เหรียญวิญญาณรักดอกประดู่ กรมหลวงชุมพรหลังหลวงปู่ศุข -จ่าจีระสิทธิ์ - webpra
VIP
  • 0 8 6 - 5 6 0 4 0 3 7
  • Page 1
  • Page 2
หน้าที่ และความรับผิดชอบ

หมวด เหรียญปั๊ม ก่อนปี 2520

เหรียญวิญญาณรักดอกประดู่ กรมหลวงชุมพรหลังหลวงปู่ศุข

เหรียญวิญญาณรักดอกประดู่ กรมหลวงชุมพรหลังหลวงปู่ศุข  - 1เหรียญวิญญาณรักดอกประดู่ กรมหลวงชุมพรหลังหลวงปู่ศุข  - 2เหรียญวิญญาณรักดอกประดู่ กรมหลวงชุมพรหลังหลวงปู่ศุข  - 3เหรียญวิญญาณรักดอกประดู่ กรมหลวงชุมพรหลังหลวงปู่ศุข  - 5
ชื่อร้านค้า จ่าจีระสิทธิ์ - (คลิ๊กที่นี่เพื่อดู ข้อมูลเกี่ยวกับร้านค้า)
ชื่อเจ้าของร้านค้า
ชื่อพระเครื่อง เหรียญวิญญาณรักดอกประดู่ กรมหลวงชุมพรหลังหลวงปู่ศุข
อายุพระเครื่อง 64 ปี
หมวดพระ เหรียญปั๊ม ก่อนปี 2520
ราคาเช่า -
เบอร์โทรติดต่อ 08-6560-4037
อีเมล์ติดต่อ Tayanrum@hotmail.com
LINE
(คลิ๊กที่นี่เพื่อเพิ่มเพื่อนกับเจ้าของร้าน)
สถานะ เช่าแล้ว
Facebook
เปิดให้เช่าตั้งแต่วันที่ ศ. - 28 ม.ค. 2565 - 21:37.09
แก้ไขข้อมูลล่าสุดเมื่อ ศ. - 10 มิ.ย. 2565 - 19:37.13
รายละเอียด

เหรียญวิญญาณรักดอกประดู่ กรมหลวงชุมพรหลังหลวงปู่ศุข


สุดยอดของดี ที่ หลวงปู่เดินหน เสก...

