พระปิดตา รุ่นแรก หลวงปู่อั๊บ วัดท้องไทร -จ่าจีระสิทธิ์ - webpra
VIP
  • 0 8 6 - 5 6 0 4 0 3 7
  • Page 1
  • Page 2
หน้าที่ และความรับผิดชอบ

หมวด พระปิดตาทั่วไป

พระปิดตา รุ่นแรก หลวงปู่อั๊บ วัดท้องไทร

พระปิดตา รุ่นแรก หลวงปู่อั๊บ วัดท้องไทร  - 1พระปิดตา รุ่นแรก หลวงปู่อั๊บ วัดท้องไทร  - 2พระปิดตา รุ่นแรก หลวงปู่อั๊บ วัดท้องไทร  - 3พระปิดตา รุ่นแรก หลวงปู่อั๊บ วัดท้องไทร  - 4
ชื่อร้านค้า จ่าจีระสิทธิ์ - (คลิ๊กที่นี่เพื่อดู ข้อมูลเกี่ยวกับร้านค้า)
ชื่อเจ้าของร้านค้า
ชื่อพระเครื่อง พระปิดตา รุ่นแรก หลวงปู่อั๊บ วัดท้องไทร
อายุพระเครื่อง -
หมวดพระ พระปิดตาทั่วไป
ราคาเช่า -
เบอร์โทรติดต่อ 08-6560-4037
อีเมล์ติดต่อ Tayanrum@hotmail.com
LINE
(คลิ๊กที่นี่เพื่อเพิ่มเพื่อนกับเจ้าของร้าน)
สถานะ เช่าแล้ว
Facebook
เปิดให้เช่าตั้งแต่วันที่ ส. - 05 มี.ค. 2565 - 21:17.02
แก้ไขข้อมูลล่าสุดเมื่อ พฤ. - 10 มี.ค. 2565 - 07:59.07
รายละเอียด
พระปิดตา รุ่นแรก หลวงปู่อั๊บ วัดท้องไทร

สวยเดิม ๆ

เข้มขลัง
http://www.g-pra.com/auctionc/view.php?aid=17563086

เครดิต จาก สายตรง Thaiput Amulet
7 กุมภาพันธ์ 2021 ·
ชีวประวัติ : พระอธิการเกษม (หลวงปู่อั๊บ) เขมจาโร อดีตเจ้าอาวาสวัดท้องไทร ต.แหลมบัว อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ..
หลวงพ่อมีนามเดิมว่า เกษม ทิมมัจฉา เกิดเมื่อวันจันทร์ที่ ๘ สิงหาคม พ.ศ.๒๔๖๕ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๙ ปีจอ ที่บ้านแหลมบัว อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม
บิดาชื่อ อุ๋ย ทิมมัจฉา มารดาชื่อ ผิว ทิมมัจฉา เป็นบุตรชายคนโตในบรรดาพี่น้อง ๑๒ คน อาชีพเกษตรกร จบการศึกษาชั้นป.๒
ในวัยเด็กได้ไปพักกับพระน้าชายชื่อ พระเล็ก ที่วัดกลางบางแก้ว อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ซึ่งขณะนั้นมี พระพุทธวิถีนายก(หลวงปู่บุญ ขันธโชติ) เป็นเจ้าอาวาส ซึ่งหลวงปู่บุญเป็นพระที่มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นอันมาก แม้แต่สมเด็จพระสังฆราชแพ วัดสุทัศน์ ยังให้ความเคารพ หลวงปู่อั๊บได้เล่าว่า ตอนท่านเป็นเด็กยังได้เคยรับใช้บีบนวดหลวงปู่บุญบ่อยๆครั้ง เพื่อนเด็กวัดรุ่นเดียวกันนั้น มีอยู่คนหนึ่ง ต่อมาภายหลังได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุสงฆ์ และได้ทำคุณประโยชน์ให้กับการศึกษาทั้งทางโลกและศาสนาอย่างมากมาย คือพระเดชพระคุณพระอุบาลีคุณปรมาจารย์(ท่านเจ้าคุณ ปัญญา) เจ้าอาวาสวัดไร่ขิง นั่นเอง ส่วนพระเล็กพระน้าชายได้บวชที่ วัดใหม่สุคนธาราม อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม และได้ย้ายไปจำพรรษาหลายวัด อย่างเช่น วัดห้วยตะโก วัดปลักแรด วัดหนองบัว วัดกลางบางแก้ว เป็นต้น ได้บวชเป็นพระนานอยู่ถึง ๑๘ พรรษา จึงลาสิกขาออกมาใช้ชีวิตเป็นฆราวาส และมีครอบครัวอย่างชาวโลกทั่วไป นับได้ว่าเป็นผู้มีวิชาอาคมขลังคนหนึ่ง ในปีที่หลวงปู่บุญ ได้มรณภาพลงนั้น ตรงกับปี พ.ศ. ๒๔๗๘ หลวงปู่อั๊บ มีอายุได้ ๑๓ ปี เมื่อหลวงปู่บุญได้มรณภาพลงแล้ว หลวงพ่อเกษม(อั๊บ) ได้กลับไปอยู่กับบิดา-มารดาที่บ้านท้องไทร ช่วยกิจการงานบ้าน ทำนาอย่างขยันขันแข็งจนอายุครบที่จะทำการบรรพชา และเมื่ออายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ จึงได้ทำการอุปสมบท ณ.พัทธสีมา วัดทุ่งน้อย ต.แหลมบัว อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม
โดยในสมุดใบสุทธิของหลวงปู่อั๊บ ได้บันทึกไว้ดังนี้..........
พระอุปัชฌาย์ พระอธิการมา วัดทุ่งน้อย พระกรรมวาจารย์ พระอธิการฮะ วัดโคกเขมา (อ่านโคกขะเหมา) พระอนุสาวนาจารย์ พระอธิการพลัด วัดท้องไทร
อุปสมบทอายุ ๒๐ ปี เมื่อวันที่ ๒๘ เดือนพฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๕ เวลา๑๕.๑๘ น. ณ.วัดทุ่งน้อย ต.แหลมบัว อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม หลังจากอุปสมบทแล้วได้กลับมาอยู่ที่วัดท้องไทร อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม เมื่อบวชได้ ๓ พรรษา ได้เดินเท้าไป วัดหนองบัว จ.กาญจนบุรี เพื่อไปหาพระเล็กพระน้าชาย ซึ่งขณะนั้นได้ไปพักจำพรรษาอยู่ที่นั่น วัดหนองบัว ในขณะนั้นมี หลวงปู่เหรียญ ซึ่งเป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดังเป็นเจ้าอาวาสอยู่ หลวงปู่เหรียญท่านนี้ เป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่ยิ้ม อดีตเจ้าอาวาสองค์ก่อนซึ่งมีวิชาอาคมเก่งกล้าเป็นยิ่งนัก แม้แต่หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ซึ่งเป็นเกจิอาจารย์ร่วมสมัยกันยังเกรงใจ ในวิชาของหลวงปู่ยิ้ม และยังเคยเดินทางมาพัก ที่วัดหนองบัว ส่วนพระสหธรรมิกอีกรูปหนึ่งที่สำคัญของหลวงปู่ยิ้ม คือ หลวงปู่บุญ วัดกลางบาง แก้ว ในหนังสือประวัติวัดหนองบัวบันทึกไว้ว่า ในวันที่เผาศพหลวงปู่ยิ้มนั้นไม่สามารถ เผาร่างสังขารของท่านได้ จนต้องนิมนต์หลวงปู่ขึ้นไปทำพิธี จึงสามารถเผาศพของท่านติดไฟได้ นับว่าอัศจรรย์เป็นยิ่งนัก หลวงปู่อั๊บท่านเล่าว่า อยากจะขอเรียนวิชากับหลวงปู่เหรียญ แต่พระน้าชายไม่ยอมให้เรียน ซึ่งในขณะที่พักอยู่ที่วัดหนองบัวประมาณ ๒ เดือน มีชาวบ้านในแถวนั้น ได้นำพระเนื้อดินเผาและพระเนื้อผงมาถวายท่าน( เป็นพระที่สมัยหลวงปู่ยิ้ม แห่งวัดหนองบัวได้ทำการจัดสร้างไว้แล้วนำไปบรรจุไว้ตามในถ้ำในเขตวัดหนองบัว) เช่น พระพิมพ์ยืนประทานพร พิมพ์ขุนแผนซุ้มเรือนแก้ว พิมพ์ปางมารวิชัย พิมพ์ ๓ ชั้นหูบายศรี พิมพ์สมเด็จ ๓ ชั้น พิมพ์สมเด็จ ๗ ชั้น และพิมพ์สมเด็จปรกโพธิ์ เป็นต้น
เมื่อหลวงปู่อั๊บท่านได้กลับมายังวัดท้องไทร ท่านได้นำพระเหล่านั้นติดตัวกลับมาด้วย บางส่วนท่านได้ทำการแจกให้แก่ลูกศิษย์ที่ใกล้ชิดไปพอประมาณ เมื่อมีผู้ที่นำไปบูชาแล้วได้เกิดอภินิหารมากมาย แล้วกลับมาเล่าให้ท่านฟัง ท่านจึงได้นำชึ้นไปเก็บที่ห้องบนกุฏิท่านและไม่ได้นำออกมาอีกเลย หลังจากที่หลวงปู่ได้กลับมาอยู่ที่วัดท้องไทรแล้วนั้น ท่านได้ไปฝากตัวขอเป็นศิษย์กับ หลวงพ่อน้อย วัดธรรมศาลา เพื่อขอเล่าเรียนวิชาอาคมต่างๆจากหลวงพ่อน้อย หลวงพ่อน้อย ท่านนี้มีความเก่งกล้าในวิชาอาคมเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะวาจาของท่านแล้วเป็นประกาศิตยิ่งนัก หรือมีวาจาศักดิ์สิทธิ์นั่นเอง พูดสิ่งใดแล้วมักเป็นสิ่งนั้น แม้แต่หลวงพ่อเงิน แห่งวัดดอนยายหอม ยังให้ความนับถือ ซึ่งหลวงพ่อน้อยท่านก็เมตตาถ่ายทอดวิชาอาคมต่างๆให้อย่างไม่ปิดปัง พร้อมทั้งยังมอบตำรายันต์พระเวทย์ให้กับหลวงปู่อั๊บมา 1 เล่ม (ของพ่อน้อย วัดธรรมศาลา ๑ เล่ม หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก ๑ เล่ม) เป็นตำรายันต์ลายมือหลวงพ่อน้อย มีบางส่วนที่เป็นลายมือของพระตุ๋ยซึ่งเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อน้อยซึ่ง หลวงพ่อน้อยเรียกมาใช้บ่อยๆเพราะเขียนอักขระเลขยันต์ได้สวยงามดี (ต่อมาได้ลาสิกขาเป็นฆราวาส) นับได้ว่าหลวงพ่อน้อยท่าน เป็นครูอาจารย์ที่สำคัญยิ่งองค์หนึ่งของหลวงปู่อั๊บเลยที่เดียว และในช่วงเวลาที่หลวงปู่อั๊บว่างท่านได้เดินทางไปกราบ หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง และได้ขอเรียนวิชาจากหลวงพ่อแช่มมาด้วย อย่างเช่น การนำกระเบื้องแตกมาลงอักขระแล้ว นำไปไว้ในใจกลางที่ดินเพื่อให้ขายที่ได้เป็นต้น
