พระอุบลวรรณาเถรี ผู้เลิศกว่าบรรดาภิกษุณีที่มีฤทธิ์-จ่าจีระสิทธิ์ - webpra
VIP
  • 0 8 6 - 5 6 0 4 0 3 7
  • Page 1
  • Page 2
หน้าที่ และความรับผิดชอบ

หมวด พระเนื้อผง เนื้อดิน เนื้อว่าน หลังปี 2525

พระอุบลวรรณาเถรี ผู้เลิศกว่าบรรดาภิกษุณีที่มีฤทธิ์

พระอุบลวรรณาเถรี ผู้เลิศกว่าบรรดาภิกษุณีที่มีฤทธิ์ - 1พระอุบลวรรณาเถรี ผู้เลิศกว่าบรรดาภิกษุณีที่มีฤทธิ์ - 2พระอุบลวรรณาเถรี ผู้เลิศกว่าบรรดาภิกษุณีที่มีฤทธิ์ - 3พระอุบลวรรณาเถรี ผู้เลิศกว่าบรรดาภิกษุณีที่มีฤทธิ์ - 4
ชื่อร้านค้า จ่าจีระสิทธิ์ - (คลิ๊กที่นี่เพื่อดู ข้อมูลเกี่ยวกับร้านค้า)
ชื่อเจ้าของร้านค้า
ชื่อพระเครื่อง พระอุบลวรรณาเถรี ผู้เลิศกว่าบรรดาภิกษุณีที่มีฤทธิ์
อายุพระเครื่อง -
หมวดพระ พระเนื้อผง เนื้อดิน เนื้อว่าน หลังปี 2525
ราคาเช่า 250 บาท
เบอร์โทรติดต่อ 08-6560-4037
อีเมล์ติดต่อ Tayanrum@hotmail.com
LINE
(คลิ๊กที่นี่เพื่อเพิ่มเพื่อนกับเจ้าของร้าน)
สถานะ พร้อมเช่า
Facebook
เปิดให้เช่าตั้งแต่วันที่ พฤ. - 08 มิ.ย. 2566 - 21:26.13
แก้ไขข้อมูลล่าสุดเมื่อ พฤ. - 08 มิ.ย. 2566 - 21:26.13
รายละเอียด
พระอุบลวรรณาเถรี ผู้เลิศกว่าบรรดาภิกษุณีที่มีฤทธิ์

สวยเดิม

ผมออกไปหลายองค์แล้วครับ มีผู้รู้ ที่ได้เช่าบูชา แจ้งให้ทราบ ตามข้อมูลที่ลงครับ


องค์ละ 250 บาท



พระนางเกิดในวรรณะไวศยะ ตระกูลเศรษฐี เมืองสาวัตถี นางมีรูปร่างสวยงาม ผิวพรรณผุดผ่องนวลเนียนเหมือนดอกบัวสย ประเภท

ดอกเขียว คือ ปาก แก้ว ปลายนิ้วมือ นิ้วเท้า อุ้งมือ อุ้งเท้า เป็นสีชมพู ส่วนหน้าตา หลังมือ หลังเท้า เนื้อตัวตลอดลำแขน มีสีขาวอมเขียว เหมือน

ดอกบัวสัตตบงกช ที่กำลังจะแยกแย้ม ฉะนั้น นางจังได้นามว่า "อุบลวรรณา" แปลว่า "นางผู้มีสีผิวเหมือนดอกบัว" นางเป็นที่รักใคร่หมายปอง

ของบรรดาเหล่าสุขุมาลชาติและบรรดาเหล่ากุลบุตรเศรษฐีทั้งหลายเป็นอันมาก

ข่าวความงามทรามวัยวิไลนัก

กามเทพผลักศรแผลงทุกแห่งหน

บรรดาหนุ่มใกล้-ไกลได้ยินยล

รักอุบลวรรณายอดนารี

แต่งของหมั้นขันหมากมาสู่ขอ

ปลูกเรือนหอรอรักลูกเศรษฐี

ขอเป็นทองแผ่นเดียวเกี่ยวไมตรี

คนนั้นหรือคนนี้จะเลือกใคร

จึงเป็นที่ลำบากใจแก่ท่านเศรษฐีบิดาของอุบลวรรณาเป็นอย่างยิ่ง เพราะไม่รู้จะตัดสินใจยกลูกสาวให้แก่หนุ่มคนไหน ถ้าจะยกให้

