พระสมเด็จ หลวงพ่อเรื่อง วัดใหม่พินสุวรรณ จ.สุพรรณบุรี-จ่าจีระสิทธิ์ - webpra
VIP
  • 0 8 6 - 5 6 0 4 0 3 7
  • Page 1
  • Page 2
หน้าที่ และความรับผิดชอบ

หมวด พระเกจิสายสุพรรณ

พระสมเด็จ หลวงพ่อเรื่อง วัดใหม่พินสุวรรณ จ.สุพรรณบุรี

พระสมเด็จ หลวงพ่อเรื่อง วัดใหม่พินสุวรรณ จ.สุพรรณบุรี - 1พระสมเด็จ หลวงพ่อเรื่อง วัดใหม่พินสุวรรณ จ.สุพรรณบุรี - 2พระสมเด็จ หลวงพ่อเรื่อง วัดใหม่พินสุวรรณ จ.สุพรรณบุรี - 3พระสมเด็จ หลวงพ่อเรื่อง วัดใหม่พินสุวรรณ จ.สุพรรณบุรี - 4พระสมเด็จ หลวงพ่อเรื่อง วัดใหม่พินสุวรรณ จ.สุพรรณบุรี - 5
ชื่อร้านค้า จ่าจีระสิทธิ์ - (คลิ๊กที่นี่เพื่อดู ข้อมูลเกี่ยวกับร้านค้า)
ชื่อเจ้าของร้านค้า
ชื่อพระเครื่อง พระสมเด็จ หลวงพ่อเรื่อง วัดใหม่พินสุวรรณ จ.สุพรรณบุรี
อายุพระเครื่อง -
หมวดพระ พระเกจิสายสุพรรณ
ราคาเช่า -
เบอร์โทรติดต่อ 08-6560-4037
อีเมล์ติดต่อ Tayanrum@hotmail.com
LINE
(คลิ๊กที่นี่เพื่อเพิ่มเพื่อนกับเจ้าของร้าน)
สถานะ เช่าแล้ว
Facebook
เปิดให้เช่าตั้งแต่วันที่ จ. - 30 พ.ค. 2565 - 21:22.19
แก้ไขข้อมูลล่าสุดเมื่อ ส. - 11 มิ.ย. 2565 - 12:49.12
รายละเอียด
พระสมเด็จ หลวงพ่อเรื่อง วัดใหม่พินสุวรรณ จ.สุพรรณบุรี


ยอดพระเกจิ แห่งเมืองสุพรรณ

ประวัติ อภินิหาร ท่านมีมาก..

พระเครื่องของท่าน ผมหามานานแล้ว มีองค์นี้องค์เดียวครับ...

ประวัติ ไม่น่าลงหมดติดตาม ในเพจ ครับ

หลวงพ่อเรื่อง วัดใหม่พิณสุวรรณ จ.สุพรรณบุรี
5 มิถุนายน 2018 ·
@@@...ประวัติฉบับสมบูรณ์หลวงพ่อเรื่อง ชินฺนปุตโต (รตนวณฺโณ) วัดใหม่พิณสุวรรณ...@@@
.....หลวงพ่อเรื่อง วัดใหม่พิณสุวรรณ อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี เป็นพระสุปฏิปันโนที่ทรงอภิญญา ซึ่งหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีฯ) แห่งวัดท่าซุง ยกย่องนับถือเป็นพระอาจารย์ที่ท่านเคารพมากองค์หนึ่ง ท่านรับรองคุณธรรมหลวงพ่อเรื่องว่าเป็นพระอริยะเจ้า หลวงพ่อเรื่องเป็นพระหมอที่รับรักษาคนเจ็บป่วยที่ตกทุกข์ได้ยากมามากมาย ในอดีตท่านมีชื่อเสียงในการรักษาต่าง ๆ โดยเฉพาะโรควิกลจริต หรือ “โรคบ้า” ซึ่งหาคนในยุคนั้นรักษายากมาก หลวงพ่อปานวัดบางนมโค เคยบอกกล่าวรับรองหลวงพ่อเรื่องกับคนสุพรรณบุรีที่เดินทางมารักษาตัวที่วัดบางนมโคว่า “ไม่ต้องมาไกลถึงที่นี่ คราวหลังถ้าเจ็บไข้ให้ไปหาท่านเรื่องนะ ท่านเก่งไม่แพ้ฉัน”
.....หลวงพ่อเรื่อง ชื่อเดิม “เรื่อง” เกิดในวงศ์สกุล “วงศ์วิจารณ์” โยมบิดาชื่อ “พ่อทับ” โยมมารดาชื่อ “แม่เรียง” เกิดที่บ้านตะค่า ตำบลบ้านแหลม อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี ไม่พบการบันทึกว่าท่านเกิดวันเดือนปีอะไร แต่เมื่อสืบจากวันที่ท่านละสังขาร (มรณภาพ) เมื่อวันแรม ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ ปีมะเมีย พ.ศ.๒๕๐๙ ระบุข้อมูลว่าอายุย่าง ๘๔ ปี เมื่อทวน พ.ศ. และนับถอยหลังจากวันที่ท่านละสังขารจะทราบได้ว่าท่านเกิดปี พ.ศ.๒๔๒๕ แต่ไม่สามารถทราบวันเดือนปีเกิดทางสุริยคติ และไม่ทราบวันเกิดที่ตรงกับข้างขึ้นข้างแรมทางจันทรคติ เมื่อทราบปีเกิดของท่านจะตรงกับปี พ.ศ.๒๔๒๕ ซึ่งตรงกับรัชสมัยการครองราชย์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวในรัชกาลที่ ๕ เป็นปีที่ ๑๔ หลวงพ่อเรื่องเป็นบุตรชายคนโตของครอบครัวเกิดในครอบครัวกสิกรรม มีอาชีพทำนาเป็นอาชีพหลัก มีพี่น้องร่วมอุทรเดียวกันรวม ๔ คน คือ:
๑.หลวงพ่อเรื่อง วงศ์วิจารณ์
๒.นายหลอ วงศ์วิจารณ์
๓.นายรา วงศ์วิจารณ์
๔.นายเริญ วงศ์วิจารณ์
.....เมื่อหลวงพ่อเรื่องยังอยู่ในวัยเยาว์ บิดา-มารดาก็พาท่านไปเป็นลูกศิษย์กับพระพี่ชายของมารดา คือ หลวงพ่อแสง พุทธสะโร (พระครูวายามสุจริตวัตร) ที่วัดตะค่า หรือวัดแก้วตะเคียนทอง หลวงพ่อแสงเป็นผู้ที่ความเคร่งครัดในพระธรรมวินัย มีความรู้ความสามารถ และความเชี่ยวชาญทางด้านวิปัสสนาธุระ,การแพทย์แผนโบราณ และโหราศาสตร์ หลวงพ่อเรื่องได้เล่าเรียนหนังสือไทย, อักขระขอม และภาษาบาลี กับหลวงลุงของท่านจนมีความรู้แตกฉาน การที่ท่านเป็นลูกมือให้หลวงลุงช่วยเหลือรักษาผู้เจ็บไข้ได้ป่วยที่เดินทางมารักษาตัวที่วัดตะค่า ยิ่งทำให้ท่านมีความรู้ด้านสมุนไพรและมีความรู้ความสามารถในการรักษาคนเจ็บไข้ได้ป่วยไปในตัว