ที่มาที่ไปของเหรียญไฟลุก โค๊ต ฅ
¤ เหรียญวิญญาณรักดอกประดู่ ¤

วาระนี้ข้าพเจ้าขอนำเรื่องราวของวัตถุมงคลที่ หลวงปู่เดินหน อิเกสาโร ปลุกเสกมาบอกเล่าให้รับรู้ คือ เหรียญวิญญาณรักดอกประดู่ ข้อมูลของวัตถุมงคลนี้เป็นที่ทราบในหมู่ศิษย์มานานแล้ว เดิมทีเหรียญรุ่นนี้จัดสร้างขึ้นในราวปี พ.ศ. ๒๕๐๔ เพื่อหาแจกเป็นที่ระลึกแก่ผู้ร่วมบริจาคช่วยครอบครัวทหารเรือที่ขาดแคลน เหรียญส่วนหนึ่งแจกแก่ทหารเรือเพื่อสร้างขวัญกำลังใจ ปลุกเสกอธิษฐานโดยพระคณาจารย์ในสมัยนั้น เช่น หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี, หลวงพ่อทองอยู่ วัดใหม่หนองพะอง, หลวงพ่อสุด วัดกาหลง ฯลฯ เหรียญรุ่นนี้สร้างจำนวนมาก เมื่อแจกแล้วยังคงมีเหรียญที่ตกค้างอยู่เป็นจำนวนมาก
--
ต่อมาเมื่อมีการสร้างภาพยนต์เรื่อง #วิญญาณรักดอกประดู่ ผู้สร้างจึงมีความคิดเห็นว่าควรนำเหรียญดังกล่าวมาแจกสมนาคุณแก่ผู้เข้าชมภาพยนต์ โดยรายได้ส่วนหนึ่งจากการจำหน่ายตั๋วมอบให้กองทัพเรือ สมัยนั้นศิษย์ของหลวงปู่เดินหน เป็นผู้อยู่ในแวดวงภาพยนตร์มีอยู่หลายท่าน เช่น คุณดอกดิน กัญญามาลย์, คุณมิตร ชัยบัญชา, คุณ ภาวนา ชนะจิต, คุณประเทือง ตรีเมฆ ฯลฯ ซึ่งคณะผู้สร้างภาพยนต์เรื่องวิญญาณรักดอกประดู่ ได้นำเหรียญที่ตกค้างทั้งหมดนำมาขอให้หลวงปู่ปลุกเสกอธิษฐานจิต ก่อนนำไปแจกแก่ผู้เข้าชมภาพยนตร์เพื่อนำรายได้ส่วนหนึ่งมอบแก่ทหารเรือ ภาพยนตร์เรื่องวิญญาณรักดอกประดู่ เข้าฉายที่โรงภาพยนตร์เฉลิมเขตร์ เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๓ โดยตั๋วชมภาพยนตร์หนึ่งใบขอรับเหรียญได้หนึ่งเหรียญ ผู้ฅนให้ความสนใจเข้าชมเป็นจำนวนมาก เหรียญส่วนหนึ่งทางคณะผู้สร้างได้ถวายหลวงปู่เดินหนไว้
(ปัจจุบันเหรียญชุดทั่วไปที่ไม่ได้ตอกโค๊ด ราคาเช่าหาในวงการหลักร้อย ต่างกับเหรียญชุดตอกโค๊ด ฅ เสกนาน10ปีถึงร้อยเท่า)

