-
0 8 6 - 5 6 0 4 0 3 7
หมวด วัตถุมงคลของแผ่นดิน เชื้อพระวงศ์ บุคคลสำคัญ เหรียญกษาปณ์ เหรียญที่ระลึก ธนบัตร
เหรียญ ร.6 งานสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี จ.นครปฐม ปี 2525





ชื่อร้านค้า | จ่าจีระสิทธิ์ - (คลิ๊กที่นี่เพื่อดู ข้อมูลเกี่ยวกับร้านค้า) |
---|---|
ชื่อเจ้าของร้านค้า | |
ชื่อพระเครื่อง | เหรียญ ร.6 งานสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี จ.นครปฐม ปี 2525 |
อายุพระเครื่อง | 43 ปี |
หมวดพระ | วัตถุมงคลของแผ่นดิน เชื้อพระวงศ์ บุคคลสำคัญ เหรียญกษาปณ์ เหรียญที่ระลึก ธนบัตร |
ราคาเช่า | - |
เบอร์โทรติดต่อ | 08-6560-4037 |
อีเมล์ติดต่อ | Tayanrum@hotmail.com |
LINE |
(คลิ๊กที่นี่เพื่อเพิ่มเพื่อนกับเจ้าของร้าน)
|
สถานะ |
![]() |
เปิดให้เช่าตั้งแต่วันที่ | ส. - 19 พ.ย. 2565 - 21:34.07 |
แก้ไขข้อมูลล่าสุดเมื่อ | พฤ. - 02 พ.ย. 2566 - 20:41.29 |
รายละเอียด | |
---|---|
เหรียญ ร.6 งานสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี จ.นครปฐม ปี 2525 (เหรียญ ทรงอาร์ม ใหญ่ คล้าย เหรียญ 3 รอบ ในหลวง ร.9 ) หลวงพ่อ สุดวัดกาหลง และ สุดยอด พระเกจิ ยุคนั้น อีก 8 รูป ปลุกเสก เหรียญ เก็บ ไว้ อย่างดี สวยเดิม ๆครับ นวเรศ วิมล 19 ธันวาคม 2019 · "บุญฤทธิ์" ย่อมเหนือ "อิทธิฤทธิ์" ************************************************************************** การที่บุคคลใดบุคคลหนึ่งจะขึ้นมาสถิตย์อยู่ในสถานะอันสูงสุด เหนือใครในใต้หล้าได้นั้น ย่อมจะต้องมี "บุญใหญ่" ที่ "ยิ่งยวด" กว่าใครๆ สนับสนุนหนุนส่งอยู่เบื้องหลังทั้งสิ้น หาได้เกิดจาก "มนต์ดล" หรือความ "บังเอิญ" ใดๆก็หามิได้ ด้วยประการทั้งปวง ดูอย่าง "พระราชบุตร" ของ "พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5" ซึ่งมีอยู่หลายสิบพระองค์ก็ได้ ทำไม อยู่ดีๆ พระราชบัลลังก์ถึงมาตกอยู่กับ "สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ" ที่ต่อมา ได้เป็น "พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6" ได้ ทั้งๆที่ก่อนหน้า รัชกาลที่ 6 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ น่าจะเป็นของ "สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ" ที่เจริญพระชนมายุและความพร้อมอื่นๆมากกว่า และแม้จะทรงเป็น"สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช" ก็ยังได้ทรงเคยเห็น "พระปฐมเจดีย์" จ.