.....ครั้นถึงปี พ.ศ.๒๔๔๖ หลวงพ่อเรื่องอายุครบ ๒๑ ปีบริบูรณ์ ได้เข้าอุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดตะค่า โดยมีหลวงลุงของท่าน คือ หลวงพ่อแสง (พระครูวายามสุจริตวัตร) เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้ฉายา “ชินฺนปุตโต” และได้อยู่จำพรรษาเพื่อเล่าเรียนวิปัสสนาธุระและช่วยหลวงพ่อแสง รักษาผู้ป่วยที่วัดตะค่า เป็นเวลากว่า ๑ พรรษา พอเข้าสู่พรรษาที่ ๒ หลวงลุงแสงได้ฝากฝังให้ท่านไปเรียนภาษาบาลี, อักขระขอมโบราณ , พระคัมภีร์มูลกัจจายน์ ,วิปัสสนากรรมฐาน และสรรพวิชาที่พระภิกษุสมัยนั้นนิยมเรียนกัน ที่วัดเจ้าเจ็ดใน โดยมีหลวงพ่อปั้น ติสฺสเถระ เจ้าอาวาสรูปที่ ๒ ซึ่งเป็นลูกศิษย์หลวงปู่จีนเป็นอาจารย์สอน
.....หลวงพ่อเรื่องไปศึกษาอักขระขอมและวิปัสนากรรมฐานรวม ๒ ปีกว่า ที่วัดเจ้าเจ็ดใน อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา ทำให้ได้เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการรักษาโรคและวิชาการต่าง ๆ รวมทั้งไสยเวทย์ จึงทำให้รู้จักมักคุ้นกับพระเกจิรุ่นพี่สายกรุงเก่าในอดีตที่มีชื่อเสียงหลายรูปมากมาย อาทิเช่น หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก, หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค, หลวงพ่อยิ้ม วัดเจ้าเจ็ดใน, หลวงพ่อขัน วัดนกกระจาบ ฯลฯ ด้วยโอกาสนี้จึงเป็นประโยชน์ในภายหลังที่ท่านได้ไปขอศึกษาวิชาและแลกเปลี่ยนความรู้เพิ่มเติมกับพระเกจิอาจารย์ดังกล่าว รวมทั้งได้ที่ปรึกษาที่เชี่ยวชาญ ยิ่งทำให้ความรู้ความสามารถของท่านเพิ่มพูนมากขึ้นกว่าเดิม
.....ต่อมาลุงของท่านอีกคนชื่อ ลุงปิ่น กลับมาอุปสมบทครั้งที่ ๒ ในปี พ.ศ.๒๔๔๘ ด้วยวัยประมาณ ๖๐ ปี ที่วัดตะค่า ครั้นปี พ.ศ.๒๔๕๐ มีพุทธศาสนิกชนคู่สามีภรรยามีความศรัทธาที่จะยกที่ดินสร้างวัดและได้นิมนต์หลวงพ่อปิ่นมาเป็นประธาน หลวงพ่อปิ่นต้องการกำลังสำคัญมาช่วยสร้างวัดจึงได้ขอให้หลวงพ่อเรื่องกลับจำพรรษาที่วัดใหม่พิณสุวรรณด้วยกัน จากการที่หลวงพ่อเรื่องไปศึกษาเพิ่มเติมที่วัดเจ้าเจ็ดใน ทำให้ท่านได้ปฏิบัติตนโดยออกธุดงค์เป็นประจำทุกปี จนได้พบและได้ฝากตัวเป็นศิษย์พระคณาจารย์เกจิในยุคนั้นหลายรูป อาทิเช่น หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว, หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง, หลวงพ่อเปลี่ยน วัดใต้ เป็นต้น นอกจากนี้หลวงพ่อเรื่องยังมีวาสนาได้ฝากตัวเป็นลูกศิษย์กับพระโบราณลึกลับในป่า และได้รับการสั่งสอนให้เรียนรู้สรรพวิชาต่าง ๆ ภายหลังได้นำมาใช้เป็นประโยชน์กับผู้ตกทุกข์ได้ยากมากมาย
.....หลวงพ่อเรื่องมีสหธรรมิกที่เป็นทั้งพระเกจิรุ่นพี่, รุ่นน้อง และรุ่นราวคราวเดียวกันอีกหลายรูป เช่น หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค, หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก, หลวงพ่อยิ้ม วัดเจ้าเจ็ดใน, หลวงพ่อขัน วัดนกกระจาบ ,หลวงพ่อน้อย วัดธรรมศาลา, หลวงพ่อเต๋ วัดสามง่าม, หลวงพ่อพรต จนฺทโสภะ วัดศรีโลหะราษฎร์บำรุง, หลวงพ่อดี พุทธโชติ วัดเทวสังฆราม (วัดเหนือ), หลวงพ่อก้าน วัดใต้, หลวงพ่อแดง วัดเขาบันไดอิฐ, หลวงพ่อเจียง วัดเจริญสุขาราม ฯลฯ
