เหรียญ รุ่นแรก หลวงปู่ครูบาสิงห์โต สุธมฺโม วัดดอยแก้ว จ.เชียงใหม่ -จ่าจีระสิทธิ์ - webpra
VIP
  • 0 8 6 - 5 6 0 4 0 3 7
  • Page 1
  • Page 2
หน้าที่ และความรับผิดชอบ

หมวด เหรียญปั๊ม ปี 2541 ถึง ปัจจุบัน

เหรียญ รุ่นแรก หลวงปู่ครูบาสิงห์โต สุธมฺโม วัดดอยแก้ว จ.เชียงใหม่

เหรียญ รุ่นแรก หลวงปู่ครูบาสิงห์โต สุธมฺโม วัดดอยแก้ว จ.เชียงใหม่  - 1เหรียญ รุ่นแรก หลวงปู่ครูบาสิงห์โต สุธมฺโม วัดดอยแก้ว จ.เชียงใหม่  - 2เหรียญ รุ่นแรก หลวงปู่ครูบาสิงห์โต สุธมฺโม วัดดอยแก้ว จ.เชียงใหม่  - 3เหรียญ รุ่นแรก หลวงปู่ครูบาสิงห์โต สุธมฺโม วัดดอยแก้ว จ.เชียงใหม่  - 4
ชื่อร้านค้า จ่าจีระสิทธิ์ - (คลิ๊กที่นี่เพื่อดู ข้อมูลเกี่ยวกับร้านค้า)
ชื่อเจ้าของร้านค้า
ชื่อพระเครื่อง เหรียญ รุ่นแรก หลวงปู่ครูบาสิงห์โต สุธมฺโม วัดดอยแก้ว จ.เชียงใหม่
อายุพระเครื่อง 20 ปี
หมวดพระ เหรียญปั๊ม ปี 2541 ถึง ปัจจุบัน
ราคาเช่า -
เบอร์โทรติดต่อ 08-6560-4037
อีเมล์ติดต่อ Tayanrum@hotmail.com
LINE
(คลิ๊กที่นี่เพื่อเพิ่มเพื่อนกับเจ้าของร้าน)
สถานะ เช่าแล้ว
Facebook
เปิดให้เช่าตั้งแต่วันที่ อา. - 11 ก.ย. 2565 - 21:12.00
แก้ไขข้อมูลล่าสุดเมื่อ พฤ. - 06 ต.ค. 2565 - 09:02.14
รายละเอียด
สุขสันต์วันอาทิตย์...

ของดี ราคา เบา ๆ ซักวันครับ
...
เหรียญ รุ่นแรก หลวงปู่ครูบาสิงห์โต สุธมฺโม วัดดอยแก้ว อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่

บทนำ
ถ้ากล่าวถึงพระอดีตอริยสงฆ์แห่งล้านนาแล้วคงไม่มีใครไม่รู้จักครูบาเจ้าศรี วิชัยผู้นำการก่อสร้างทางขึ้นดอยสุเทพและพัฒนาวัดวาอารามอีกเป็นจำนวนมาก และในยุคถัดมาก็มีหลวงปู่แหวน สุจินโณ วัดดอยแม่ปั๋งเป็นที่พึ่งทางใจของคนไทยทั่วประเทศ แทบคาบเกี่ยวในยุคเดียวกันก็มีพระวิปํสสนาจารย์ใหญ่นาม หลวงปู่ครูบาพรหม หรือที่หลายคนเรียกท่านว่าครูบาพรหมจักร วัดพระพุทธบาทตากผ้า ผู้สร้างหน่อเนื้อนาบุญไว้อย่างมากมาย จวบจนกระทั่งปัจจุบันใครเลยจะรู้เล่าว่ามีพระอริยสงค์รูปหนึ่งช่างมีบุญ เหนือบุญที่ได้เป็นศิษย์สืบทอดบุญญาบารมีของอริยสงฆ์ทั้งสามท่านนี้ไว้... พระสงฆ์รูปนั้นก็คือหลวงปู่ครูบาสิงห์โต สุธมฺโม อริยสงฆ์ลงดอยยุคปัจจุบัน........


