เหรียญรุ่นแรก สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (วิน ธมฺมสาโร) วัดราชผาติการาม-จ่าจีระสิทธิ์ - webpra
VIP
  • 0 8 6 - 5 6 0 4 0 3 7
  • Page 1
  • Page 2
หน้าที่ และความรับผิดชอบ

หมวด เหรียญปั๊ม ก่อนปี 2520

เหรียญรุ่นแรก สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (วิน ธมฺมสาโร) วัดราชผาติการาม

เหรียญรุ่นแรก สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (วิน ธมฺมสาโร) วัดราชผาติการาม - 1เหรียญรุ่นแรก สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (วิน ธมฺมสาโร) วัดราชผาติการาม - 2เหรียญรุ่นแรก สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (วิน ธมฺมสาโร) วัดราชผาติการาม - 3เหรียญรุ่นแรก สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (วิน ธมฺมสาโร) วัดราชผาติการาม - 4เหรียญรุ่นแรก สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (วิน ธมฺมสาโร) วัดราชผาติการาม - 5
ชื่อร้านค้า จ่าจีระสิทธิ์ - (คลิ๊กที่นี่เพื่อดู ข้อมูลเกี่ยวกับร้านค้า)
ชื่อเจ้าของร้านค้า
ชื่อพระเครื่อง เหรียญรุ่นแรก สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (วิน ธมฺมสาโร) วัดราชผาติการาม
อายุพระเครื่อง -
หมวดพระ เหรียญปั๊ม ก่อนปี 2520
ราคาเช่า -
เบอร์โทรติดต่อ 08-6560-4037
อีเมล์ติดต่อ Tayanrum@hotmail.com
LINE
(คลิ๊กที่นี่เพื่อเพิ่มเพื่อนกับเจ้าของร้าน)
สถานะ เช่าแล้ว
Facebook
เปิดให้เช่าตั้งแต่วันที่ ส. - 02 ก.ย. 2566 - 21:20.38
แก้ไขข้อมูลล่าสุดเมื่อ จ. - 06 พ.ย. 2566 - 22:27.22
รายละเอียด
เหรียญหายาก

ยุคก่อนปี 2500

เหรียญรุ่นแรก สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (วิน ธมฺมสาโร) วัดราชผาติการาม

ข้าง ๆ ขอบเลื่อย


....
....