.....เมื่อท่านกลับมาช่วยหลวงพ่อปิ่นสร้างวัดและรับรักษาคนเจ็บไข้ได้ป่วยได้ประมาณ ๖ ปี ล่วงเข้าปี พ.ศ.๒๔๕๖ หลวงพ่อปิ่นก็มาล้มป่วยด้วยอาการท้องร่วงอย่างรุนแรง และถึงแก่กาลมรณภาพด้วยอหิวาตกโรคจากไปอย่างกะทันหัน หลวงพ่อเรื่องจึงได้รับความไว้วางใจของชาวบ้านตะค่าให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดใหม่พิณสุวรรณ ท่านจึงรับหน้าที่สร้างวัดใหม่พิณสุวรรณและรับรักษาคนเจ็บไข้ได้ป่วยตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ต่อมาท่านได้รับตำแหน่งเป็นพระอุปัชฌาย์ และรองเจ้าคณะแขวง (เจ้าคณะตำบล) ปกครองวัดในพื้นที่ตำบลตะค่าหลายวัด ภายหลังท่านเป็นพระเกจิที่ได้รับการยอมรับจากพระเกจิคณาจารย์ทั่วประเทศและได้รับมนต์เข้าร่วมปลุกเสกเครื่องรางของขลังที่สำคัญระดับประเทศ เช่น งานพิธีปลุกเสกพระเครื่องวัดพระปฐมเจดีย์ ปี พ.ศ.๒๔๗๒, พิธีปลุกเสกเหรียญพระแก้วมรกตหลังกรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ และ แหวนมงคลเก้า วัดราชบพิตร สร้างครั้งที่ ๔ ปี พ.ศ.๒๔๘๑, พิธีปลุกเสกแหวนมงคลศรีของขวัญ วัดราชบพิธฯ ปี พ.ศ.๒๔๘๔, พิธีปลุกเสกเหรียญพระมงคลบพิตร รุ่น ๒ และแหวนยันต์ วัดมงคลบพิตร ปี พ.ศ.๒๔๘๕ และพิธีสำคัญที่เป็นงานรองอีกมากมายนับไม่ถ้วน
.....ภายหลังท่านได้รับการแต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์วิสามัญ (หรือพระอุปัชฌาย์พิเศษ) คราวไปรักษาพระอาการโรคเรื้อรังของสมเด็จพระสังฆราช (แพ ติสฺสเทโว) ที่เป็นมานานหลายปีแต่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดตามคำเชิญของพระมงคลราชมุนี (สนธ์ ยติธโร) ผู้ที่เป็นลูกศิษย์ของสมเด็จพระสังฆราชแพ ยิ่งทำให้ชื่อเสียงของหลวงพ่อเรื่องขจรขจายไปไกลในฐานะพระเกจิอาจารย์และพระหมอรับรักษาโรคแผนโบราณที่มีฝีมือ การรักษาแพทย์แผนโบราณของหลวงพ่อเรื่องมีการรักษาหลายรูปแบบตั้งแต่รักษาโรคไข้ธรรมดา, โรคไต, โรคปวดหัวโรคประสาท, โรควิกลจริต , โรคพิษสุนัขบ้า, สัตว์มีพิษกัดต่อย, โรคผิวหนัง ไปจนถึงการรักษาทางไสยศาสตร์ได้แก่ การรักษาโดนคุณไสยกระทำ , ลมเพลมพัด, โดนน้ำมันพรายกระทำ และโดนผีเข้า เป็นต้น ทำให้มีผู้ศรัทธามากขึ้นกว่าแต่เดิมและเปรียบท่านดังเทพเจ้าที่คอยช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก
.....การได้รับตำแหน่งพระอุปัชฌาย์พิเศษซึ่งสามารถบวชกุลบุตรได้ทั่วมณฑลนครปฐมเจดีย์ซึ่งกินพื้นที่วัดทั่วจังหวัดนครปฐม และจังหวัดสุพรรณบุรี สร้างความไม่พอใจกับพระสงฆ์หลายรูปผู้เป็นพระอุปัชฌาย์ในพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรี เพราะทำให้พระกลุ่มดังกล่าวมองว่าหลวงพ่อเรื่องไม่ให้เกียรติกระทำการข้ามหน้าข้ามตาไม่เป็นที่สบอารมณ์หลายครั้งหลายครา จึงมีการร้องเรียนท่านไปยังพระปกครองในพื้นที่ตั้งแต่เจ้าคณะตำบลซึ่งมีตำแหน่งเดียวกับหลวงพ่อเรื่อง, เจ้าคณะอำเภอ , เจ้าคณะจังหวัด ไปถึงเจ้าคณะตรวจการภาค ในการร้องเรียนนี้มีหลายเรื่องหลายวาระและหลายครั้ง เริ่มจากการวางตนไม่เหมาะสมกับสมณรูป, การปฏิบัติตนทำให้คณะสงฆ์แตกแยก, การคลุกคลีกับผู้หญิงเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจต่อสมณเพศ และอีกหลายข้อหา
.....ครั้นถึงปลายปี พ.ศ.๒๔๘๖ เมื่อท่านเจ้าคุณพระอมรเวที (ปุ่น ปุณฺณสิริ) พระสมณศักดิ์ในขณะนั้น ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้ปกครองคณะสงฆ์โดยได้รับตำแหน่งเป็นเจ้าคณะตรวจการภาค ๒ มีอำนาจหน้าที่การปกครองในเขตพื้นที่จังหวัดอยุธยา,อ่างทอง,สุพรรณบุรี ฯลฯ ได้รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการประพฤติของหลวงพ่อเรื่องมากมายหลายข้อหา จึงมีคำสั่งให้หลวงพ่อเรื่องละการประพฤติตามข้อร้องเรียนที่มีอธิกรณ์มา แต่หลวงพ่อเรื่องยังคงช่วยเหลือญาติโยมตามที่ได้รับนิมนต์ต่อไปและยังคงรับรักษาผู้เจ็บป่วยอยู่ตามเดิม
.....ครั้นในวันที่ ๓ มีนาคม ๒๔๘๗ คณะของเจ้าคณะผู้ตรวจการภาค ๒ ได้เดินทางด้วยเรือยนต์เพื่อมาชำระอธิกรณ์พอแล่นผ่านวัดใหม่พิณสุวรรณ เจ้าคณะผู้ตรวจการฯ ต้องการจะขึ้นไปตรวจสอบสภาพความเรียบร้อยและการปกครองภายในวัดใหม่พิณสุวรรณจึงสั่งให้พักแวะและนำคณะขึ้นไป วันนั้นหลวงพ่อเรื่องเดินทางไปธุระที่ตัวจังหวัดไม่ทราบเรื่องราวว่าจะมีการมาตรวจวัด ท่านกลับมาถึงวัดพอดีและนั่งพักเหนื่อยยังไม่ได้ไปที่กุฏิของท่าน ก่อนที่คณะผู้ตรวจการจะไปถึงมีพระลูกวัดองค์หนึ่งซึ่งเป็นที่ไว้ใจของหลวงพ่อเรื่อง ได้ไล่คนบ้าผู้หญิง ๒ คนให้เข้าไปในกุฏิของหลวงพ่อเรื่องโดยไม่ทราบเจตนาว่าจะทำอะไร พอหลวงพ่อเรื่องทราบว่าเจ้าคณะฯ มาที่วัดก็กุลีกุจอให้การต้อนรับ เมื่อคณะของเจ้าคณะผู้ตรวจการฯ มาถึงก็พบพระลูกวัด คือ"พระบุญช่วย" และ "พระสา" มีกลิ่นสุรา (เหล้าโรง) คละคลุ้งติดกายเพราะพระทั้ง 2 รูปเป็นผู้ช่วยรักษาคนไข้ของหลวงพ่อเรื่องจำเป็นต้องพ่นยาซึ่งมีส่วนผสมของเหล้าโรง (เหล้าขาว) ใส่ผสมกับสมุนไพรรักษาคนไข้ทำให้มีกลิ่นเหล้าติดตัว
.....คณะผู้ตรวจการได้เดินตรวจตรารอบวัดจนมาถึงกุฎิใส่กุญแจไว้จึงขอตรวจได้พบผู้หญิงนางแตงอ่อน อินท์สว่าง อายุประมาณ 30 ปี ใส่เสื้อชั้นในสีขาวตัวเดียว และนางสาวบุญ ทองดี อายุราว 25 ปี ใส่เสื้อชั้นในคอกว้างตัวเดียว ทั้งคู่เป็นคนวิกลจริตที่มารักษาตัวที่วัดใหม่พิณสุวรรณได้เข้าไปอยู่ในห้อง โดยพระลูกวัดองค์หนึ่งซึ่งเป็นที่ไว้ใจของหลวงพ่อเรื่องไล่เข้าไป คณะสงฆ์ผู้ตรวจการรีบเดินทางกลับไปยังวัดสวนหงส์ทันที และบอกให้หลวงพ่อเรื่องตามไปทีหลัง
.
.ฯลฯ

พระเครื่องที่เกี่ยวข้องในร้านค้านี้...

อื่นๆ...

กำหลังโหลด Comments
Top