ชาติกำเนิดการบวช ปฏิบัติและศึกษาพระเวทย์

หลวงปู่สิงห์โตปัจจุบันอายุ ๙๐ ปีเกิดที่ ต.ดอยแก้ว อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่วันที่ ๑๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๖๒ เป็นบุตรชายคนโตและคนเดียวในพี่น้อง๕ คน ของพ่อคำ แม่ปุ้ด ทิพย์พรหมา บ้านของท่านมีอาชีพทำนา และโยมพ่อเป็นผู้ใหญ่บ้าน ต่อมาเมื่อท่านอายุ ๑๐ขวบ หลวงปู่แก้ว หลวงปู่แหวน หลวงปู่ตื้อ ได้รุกขมูลมาจากอีสานแล้วมาปักหลักปฏิบัติธรรม ณ.ดอยโมคคัลลาน์ ซึ่งไม่ห่างไปจากบ้านของหลวงปู่มากนัก เป็นเหตุให้โยมพ่อของท่านได้มีโอกาสรู้จักกับหลวงปู่แก้ว หลวงปู่แก้วจึงขอเด็กชายสิงห์โตไปอยู่อุปฐากหลวงปู่แหวน เมื่อไปอยู่แล้ว หลวงปู่แหวนท่านก็สอนให้นั่งปฏิบัติธรรมอยู่กว่าขวบปีจนทำให้เด็กชายสิงห์โต เกิดความชอบ ปฏิบัติรุดหน้าอย่างรวดเร็ว เพราะเด็กนั้นยังมีใจที่บริสุทธิ์สะอาดปราศจากอกุศลจิต ต่อมาเมื่อหลวงปู่แหวนได้จาริกไปที่อื่น หลวงปู่จึงขอให้โยมพ่อพาไปบวชเณรที่วัดพระธาตุศรีจอมทอง เมื่ออายุ ๑๒ ปีโดยมีพระครูพุทธศาสตร์สุประดิษฐ์ วัดพระธาตุศรีจอมทอง เป็นผู้บรรพชา บวชแล้วก็อยู่ปฏิบัติ กับครูบาคันธา ณ.วัดดอยแก้ว กระทั่ง๒ปีถัดมาครูบาคันธา( เจ้าอาวาสวัดดอยแก้วภายหลังไปปกครองวัดวังจำปา) ก็พาท่านขึ้นไปสร้างทางขึ้นดอยสุเทพและปฏิบัติธรรมร่วมกับครูบาเจ้าศรี วิชัย ทำให้ท่านได้มีโอกาสเรียนปฏิบัติตามแนวทางของครูบาเจ้า จนกระทั่งแล้วเสร็จจึงกลับมาเรียนอักขระล้านนา ค้นคว้าปั๊ปสา(คัมภีร์พระเวทย์)ก่อนเดินทางไปเรียนอาคมอีสานกับหลวงปู่แก้ว เรียนอาคมสายเหนือไทยใหญ่กับครูบาจินา วัดท่าข้ามใต้ ที่ อ.ฮอด พอกลับมาพ่อหนานตันฆราวาสเรืองเวทย์แห่งดอยแก้วซึ่งเฝ้าดูสามเณรสิงห์โตอยู่ นานแล้วก็ได้ตัดสินใจถ่ายทอดสรรพวิชาทางเสน่ห์เมตตามหานิยมให้ทั้งหมด ส่วนวิชามหาอำนาจหลวงปู่ฯได้รับการถ่ายทอดวิชาเสือเยน(เสือสมิง)มาจากพราน กระเหรี่ยงสบเตี๊ยะ ต่อมาจึงได้อุปสมบทที่วัดพระธาตุศรีจอมทองโดยมีพระสุวรรณโมลี เป็นอุปํชฌาย์ จากนั้นก็ได้ไปเรียนปฏิบัติวิปํสสนาชั้นสูงกับครูบาพรหม วัดพระพุทธบาทตากผ้า จ. ลำพูน สำเร็จแล้วได้ออกปฏิบัติธรรม ณ.ดอยอินทนนท์ โปรดชาวเขาให้เลิกนับถือผีมานับถือพุทธศาสนาเป็นเวลา ๔ ปี พอกลับมาก็ได้เป็นเจ้าอาวาสและพัฒนาวัดดอยแก้วจนบริบูรณ์ดังปัจจุบัน