แก่เจ้าชายองค์ใดองค์หนึ่งแล้ว เจ้าชายองค์อื่นหรือกุลบุตรเศรษฐีคนอื่นๆ ก็จะมีความโกรธและแค้นเคือง ทำให้เกิดการทะเลาะวิวาทและอาจ

ลุกลามไปถึงการเกิด "ศึกชิงนาง" ขึ้นมาได้

ระหว่างนั้นสมเด็จพระบรมศาสดาอุบัติขึ้นแล้วในโลก เวลาผ่านไป ๕ พรรษา หลังการตรัสรู้ ได้มีภิกษุณีสงฆ์เกิดขึ้นในศาสนา

ของพระองค์ เศรษฐีบิดาคิดหาทางออกได้ จึงแนะนำให้ลูกสาวออกบวชในพระพุทธศาสนา บรรดาชายหนุ่มทั้งวรรณะกษัตริย์ทั้งวรรณะไวศยะ

จะได้เลิกติดพันหมายปองตัวอุบลวรรณาเสียที

คำแนะนำของบิดา ที่แนะให้นางออกบวชในพระพุทธศาสนา ทำให้นางดีใจมาก จึงเดินทางไปสู่สำนักภิกษุณี และขอบวชภายใน

วันนั้นเอง เมื่อบวชแล้วท่านจะต้องปฏิบัติกิจวัตรเช่นเดียวกับภิกษุณีรูปอื่นๆ คือบิณฑบาต กวาดลานวัด เจริญธรรมกรรมฐานตามสมควร

แก่ธรรมและอิริยาบถ ยืน เดิน นั่น นอน เป็นต้นแล้ว ยังจะต้องมีกิจที่จะปฏิบัติในโรงอุโบสถทุกกึ่งเดือน คือ ปัดกวาดโรงอุโบสก ปูลาดอาสนาะ

ตั้งน้ำฉันน้ำใช้ จุดประทีปโคมไฟให้สว่างไสว

เนื่องจากทุก ๑๕ ค่ำ กลางเดือนและสิ้นเดือนภิกษุณีสงฆ์จะต้องมาประชุมพร้อมกันในโรงอุโบสถ เพื่อฟังภิกษุณีปาติโมกข์ คือ สิกขาบทที่ พระพุทธองค์ทรงบัญญัติ สำหรับพระภิกษุรีถือปฏิบัติ มี ๓๑๑ ข้อ จะต้องนำมาสวดในโรงอุโบสถทุกกึ่งเดือน วันที่พระอุบลวรรณาจะบรรลุอรหัตผลนั้น เป็นวันที่ท่านต้องเข้าเวรดูแลโรงอุโบสถ หลังจากที่ท่านจุดประทีปโคมไฟแล้ว ท่านได้เพ่งมองเปลวไฟที่สว่างไสว เกิดความรู้แจ้งตามความเป็นจริงของสรรพสิ่ง บรรลุธรรมสำเร็จเป็นพระอรหันต์ขณะเพ่งเปลงไฟนั้นเอง

พระอุบลวรรณาเถรี มีความสามารถในด้านการแสดงฤทธิ์ พระบรมศาสดาทรงแต่งตั้งท่านไว้ในตำแหน่ง เอตทัคคะในด้านมีฤทธิ์

มีข้อความปรากฏในภัมภีร์ "ยมกัปปาฏิหาริยวัตถุว่า :-

ในวันที่พระบรมศาสดาประกาศว่า จะแสดงยมกปาฏิหาริย์ปราบพวกเดียวถีย์ที่เมืองสาวัตถีในราวพรรษาที่ ๖ นั้น

พระอุบลวรรณเถรีก็เป็นผู้หนึ่งบรรดาสาวก สาวิกาผู้ทรงฤทธิ์ทั้งหลายที่ทูลขันอาสาแสดงฤทธิ์แทนพระบรมศาสดา โดยท่าน

จะแสดงฤทธิ์แปลงตัวเองเป็นจักรพรรดิราช มีข้าราชบริพารห้อมล้อมกว้างไกลถึง ๓๖ โยชน์ แล้วจะเข้าถวายบังคมพระบรมศาสดา

พระองค์ทรงปฏิเสธบรรดาสาวก-สาวิกาผู้ทรงฤทธิ์เหล่านั้น รวมทั้งปฏิเสธพระอุบลวรรณาเถรีด้วย ตรัสว่า

"ตถาคตรู้ว่าเธอทำได้ แต่พวงดอกไม้นี้มิได้ผูกไว้เพื่อเธอ" ท่านจึงถอยกลับไปนั่ง ณ ที่สมควร