¤ ปลุกเสกจนไฟลุก ¤

ผมเองเคยได้ยินศิษย์รุ่นเก่าอย่าง คุณอรุณ ลำเพ็ญ ท่านผู้นี้เป็นปรมาจารย์ด้านโหราศาสตร์ ท่านเล่าให้ข้าพเจ้าฟังในเวลานั้นว่าตัวท่านเคยเห็นหลวงปู่เสกเหรียญรูปกรมหลวงฯ จนลุกแดงเป็นไฟ ผมเองนึกอยากเห็นสิ่งอัศจรรย์ตามที่คุณอรุนเล่าฟังแต่ไม่สบโอกาสขอหลวงปู่ ในราวปี พ.ศ. ๒๕๒๙ ก่อนงานทำบุญประจำปี หลวงปู่เดินหนท่านมาประทับทรงในวันที่ ๕ พ.ค. ในวันนั้น หลวงปู่ท่านสั่งให้ศิษย์ขึ้นไปที่ห้องพระใหญ่บนตึก ท่านสั่งให้ขึ้นไปนำเอาเหรียญรูปเสด็จในกรมฯ ที่อยู่ในลังกระดาษรุ่นเก่าอย่างหนา (ลังแฟ๊บเปาบุ้นจิ้น) โดยพระพุทธรูปและวัตถุมงคลในห้องพระนี้ทั้งหมด จะโยงสายสิญจน์ลงมาที่รูปหล่อเหมือนของหลวงปู่ที่ห้องบูชาด้านล่าง และโยงไปโดยรอบอาณาเขตของอาศรม เพราะเมื่อท่านมาปลุกเสกของใดก็จะแผ่บารมีครอบคลุมไปทั่วมานานหลายสิบปี
--
หลวงปู่สั่งว่า เหรียญรูปเสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ ที่อยู่ในลังกระดาษนั้นท่านให้นำลังขึ้นไปเปลี่ยน เพราะลังที่ใส่อยู่เดิมปริแตกออกเหรียญไหลออกมาอยู่กับพื้นห้องแล้ว เพราะห้องพระนี้ปกติจะปิดไม่มีใครขึ้นไปรบกวนจึงไม่มีใครเห็น หลวงปู่ท่านสั่งให้เปลี่ยนกล่องแล้วนำพระทั้งหมดลงมาให้ท่าน ศิษย์รีบนำลังอันใหม่ขึ้นไปใส่เหรียญแล้วนำลงมาให้หลวงปู่ เมื่อศิษย์นำพระทั้งหมดมาวางเบื้องหน้า หลวงปู่สั่งให้ผมหยิบเหรียญส่งให้ท่านดู เมื่อผมเห็นเป็นรูปเสด็จในกรมหลวงฯ ผมจึงถามหลวงปู่ว่า #ผมเคยได้ยินคุณลุงอรุณเล่าว่าหลวงปู่เสกเหรียญนี้จนไฟลุก หลวงปู่ท่านหัวเราะฮึ ฮึ แล้วเขยิบตัวเข้าใกล้ลังใส่เหรียญ ท่านนำเหรียญที่ถืออยู่วางลงในลัง แล้วหันมาถามผมว่า เอ็งอยากเห็นรึ ? ผมรีบตอบท่านทันทีว่า อยากเห็นครับ หลวงปู่ท่านไม่พูดอะไร เห็นท่านใช่มือทั้งสองจับขอบลังกระดาษที่เปิดอ้าไว้
--
ผมนั่งอยู่ชิดติดขอบลังใส่เหรียญ ตั้งใจมองลงไปในลังกระดาษ ในความมือที่มีแสงรอดผ่านหน้าต่างเข้ามาแค่พอมองเห็นได้ ในความมืดมองลงไปในลังกระดาษ เห็นเหรียญที่อยู่ในลังค่อย ๆ แดงออกจากจุดศูนย์กลาง แสงแดงเรือง ๆ ค่อยสว่างขึ้นเรื่อย ๆ จนแดงจ้าเหมือนถ่านไฟในเตา เมื่อโดนลมเป่าจนแสงจ้าสว่างเห็นชัดเจน ครู่เดียวก็เกิดไฟลุกขึ้นมาเหนือกองเหรียญในกล่อง ไฟนี้สีอมเขียว ๆ ส้ม ๆ แสงแปลกดีพิกล เวลานั้นข้าพเจ้ายังเด็กรุ่น ๆ พอเห็นก็ตื่นเต้นกับแสงไฟประหลาดนี้
--
ผมลองเอนตัวเขาไปใกล้ลังใส่เหรียญรู้สึกว่าไฟไม่มีความร้อนเลย แต่มีแสงที่เป็นเปลวคล้ายแสงเทียนหรือแสงไฟปกติแต่มีแสงสีที่แปลกกว่า และมีเสียงของเปลวไฟที่ลุกดัง ครึก ครึก ชัดเจน หลวงปู่ปลุกเสกอยู่ราว ๒๐ นาทีที่ไฟลุกอยู่อย่างนั้น เสร็จแล้วพ่อหลวงปู่ถอนออกจากสมาธิแสงนี้ก็ค่อย ๆ มอดลง ไม่ใช่ดับลงพรึบเดียวแต่ค่อย ๆ อ่อนลง เข้าใจว่าท่านค่อย ๆ คลายออกจากสมาธิ เมื่อหลวงปู่เสกเหรียญทั้งหมดแล้ว ส่วนหนึ่งท่านนำแจกศิษย์ในงานทำบุญฅนละ ๑ เหรียญ ที่เหลือท่านนำขึ้นไปเก็บบนห้องพระเช่นเดิม #แต่ท่านสั่งว่าไม่ต้องวงสายสิญจน์กล่องเหรียญนี้แล้วท่านบอกว่า #เสกจนเต็มเปี่ยมไม่มีที่ให้ลง
............