ส่วนอีกองค์หนึ่งคือหลวงพ่อจันทร์ วัดบ้านยาง ซึ่งเป็นสหธรรมมิกกันกับหลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง หลวงปู่อั๊บท่านได้กราบขอเป็นศิษย์เช่นกัน แต่หลวงพ่อจันทร์ท่านสั่งให้ไปหาที่วัด และให้นำหัวหมูไปด้วย ๑ หัวแล้วท่านจะถ่ายทอดวิชาให้หมด
แต่เมื่อหลวงปู่อั๊บได้กลับมาวัดท้องไทรแล้วได้ล้มป่วยลงด้วยไข้มาลาเรีย หรือสมัยนั้นเรียกว่าไข้ป่า ท่านเล่าว่าป่วยคราวนั้นเกือบตายเป็นๆหายๆอยู่ประมาณ ๓ เดือน เมื่อหายจากไข้จึงทำการเดินทางไปหาหลวงพ่อจันทร์อีกครั้ง แต่น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่งว่าหลวงพ่อจันทร์ท่านได้มรณภาพลงเสียแล้ว จึงไม่ได้รับการถ่ายทอดวิชาจากหลวงพ่อจันทร์เอาไว้เลย เมื่อท่านบวชได้ ๘ พรรษา หลวงปู่อั๊บได้เดินทางไปยัง จ.สุพรรณบุรี เพื่อไปฝากตัวเป็นศิษย์ของ หลวงพ่อโบ้ย วัดมะนาว หลวงพ่อโบ้ยท่านมีความเชี่ยวชาญในสายวิปัสสนากรรมฐานเป็นยิ่งนัก มีความศักดิ์สิทธิ์ใน วิชาอาคมขลังเป็นเลิศ หลวงพ่ออั๊บได้ขอขึ้นกรรมฐานธุดงค์กับหลวงพ่อโบ้ย ซึ่งหลวงพ่อโบ้ย ท่านก็ได้สอนหลักการเดินธุดงค์การอยู่ในป่าให้อย่างละเอียด จึงนับได้ว่า หลวงพ่อโบ้ย คือ ครูกรรมฐานที่แท้จริงของหลวงปู่อั๊บ หลังจากหลวงปู่อั๊บได้กลับมาจากวัดมะนาวแล้วท่านได้ไปจำพรรษาที่ วัดโคกเขมา ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากวัดท้องไทรมากนัก ๑ พรรษา(พรรษา ๑๐) ในปีพ.ศ.๒๔๙๕(พรรษา ๑๑) ได้มีญาติโยมได้นิมนต์ท่านไปอยู่ที่ วัดใหม่ต้านทาน อ.บางซ้าย จ.อยุธยา เมื่อท่านได้มาอยู่ จ.อยุธยาแล้ว ท่านได้มีโอกาสไปฝากตัวเป็นศิษย์กับหลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก อ.บางไทร จ.อยุธยา ซึ่งหลวงพ่อจงท่านนี้นั้นนับได้ว่าเป็นเกจิที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ เป็นอย่างมาก จนมีผู้คนทั่วไปกล่าวขานคำคล้องจองกันว่า จาด-จง-คง-อี๋
จาด คือ หลวงพ่อจาด แห่งวัด บางกระเบา จ.ปราจีนบุรี
จง คือ หลวงพ่อจง แห่งวัด หน้าต่างนอก จ.อยุธยา
คง คือ หลวงพ่อคง แห่งวัด บางกระพร้อม จ.สมุทรสงคราม
อี๋ คือ หลวงพ่ออี๋ แห่งวัด สัตหีบ จ.ชลบุรี