พระผู้นำในการพัฒนา

สร้างโรงพยาบาลประจำอ.จอมทอง สมัยที่ท่านได้รับการแต่งตั้ง เป็นพระอธิการสิงห์โต เจ้าอาวาสวัดดอยแก้ว ขณะนั้นทางราชการกำลังพัฒนาสถานีอนามัยให้เป็นโรงพยาบาลประจำอำเภอ หลวงปู่ครูบาสิงห์โตได้เห็นความสำคัญดังกล่าวเช่นกัน จึงได้รวบรวมศรัทธาประชาชนวัดดอยแก้วร่วมจัดหาสถานที่เพื่อสร้างโรงพยาบาลอ. จอมทองจนสำเร็จ

สร้างถนนขึ้นดอย ท่านริเริ่มก่อสร้างถนนไปสู่หมู่บ้านแม่เตี้ยะ เพื่อให้ชาวเขาได้มีโอกาสลงมาทำมาค้าขาย และรักษาพยาบาลตอนเจ็บป่วย รวมทั้งเด็กๆนั้นจะได้รับการศึกษา เป็นผลงานที่ทำจากหมู่บ้านสู่หมู่บ้าน หมู่บ้านสู่ตำบล จนทางราชการเข้าร่วมช่วยเหลือให้เป็นถนนลาดยาง

สร้างสะพานคอนกรีต ข้ามแม่น้ำแม่กลางสู่ตัวอำเภอจอมทอง

สร้างเตาเผาศพ โดยเปลี่ยนจากการเผากลางแจ้งแบบชาวบ้านเป็นเตาเผาไฟฟ้า
การพัฒนาดังกล่าวข้างต้น นับว่าเป็นคุณประโยชน์ต่อสังคมเป็นอย่างยิ่ง ทำให้ทางราชการและคณะสงฆ์ ร่วมกันถวายสมณศักดิ์ให้ท่านเป็น พระครูสีหธรรมจารี และขอให้ท่านเป็นเจ้าคณะตำบลดอยแก้วแต่ท่านปฏิเสธ

วัตรปฏิบัติและปฏิปทา

วัตรปฏิบัตร แม้ วัยจะล่วงเลยเข้าอายุ ๙๐ ปีแล้วก็ตามหลวงปู่ยังเคร่งครัดในวัตรปฏิบัติ ตื่นตีสามทำวัตรสวดมนต์ปฏิบัติสมาธิสม่ำเสมอ ออกเดินบิณฑบาตรทุกเช้าแม้กระทั่งมาอยู่จ.อยุธยาก็ยังเดินบิณฑบาตรทุกวัน ชาวบ้านเห็นแล้วศรัทธาใส่บาตรกันมาก มีแม่ค้าปลาดุกในตลาดเจ้าพรหมใส่บาตรหลวงปู่เสร็จร้องไห้โฮเลย คนก็หันไปมองนึกว่าแกถูกปลาดุกยัก แกเห็นคนมองกันมาก ก็เลยบอกว่าปลื้มใจที่มีพระอริยสงฆ์อายุพรรษาสูงขนาดนี้มาบิณฑบาตรโปรดถึง ที่ และอีกอย่างที่หลวงปู่ไม่เคยขาดคือท่านไปที่ใดหากเห็นรูปเคารพพระพุทธเจ้า เป็นอันต้องยกมือไหว้และสวดงึมงำทุกครั้ง การขบฉันของท่านปกติจะฉันอาหารอ่อนๆมื้อเช้ามื้อเดียวแล้วฉันน้ำผึ้งกับนมสด มะนาวแต่ถ้าต้องไปงานก็อนุโลมฉันเพลด้วย บางครั้งท่านฉันน้ำผึ้งนมสดแก้วเดียวอยู่ไป๕ วันโดยไม่ฉันอะไรอีกเลย และร่างกายก็ยังสดชื่นเหมือนเดิม มีคนเคยถามท่านว่าไม่ฉันข้าวเพิ่มหรือ ท่านบอกร่างกายมันไม่รับ รับแค่นี้