นครปฐม แสดง "พุทธาภินิหาร" เปล่งพระรัศมีสว่างไสวให้ทรงประจักษ์แก่สายพระเนตร แบบเดียวกับที่ รัชกาลที่ 4 และรัชกาลที่ 5 ทรงเคยประสพมาก่อนหน้า ไม่ผิดเพี้ยน "สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ" แม้จะมิได้ทรง "เล่นของ" หรือ "ศึกษาไสยศาสตร์" ใดๆ แต่อยู่ดีๆ ก็มี "อสูร" มาถวายตัวเป็น "ราชองครักษ์" ใน "มิติที่ 4" อย่างคาดไม่ถึง เรียกได้ว่า ไม่ต้องเสกไม่ต้องเป่า "หุ่นพยนต์"หรือ "พรายกุมาร"ใดๆ ก็มี "อสุรเทพ" มาถวายการปกป้องแบบ"องค์เป็นๆ"ก็ว่าได้ และทรงอานุภาพศักดิ์สิทธิ์จนเป็นที่ลือเลื่องจนถึงปัจจุบันในนาม "ท้าวหิรัญพนาสูร"(ฮู) นั่นแล นี่ยังไม่นับ "ข้าราชบริพาร" ที่จงรักและภักดีแบบสุดๆ ยากจะมีพระมหากษัตริย์พระองค์ใดมีได้เสมอเสมือน ที่เข้ามาสู่พระบารมี จนเป็นที่เลื่องลือเป็นอมตะตราบจนถึงปัจจุบันอีกต่างหาก ที่หลายๆคนรู้จักกันในนาม "พระภิกษุพระยานรรัตนราชมานิต"(ตรึก จินตยานนท์) แห่งวัดเทพศิรินทราวาส กรุงเทพมหานคร" นั่นแล ก็การที่ "พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6" ทรงถึงพร้อมด้วย "พระสถานะ" และ "ความเป็นเลิศ" ในหลายๆด้านเช่นนี้ แน่นอนที่สุดว่า ถ้ามิใช่บังเกิดแต่ "อภิวาสนา" ที่ "ยิ่งใหญ่" และ "ยิ่งยวด" กว่าใครๆ ที่ทรงเคยบำเพ็ญมาแต่ปางก่อนแล้ว ก็ไม่อาจจะหาคำอธิบายใดอื่นมาแสดงให้เห็นแจ้งถึงการเช่นว่านี้ได้ แน่แล้ว และด้วยเหตุนี้ จึงเป็นที่น่าสนใจใฝ่ศึกษาเป็นอย่างยิ่งว่า "พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6" ในปุเรชาติ ทรงเคยประกอบพระราชกุศลใหญ่ยิ่งประการใดมา จึงได้ทรงถึงพร้อมด้วยความเพียบพร้อมอย่างพิเศษสูงสุดเห็นปานนั้นได้..?????????????????? คำตอบโดยส่วนตัวคือ "ไม่ทราบ" เหตุเพราะไม่มีญาณจะไปหยั่งรู้พระราชกิจกุศลในอดีตภพของพระองค์ท่านใดๆได้ แต่....ที่แน่ๆ และมีหลักฐานปรากฏชัดเจนในพระชาติปัจจุบัน "พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6" ทรงมี "อภิวาสนาบุญญาธิการพิเศษ" ยิ่งกว่าพระญาติพระวงศ์ใดๆทั้งสิ้น เหตุที่ได้ทรงมีพระราชศรัทธาเลื่อมใส จนถึงกับ "เจาะจง" ให้ "นิมนต์" อภิอัครอรหันต์แห่งยุคอย่าง "หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต" พระบุพพาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนากรรมฐานมารับไทยทานจากพระหัตถ์ของพระองค์เองเลยทีเดียว...!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! และแม้ตอนนั้น "หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต" กำลัง"เจริญสมณธรรม"อยู่กลางป่ากันแสนไกล ตามปกติวิสัยแห่งพระธุดงคกรรมธรรมฝ่ายอรัญญวาสี ก็ตามที แต่ "พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6" ก็มิได้ทรงละความพยายาม ที่สุด ถึงกับทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้มหาดเล็กจัดหา "เสลี่ยง" ไปรับหลวงปู่มั่นที่"กลางป่า" ให้มาหาพระองค์ที่กรุงเทพให้จงได้เลยทีเดียว..!