ทั้งที่ท่านเก่งกล้าสามารถ มีอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์เกินชีดความสามารถของบรรดามนุษย์ทั้งหลายจะทำได้ มีหูทิพย์ ตาทิพย์ รู้ใจผู้อื่น ระลึกชาติได้ และหมดกิเลส ถึงกระนั้นท่านยังถูกผู้ชายใจบาปหยาบช้าปลุกปล้ำทำร้าย

มีเรื่องปรากฏในธรรม อปทาน ข้อที่ ๓ หน้าที่ ๑๔๑ ว่า:-

หลังจากที่ท่านบรรลุอรหัตผลแล้ว ท่านเดินทางไปเผยแผ่พระศาสนาในเขตชนบทและพานักในกระท่อมกลางป่าชื่อ "อันธวัน"

ชายป่าวัดเขตวัน เมืองสาวัตถี ชายหนุ่มคนหนึ่งชื่อนันทะ เป็นลูกของลุง จึงถือว่าเป็นลูกพี่ลูกน้อง ของท่านและก็เป็นคนหนึ่งที่หมายปองท่าน เมื่อครั้งท่านยังดำรงเพศคฤหัสถ์อยู่ ถึงแม้ท่านบวชแล้ว หนุ่มนันทะ ก็ยังมีจิตผูกพันรักใคร่ไม่เสื่อมคลาย เขามีความปรารถนาที่จะมีเพศสัมพันธุ์กับพระอุบลวรรณาเถรี จึงแวะเวียนเข้าไปที่กระท่อมในป่า อันธวันอยู่เนื่องๆ

วันหนึ่งขณะที่พระอุบลวรรณาเถรีออกบิณฑบาต ในเวลารุ่งอรุณหนุ่มนันทะก็แฝงตัวหลบซ่อนในกระท่อม รอเวลาจนกระทั่ง

ท่านกลับมาจากบิณฑบาต จึงใช้กำลังปลุกปล้ำทำลายข่มขืนจนสำเร็จความใคร่

เพราะไม่ซึ้ง ความชั่วร้ายจะให้ผล

สัปดนชั่วระยำทำบัดสี

แม้กระทั่งผู้ทรงศีลบ่มอินทรีย์

ยังขยี้พรหมจรรย์สบั้นลง

แม้ท่านมีฤทธิ์ถือผู้ชายใจอำมหิตขืนใจ ท่านก็ไม่ยอมใช้อำนาจฤทธิ์ ประหารนันทะให้สาสมกับความโฉดชั่วที่เขากระทำลงไป เพราะท่านเป็นพระอรหันต์หมดจดจากกิเลส ไม่มีความยินดียินร้ายต่อการกระทำชั่วหยาบนั้นๆ จึงไม่ใช้กำลังตอบสนองให้เกิดกรรมสร้างเวรขึ้นมาอีก

ความนิ่งเฉยของท่านทำให้นันทะ ร่าเริงบันเทิงใจเดินยิ้มออกจากกระท่อม ด้วยความสบายอารมณ์พอเขาก้าวพ้นออกจากประตูกระท่อม แผ่นดินก็ไหวสะท้านสเทือนแล้วก็แยกสูบเอานันทะ ลงไปเกิดในอเวจีมหานรกทันที

ข่าวที่พระอุบลวรรณาเถรี ถือประทุษร้าย ความทราบถึงพระบรมศาสดา จึงทรงมีพระพุทธบัญญัติ "ห้ามพระภิกษุณีพำนักอยู่ในป่าตามลำพัง ต้องพักในวัดที่มีพระสงฆ์อยู่ด้วย แต่แยกเขตที่อยู่ให้เป็นสัดส่วน ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยและเพื่อป้องกันพระภิกษุณีถูกประทุษร้ายจากมนุษย์และสัตว์ที่เป็นอันธพาล..