ปฏิปทา ใครก็ตามที่ได้กราบหลวงปู่ครูบาสิงห์โตต่างก็กล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่าท่าน เป็นพระที่ความชุ่มเย็น มากเมตตา ตามใจลูกศิษย์ทุกประการไม่เลือกชั้นวรรณะ ไม่เลือกยากดีมีจน ใครขออะไรหลวงปู่ให้หมด ให้จนบางครั้งบรรดาลูกศิษย์ที่ใกล้ชิดปฏิบัติท่านเดือดร้อนไปตามๆกัน แต่ท่านก็ยังมีเมตตาต่อไปดังสายน้ำที่ไหลชุ่มฉ่ำตลอดปี อย่างเช่นหลายกรณีที่เล่าต่อไปนี้

พระขี้ขอ ครั้งหนึ่งที่หลวงปู่ลงรถไฟมาที่สถานีอยุธยา มีพระที่ไม่รู้จักการสมควร เข้าไปขอย่ามท่านเป็นที่ระฤก หลวงปู่ท่านก็มอบให้ จากนั้นพระอุปฐากก็ต้องเดือดร้อนไปซื้อเป้แบบของโยมจากร้านค้าใกล้ๆแถวนั้น มาใส่สิ่งของของท่านแทนย่าม เรื่องราวก็น่าจะจบลงแล้ว แต่เหตุการณ์ไม่ได้เป็นเช่นนั้น พระองค์เดิมเดินกลับมาขอเงินอีก ถ้าเป็นเราพระรูปนั้นคงโดน....แล้ว แต่นี่อะไรหลวงปู่ก็เมตตาถวายปัจจัยให้ไป หลังจากได้ปัจจัยแล้วพระองค์นั้นก็ขอประคำในคอหลวงปู่ท่านอีก หลวงปู่ท่านก็ถอดถวายให้ พระอุปฐากของหลวงปู่ที่ไปด้วยท่านเล่าให้ญาติโยมฟังอย่างมีอารมณ์ว่าภาพที่ เห็นในวันนั้นคล้ายๆกับหลวงปู่ถูกปล้นมากกว่า....แต่หลวงปู่บอกว่าเขาอยาก ได้ก็จะถวายให้เขาไป เหล่าบรรดาสานุศิษย์ที่ได้ฟังเรื่องนี้ต่างกล่าวตรงกันว่าท่านคือหลวงปู่ สิงห์โตหรือพระเวสสันดรกันแน่

โยมขี้ขอ ด้วยว่าคณะศิษยานุศิษย์ได้สร้างพระขุนแผนหลังติดจีวรเอาไว้สำหรับแจกตอบแทน หัวหน้าคณะผู้นำบุญที่จะสร้างหอบูรพาจารย์ในภายภาคหน้าและได้นำเอาไปไว้ใน ห้องท่าน ให้ท่านค่อยๆลงยันต์หัวใจขุนแผนไว้ที่หลังจีวรไปที่ละองค์และก็เรียนกำชับ หลวงปู่ไว้ว่าห้ามแจกไปก่อน เพราะเจตนาสร้างไว้เป็นพิเศษกับผู้นำบุญเท่านั้น เวลาผ่านไปหลายวัน ปรากฏว่าหลวงปู่เพิ่งเขียนไปได้ไม่เท่าไรก็มีคนผู้ไม่รู้การอันสมควรบุกเข้า ไปกราบหลวงปู่ถึงในห้องให้หลวงปู่ทำโน่นทำนี่ให้เสร็จแล้วก็ขอโน่นขอนี่จน กระทั่งจะลากลับก็เหลือบไปเห็นพระขุนแผนนี้เข้าก็ขอ ทีแรกก็ขอองค์เดียวพอได้แล้วก็ขออีก๓ องค์หลวงปู่ท่านก็ให้ไป ทั้งๆที่คณะศิษย์ย้ำนักย้ำหนาว่าอย่าแจกท่านก็แจก และในวันนั้นปัจจัยที่มีคนถวายให้หลวงปู่ก็หายไปด้วยแต่ท่านกลับไม่อาทรร้อน ใจอะไร ทำให้ศิษย์ใกล้ชิดเดือดร้อนต้องคอยระแวดระวังและหามาตรการจัดระบบป้องกัน ปัญหาเหล่านี้

