เหรียญสี่ไต่เทียงอ่องกง​ เล่ากงกง-จ่าจีระสิทธิ์ - webpra
VIP
  • 0 8 6 - 5 6 0 4 0 3 7
  • Page 1
  • Page 2
หน้าที่ และความรับผิดชอบ

หมวด เครื่องรางของขลัง

เหรียญสี่ไต่เทียงอ่องกง​ เล่ากงกง

เหรียญสี่ไต่เทียงอ่องกง​ เล่ากงกง - 1เหรียญสี่ไต่เทียงอ่องกง​ เล่ากงกง - 2เหรียญสี่ไต่เทียงอ่องกง​ เล่ากงกง - 3เหรียญสี่ไต่เทียงอ่องกง​ เล่ากงกง - 4
ชื่อร้านค้า จ่าจีระสิทธิ์ - (คลิ๊กที่นี่เพื่อดู ข้อมูลเกี่ยวกับร้านค้า)
ชื่อเจ้าของร้านค้า
ชื่อพระเครื่อง เหรียญสี่ไต่เทียงอ่องกง​ เล่ากงกง
อายุพระเครื่อง 35 ปี
หมวดพระ เครื่องรางของขลัง
ราคาเช่า 350 บาท
เบอร์โทรติดต่อ 08-6560-4037
อีเมล์ติดต่อ Tayanrum@hotmail.com
LINE
(คลิ๊กที่นี่เพื่อเพิ่มเพื่อนกับเจ้าของร้าน)
สถานะ พร้อมเช่า
Facebook
เปิดให้เช่าตั้งแต่วันที่ อา. - 19 ก.พ. 2566 - 21:40.36
แก้ไขข้อมูลล่าสุดเมื่อ พ. - 12 เม.ย. 2566 - 15:56.25
รายละเอียด
เหรียญสี่ไต่เทียงอ่องกง​ เล่ากงกง

จตุโลกบาลตามคติจีน – สุเมรุจักรวาล

ที่ระลึกในงานทำบุญครบรอบ19 ปี​ พ.ศ.2533 จ.นครปฐม​ เนื้อกะไหล่ทอง

สวยเดิม

มี องค์ที่ 1 , องค์ที่ 3 และ องค์ที่ 4

จัด ชุด 3 เหรียญ ครับ

มี 30 ชุด ชุดละ 350 บาท


ศาลเจ้าสี่ไต่เทียงอ่วงกง · ติดตาม
14 เมษายน 2021 ·
ท้าวจตุโลกบาล / ท้าวจตุมหาราชา / สี่ไต่เทียงอ๊วง​ (จีนแต้จิ๋ว)​ หรือ​ ซื่อต้าเทียนหวัง (จีนกลาง)​ 四大天王 เป็นมหาเทพทั้งสี่ผู้พิทักษ์พระพุทธศาสนาทั้งสี่ทิศ​
1. ท้าววิรูปักษ์มหาราช 广目天王 ปกครองประจำตำแหน่งประจิม (ทิศตะวันตก) ของเขาซวีหมีซาน (เขาสุเมรุ) บนผืนแผ่นดินแห่งเงินขาว​ มีหน้าที่สอดส่องดูแลและปกป้องอาณาประชาราษฎร์ให้ตั้งมั่นอยู่ในศีลธรรมอันดี ด้วยการที่ท่านเป็นผู้มีดวงตาที่สาม จึงสามารถมองเห็นได้กว้างไกลนับพันลี้ และสามารถล่วงรู้การกระทำของมนุษย์โลกทุกรูปนาม
ท่านมีพระพักตร์สีแดง รอบๆ แขนเสื้อพระกรข้างขวา จะมีมังกรสีแดงรัดพันอยู่โดยรอบ (บ้างมีการสร้างรูปเคารพของท่านให้เป็นงูสีแดงแทน) ส่วนพระกรข้างซ้ายจะยกชูขึ้นเสมอ ในฝ่าพระหัตถ์จะมีไข่มุก (อัญมณี) วิเศษที่ส่องประกายแวววาว โดยความหมายของไข่มุกที่มีลักษณะทรงกลม ยังเปรียบแทนโลกมนุษย์เช่นกัน กล่าวกันว่าด้วยเพราะท่านมีสายตากว้างไกล จึงล่วงรู้การกระทำของมนุษย์ว่า ผู้ใดบ้างที่ดูหมิ่นดูแคลนพระพุทธศาสนา มังกร​ (งู) สีแดง ที่เลื้อยอยู่บนพระกรจะพุ่งเข้าไปรัดพันและจับตัวผู้นั้นมาลงทัณฑ์
นอกจากนี้​ ความหมายอีกนัยยะหนึ่งของการถืองูนั้น เปรียบถึงความไม่เที่ยงของสรรพสิ่ง และการถือไข่มุกทรงกลมนั้น เปรียบได้ถึงความเที่ยงแท้ภายในโลกเรานั่นเอง
2.ท้าวธตรฐมหาราช 持国天王 ประจำตำแหน่งบูรพา​ (ทิศตะวันออก) ของเขาซวีหมีซาน​ (เขาพระสุเมรุ) บนผืนแผ่นดินแห่งทองคำ​ คอยพิทักษ์ปกป้องประเทศ​ มีหน้าที่ในการคุ้มครองอาณาจักรหรือดินแดนใดๆ ที่นับถือพระพุทธศาสนาให้มีความสงบสุขร่มเย็น​
ท่านมีพระพักตร์สีขาว พระหัตถ์ทรงถือเครื่องดนตรีจีนชนิดหนึ่งที่คล้ายกับพิณสี่สาย เรียกกันว่า ผีผา ยามใดที่ดีดผีผาขึ้นมา เสียงดนตรีจะบังเกิดเป็นท่วงทำนองอันกึกก้อง สำหรับประเทศใดที่นับถือในพระพุทธศาสนา เสียงดนตรีนั้นจะมีความไพเราะ แต่สำหรับอาณาจักรใดที่คิดทำลายประเทศแห่งพระพุทธศาสนา เสียงดนตรีจะกลับกลายเป็นลูกไฟดวงใหญ่จำนวนมากมายที่ตกลงมาจากฟากฟ้า ด้วยเหตุนี้ ท้าวธตรฐมหาราชจึงกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งการควบคุมภูมิอากาศบนโลกมนุษย์
นอกจากนี้​ ความหมายอีกนัยยะหนึ่งของการถือเครื่องดนตรีเครื่องสายของท่าน คือต้องการให้ผู้คนเข้าใจว่าเครื่องสายนั้น ต้องขึ้นสายให้ตึงพอประมาณ ตึงเกินไปสายก็จะขาดได้ และหากหย่อนจนเกินก็จะไม่มีเสียง​ ซึ่งเป็นการสอนให้พุทธศาสนิกชนดำรงตนอยู่ในมัชฌิมาปฏิปทา ซึ่งคือทางสายกลางนั่นเอง
3. ท้าววิรุฬหกมหาราช (Virudhaka) หรือ เจิงจ่างเทียนหวาง (增长天王) ปกครองประจำตำแหน่งทักษิณ(ทิศใต้) ของเขาซวีหมีซาน (เขาพระสุเมรุ) บนผืนแผ่นดินแห่งกระจก มีหน้าที่พิทักษ์ปกป้องพระธรรม คุ้มครองพระธรรมคัมภีร์ของพระพุทธศาสนาให้ปลอดภัย รวมทั้งให้พระธรรมขจรไกลไปสู่ดินแดนต่าง ๆ อย่างกว้างไกล
ท้าววิรุฬหกมหาราชแต่งกายด้วยชุดนักรบ​ สวมชุดเกราะดั่งแม่ทัพใหญ่ มีพระพักตร์สีเขียวเข้ม (บ้างว่าเป็นสีน้ำเงิน) พระหัตถ์ทรงถือกระบี่วิเศษสีเขียวคราม เรียกกันว่า ชิงเฟิงเป่าเจี้ยน (青峰宝剑) กระบี่เล่มนี้มีความแหลมคมดั่งสิ่งวิเศษ ตัดฟันสิ่งใดล้วนขาดสบั้น ยามใดที่สะบัดออกก็จะบังเกิดเป็นลมพายุโหมกระหน่ำ และทรงมีมหามนตรา ทำให้บังเกิดเป็นเปลวไฟที่มีพลังอำนาจอันร้ายแรงด้วย
นอกจากนี้​ ความหมายอีกนัยยะหนึ่งของการถือดาบของท่านคือ ดาบ​ เป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้ ความแหลมคมของดาบ หมายถึง​ สติปัญญาอันเฉียบแหลม ต้องการให้มนุษย์ใช้ชีวิตอย่างมีสติ และใช้ดาบแห่งปัญญาตัดปัญหาให้หมดสิ้น
4. ท้าวเวสสุวัณมหาราช (Vaisravana) หรือ ตัวเหวินเทียนหวัง (多闻天王) ประจำตำแหน่งอุดร (ทิศเหนือ) ของเขาซวีหมีซาน​ (เขาพระสุเมรุ) บนผืนแผ่นดินแห่งแก้วผลึก เป็นมหาราชาผู้มีความเชี่ยวชาญในพระพุทธศาสนาโดยมีพรและคุณธรรมในทุกด้าน​ ทรงคุ้มครองให้มนุษย์มีวิถีชีวิตที่กินดีอยู่ดี มั่งมี​ มั่งคั่ง จึงมีผู้คนกราบไหว้ท้าวเวสสุวัณมากเป็นพิเศษ ท่านจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของเทพเจ้าแห่งความร่ำรวยด้วยเช่นกัน แต่ทว่า ผู้ที่จะได้รับการช่วยเหลือให้พบกับความมั่งคั่งร่ำรวยนั้น จะต้องเป็นคนดีและตั้งมั่นในคุณธรรม
ลักษณะของท้าวเวสสุวัณมหาราชนั้น แต่งกายด้วยชุดนักรบสวมชุดเกราะ ดั่งแม่ทัพใหญ่ มีพระพักตร์สีเขียว พระหัตถ์ขวาถือร่มวิเศษที่มีพลังอำนาจในการป้องกันพายุและเมฆฝน เมื่อใดที่กางร่มออก จะบังเกิดเป็นความมืดดำทมึนไปทั่วท้องฟ้า และทันทีที่หุบร่มเข้า ก็จะทำให้แผ่นดินไหวสะเทือนเลือนลั่น ในเทพจตุมหาราชานั้น ยกให้ท้าวเวสสุวัณมหาราชมีอิทธิฤทธิ์ที่น่าเกรงขามที่สุด
จากสัญลักษณ์ประจำตัวของทั้งสี่องค์คือ กระบี่-ผีผา-ร่ม-มังกร​ (剑琴伞龙)​ มีความหมายเปรียบได้ดั่งตัวอักษรจีน 4 ตัวนี้​ 风调雨顺 ซึ่งมีความหมายว่า ฟ้าฝนตกต้องตามฤดูกาล ทำสิ่งใดสะดวกราบรื่น​ และสำเร็จดั่งใจหมาย。。