............
¤ ของวิเศษมากพุทธคุณ ¤

เหรียญรุ่นนี้หลวงปู่สั่งห้ามศิษย์ไว้ว่า #อย่านำเหรียญนี้ไปให้ใครเสกทับอีกเด็ดขาด #ท่านว่าเดี๋ยวอาจารย์ที่เสกทับจะโดนกำลังสะท้อนจากพลังท่านเสกอยู่จนเต็ม ทั้งเสกปิดป้องกันเอาไว้อีกชั้น อาจารย์ที่ไม่รู้หากเสกทับจะโดนพลังที่ท่านลงไว้สะท้อนกลับอาจเจ็บป่วยได้ ของที่หลวงปู่เดินหนเสกทุกอย่าง ท่านลงด้วยอาคมโบราณสามารถกันกระทำได้ทุกภาษา และสามารถป้องกับโรคไหลตาย หรือที่เชื่อว่าเกิดจากโดนเรียกจิตออกจากร่าง เหล่านี้สามารถป้องกันได้ทั้งสิ้น
--
ต่อมาในราวปี พ.ศ. ๒๕๓๖ โดยประมาณ หลวงปู่ท่านมาประทับทรงแล้วสั่งข้าพเจ้า ให้หาลังที่แข็งแรงไปเปลี่ยน ท่านว่าลังที่ใส่เหรียญเสด็จในกรมฯ ปริแตกออกอีกแล้ว ข้าพเจ้าจึงไปหาลังมาเปลี่ยนตาที่ท่านสั่งไว้ โดยข้าพเจ้าได้ขอเหรียญดังกล่าวจากหลวงปู่ไว้จำนวนหนึ่ง เพราะข้าพเจ้าศรัทธาและเชื่อมั่นในสิ่งที่เห็นมาด้วยตา จึงรักและเชื่อมั่นในเหรียญชุดนี้อย่างมากที่สุด เชื่อว่าในโลกนี้จะมีพระอาจารย์สักกี่รูป ที่สามารถเสกพระจนไฟลุกให้เห็นได้จริงเช่นนี้ ? #เหรียญที่ข้าพเจ้าเก็บไว้ชุดนี้คือเหรียญที่หลวงปู่ปลุกเสกแผ่บารมีมายาวนานนับสิบปี และผมเห็นจริงว่าเสกจนไฟลุกต่อหน้า เหรียญชุดนี้ผมนำมาตอกโค๊ต และนำมาบรรจุกล่อง เพื่อให้แตกต่างจากเหรียญที่มีทั่วไป เพื่อการแยกแยะได้ชัดเจนในวันข้างหน้า

เครดิต : ฅนขลังคลังวิชา

§ ความเกี่ยวเนื่องกับหลวงปู่ศุข §
..บรมครูหลวงปู่เดินหน อิเกสาโร..

ตอนที่ ๑
............
จากที่เคยเกริ่นไปถึงความเกี่ยวเนื่องระหว่าง หลวงปู่เดินหน อิเกสาโร กับ หลวงปู่ศุข เกสาโร วัดปากคลองมะขามเฒ่า หลายท่านเกิดความสงสัยสอบถามเข้ามาว่า หลวงปู่เดินหน ปลุกเสกเหรียญรูปหลวงปู่ศุขกับเสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ (เหรียญวิญญาณรักดอกประดู่) ท่านมีความเกี่ยวข้องกันหรือไม่อย่างไร ? ขอตอบตามความเป็นจริง จากที่รับฟังมาด้วยตนเองว่า #เกี่ยวเนื่องกันแน่นอน ท่านทั้งสองเกี่ยวเนื่องผูกพันกันในฐานะ #ศิษย์กับอาจารย์ ซึ่งทราบว่าคณะผู้สร้างเหรียญวิญญาณรักดอกประดู่ในสมัยนั้น ทราบข้อมูลเช่นกันในเรื่องนี้จึงนำเหรียญดังกล่าวมาขอบารมีหลวงปู่เดินหน ช่วยปลุกเสกอธิษฐานจิตให้ในวาระสุดท้าย คือ ขอบารมีครูใหญ่ลงให้เต็มที่สุดท้ายเสกปิดครอบทั้งหมด
............
เท่าที่ทราบข้อมูลจากผู้อาวุโสหลายท่าน ทั้งจากข้อมูลจากคำบอกเล่าของ นายแพทย์สำนวน ปาลวัฒน์วิไชย (ถึงแก่กรรมแล้ว) อดีตนายแพทย์ผู้รวบรวมประวัติหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า เป็นท่านแรก ๆ เลยก็ว่าได้ นพ.สำนวน เคยเล่าให้คุณนวลตา หาญสมบูรณ์ อดีตเภสัชกรผู้เคยร่วมงานกับ นพ.สำนวน ทั้งเคยบันทึกเรื่องราวครูบาอาจารย์ของหลวงปู่ศุข ซึ่งเรื่องราวในส่วนนี้ได้เคยถูกนำมาเผยแพร่ในหนังสือโลกทิพย์ ทราบว่าข้อมูลเกี่ยวกับครูบาอาจารย์ผู้ถ่ายทอดวิชาให้หลวงปู่ศุขนี้ สมัยหลวงปู่ศุขยังทรงสังขารอยู่วันใดท่านอารมณ์ดี ท่านจะเล่าเรื่องราวครั้งเก่าใหญ่ศิษย์ฟัง เรื่องครูบาอาจารย์ของหลวงปู่ศุขนี้ ทราบว่าศิษย์ผู้บันทึกไว้เรื่องนี้ไว้ คือ นายเทียบ อุทัยเวช มีเรื่องราวน่าสนใจดังนี้
............
❀❀❀❀❀❀❀❀
............
¤ ครูเหนือครูผู้มาปาฏิหาริย์ ¤