ชาวเขาขอหม้อ ที่วัดดอยแก้วนั้นมักจะมีชาวเขาลงมาขออาหารสิ่งของเครื่องใช้ในถังสังฆทาน กับหลวงปู่เป็นประจำแต่มีรายหนึ่งมาขอเครื่องครัวที่เป็นหม้อ กระทะชุดใหม่ๆยังไม่ได้ใช้ (มีคนซื้อมาถวายหลวงปู่) แทนที่หลวงปู่จะอิดออดบอกว่าให้ไม่ได้จะไว้ใช้ในกิจการของวัด หลวงปู่กลับบอกชาวเขาผู้นั้นให้รีบนำกลับไปเร็วๆก่อนที่ลูกศิษย์ท่านจะกลับ มาเห็น เดี๋ยวจะอด

ขอทานตลาดเจ้าพรหม ตอนที่หลวงปู่ไปบิณฑบาตที่ตลาดเจ้าพรหมมีแม่ค้าประชาชนใส่บาตรกันมากมาย มีอยู่ครั้งหนึ่งท่านเดินผ่านขอทาน ขอทานพนมมือขอตังค์ท่าน หลวงปู่ก็หยุดคุ้ยเขี่ยหาปัจจัยในย่ามท่าน พวกพ่อค้าแม่ค้าที่เห็นเหตุการณนี้คงเฝ้าดูด้วยความลุ้นระทึกและต่างนึกในใจ ว่าหลวงปู่คงจะหาเหรียญหรือแบงก์ ๒๐อยู่เป็นแน่แท้ แต่ที่ไหนได้หลวงปู่เขี่ยหาจนเจอแบงก์ร้อยส่งให้ขอทานไป เท่านั้นหล่ะเสียงสาธุดังลั่นตลาดทีเดียว ส่วนขอทานถึงกับน้ำตาซึม