พระอุบลวรรณาเถรีสำแดงฤทธิ์

คราวหนึ่งเมื่อพระอุบลวรรณาเถรีสำเร็จสาวิกาบารมีญาณ จนกระทั่งเป็นอัครสาวิกา ของพระพุทธองค์ มีฤทธิ์มากเหนือพระอรหันต์องค์อื่น ๆ จนพระพุทธเจ้าทรงยกย่องให้เป็นเอตทัคคะ เป็นผู้เลิศในทางมีฤทธิ์เทียบเท่ากับพระมหาโมคคัลลานะ ซึ่ง เป็นผู้เลิศในทางมีฤทธิ์ ทางฝ่ายภิกษุ วันหนึ่งพระอุบลวรรณาเถรีเข้าเฝ้าพระบรมศาสดาถวายบังคมแทบพระยุคลบาท แล้วกราบทูลว่า " พระเจ้าข้า ข้าแต่พระมหามุนีผู้เป็นนาถะของสรรพสัตว์ บัดนี้หม่อมฉันได้ข้ามพ้นชาติส่งสารได้แล้ว บรรลุถึงอจลบทหมดสิ้นสรรพทุกข์แล้ว ขอชุมชนผู้เลื่อมใสในพระพุทธศาสนาและบุคคลที่หม่อมฉัน ได้กระทำล่วงเกินไว้ จงยกโทษให้หม่อมฉันเฉพาะพระพักตร์พระพิชิตมารเถิด ข้าแต่พระมหามุนีเจ้า ตลอดเวลาที่หม่อมฉันท่องเที่ยวอยู่ในสังสารวัฏ หากหม่อมฉันจะพึงล่วงเกินในพระยุคลบาทขอเสด็จพ่อได้ทรงโปรดประทานยกโทษให้แก่หม่อมฉันด้วยเถิด "

พระพุทธเจ้าตรัสว่า " ดูกร อุบลวรรณาผู้ปฏิบัติตามคำสอนของเรา เธอจงสำแดงฤทธิ์ตัดความสงสัยของบริษัททั้งสี่ในวันนี้เถิด " พระอุบลวรรณาเถรีได้กราบทูลว่า " ข้าแต่พระองค์ผู้มีความเพียรมาก มีปัญญารุ่งเรือง หม่อมฉันเป็นธิดาของพระองค์ มีบุญที่ผู้อื่นทำได้ยากแสนยาก ซึ่งได้ทำไว้ดีแล้ว ข้าแต่พระมหามุนี ผู้มีจักษุ ๕ หม่อมฉันมีนามว่า อุบลวรรณา เพราะมีสีกายเหมือนสีดอกบัว เป็นธิดาของเสด็จพ่อขอถวายบังคมพระ ยุคลบาทเสด็จพ่อพระเจ้าข้าพระราหุลเถระและหม่อมฉันเกิดร่วมกันมาหลายร้อยชาติมีฉันทะแห่งจิตเสมอกัน เกิดร่วมภพร่วมชาติกัน

แม้ในภพนี้ซึ่งเป็นภพหลังสุด ก็มีนามว่า อริยะ ว่าอรหันต์ ว่า สาวก ว่าลูกคถาคต ลูกของเสด็จพ่อร่วมกัน คือพระราหุลเถระ เป็นโอรส ขอเชิญเสด็จพ่อทอดพระเนครฤทธิ์ของหม่อมฉันเถิด อุบลวรรณา ลูกของเสด็จพ่อจะสำแดงฤทธิ์ถวาย " เมื่อพระอุบลวรรณาเถรีกราบทูลแล้ว จึงเข้าสมาปีติอธิษฐานจิตสำแดงฤทธิ์แห่งอภิญญา โดยการยื่นมือออกไปวักเอาน้ำในมหาสมุทรทั้ง ๔ มาใส่ฝ่ามืออีกข้างหนึ่งมีลักษณะราวกับเด็กเล่นน้ำที่อยู่ในฝ่ามือฉะนั้น จากนั้น


(๑) ยื่นมือออกไปพลิกพสุธา เอามาวางบน ฝ่ามือเหมือนเด็กฉุดปลาเค้าเล่น
(๒) เอาฝ่ามือปิดครอบจักรวาล ทำฝนสีต่าง ๆ ตกลงจากเบื้องบน
(๓) เอาพสุธาทำเป็นครก เอาเม็ดกรวดทำเป็นข้าวเปลือก