วัดโตนด อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร
15 กรกฎาคม 2016 ·
สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (วิน ธมฺมสาโร) วัดราชผาติการาม เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร เดิมชื่อ วิน ทีปานุเคราะห์ เป็นชาวจังหวัดชุมพร เกิดเมื่อวันที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ. ๒๔๔๙ ตรงกับวันเสาร์ ขึ้น ๑๒ ค่ำ เดือน ๑๑ ปีมะเมีย ณ บ้านนาพญา อำเภอขันเงิน จังหวัดหลังสวน (เป็นจังหวัดหนึ่งในภาคใต้ครั้งอดีต สมบูรณ์ด้วยไม้ผลนานาชนิดตามชื่อ ปัจจุบันคือ อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร) ในสกุล ทีปานุเคราะห์ โยมบิดาชื่อ นายเชย โยมมารดาชื่อ นางบุญมี มีอาชีพเป็นชาวสวน
เมื่อเจ้าพระคุณสมเด็จฯ ไปอยู่วัดราชผาติการามใหม่ ๆ ให้สร้างกุฎีไม้หลังเล็ก ๆ กว้างยาวพอปูที่นอนและเหลือที่นั่งอ่านหนังสือ ฉันหมาก ฉันน้ำชา น้ำอ้อย น้ำส้มคั้น เป็นครั้งคราว ไม่นิยมฉันจุกจิก เมื่อของใหม่ออกมาก็ไม่นิยมฉัน ดูเหมือนท่านจะรังเกียจเรื่องกาลิก*
เมื่อเยาว์วัยได้เล่าเรียนที่โรงเรียนประชาบาลวัดนาบุญ หลังสวน จบชั้นประถมปีที่ ๓ (ซึ่งเป็นชั้นประถมบริบูรณ์ขณะนั้น) แล้วมาเรียนต่อชั้นมัธยมที่โรงเรียนวัดโตนด หลังสวน แต่เรียนอยู่เพียง ๖ เดือนก็ลาออก เพราะโยมบิดาประสงค์จะให้บวชเป็นสามเณร
พ.ศ. ๒๔๖๖ เมื่ออายุได้ ๑๖ ปี บรรพชาเป็นสามเณร ณ วัดโตนด อำเภอขันเงิน จังหวัดหลังสวน (ขณะนั้น) พระธรรมารามคณีสุปรีชา (หนู อชิโต) เป็นพระอุปัชฌาย์ และเล่าเรียนอยู่ที่วัดโตนดนั้น จนสอบได้นักธรรมชั้นตรี และเปรียญธรรม ๓ ประโยค
พ.ศ. ๒๔๗๑ ได้ย้ายเข้ามาเล่าเรียนต่อที่วัดราชาธิวาส กรุงเทพฯ และได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ วัดราชาธิวาสในปีนั้น โดยพระธรรมารามคณีสุปรีชา (หนู อชิโต) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระธรรมวโรดม (เซ่ง อุตฺตโม) ขณะเมื่อยังเป็นที่พระธรรมโกศาจารย์ วัดราชาธิวาส เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ทั้งนี้ ในพระอุปถัมภ์ของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาทรทิพยนิภา และนายพูนเพิ่ม ไกรฤกษ์ (อดีตเลขาธิการพระราชวัง) และท่านผู้หญิงกุณฑี ถวายการอุปถัมภ์ในกาลต่อมา
เมื่อมาอยู่วัดราชาธิวาสแล้ว ได้ศึกษาเล่าเรียนต่อและสอบได้นักธรรมและบาลีชั้นต่าง ๆ ดังนี้
- พ.ศ. ๒๔๗๑ สอบได้เปรียญธรรม ๔ ประโยค และนักธรรมชั้นโท
- พ.ศ. ๒๔๗๓ สอบได้เปรียญธรรม ๕ ประโยค และนักธรรมชั้นเอก
- พ.ศ. ๒๔๗๔ สอบได้เปรียญธรรม ๖ ประโยค
- พ.ศ. ๒๔๗๕ สอบได้เปรียญธรรม ๗ ประโยค
- พ.ศ. ๒๔๗๗ สอบได้เปรียญธรรม ๘ ประโยค
- พ.ศ. ๒๔๘๐ สอบได้เปรียญธรรม ๙ ประโยค