ขอให้ตามลูกตามผัวตามเมีย หลาย คนที่ประสบเคราะห์กรรมครอบครัวมีปัญหาลูกหนี ผัวทิ้ง เมียจาก เดือดเนื้อร้อนใจกินไม่ได้นอนไม่หลับมาขอให้หลวงปู่ช่วย ท่านก็สงเคราะห์ให้ถ้วนทั่วทุกรายไปจนกระทั่งปัจจุบันอายุท่าน ๙๐ ปี สุขภาพร่างกายท่านเริ่มอ่อนล้าทำมากไม่ค่อยไหวแล้ว ท่านจึงนำวิชาที่เรียนมาทำตะกรุดเทพรำจวนเป็นสื่อให้ไปเรียกกันเอง ตะกรุดนี้โด่งดังมากมีคนเอาไปเรียกแม้กระทั่งลูกหนี้ให้มาชำระหนี้
ขอให้ครอบหัวบรมครูปู่ฤๅษี ๑๐๘ หัวบรมครูปู่ฤๅษีนี้เป็นหัวศักดิ์สิทธิ์ได้รับการปลุกเสกประสาทพรจาก๑๐๘เกจิ อาจารย์สายหลักของเมืองไทยผู้ใดได้ครอบแล้วราวกับว่าได้รับการครอบจากเกจิ อาจารย์ ๑๐๘ รูปในเวลาเดียวกัน ดังนั้นระหว่างครอบตั้งใจอธิษฐานให้ดีประสพความสำเร็จทุกราย ทำให้วันหนึ่งๆมีผู้เดินทางมาขอให้ท่านครอบเป็นจำนวนมาก เวลาหลวงปู่ท่านครอบต้องเอื้อมมือยืดหลังเป็นเหตุให้ร่างกายวัย ๙๐ปีของท่านเมื่อยล้า แต่หลวงปู่ก็ยังคงอดทนทำให้กับทุกคนอยู่ตลอด ทำให้คณะศิษย์ขอร้องหลวงปู่ให้เมตตาทำเฉพาะพิธีสำคัญเท่านั้นเพื่อเป็นการ รักษาสุขภาพ ปรากฏว่าหลวงปู่ยืนยันว่ายังทำไหวและจะทำทุกวันจนกว่าจะไม่ไหว
ขอให้นั่งหนัก ด้วยว่าพระเก๋ผู้อุปฐากหลวงปู่เป็น ชาวอยุธยารู้จักเชื่อมโยงกับวัดอโยธยาผ่านโยมคนหนึ่ง ไวยาวัจกร วัดนี้ต้องการพระอริยสงฆ์มาจำพรรษาเพื่อเป็นศูนย์กลางแห่งศรัทธาดึงดูดญาติ โยมเข้ามาร่วมสร้างบุญกับวัดจึงอาราธนาหลวงปู่มาจำพรรษา หลวงปู่ก็ได้มีความเมตตาตอบตกลงมานั่งหนัก(นั่งเป็นประธานพัฒนา)ที่วัดอโยธยา จ.อยุธยา
ความศักดิ์สิทธิ์และอิทธิปาฏิหารย์ในหลวงปู่ฯ
ตาทิพย์ พระ เก๋ผู้อุปฐากหลวงปู่เล่าว่า เห็นคนมาขอเกศาหลวงปู่กันมาก ตนเองจึงอยากได้บ้าง จึงวางแผนจะยักเก็บขึ้นไว้ขณะที่ปลงผมหลวงปู่ พอถึงวันโกณ จึงทำตามที่คิดไว้คือยืนข้างหลังหลวงปู่แล้วปลงจากนั้นทำทีเป็นเอามีดโกน เคาะขันน้ำ เพื่อล้างเอาผมออกแต่ความจริงแอบเอากระดาษชำระห่อไว้ ปรากฏว่าหลวงปู่ท่านพูดขึ้นมาโยมเขาขอเอาไว้ ให้โยมเขาไปก่อน จึงสรุปว่าท่านนั่งหันหลังอยู่จะรู้ได้อย่างไรถ้าไม่มีตาทิพย์ ส่วนเหตุการณ์อีกทำนองหนึ่งที่พบเป็นประจำคือหลวงปู่บอกใบ้ เช่นนัดญาติโยมที่มาขอของศักดิ์สิทธิ์นัดให้มารับวันไหน เลขวันนั้นหล่ะถูกแน่นอน หรือการให้วัตถุมงคลโยม บางทีตอนแรกให้ ๒ ชิ้น เดี๋ยวเรียกมารับอีก ๓ ชิ้น นั่นหล่ะเลขสองหลัก บางทีใครมาถวายปัจจัยให้ท่าน ท่านก็ทอนคืนฝากไปทำบุญให้วัดอื่น ตัวเลขที่ฝากไปทำบุญนี่หล่ะ สำคัญนักได้กันมามากแล้ว ที่ดินบางแห่งทำมาค้าขายไม่ดีหลวงปู่ไปสวดมนต์แก้ให้ พอขึ้นรถกลับหลวงปู่จะเล่าให้ศิษย์ใกล้ชิดฟังว่า ที่นั้นมีอะไร แล้วหลวงปู่แก้อย่างไร......
หูทิพย์ ปัจจุบัน ด้วยวัยอันชราภาพของหลวงปู่ หูของท่านเริ่มตึง ถ้าใครสนทนากับท่านด้วยน้ำเสียงปกติท่านจะไม่ได้ยิน แต่เกือบทุกครั้งที่พวกศิษย์ใกล้ชิดจับกลุ่มคุยกันอยู่ห่างๆแต่มีเรื่องไป พาดพิงถึงท่านปรากฏว่าท่านกลับได้ยิน แล้วพูดตอบโต้ออกมาพวกศิษย์จึงไม่กล้านินทาหลวงปู่ เพราะท่านใช้หูทิพย์ฟัง....
กายทิพย์ มีอยู่ครอบครัวหนึ่งศรัทธาหลวงปู่เป็นอย่างมาก มากราบเกือบทุกวัน ศิษย์ใกล้ชิดของหลวงปู่จึงสอบถามว่ารู้จักหลวงปู่ได้อย่างไร ตัวภรรยาเลยเล่าให้ฟังว่า ปกตินั่งสมาธิเป็นประจำอยู่ทุกวันแต่มีคืนหนึ่งเห็นหลวงปู่ในสมาธิ พอรุ่งขึ้นมีเพื่อนเอารูปภาพบูชาที่หลวงปู่

เนื้อที่ไม่พอ อ่านต่อที่ https://www.bp.or.th/webboard/index.php?topic=16841

พระเครื่องที่เกี่ยวข้องในร้านค้านี้...

อื่นๆ...

กำหลังโหลด Comments
Top