หลวงปู่อั๊บท่านได้เรียนวิชาอาคมจากหลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก จ.อยุธยา ไว้มากพอสมควร หลวงพ่อจงท่านได้สอนวิปัสนากรรมฐานให้ และวิชาอื่นๆอีกหลายๆอย่างด้วยกัน ตัวอย่างเช่น วิชาตะกรุดลอยน้ำ ซึ่งเป็นวิชาชั้นสูงและอักขระเลขยันต์ต่างๆตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๔๙๕- พ.ศ.๒๕๐๕ นั้นท่านได้จำพรรษา ณ.วัดใหม่ต้านทาน อ.บางซ้าย จ.อยุธยา เป็นเวลา ๑๑ พรรษา หลังออกพรรษาเมื่อรับกฐินแล้ว ท่านได้ออกธุดงค์เพื่อหาความวิเวกทุกๆปี ในช่วงเวลา ๑๑ พรรษา นี้ท่านได้เรียนวิชาอาคมต่างๆเพิ่มเติม และฝึกจิตจนมีความก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็ว จากการที่ท่านได้ธุดงค์อยู่ในป่า ถ้ำ เขา ทำให้ท่านมีพลังจิตแกร่งกล้าเป็นยิ่งนัก ท่านเล่าว่า...ได้เดินธุดงค์ไปทั่วประเทศมาหมดแล้ว ในช่วงที่ท่านได้เดินธุดงค์อยู่นั้น ได้พบพระธุดงค์ด้วยกัน ถ้าพระรูปใดแสดงวิชาอะไรให้ได้ดู ให้เห็นเป็นที่ประจักษ์จริงแก่สายตาแล้ว ท่านจะขอเรียนไว้หมด โดยท่านบอกว่าไม่สามารถที่จะจำชื่อได้หมด ในช่วงที่อยู่อยุธยานี้ ได้ไปขอเรียนวิชาอย่างหนึ่งที่พิสดารยิ่ง คือวิชาการทำตะกรุดกันอสรพิษ จากหมอถ่าย หมอถ่ายนี้เป็นฆราวาสที่พักอาศัยอยู่ใกล้ๆกับ วัดไผ่โรงวัว จ.สุพรรณบุรี หมอถ่ายนี้สามารถเอางูเห่าใส่ย่ามสะพายไปไหนมาไหนได้โดยงูไม่กัด และสามารถนำงูออกมาอาบน้ำในกาละมังได้โดยงูไม่กัด หลวงปู่อั๊บไปขอเรียนอยู่ถึง ๗ ปี หมอถ่ายจึงยอมสอนให้แต่ก็ได้ไม่หมด เพราะหลวงปู่อั๊บไม่มีฝิ่นไปบูชาครู นับว่าเป็นวิชาที่พิสดารคือ ถ้าผู้ใดได้คาดตะกรุดกันงูนี้อยู่กับตัว ถ้าไปเหยียบงูพิษเข้า งูไม่สามารถที่จะอ้าปากกัดได้และวิธีการทำก็ยุ่งยากมาก เคยเห็นท่านนั่งผูกตะกรุดกันงูต้องปิดปากเอาลิ้นดันเพดานปากไว้ แล้วทำการภาวนาขณะถักตะกรุด ด้านหนึ่งมี ๙ เปลาะ แล้วเอาตะกรุดร้อยเข้าแล้วจึงถักอีกด้านหนึ่ง ๗ เปลาะ ขณะทำการถักห้ามพูดคุยเด็ดขาด ถ้าเกิดไอหรือจามหรือเผลอพูดออกมา เป็นอันว่าตะกรุดดอกนั้นเสียทันที ต้องแก้ใหม่หมด ท่านบอกว่าเวลาถักตะกรุดกันงูทีไร ฉันอาหารไม่ค่อยได้ไปหลายวัน
ในปี พ.ศ.๒๕๐๖-๒๕๐๗ ญาติโยมได้นิมนต์ท่านไปจำพรรษาที่ วัดวังชะโด อ.บางซ้าย จ.อยุธยา เป็นเวลา ๒ ปี รวมแล้วหลวงปู่อั๊บ มาจำพรรษาอยู่ที่ จ.อยุธยา ทั้งหมดเป็นเวลาถึง ๑๓ ปี
