เหรียญ หลวงพ่อเปิ่น วัดสำพะเนียง อยุธยา ปี 17 -จ่าจีระสิทธิ์ - webpra
VIP
  • 0 8 6 - 5 6 0 4 0 3 7
  • Page 1
  • Page 2
หน้าที่ และความรับผิดชอบ

หมวด เหรียญปั๊ม ก่อนปี 2520

เหรียญ หลวงพ่อเปิ่น วัดสำพะเนียง อยุธยา ปี 17

เหรียญ หลวงพ่อเปิ่น วัดสำพะเนียง อยุธยา ปี 17  - 1เหรียญ หลวงพ่อเปิ่น วัดสำพะเนียง อยุธยา ปี 17  - 2เหรียญ หลวงพ่อเปิ่น วัดสำพะเนียง อยุธยา ปี 17  - 3เหรียญ หลวงพ่อเปิ่น วัดสำพะเนียง อยุธยา ปี 17  - 4
ชื่อร้านค้า จ่าจีระสิทธิ์ - (คลิ๊กที่นี่เพื่อดู ข้อมูลเกี่ยวกับร้านค้า)
ชื่อเจ้าของร้านค้า
ชื่อพระเครื่อง เหรียญ หลวงพ่อเปิ่น วัดสำพะเนียง อยุธยา ปี 17
อายุพระเครื่อง 51 ปี
หมวดพระ เหรียญปั๊ม ก่อนปี 2520
ราคาเช่า -
เบอร์โทรติดต่อ 08-6560-4037
อีเมล์ติดต่อ Tayanrum@hotmail.com
LINE
(คลิ๊กที่นี่เพื่อเพิ่มเพื่อนกับเจ้าของร้าน)
สถานะ เช่าแล้ว
Facebook
เปิดให้เช่าตั้งแต่วันที่ ศ. - 17 พ.ย. 2566 - 21:36.09
แก้ไขข้อมูลล่าสุดเมื่อ ส. - 18 พ.ย. 2566 - 13:14.39
รายละเอียด
เหรียญ หลวงพ่อเปิ่น วัดสำพะเนียง อยุธยา ปี 17

‘แฉ่ง บางกะเบา’ ได้บอกเล่าไว้ใน ‘เหนือลิขิต??ประกาศิตฟ้า??’ หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ไว้ว่า
“เป็นอีกเหตุการณ์หนึ่งที่ ‘เหนือคำบรรยาย’ เพราะเป็นเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันอันสุดแสนจะ ‘เหลือเชื่อ’ เมื่อปืน ‘สองกระบอก’ ถูกใช้ ‘จ่อยิง’ ประชิดตัวแต่กระสุน ‘ไม่ลั่น’ ทั้งสองกระบอกซึ่งนับเป็นปรากฏการณ์ที่ ‘เหนือลิขิต?? ประกาศิตฟ้าดิน??’ โดยแท้ที่ ‘อ่านความจริง...อ่านเดลินิวส์’ ขอนำมาเปิดเผยให้ประจักษ์ ‘สิ่งเร้นลับที่เหลือเชื่อ’ และยากจะพิสูจน์นี้ยังมีก่อเกิดอยู่เสมอใน “แผ่นดินไทย” ซึ่งเหตุครั้งนี้ “ผู้ถูกจ่อยิง” ก็เชื่อว่าเป็นเพราะ ‘พระปิดตาเนื้อผง’ ที่แขวนอยู่ในคอบันดาลให้เป็นไปจึงมั่นใจว่า ‘พระปิดตาเนื้อผง’ องค์นี้คือ ‘สุดยอดแห่งมหาอุด’ อีกองค์� โดยเรื่องราวนี้ ‘พระครูเกษมโพธิกิจ (โพธิ์)’ หรือ ‘หลวงพ่อโพธิ์’ เจ้าอาวาส วัดสำพะเนียง อำเภอบ้านแพรก จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นผู้เล่ารายละ เอียดให้ฟังว่าหลานชายของท่านชื่อ ‘นายชงค์ งามโสภา’ ทำงานเป็นนักการภารโรงของ ‘โรงเรียนบ้านแพรกประชาสรรค์’ ได้ไปขอ ‘พระปิดตา’ ที่สร้างและปลุกเสกโดย ‘หลวงพ่อแร่’ อดีตเจ้าอาวาสวัดสำพะเนียงรูปก่อนและเป็นอาจารย์ของท่านเอง เพื่อนำไปแขวนคอ ‘หลวงพ่อโพธิ์’ จึงมอบให้หนึ่งองค์ ‘นายชงค์’ จึงนำไปแขวนคอเรื่อยมากระทั่งเมื่อวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๙ มีงานเลี้ยง ‘ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่’ พร้อม ‘ชุมนุมศิษย์เก่า’ ของ ‘โรงเรียนชุมชนแร่ผดุงวิทยา’ หรือในชื่อเดิม ‘โรงเรียนประชาบาลวัดสำพะเนียง’ ที่จัดเป็นงานใหญ่ประจำปีซึ่งงานนี้ในฐานะที่เป็นนักการภารโรง ‘นายชงค์’ จึงไม่พลาดที่จะไปร่วมด้วยซึ่งงานก็เป็นไปด้วยความสนุกกระทั่งประมาณ ๔ ทุ่ม ผู้ที่อยู่ในงานต่างเฮฮากันเต็มที่เพราะช่วงนั้น ส่วนใหญ่จะแก่ดีกรีกันและส่งเสียงอ้อแอ้มากขึ้น � ทางด้าน ‘นายชงค์’ เองก็ดื่มเข้าไปไม่น้อยจึงเป็นเหตุให้มีเรื่องกระทบกระทั่งกับ ‘วัยรุ่นพี่น้อง’ สองคนชื่อ ‘นายเบิ๊ด’ กับ ‘นายเบ๊นซ์’ ถึงขั้นจะลงไม้ลงมือแต่ก็มีคนห้ามไว้จากนั้น ‘นายเบิ๊ด’ กับ ‘นายเบ๊นซ์’ ก็เดินหนีหายไปจากงานแต่ไม่นานนัก ‘สองพี่น้อง’ ก็กลับมาในงานอีกพร้อม ‘ปืนคนละกระบอก’ และพอมาถึงก็ไม่พูดพล่ามทำเพลงใดๆเดินดุ่มๆตรงไปหา ‘นายชงค์’ ที่นั่งอยู่กับเพื่อนๆที่โต๊ะอาหารที่เต็มไปด้วยขวดสุราพร้อมขวดโซดาและพอไปถึง ‘นายเบิ๊ด’ ก็ชักปืน ‘ลูกโม่รีวอลเวอร์.38’ ออกมาจ่อเข้าที่ศรีษะ ‘นายชงค์’ พร้อม ‘ลั่นไก’ ทันทีแต่แทนที่จะได้ยินเสียงปืนดังขึ้นกลับได้ยินเพียงเสียง ‘แช๊ะ’ แทนเนื่องจาก ‘กระสุนไม่ลั่น’ เมื่อเป็นเช่นนั้น ‘นายเบ๊นซ์’ ผู้น้องชายจึงชักปืน ‘ลูกซองสั้น’ ออกมาอีกกระบอกพร้อมทำการ ‘ขึ้นนก’ แล้วจ่อยิงที่ศรีษะ ‘นายชงค์’ อีกคนแต่ปรากฏว่าแทนที่จะได้ยินเสียงปืน ‘แผดสนั่น’ กลับได้ยินเพียงเสียง ‘แช๊ะ’ เช่นกันเพราะ ‘กระสุนไม่ลั่น’ � หลังถูกยิงถึง ‘สองครั้ง’ ในเวลาไล่เรี่ยกัน ‘นายชงค์’ จึงได้สติรีบลุกพรวดขึ้นทำการแย่งปืนของ ‘นายเบิ๊ด’ จึงเกิดการปลุกปล้ำกันขึ้นผู้ที่เห็นเหตุการณ์หลังหายจากตกตะลึงได้ถลันเข้ามาช่วย ‘นายชงค์’ ทำการแย่ง ‘ปืนลูกโม่’ จาก ‘นายเบิ๊ด’ และปืนลูกซองสั้นจาก ‘นายเบ๊นซ์’ พร้อมชูขึ้นฟ้าทำการ ‘ลั่นไก’ แบบไม่ยั้งปรากฏว่าคราวนี้ ‘กระสุนปืนลูกโม่’ ระเบิดเสียงดังสนั่นติดต่อกันหลายนัดลั่นงานไปหมดจนกระสุนหมดจึงหยุดยิง ส่วนเหตุที่ยิงก็เพื่อต้องการให้กระสุนในลำกล้องปืนหมด