เอาขุนเขาสิเนรุทำเป็นสาก แล้วโขลกเหมือน เด็กหญิงซ้อมข้าวฉะนั้น
ครั้นพระอุบลวรรณาเถรีสำแดงฤทธิ์ถวายพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว จึงกราบทูลว่า " พระเจ้าข้า ข้าแต่พระมหามุนีหม่อมฉันมีความชำนาญสามารถแสดงฤทธิ์ต่าง ๆ ได้ มีความสามารถทางด้านทิพโสตธาตุ และในเจโตปริยญาณชำนาญในบุพเพนิวาสานุสสติญาณ มีทิพย์จักษุบริสุทธิ์ อาสวะทั้งหลายหมดสิ้น ภพใหม่ชาติหน้าไม่มีอีกต่อไปข้าแต่พระองค์ผู้เป็นนาถะของโลก หม่อมฉันมีญาณในอรรถะ ธรรมะ นิรุตติ และปฏิภาณกว้างขวางหมดจดตามลักษณะองค์ผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่ ข้าแต่พระองค์กิจกรรมต่าง ๆ ที่หม่อมฉันแสดงแล้วในชาติปางก่อนในคราวรณรงค์ล้างมัจฉริยะให้พินาศโดยทานบารมีเพื่อประโยชน์ของพระองค์ ข้าแต่พระมหามุนีเจ้า ขอพระองค์จงทรงพระกรุณาระลึกถึงกุศลธรรมเก่า และบุญที่หม่อมฉันได้สั่งสมไว้เพื่อประโยชน์แก่พระองค์ ข้าแต่พระมหาวีรเจ้าพระองค์ได้ทรงประทานชีวิตแก่หม่อมฉันมากมาย แม้หม่อมฉันก็ได้บริจาคชีวิตเพื่อประโยชน์แก่พระองค์ " "ข้าแต่พระมหามุนีผู้มีฤทธิ์กล้า ไม่มีสิ่งใดเปรียบปานในกาลนั้น หม่อมฉันรู้สึกอัศจรรย์ใจยิ่ง ขอประนมอัญชลีเหนือเศียรเกล้ากราบทูลว่า กรณียกิจนี้หม่อมฉันได้ทำแล้วในกัปที่แสนหนึ่ง

แต่ภัทรกัปนี้ ครั้งนั้น หม่อมฉัน เป็นนางนาคกัญญามีชื่อว่า วิมลา ชาวนาคยกย่องว่า เป็นผู้กล้าดีกว่า สูงกว่าพวกนาคกัญญา มหานาค ราชชื่อว่า มโหรคะ เป็นเจ้าแห่งนครนิภพ ทรงเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ทรงนิมนต์พระพุทธเจ้าพระนามว่า " ปทุมุตตระ " ผู้มีเดชมากพร้อมด้วยสาวกให้เสด็จมายังนาคพิภพทรงตกแต่งมณฑปและบัลลังก์ด้วยแก้วจัดเครื่อง อุปโภคต่าง ๆ ด้วยแก้วโปรยรัตนะประดับทางพุทธดำเนินด้วยธงแก้วต้อนรับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า " ปทุมุตตระ" ด้วยดุริยางค์ดนตรีหลายชนิด พระปทุมุตตรพระพุทธเจ้าพร้อมด้วยพระสาวก เสด็จขึ้นประทับนั่งบนพุทธอาสน์อันงดงามในนาคพิภพท้าวมโหรคะ ได้จัดข้าวน้ำและขาทนียะและโภชนียาหารอย่างดีมาถวาย แด่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระสาวกเป็นอันมาก พระปทุมุตตรพระพุทธเจ้าเมื่อเสวยเสร็จแล้ว ทรงทำอนุโมทนา ฝ่ายนางวิมลาราชกัญญา เห็นพระสัพพัญญูพุทธเจ้า มีจิตเลื่อมใสมีใจเคารพในพระบรมศาสดายิ่งนัก

ครั้นพระปทุมุตตรพุทธเจ้าทรงทราบวาระจิตของนางวิมลาฯ ทรงบัญชาให้ภิกษุณีรูปหนึ่งผู้เป็นสาวิกาของพระองค์ให้แสดงฤทธิ์ท่ามกลางนาคสมาคม พระภิกษุณีรูปนั้นชำนาญฤทธิ์ยิ่งนัก ได้แสดงฤทธิ์ต่าง ๆ อย่างคล่องแคล่วน่าสรรเสริญ นางวิมลาราชกัญญาบังเกิดปีตินั่งเฉยทนนิ่งไม่ได้ จึงทูลถามพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้นว่า " พระพุทธเจ้าข้า ภิกษุณีรูปนั้นแสดงฤทธิ์ทั้งหลายอย่างคล่องแคล่วดีมาก ไม่มีความสะทกสะท้านในสมาคมเช่นนี้เป็นเพราะอะไรพระเจ้าข้า " พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า " ภิกษุณีรูปนั้นเป็นธิดาเกิดแต่ปากของเรา มีฤทธิ์มากเป็นผู้ทำตามคำสอนของเราจึงเป็นผู้คล่องแคล่วด้วยฤทธิ์ "

พระเครื่องที่เกี่ยวข้องในร้านค้านี้...

อื่นๆ...

กำหลังโหลด Comments
Top