สี้ไต๋เทียงอ้วง จตุโลกบาลตามคติจีน – สุเมรุจักรวาล

(ผิดถูก ค่อยแก้ไข ครับ )

“สุเมรุจักรวาล” หรือจักรวาลแบบที่มีเขาพระสุเมรุเป็นศูนย์กลางนั้น ต้นกำเนิดก็คือภาพจำลองภูมิศาสตร์อินเดียโบราณ ดังนั้น คติดั้งเดิมของ “สี่มหาราช” แห่งสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา หรือ “จตุโลกบาล” ก็ย่อมเป็นแนวคิดอันมีต้นทางมาจากคติจักรวาลของคนอินเดียเช่นกัน

แต่เมื่อคตินี้เผยแผ่ไปพร้อมกับพุทธศาสนา เข้าสู่ดินแดนจีนและญี่ปุ่น ทำให้มีการปรับเอาคติ “จตุโลกบาล” ไปผสมผสานกลายเป็นส่วนหนึ่งของพุทธศาสนามหายานแบบจีนนิกายด้วย ดุจเดียวกับพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรจากพุทธศาสนามหายานในอินเดีย ที่เมื่อเข้าสู่จีนแล้วถูกนำไปผนวกกับตำนานท้องถิ่น กลายเพศเป็น “เจ้าแม่กวนอิม”

ท้าวจตุโลกบาลจึงมีชื่อเรียกในภาษาจีนสำเนียงแต้จิ๋วว่า “สี้ไต๋เทียงอ้วง” (四大天王) รวมถึงแต่ละองค์ก็ยังถูกปรับเปลี่ยนรูปโฉมไปตามคติจีน มีชื่อเป็นจีน และเกิดมีตำนานเป็นเรื่องราวในทางฝ่ายจีนอีกต่างหาก ดังที่คุณสมชาย ธรรมวิริยารักษ์ เขียนเล่าไว้ในบทความ “ปฏิมากรและประติมากรรมของชาวจีนในกรุงเทพฯ” ของหนังสือ “คนจีน ๒๐๐ ปีใต้พระบรมโพธิสมภาร เล่ม ๒” ว่า
“ท้าวจตุโลกบาลเหล่านี้ บ้างว่าสืบเนื่องมาจากในคราวกษัตริย์บู่อ๋อง แห่งราชวงศ์จิว ยกพวกไปตีกษัตริย์ติ๋ว (ก่อน พ.ศ. ๕๙๑) ในระหว่างทาง ได้มีเทพเจ้า ๔ องค์มาขออาสาช่วยรบ กษัตริย์บู่อ๋องได้กล่าวขอบใจ และขอให้ช่วยปกปักรักษาให้ “ฮวง” (ลม) “เที้ยว” (ถูกต้อง) “โหว” (ฝน) “สุง” (ราบรื่น) คือให้ดินฟ้าอากาศเป็นไปโดยราบรื่นตามฤดูกาล ให้ราษฎรเป็นอยู่โดยปกติสุขก็พอ ไม่ต้องช่วยรบ