จะได้ไม่มีกระสุนมายิงกันอีก ซึ่งกว่าความชุลมุนวุ่นวายจะสงบเพื่อนๆก็ต้องใช้เวลาพักใหญ่จึงทำการแยก ‘คู่กรณี’ ออกจากกันได้จึงเป็นอันว่าค่ำคืนของ ‘วันส่งท้ายปีเก่า’ ของคืนวันที่ ‘๓๑ ธันวาคม ๒๕๔๙’ ได้สร้างความระทึกใจให้กับผู้มาในงานตามๆกัน� และจากเหตุที่ก่อเกิดจึงทำให้ผู้ที่เห็นเหตุการณ์หลายคนไม่อาจสงบใจกับเรื่องแห่ง ‘ปาฏิหาริย์’ ที่เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาได้เพราะหลายคนเห็นชัดๆว่า ‘นายชงค์’ ถูกปืนจ่อยิงที่ศรีษะแต่ ‘กระสุนไม่ลั่น’ ถึงสองกระบอกจึงทำการสอบถาม ‘นายชงค์’ ว่ามีอะไรดี ‘นายชงค์’ จึงโชว์ ‘พระปิดตาหลวงพ่อแร่’ ที่แขวนคออยู่เพียงองค์เดียวเมื่อทราบเช่นนั้น ทุกคนจึงมุ่งหน้าไปรวมกันอยู่บนหอสวดมนต์หน้ากุฏิของ ‘หลวงตาโพธิ์’ ในดึกคืนนั้นเลย�คืนนั้นประมาณตี ๔ ผู้คนมาออกันอยู่บนหอสวดมนต์เต็มไปหมดพร้อมทำการปลุกให้ ‘หลวงตาโพธิ์’ ที่พอเปิดกุฏิออกมาก็มีแต่คนบอกจะมาเอา ‘พระปิดตาหลวงพ่อแร่’ จากหลวงตาโพธิ์ให้ได้ซึ่งกว่าจะบอกให้ทุกคนเข้าใจว่า ‘พระหมดแล้ว ไม่มีอีกแล้ว’ ก็แทบลมใส่เพราะปัจจุบัน ‘หลวงตาโพธิ์’ มีอายุใกล้ ๘๐ แล้ว”�


พระครูอุดมสิทธิการ (แร่ อุตฺตโม)
วัดสำพะเนียง ตำบลสำพะเนียง อำเภอบ้านแพรก จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
สำพะเนียง ตำบลหนึ่งของอำเภอบ้านแพรก จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เดิมขึ้นอยู่กับตำบลพิตเพียน อำเภอมหาราช จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ต่อมาทางราชการได้แบ่งแยกกิ่งอำเภอบ้านแพรก ประกอบด้วยตำบลบ้านแพรก ตำบลบ้านใหม่ ตำบลพะเนียง ตำบลคลองน้อย ตำบลสองห้อง ที่มาของชื่อตำบลสำพะเนียง สันนิษฐานว่าใช้ตามชื่อคลองลำพะเนียง ซึ่งชาวบ้านเรียกติดปากกันมาออกเสียงกลายเป็นสำพะเนียง ในปัจจุบันคลองลำพะเนียงตื้นเขินจนไม่เหลือสภาพความเป็นคลอง
ตำบลสำพะเนยงมีวัดชื่อเดียวกับตำบลคือ วัดสำพะเนียง ตั้งอยู่ที่หมู่ ๖ ตำบลสำพะเนียง อำเภอบ้านแพรก เดิมมีชื่อว่า ‘วัดสนามควาย’ เพราะเป็นสถานที่แข่งควายในสมัยโบราณ จากคำบอกเล่าของนายแถม เรืองบุปผา อายุ ๘๕ ปี นายขำ ชื่นตระกูล อายุ ๘๙ ปี และนายบาง ฉายเนตร อายุ ๘๘ ปี ว่า พ่อแม่ปู่ย่าตายายเล่าให้ฟังว่า วัดสนามควายสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๓๓๐ หรือประมาณ ๒๐๐ ก่าปีมาแล้ว เดิมเป็นสำนักสงฆ์ มีพระภิกษุ ๒ รูป มีกุฏิ ๒ หลัง ฝากุฏิและหลังคามุงแฝก ไม่ปรากฏผู้สร้าง มีพระเขมรเป็นพระอาจารย์ ชาวบ้านเรียกท่านว่า อาจารย์หูยาน ท่านได้อยู่ได้ ๒๘ ปี ก็มรณภาพ