ในปีพ.ศ๒๕๐๘ หลวงปู่อั๊บ มีอายุ ๔๓ ปี ญาติโยมทางท้องไทรได้มานิมนต์ ให้หลวงปู่กลับมาอยู่ที่วัดท้องไทร อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม เพื่อไปโปรดญาติโยมที่บ้านเกิดบ้าง ท่านจึงได้กลับมาอยู่ที่วัดท้องไทรตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ปีที่ท่านได้กลับมาอยู่วัดท้องไทร นั้นอายุได้ ๔๓ ปี ย่าง ๔๔ ปี (๒๔ พรรษา)
ในปีพ.ศ.๒๕๐๙ หลวงปู่อั๊บได้ดำริจะสร้างศาลาการเปรียญขึ้นมาสักหลัง ลูกศิษย์จึงขออนุญาตทำการจัดสร้างเหรียญ ซึ่งเป็นรุ่นแรกของหลวงปู่อั๊บ ซึ่งเป็นเหรียญรูปไข่ครึ่งองค์เนื้อทองแดงจำนวนที่จัดสร้าง ๑๐,๐๐๐ เหรียญ เพื่อมอบสมนาคุณให้แก่ญาติโยมที่บริจาคทรัพย์สร้างศาลาการเปรียญ พร้อมกันนี้ท่านได้ทำการสร้างตะกรุดกันงูขึ้นมาด้วย เพื่อแจกพร้อมกับเหรียญรูปไข่
ญาติโยมที่ได้รับไปบูชานั้นได้พบเจอกับอภินิหารมากมายนับไม่ถ้วน ซึ่งเป็นการสร้างชื่อเสียงขจรขจายให้ผู้คนทั้งหลาย ได้รู้จักกับหลวงปู่อั๊บ แห่งวัดท้องไทร จนโด่งดังไปทั่วมากยิ่งขึ้น และหลวงปู่อั๊บก็ยังได้เป็นศูนย์รวมจิตใจ ของชาวบ้านท้องไทรตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
เมื่อวันที่ ๑๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๑๓ หลวงปู่อั๊บได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสแห่งวัดท้องไทรและยังได้รับการแต่งตั้งเป็น พระกรรมวาจาตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ท่านได้นำวิชาต่างๆที่ได้ร่ำเรียนมาสงเคราะห์ผู้คนทั่วไปดังนี้....
๑. วิชาการแพทย์แผนโบราณรักษาด้วยสมุนไพร
๒. วิชาการรักษาโรคเกี่ยวกับกระดูก-เส้นเอ็น
๓. วิชาการแช่น้ำมนต์
๔. วิชาการถอนคุณไสย(ถอนของ)
๕. วิชาการสักเสกอักขระเลขยันต์
วิชาการแช่น้ำมนต์ถอนของนี้ หลวงปู่อั๊บท่านได้ไปขอเรียนกับ ก๋งสุข ซึ่งเป็นคนจีนบ้านอยู่ที่ จ.อยุธยา ก๋งสุขนี้เมื่อสมัยตอนรุ่นๆได้ต้มน้ำร้อนถวาย หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขาม เท่ากับ เป็นลูกศิษย์ที่รับใช้หลวงปู่ศุขอยู่ถึง ๑๐ ปี หลวงปู่ศุขจึงถ่ายทอดให้มา และได้สั่งเอาไว้ด้วยว่า ถ้ามอบให้ใครแล้วมึงก็ต้องตายเสีย หลวงปู่อั๊บเพียรไปเรียนอยู่ประมาณ ๖ ปี ก๋งสุขจึงยอมมอบวิชาให้ หลังจากถ่ายทอดวิชาการทำน้ำมนต์ถอนของให้กับหลวงปู่อั๊บ แล้วประมาณ ๑ เดือน ก๋งสุขก็เสียชีวิตในวัย ๙๐ ปีเศษ
วิธีการรักษา ของหลวงปู่อั๊บ แห่ง วัดท้องไทรนั้น...
ฯลฯ

พระเครื่องที่เกี่ยวข้องในร้านค้านี้...

อื่นๆ...

กำหลังโหลด Comments
Top