมักเป็นผู้ที่มีวิชาอาคมขลังจึงจะเป็นใหญ่อยู่ในดงเสือด้วยกันได้อย่างยืนยงทำให้ท่านมีครูบาอาจารย์ที่เป็นเสืออยู่หลายคน(เสือในสมัยก่อนมีคุณธรรมหลายประการต่างกับคนในสมัยนี้ที่หาคุณธรรมได้ยากยิ่งในบางคนบางกลุ่ม)ตลอดเวลาของการใช้ชีวิตฆาราวาสท่านได้ศึกษาวิชาการทางไสยศาสตร์แทบทุกประเภทจนมีความชำนาญเป็นที่ประจักษ์แก่ผู้ที่ได้สัมผัสทั้งทางเวทย์มนต์คาถาอาคม ทางโหราศาสตร์ แพทย์แผนโบราณ ท่านใช้วิชาความรู้ที่ท่านได้ร่ำเรียนมาสงเคราะห์เพื่อนมนุษย์อย่างได้ผลเช่นรักษาผู้ป่วยโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต ปวดตามข้อ เสียจริตเป็นบ้า สะเดาะเคราะห์ ต่อชะตา หรือแม้กระทั่งการลงกระหม่อม การสักยันต์ และอื่นๆซึ่งท่านเรียนรู้มาจากหลายอาจารย์โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อครั้งท่านยังเป็นพระใหม่ๆท่านอาจารย์หนู ทองศิริ แห่งวัดท่าสุวรรณ จังหวัดราชบุรีเป็นครูสักที่โด่งดังมากๆ มีลูกศิษย์ของอาจารย์หนูคนหนึ่งเคยท้าประลองความเหนียวกับพ่อค้าหมูมาแล้วเรื่องมีอยู่ว่าพ่อค้าเขียงหมูคะนองปากไปว่าศิษย์อาจารย์หนูจะเหนียวอย่างที่ร่ำลือกันจริงรึจะทนทานมีดปังตอเชือดหมูได้เรอะได้ยินเท่านั้นปากไวใจกล้าท้าก่อนความคิดที่จะคำนึงถึงคำสอนของอาจารย์ที่สั่งนักหนาให้อดทน “ กูให้มึงฟัน 3 ทีถ้าไม่เข้ามึงเสียหมูให้กู1ตัว “ มีการรับคำท้ากันและลองกันเห็นๆจนเป็นที่โจษจรรย์กันไปทั่วว่าศิษย์อาจารย์หนูเหนียวจริงเลยได้แบกหมูกลับบ้านไปทั้งตัว และหลวงพ่อท่านก็เป็นศิษย์รุ่นแรกๆของท่านอาจารย์หนูหลังจากครอบครูร่ำเรียนกันแล้วท่านก็ไปศึกษากับท่านอาจารย์ เคลือบ อาจารย์ ปั้นล้วนแล้วแต่เป็นศิษย์ในสายเดียวกัน จากนั้นก็ได้เรียนรู้กับเสือหริ่มแห่งเพชรบุรีและอีกหลายครูหลายอาจารย์ส่วนพระเกจิชื่อดังอีกหลายท่านที่เมตตาต่อท่านถ่ายทอดสรรพวิชาให้โดยไม่อำพรางปิดบังที่สืบสายไว้เห็นจะเป็นสายหลวงปู่ศุขวัดปากคลองมะขามเฒ่าจังหวัดชัยนาทสายหลวงพ่อโหน่งวัดคลองมะดันสุพรรณบุรีสายหลวงพ่อโบ้ย วัดมะนาวสายพระกะเหรี่ยงที่ไผ่สามหลังด่านช้างตำราของหลวงพ่ออุ่นอดีตเจ้าอาวาสวัดการ้องหรือแม้แต่หลวงพ่อเต๋ ( คงทอง)แห่งวัดสามง่ามนครปฐมก็รับท่านเป็นบุตรบุญธรรมท่านบอกว่าเรียนมาไม่ต่ำกว่า 40 - 50 อาจารย์จดบันทึกบ้างไม่ได้จดบ้างนานวันเข้าก็หลงลืมไปไม่น้อยเพราะใช้ไม่หมดจริงๆภูมิปัญญาไทยล้วนหลากหลายและมีมากเหลือเกินแต่ที่เรียนไปไม่รู้จบสิ้นนี้ก็เพราะความอยากรู้เพื่อเสริมภูมิปัญญาให้แก่ตนเองอันจะส่งประโยชน์ถึงบุคคลอื่นๆในภายหน้า มาถึงวันนี้ความคิดเหล่านั้นไม่ผิดจริงๆท่านได้นำเอาวิชาความรู้ที่ครูบาอาจารย์ฝากฝังไว้เป็นสื่อนำความศรัทธามาร่วมกันส่งเสริมสร้างสรรค์บวรพระพุทธศาสนาเยี่ยงบรรพชนได้อย่างเต็มภาคภูมิดังที่ปรากฏผลงานเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาเหล่าสาธุชนอยู่ในปัจจุบัน