ปี พ.ศ. ๒๓๕๘ พระพุ่มเป็นพระอาจารย์ดูแลวัด มีพระภิกษุ ๒ รูป ชาวบ้านช่วยกันสร้างกุฏิแบบเดิมขึ้นอีก ๑ หลัง ศาลาสำหรับทำบุญ ๑ หลัง และมีการสร้างอุโบสถขึ้น เพราะมีชาวบ้านเลื่อมใสศรัทธาพระอาจารย์พุ่มมาก ท่านเป็นสมภารอยู่ ๒๑ ปี ก็มรณภาพ จนถึง พ.ศ. ๒๓๗๙ มีพระหนูเป็นสมภารชาวบ้านช่วยกันเลื่อยไม้สร้างกุฏิแบบเดียวกันขึ้นอีก ๑ หลัง รวมเป็น ๔ หลัง อยู่มาประมาณ ๑๐ กว่าปี พระขำซึ่งเป็นชาวบ้านคลองน้อย ได้ติดไฟต้มน้ำร้อนตอนกลางคืนแล้วลืมดับไฟ ทำให้เกิดไฟไหม้กุฏิทั้ง ๔ หลัง เหลือเพียงศาลาหลังเดียว พระต้อมาอาศัยอยู่ ชาวบ้านจึงช่วยกันหาไม้มาสร้างกุฏิให้ใหม่ พระหนูเป็นสมภารอยู่ ๒๐ ปี ก็มรณภาพเมื่อ พ.ศ. ๒๔๐๐ พระสาดเป็นสมภารสืบต่อมา ได้มีการสร้างกุฏิอีก ๓ หลัง พระสาดมีอายุมากแล้วเป็นสมภารได้ ๓ ปี ก็มรณภาพ
พ.ศ. ๒๔๒๖ จุลศักราช ๑๒๔๕ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จประพาสต้นทางชลมารคมายังจังหวัดลพบุรี ทรงเปลี่ยนเรือพระที่นั่งบริเวณหน้าวัดสนามควายหรือวัดสำพะเนียง เป็นเหตุการณ์ที่ชาวบ้านแพรกจดจำเล่าขานกันจนถึงปัจจุบัน
พ.ศ. ๒๔๕๗ พระหมีเป็นสมภาร ชาวบ้านเลื่อมใสศรัทธา ได้นำเรือนไทยโบราณ ๒ หลังมาถวายวัด พระหมีเป็นสมภารอยู่ไม่ถึงปีก็มรณภาพ เพราะชรามากแล้ว พระเทียนตั้งตัวเป็นสมภารแต่ต่อมาชาวบ้านไม่ชอบ พระลูกวัดพากันไปอยู่วัดอื่นกันหมดเหลือพระเทียนองค์เดียว ชาวบ้านไม่ไปทำบุญตักบาตร คืนวันหนึ่งมีคนแกล้งยิงปืนขู่พระเทียนไม่ให้ถูก พระเทียนเลยไปอยู่ที่อื่น พระลูกวัดก็กลับมาวัดเดิม
พ.ศ. ๒๔๕๘ พระกิ่ง จันทสุวฒโน เป็นสมภาร ท่านเป็นคนสำพะเนียง ชาวบ้านเคารพนับถือมาก ตอนนั้นท่านอายุได้ ๔๖ ปี เป็นพระนักพัฒนา ท่านนำชาวบ้านสร้างกุฏิ วิหาร ซ่อมแซมอุโบสถ เป็นสมัยที่วัดเจริญรุ่งเรืองด้านการก่อสร้างมาก
พอถึง พ.ศ. ๒๔๗๓ พระอธิการเถิ่งกับนายเล็ก ทองไทย ได้ขออนุญาตเปลี่ยนชื่อวัดเป็นวัดสำพะเนียงตั้งแต่นั้นมา และได้มีการสร้างศาลาการเปรียญ ๑ หลัง ใช้เสาไม้ซุงขนาดใหญ่ หลังคามุงกระเบื้องดินเผา พระอธิการเถิ่งเริ่มอาพาธด้วยโรคฝีในท้อง ถึงแก่มรณภาพในปี พ.ศ. ๒๔๗๘ รวมเวลาเป็นสมภารได้ ๒๐ ปี หลวงตาเงินรักษาการเจ้าอาวาสต่อมา แต่ท่านชราภาพมากงานสร้างของวัดจึงชะงักไปตลอดระยะเวลา ๙ ปี ท่านจึงมรณภาพ