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! ขนาดนั้น แน่นอนที่สุดว่า "ความเพียรในกิจอันเป็นกุศล" ที่ "แรงกล้า" อย่างยวดยิ่งของ "พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6" ที่ทรงพระราชประสงค์จะได้นมัสการ "สุดยอดพระอัจฉริยอรหันต์แห่งยุคสมัย" ดังกล่าว จะมีพลอานิสงส์ยิ่งใหญ่และสูงสุดยอดเพียงไร ก็คงไม่จำต้องมีอรรถาธิบายใดๆให้ยิ่งกว่านี้แล้ว แน่แท้ **************************************************************************** ในปีหนึ่ง พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว จะเสด็จพระราชทานผ้าพระกฐินที่วัดปทุมวนาราม ได้มีรับสั่งแก่เจ้าคุณพระปัญญาพิศาลเถร (หนู ฐิตปญฺโญ) เจ้าอาวาสในขณะนั้นว่า “พระสังกัดวัดปทุมฯ จำพรรษาอยู่ที่ใด ขอนิมนต์มาให้หมด” ท่านเจ้าคุณฯ ถวายพระพรว่า “คุณมั่น เธอจำพรรษาอยู่ที่ถ้ำสาริกา” พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวก็ทรงมีรับสั่งว่า “ไม่เป็นไร จะให้มหาดเล็กไปรับเอง” ครั้นแล้ว พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวก็ได้ให้ทหารมหาดเล็กยกเสลี่ยงไปรับหลวงปู่มั่นถึงถ้ำสาริกา จ.นครนายก ซึ่งในเวลานั้น ยังเป็นป่าดงดิบที่ทุรกันดารเป็นอย่างยิ่ง แต่หลวงปู่มั่น หาได้ "ขึ้นเสลี่ยงพระราชทาน" เดินทางลงมายังกรุงเทพมหานครตามพระราชประสงค์ไม่ เหตุที่เป็นเช่นนี้ สันนิษฐานได้ว่า หลวงปู่มั่นท่านต้องการจะรักษาศีลวัตรให้บริสุทธิ์ เพราะ "พระพุทธองค์" ทรงมี "พุทธวินัย" กำหนดไว้อย่างชัดเจนว่า "ภิกษุไม่พึงไปด้วยยาน รูปใดไป ต้องอาบัติทุกกฏ เว้นแต่ป่วยไข้อาพาธ" (จัมมขันธกะ) ด้วยเหตุนี้ หลวงปู่มั่นจึงได้เอาแต่"อัฏฐบริขาร" วางบนเสลี่ยงพระราชทาน ส่วนองค์ท่าน "เดินเท้าเปล่า" จากนครนายก พร้อมกับทหารมหาดเล็กจนถึงกรุงเทพมหานคร ใช้เวลา 3 วันเต็มๆด้วยประการฉะนี้ฯ *************************************************************************** เมื่อวันกฐินมาถึง เสร็จพิธีแล้ว มีการออก"สลากภัต" โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงเป็นองค์ประธาน คล้ายกับว่า"ทรงทำเป็นกรณีพิเศษ" ร่วมกับข้าราชบริพาร ของนำมาจับสลากตามแต่ศรัทธา สิ่งที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงนำมาออกสลาก เป็น "ตะเกียงลาน ๒ อัน" น่าประหลาดอย่างยิ่งที่ผลการจับสลากทั้ง ๒ ครั้ง ตะเกียงลานของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวก็ได้มาตกแก่ท่านพระอาจารย์มั่นทั้งสองครั้ง..!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! ด้วยเหตุนี้ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงได้พระราชทาน"ตะเกียงลาน" ดังกล่าวแก่ท่านพระอาจารย์มั่นด้วยพระหัตถ์ ก่อนที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 จะทรงตรัสกับหลวงปู่มั่น ภูริทัตตมหาเถระในบัดนั้นว่า “คุณมั่น เธออยู่ป่า มีแสงสว่างน้อย เราขอให้แสงสว่างแด่เธอ” สาธุ สาธุ สาธุ ขอพระราชทานกราบถวายอนุโมทนาสาธุการด้วยเศียรเกล้าอย่างสูงสุด (ที่มา หนังสือรำลึกวันวาน หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต) |
พระเครื่องที่เกี่ยวข้องในร้านค้านี้...










อื่นๆ...
กำหลังโหลด Comments