ก่อนจะมาเป็นหลวงพ่อท่านมีนามเดิมว่า นาย บุญทรง สุขใสดี ชาติกาล เดือนตุลาคม พุทธศักราช 2480 ตรงกับวันพฤหัสบดี ปีฉลู ณ. บ้านเลขที่ 92 หมู่ที่ 15 ตำบล รางบัว อำเภอ จอมบึง จังหวัดราชบุรี บิดาชื่อ นาย นาค สุขใสดี มารดาชื่อ นาง เพียง สุกใสดี ทางด้านการศึกษาในวัยเด็กท่านบอกว่าท่านเรียนสูงทีเดียวเพราะขึ้นไปอยู่ตามยอดไม้เสียมากกว่าในชั้นเรียนดังนั้นประถม 2 เห็นทีจะพอแล้วเพราะอย่างน้อยก็ครึ่งหนึ่งของครูที่สอนแล้ว(ในสมัยนั้นจบประถม 4 ก็มีความรู้เป็นครูคนแล้ว)นี่ก็เป็นอีกอารมณ์ขันของพระเกจิลูกทุ่งที่ระลึกความหลังคุยกับศิษย์เป็นอันว่าโรงเรียนพระเนินพลูวิทยาคม อำเภอ เมือง จังหวัด ราชบุรี ก็มีท่านเป็นศิษย์เก่าไปเรียบร้อยนับแต่วัยเด็กมาแม้ว่าจะซุกซนสักปานใดแต่หัวจิตหัวใจก็ใฝ่คุณธรรมสนใจธรรมมาโดยตลอดนอกจากบิดามารดาอันเป็นครูต้นคนแรกแล้วบรมครูแห่งไตรภูมิคือองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ตลอดจนครูบาอาจารย์ทุกท่านยังเป็นสรณะที่พึ่งอยู่เหนือเศียรเกล้าตลอดเวลาของการใช้ชีวิตฆราวาสด้วยความกตัญญูนี้เองที่คุ้มครองท่านและบันดาลให้ท่านได้พบกับเส้นทางเดินของตนอย่างแท้จริง ท่านมิได้บอกกล่าวว่าบรรพชาเป็นสามเณรมาก่อนหรือเปล่ารู้แต่เพียงว่าท่านอุปสมบทเมื่ออายุ 31ปี ที่วัดสมานสามัคคี ( สระพัง ) อำเภอ กำแพงแสน จังหวัด นครปฐม สำเร็จนักธรรมชั้นตรี ณ. วัดบ่อน้ำจืด จังหวัดนครปฐมต่อมาจึงได้ย้ายไปจำพรรษาอยู่ที่วัดการ้อง ตำบล สวนแตง อำเภอ เมือง จังหวัด สุพรรณบุรี เมื่อปี พ.ศ. 2517 จากนั้นก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดการ้องในปี พ.ศ. 2518 ท่านจึงเริ่มบูรณะและพัฒนาวัดอย่างเต็มกำลังความสามารถใช้เวลาในการสร้างโบสถ์วัดการ้องถึง 14 ปี นับจากปี พ.ศ. 2519 - 2533 จึงได้ปิดทองฝังลูกนิมิต และงานนี้เองที่เป็นจุดกำเนิดพระเครื่องรุ่นแรกในนามของท่านที่วัดการ้อง ( เป็นพระที่เกิดขึ้นด้วยบุญญาธิการในบวรพุทธศาสนาโดยแท้ติดตามศึกษาได้จากหนังสือพระเครื่องผงสุพรรณวัดการ้องที่ อาจารย์ สนั่น ยงค์ไพบูลย์ เป็นผู้เรียบเรียงไว้ ) ต่อมาจึงได้สร้างกุฏิสองชั้นอีกหนึ่งหลัง ปี พ.ศ. 2536 ได้สร้างเมรุจนสำเร็จลุล่วงในปี พ.ศ. 2540 ก็ย้ายมาอยู่สำนักสงฆ์ เขาวัง อ. เลาขวัญ จ. กาญจนบุรี ได้บูรณะกุฏิสงฆ์ และสร้างเมรุจนแล้วเสร็จพร้อมด้วยก่อสร้างรูปเคารพเจ้าแม่กวนอิมไว้อีกหนึ่งองค์จากนั้นทำเรื่องขอรังวัดที่เพื่อออกหน้าโฉนดและขอให้เป็นวัดโดยสมบูรณ์
ลุจนถึงปี พ.ศ. 2543 ชาวบ้านยางสูงพร้อมกับกำนันผู้ใหญ่บ้านได้นิมนต์ท่านมาอยู่วัดยางสูง ประมาณหนึ่งเดือนได้รับการแต่งตั้งเป็นรักษาการเจ้าอาวาส หลังจากนั้นอีกพรรษาเศษก็ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสเมื่อวันที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2544 ท่านจึงเริ่มสร้างโบสถ์ ทำการก่อสร้างอยู่ร่วม สี่ปีเศษ ทั้งนี้ได้ก่อสร้างวิหารอีกหนึ่งหลัง ห้องสุขา ห้องน้ำ และซ่อมแซมกุฏิเป็นบางส่วนในปี พ.ศ. 2548 ได้ดำเนินการขอจัดงานผูกพัทธสีมาปิดทองฝังลูกนิมิตจนกระทั่งต้น ปี 2549

องค์จริงตามรูป

พระเครื่องที่เกี่ยวข้องในร้านค้านี้...

อื่นๆ...

กำหลังโหลด Comments
Top