พ.ศ. ๒๔๘๗ ชาวบ้านอยากได้พระอาจารย์แร่ อุตฺตโม เป็นสมภาร แต่ในวัดมีพระภิกษุที่มีคุณสมบัติเหมาะสมหลายรูป จึงต้องนิมนต์กรรมการสงฆ์จากจังหวัดมาประชุมเลือกพระอธิการ ปรากฏว่าเลือกได้พระอาจารย์แร่ตามประสงค์ ในปีนั้นมีการขยายหอสวดมนต์ สร้างศาลา ซ่อมอุโบสถ ยกช่อฟ้า ทำคันทวยและซุ้มประตู พระอาจารย์แร่ซึ่งต่อมาเป็นพระครูอุดมสิทธิการ (แร่) ได้รวมเงินบริจาคของชาวบ้านสมทบกับงบประมาณของรัฐบาลสร้างอาคารเรียน ๒ ชั้น กว้าง ๘ เมตร ยาว ๓๒ เมตร ขึ้น ๑ หลัง เมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๖ เคยเป็นอาคารเรียนชั่วคราวของโรงเรียนบ้านแพรกประชาสรรค์ พระครูอุดมสิทธิการเป็นเจ้าอาวาสนาน ๕๑ ปี ก็มรณภาพเมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๘ พระปลัดโพธิ์ จันทเขโม เป็นเจ้าอาวาสองค์ปัจจุบันของวัดสำพะเนียง ได้มีการเขียนภาพในอุโบสถ ซ่อมแซมกุฏิ และระเบียงรอบ หอสวดมนต์ ทำซุ้มประตูหน้าวัด และซุ้มที่ติดกับถนนสายอยุธยา-ลพบุรี
ปูมหลังหลวงพ่อแร่ ‘พระครูอุดมสิทธิการ’ เดิมชื่อแร่ เสมอใจ เกิดเมื่อวันที่ ๔ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๕๕ ที่อำเภอไชโย จังหวัดอ่างทอง เป็นบุตรของนายเพชร เสมอใจ และนางปุย เสมอใจ ครอบครัวได้อพยพมาอยู่ที่บ้านสำพะเนียงตัั้งแต่เมื่อครั้งหลวงพ่อแร่ยังเยาว์วัย ได้ร่ำเรียนหนังสือที่วัดสำพะเนียง
ต่อมาได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุในปี พ.ศ. ๒๔๘๐ มีหลวงพ่อเล่ง วัดนครโปรดสัตว์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการเถิ่ง วัดสำพะเนียง เป็นพระกรรมวาจาจารย์ จำพรรษาที่วัดสำพะเนียง ศึกษาวิชากับพระอธิการเถิ่ง และพระเขมรที่จำพรรษาที่วัด
ต่อมาได้ออกธุดงค์ไปกับพระเขมร ไปร่ำเรียนวิชาเพิ่มเติมถึงเมืองพระตะบอง ก่อนกลับคืนวัดสำพะเนียงในเวลาต่อมา จากนั้นในปี พ.ศ. ๒๔๘๗ ได้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดสำพะเนียง มรณภาพเมื่อวันที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ. ๒๕๓๘

พระเครื่องที่เกี่ยวข้องในร้านค้านี้...

อื่นๆ...

กำหลังโหลด Comments
Top