เรื่องราวของครูผู้ถ่ายทอดวิชาให้แก่หลวงปู่ศุขนี้ ท่านเคยเล่าให้ศิษย์ฟังว่า สมัยท่านบวชแต่แรกเริ่มเลยก็มุ่งมั่นเสาะหาวิชาชนิดถวายชีวิต ท่านออกเสาะหาครูบาอาจารย์ด้วยใจเด็ดเดี่ยว ยอมแลกทุกอย่างแม้นชีวิตเพื่อเรียนรู้สรรพวิชา หลวงปู่ศุขเล่าว่าหากนำพานครูหรือขันครูของท่าน ที่เคยยกครูจากทุกอาจารย์มารวมกัน แล้วนำพานครูมาตั้งเรียงซ้อน ๆ กันขึ้นไป ท่านว่าคงสูงถึงหลังคาโบสถ์ แสดงว่าท่านฝากตัวเรียนวิชามามากอาจารย์จริง ๆ เพราะตัวท่านเองยังจำไม่ได้ว่าเรียนมากี่อาจารย์
--
แต่ในบรรดาครูทั้งหมดท่านว่ามีครูผู้เรืองฤทธิ์อย่างที่สุดอยู่ไม่กี่รูป เช่น พ่อเฒ่ารอดเสือ ท่านไปพบในป่าเขตจังหวัดสระบุรี (อาจนี้เป็นท่านเดียวกับหลวงพ่อรอดเสือ วัดประดู่ทรงธรรม) อาจารย์อีกรูปหนึ่งที่หลวงปู่ศุขยกย่องว่าทรงคุณวิเศษอัศจรรย์ สร้างความตื่นตาตื่นใจให้ท่านเลื่อมใสที่สุดมีนามว่า หลวงปู่อิเกสาโร อาจารย์ลี้ลับแห่งเทือกเขาตะนาวศรี ท่านนี้หลวงปู่ศุขกล่าวยกย่องกับศิษย์ว่า #ทรงคุณวิเศษสูงสุด นับเป็นบรมครูใหญ่ผู้ถ่ายทอดสรรพวิชาแก่ท่านมากที่สุด
--
¤ พระอาจารย์ลี้ลับในป่าลึก ¤