ถึง พ.ศ. ๒๔๘๔ ในรัชกาลที่ ๘ ได้รับพระราชทานสมณศักด์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญที่พระอริยเมธี
มาในรัชกาลปัจจุบัน เลื่อนขึ้นเป็นพระราชาคณะชั้นราชที่พระราชเมธีเมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๐ เลื่อนขึ้นเป็นพระราชาคณะชั้นเทพที่พระเทพโมลี เมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๖ แล้วเลื่อนขึ้นเป็นพระราชาคณะชั้นธรรมที่พระธรรมปาโมกข์ เมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๐
ถึง พ.ศ. ๒๕๐๙ ทรงพระกรุณาโปรดสถาปนาเป็นพระราชาคณะชั้นเจ้าคณะรองที่พระพรหมมุนี มีสำเนาประกาศพระบรมราชโองการสถาปนา ดังนี้
ประกาศสถาปนา
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามมินทราธิราช บรมนาถบพิตร มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ประกาศว่า โดยที่ทรงพระราชดำริว่า พระธรรมปาโมกข์ เป็นพระเถระผู้เจริญในสมณพรหมจรรย์ อนันตปรีชาญาณ ได้ศึกษาแตกฉานในมคธปริวรรต และอรรถธรรมวินัย สามารถสอบไล่ได้สำเร็จภูมิเปรียญธรรม ๙ ประโยค ทรงพระกรุณาโปรดให้เป็นพระราชาคณะที่อริยเมธี พระราชเมธี พระเทพโมลี และพระธรรมปาโมกข์ โดยลำดับ ก็รับภาระพระพุทธศาสนาและสังวรรักษาสมณวัตร ระเบียบปฏิบัติประเพณีราชการได้เรียบร้อย สมควรแก่ตำแหน่งเป็นอย่างดี มีอุตสาหะวิริยะในการประกอบพระพุทธศาสนกิจ เป็นหิตานุหิตประโยชน์แก่พุทธจักรและอาณาจักรโดยอเนกประการ อาทิ ในด้านการปริยัติศึกษา เริ่มด้วยเป็นอุทเทศาจารย์สอนพระปริยัติธรรมแก่พระภิกษุสามเณร ในสำนักเรียนวัดราชาธิวาสวิหาร เป็นกรรมการตรวจสอบความรู้นักธรรมและบาลีสนามหลวง เป็นแม่กองธรรมสนามหลวง อนึ่งนับตั้งแต่พระธรรมปาโมกข์ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้รักษาการเจ้าอาวาสวัดราชผาติการามเป็นต้นมา ปรากฏว่าได้อุตส่าห์พยายามจัดการฟื้นฟูการศึกษาพระปริยัติธรรมในสำนักเรียนนี้ ให้มีความเจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้นกว่าแต่ก่อนเป็นอันมาก มีจำนวนผู้ที่สอบไล่ได้เป็นนักธรรมและเปรียญมากยิ่งขึ้นโดยลำดับ โดยเฉพาะเปรียญธรรม ๙ ประโยค มีผู้สอบไล่ได้มาแล้วถึง ๓ รูป ซึ่งไม่เคยปรากฏมีในกาลก่อน จึงนับว่าพระธรรมปาโมกข์เป็นผู้มีปรีชาสามารถจัดการศึกษาพระปริยัติธรรมภายในสำนักเรียน ได้ผลดีเป็นอันมาก ควรแก่การสรรเสริญ ในด้านการบริหาร พระธรรมปาโมกข์ได้รับภาระปฏิบัติ คือ เป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชาธิวาสวิหาร เป็นผู้รักษาการในตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดราชผาติการาม เป็นเจ้าคณะตรวจการผู้ช่วยภาค ๕ เป็นเจ้าคณะอำเภอธรรมยุต อำเภอดุสิต อำเภอปทุมวัน อำเภอพระโขนง และอำเภอบางเขน เป็นสมาชิกสังฆสภา เป็นรองประธานสังฆสภารูปที่ ๒ เป็นสังฆมนตรีช่วยว่าการองค์การศึกษา เป็นกรรมการคณะธรรมยุต เป็นกรรมการเถรสมาคมคณะธรรมยุต เป็นกรรมการมหามกุฏราชวิทยาลัยในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นกรรมการสภาการศึกษามหามกุฏราชวิทยาลัย เป็นกรรมการมูลนิธิโรงพยาบาลสงฆ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ เป็นเจ้าอาวาสวัดราชผาติการาม เมื่อได้มีการเปลี่ยนแปลงระเบียบการปกครองคณะสงฆ์ใหม่ ตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕ พระธรรมปาโมกข์ได้รับแต่งตั้งเป็นอนุกรรมการมหาเถรสมาคม มีหน้าที่พิจารณายกร่างกฎและระเบียบมหาเถรสมาคม และต่อมาได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการมหาเถรสมาคม ตามที่ปรากฏอยู่ในปัจจุบัน ในด้านการอบรมสั่งสอน พระธรรมปาโมกข์ เคยได้รับมอบหมายให้จาริกไปแสดงธรรมอบรมประชาชนในจังหวัดต่าง ๆ ในเขตมณฑลนครศรีธรรมราช และเมื่อทางราชการได้จัดให้มีคณะกรรมการอบรมข้าราชการและประชาชนขึ้น ก็ได้รับอาราธนาให้เป็นผู้ให้การอบรมด้วยรูปหนึ่ง ได้จาริกไปแสดงธรรมอบรมข้าราชการและประชาชนในจังหวัดพระนคร จังหวัดธนบุรี และจังหวัดอื่น ๆ อีกหลายจังหวัด อนึ่ง พระธรรมปาโมกข์ เป็นผู้ประกอบด้วยอุตสาหะวิริยาธิคุณ ได้พยายามศึกษาค้นคว้าหลักธรรมในคัมภีรบาลีปกรณ์ทั้งหลาย จนเข้าถึงความเป็นผู้ฉลาดสามารถในคันถธุระวิธีพุทธสมัย ตั้งอยู่ในวิษัยพหุลศรุตบัณฑิต รอบรู้แตกฉานในพระปริยัติธรรมเป็นอย่างดี สามารถแสดงธรรมอบรมสั่งสอนประชาชนพุทธบริษัท ให้ซาบซึ้งเข้าถึงหลักธรรมในพระพุทธศาสนา ดังเป็นที่ปรากฏว่าในทุกโอกาสวันธรรมสวนะ จะมีประชาชนพุทธบริษัทต่างมีความเลื่อมใสนิยมไปสดับฟังพระธรรมเทศนาที่วัดราชผาติการาม ในด้านสาธารณูปการ ก็ได้พยายามเอาใจใส่จัดการบูรณะปฏิสังขรณ์ซ่อมแซมถาวรวัตถุเสนาสนะสงฆ์ซึ่งชำรุดทรุดโทรมมากมาแต่ก่อนให้กลับคืนดี มีสภาพมั่นคงถาวรและสะอาดเรียบร้อยแจ่มใสดีขึ้นโดยทั่วพระอาราม กับได้ดำเนินการจัดสร้างโรงเรียนประปริยัติธรรมขึ้น ๑ หลัง สำหรับเป็นสถานศึกษาของพระภิกษุสามเณรและได้สร้างศาลาการเปรียญขึ้นอีกหลัง สำหรับเป็นที่มาบำเพ็ญกุศลและฟังธรรมของประชาชนพุทธบริษัท จึงนับว่าพระธรรมปาโมกข์เป็นผู้มีปรีชาสามารถในการปกครองพระอารามหลวงเป็นอย่างดี
สรรพกรณียกิจซึ่ง พระธรรมปาโมกข์ได้รับปฏิบัติบำเพ็ญตามหน้าที่โดยดังกล่าวมา ปรากฏเป็นผลดียิ่งแก่การพระศาสนา ประเทศชาติและประชาชน จึงนับว่าเป็นผู้เจริญยิ่งในสมณคุณธรรมสัมมาปฏิปทา มีปรีชาฉลาดในการบริหารพระศาสนา สมบูรณ์ด้วยอาตมหิตและปรหิตจรรยา ปรากฏอยู่แล้ว และบัดนี้ พระธรรมปาโมกข์ก็เจริญด้วยวรรษายุกาลสมบูรณ์ด้วยรัตตัญญูเถรกรณธรรม มั่นคงอยู่ในพรหมจรรย์เนกขัมมปฏิบัติ มีวัตตจริยาเป็นที่น่าเลื่อมใส เป็นหลักอยู่ในคณะธรรมยุติการูปหนึ่ง สมควรจะยกย่องให้ดำรงในสมณฐานันดรสูงขึ้น