“ครั้นการยกทัพไปตีกษัตริย์ติ๋วเป็นผลสำเร็จ กษัตริย์บู่อ๋องจึงรับสั่งให้ตั้งศาลเจ้าบูชาเทพทั้ง ๔ องค์ นั้น และให้มีเครื่องหมายดังนี้ คือ องค์หนึ่งถือดาบ หมายถึง ลม เพราะเวลาฟันดาบจะเกิดเป็นเสียงลม องค์หนึ่งถือพิณ เพราะการดีดพิณตามภาษาจีนออกเสียงว่า “เที้ยว” องค์หนึ่งถือร่ม หมายถึง ฝน และองค์หนึ่งถืองู เพราะคำว่าทะเล ออกเสียงว่า “สุง” แต่ต่อมาเนื่องจากงูไม่เป็นที่นิยมของสาธุชน จึงเปลี่ยนอุ้มเจดีย์แทน”

ปฏิมากรรมรูปจตุโลกบาลในคติจีนอย่างที่เห็นตามวิหารหน้าทางเข้าวัดพุทธมหายานจีนนิกาย จึงประกอบด้วยเทพทั้งสี่องค์ ซึ่งมักประดิษฐานเรียงกันให้ได้ตามลำดับถ้อยคำมงคลดังกล่าวข้างต้น

๑) เจงเจียเทียงอ้วง (增長天王 ท้าววิรุฬหก) ราชาแห่งกุมภัณฑ์ ปกครองทิศใต้ กายสีขาว ถือดาบ คือ “ฮวง” (ลม)
๒) ฉือกว๋อเทียงอ้วง (持國天王 ท้าวธตรฐ) ราชาแห่งคนธรรพ์ ปกครองทิศตะวันออก กายสีแดงหรือขาว มือถือพิณจีน (ปี่แป๋ หรือผีผา) คือ “เที้ยว”
๓) โตเหวินเทียงอ้วง (多聞天王 ท้าวเวสสุวัณหรือกุเวร) ราชาแห่งยักษ์และภูตผี ปกครองทิศเหนือ กายสีเขียวหรือเหลือง มือถือฉัตรหรือร่ม คือ “โหว” (แต่บางแห่งก็อุ้ม “ถะ” คือเจดีย์แบบจีนแทน)
๔) ควงบักเทียงอ้วง (廣目天王 ท้าววิรูปักข์) ราชาแห่งนาค ปกครองทิศตะวันตก กายสีน้ำตาลเข้ม ถืองูหรือมังกรในมือหนึ่ง คือ “สุง” มืออีกข้างถือดาบ

คุณสมชาย ธรรมวิริยารักษ์ เล่าไว้ด้วยว่า “ท้าวจาตุมหาราชทั้ง ๔ องค์นี้มักสร้างเป็นรูปขนาดโตใหญ่ เรียงไว้ในวิหารต้นของวัดข้างละสององค์ ลัทธิธรรมเนียมปรากฏว่าพระพุทธเจ้าทรงมอบพระธรรมไว้แก่ท้าวมหาราชทั้ง ๔ รักษา ชาวจีนจึงได้สร้างท้าวจาตุมหาราชขึ้น เรียกว่า ฮูฮวบ (ธรรมบาล) แปลว่า ผู้คุ้มครองพระศาสนา และนอกจากนี้ ยังพิทักษ์รักษาประเทศชาติ และพุทธบริษัทอีกด้วย ถ้าประเทศใดละเลยหรือหมิ่นแคลนพระธรรม ก็จะเพิกถอนการพิทักษ์นั้นเสีย หากมั่นอยู่ในพระธรรมก็จะอำนวยสุขสวัสดิ์ บริวารท้าวจตุโลกบาลทั้ง ๔ มีหน้าที่คอยตรวจตราดูแลทุกข์สุขของประชาโลก และจัดการปราบปรามสัตว์ที่ทำบาปและที่ไม่ตั้งอยู่ในศีลธรรมอันดีงาม”

เราจึงมักพบว่า ตามหน้าวัดพุทธศาสนาจีนนิกายในเมืองไทย เช่น วัดเล่งเน่ยยี่ (วัดมังกรกมลาวาส ย่านเยาวราชในกรุงเทพฯ) และวัดเล่งเน่ยยี่ ๒ (วัดบรมราชากาญจนาภิเษก อำเภอบางบัวทอง ปทุมธานี) จึงมีวิหารประดิษฐานรูปท้าวจตุโลกบาล ทำหน้าที่เป็นทำนอง “อารักษ์” ของอาราม ป้องกันภูตผีปีศาจและสิ่งอัปมงคลทั้งหลาย

พระเครื่องที่เกี่ยวข้องในร้านค้านี้...

อื่นๆ...

กำหลังโหลด Comments
Top