จึงมีพระบรมราชโองการโปรดสถาปนา พระธรรมปาโมกข์ ขึ้นเป็นรองสมเด็จพระราชาคณะ มีราชทินนามตามจารึกในหิรัณยบัฏว่า พระพรหมมุนี ศรีวิสุทธิญาณนายก ตรีปิฎกธรรมาลงกรณ์ อุดมคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี สถิต ณ วัดราชผาติการามวรวิหาร พระอารามหลวง มีฐานานุศักดิ์ตั้งฐานานุกรมได้ ๘ รูป คือ พระครูปลัดสุวัฒนพรหมจริยคุณสมบุรณคณาธิปัติ วินยานุวรรตน์สังฆานุนายก ปิฎกธรรมรักขิต ๑ พระครูวินัยธร ๑ พระครูธรรมธร ๑ พระครูพุทธพากยประกาศ พระครูคู่สวด ๑ พระครูธรรมศาสนอุโฆษ พระครูคู่สวด ๑ พระครูสังฆบริบาล ๑ พระครูสมุห์ ๑ พระครูใบฎีกา ๑
ขออาราธนาพระคุณจงรับธุระพระพุทธศาสนา เป็นภาระสั่งสอน ช่วยระงับอธิกรณ์และอนุเคราะห์พระภิกษุสงฆ์สามเณร โดยสมควรแก่กำลังและอิสริยยศซึ่งพระราชทานนี้ และจงเจริญอายุ วรรณ สุข พล ปฏิภาน คุณสารสิริสวัสดิ์ จิรัฏฐิติ วิรุฬหิไพบูลย์ ในพระพุทธศาสนาเทอญฯ
ประกาศ ณ วันที่ ๕ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๐๙ เป็นปีที่ ๒๑ ในรัชกาลปัจจุบัน
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
จอมพล ถนอม กิตติขจร
นายกรัฐมนตรี
ครั้น พ.ศ. ๒๕๑๘ ทรงพระกรุณาโปรดสถาปนาเป็นสมเด็จพระราชาคณะ ที่สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ นับเป็นสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ รูปที่ ๕
สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (วิน) เป็นพระเถระที่มีบทบาทสำคัญในการคณะสงฆ์ด้านต่าง ๆ มาเป็นลำดับ ได้ดำรงตำแหน่งสำคัญทางการคณะสงฆ์เป็นอันมาก อาทิ
- พ.ศ. ๒๔๘๔ เป็นสมาชิกสังฆสภา
- พ.ศ. ๒๔๘๖ เป็นกรรมการเถรสมาคมธรรมยุต
- พ.ศ. ๒๔๙๔ เป็นเจ้าคณะอำเภอดุสิต ปทุมวัน พระโขนง บางเขน บางกะปิ (ธรรมยุติ)
- พ.ศ. ๒๕๐๑ เป็นรองประธานสังฆสภา รูปที่ ๒ รวม ๒ สมัย
- พ.ศ. ๒๕๐๓ เป็นสังฆมนตรีช่วยว่าการองค์การศึกษา และเป็นแม่กองธรรมสนามหลวง
- พ.ศ. ๒๕๐๓ เป็นเจ้าอาวาสวัดราชผาติการาม
- พ.ศ. ๒๕๐๘ เป็นกรรมการมหาเถรสมาคม
สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (วิน ธมฺมสาโร) ถึงมรณภาพเมื่อวันที่ ๘ เมษายน พ.ศ. ๒๕๓๖ สิริชนมายุได้ ๘๖ ปี ๖ เดือน ๑๑ วัน
* กาลิก : ของที่พระสงฆ์เก็บไว้ฉันได้ตามเวลาที่กำหนดให้ มี ๓ อย่าง เรียกว่า ยาวกาลิก คือ ของที่เก็บไว้ฉันได้ชั่วคราวตั้งแต่เช้าถึงเที่ยงวัน ได้แก่ข้าวปลาอาหาร, ยามกาลิก คือ ของที่เก็บไว้ฉันได้ชั่วคราวเพียงวันหนึ่งกับคืนหนึ่ง ได้แก่น้ำอัฐบาน, สัตตาหกาลิก คือ ของที่เก็บไว้ฉันได้ชั่วคราวเพียง ๗ วัน ได้แก่เภสัชทั้ง ๕

พระเครื่องที่เกี่ยวข้องในร้านค้านี้...

อื่นๆ...

กำหลังโหลด Comments
Top