หลวงปู่ศุขเล่าว่าท่านได้พบคณะพระภิกษุหนุ่มในระหว่างธุดงค์ในป่า ท่านบอกเล่าเรื่องพระอาจารย์ผู้ทรงคุณวิเศษ ผู้เจนจบสรรพวิชาสามารถแสดงฤทธิ์ได้ต่าง ๆ นานา สามารถเนรมิตสิ่งเหนือธรรมชาติได้ด้วยอำนาจจิตพิสดาร สามารถเคลื่อนย้ายได้แม้นกระทั่งขุนเขาและสายน้ำ บันดาลฟ้าฝนให้เกิดได้ตามใจนึก จนเป็นที่ล่ำลือในหมู่พระธุดงค์ผู้สนใจในไสยเวทย์วิทยาคุณ จึงพากันดั้นด้นตามหาท่านเข้ามาในป่าลึก ตามคำบอกเล่าของผู้ที่เคยพบบอกว่าท่านอยู่ในเขตเทือกเขาตะนาวศรี พระอาจารย์รูปนี้ไปมาไร้ร่องรอยคล้ายสายลมคาดเดายาก เป็นผู้สำเร็จปรอทและว่านยามีอายุกาลยาวนานเกินคาดเดา หลวงปู่ศุขเมื่อได้ฟังท่านสนใจจึงขอติดตามคณะพระธุดงค์นี้มาด้วย เมื่อเดินเท้ามาถึงยังถ้ำแห่งหนึ่งตามคำบอกเล่าว่าเป็นที่พักของพระอาจารย์ลี้ลับ ก็ได้พบพระภิกษุที่มาคอยอยู่ก่อนหน้า ทราบว่าพระภิกษุดังกล่าวก็มารอฝากตัวเป็นศิษย์ด้วยเช่นกัน
............
❀❀❀❀❀❀❀❀
............
¤ ทดสอบจิตเพื่อคัดเลือกศิษย์ ¤

เมื่อคณะหลวงปู่ศุขมาถึงเห็นมีพระภิกษุชรารูปร่างสูงใหญ่มาก ท่านเดินออกมาจากถ้ำคล้ายรู้การมา เมื่อคณะของหลวงปู่ศุขนมัสการแจ้งความประสงค์ให้ท่านทราบแล้ว ท่านหันมาสั่งพระภิกษุที่นั่งอยู่ให้ไปตักน้ำจากลำห้วยขึ้นมาที่ถ้ำ ท่านกล่าวว่าใครตักน้ำขึ้นมาได้ผู้นั้นจึงจะได้เรียนวิชา โดยให้พระภิกษุลงไปตักน้ำทีละรูปโดยเรียงจากอายุพรรษา พระภิกษุรูปแล้วรูปเล่าลงไปตักน้ำล้วนกลับมาตัวเปล่า ไม่มีใครได้น้ำมาแม้นสักหยด ใครตักน้ำไม่ได้ท่านก็สั่งให้ไปนั่งรอห้ามพูดคุยกัน จนถึงคราวของหลวงปู่ศุขที่เวลานั้นมีอายุพรรษาน้อยที่สุด
--
หลวงปู่ศุขเล่าว่าพอถึงตัวท่านก็นึกว่าคราวนี้แม้นตายก็ยอม หลวงปู่ศุขหาบที่ใส่น้ำเดินตรงไปที่ลำห้วยด้วยใจมุ่งมั่น เมื่อเดินมาถึงใกล้ลำห้วยมองไปเบื้องหน้าท่านว่าแทบหมดเรี่ยวแรง ที่ใส่น้ำที่หาบมาไม่มีแรงต้องทิ้งลงข้างตัว เพราะเบื้องหน้าท่านมีเสือลายพาดกลอนใหญ่นอนขวางทางอยู่ เสือตัวใหญ่เท่าวัวรุ่น ๆ นอนปัดหางไปมานิ่งเฉยไม่หลบทาง ส่วนสายตามันมองจ้องมาที่ท่านเขม็ง
--
เสือนี้นอนขวางทางอยู่ ๒-๓ ตัว ทำอย่างไรก็ไม่หนี ใช้คาถาอะไรเสกเป่าทุกวิธีมันไม่หนีไม่กลัวคงนอนนิ่ง หลวงปู่ศุขท่านว่าดู ๆ แล้วมันผิดวิสัยเสือหลายอย่าง ที่สำคัญเสือนี้พอมองจ้องตามันเห็นไม่มีประกายตา แต่ท่านก็ไม่รู้ว่าเสือนี้เป็นมาอย่างไรจึงมาขวางทาง เมื่อสิ้นหนทางแล้วหลวงปู่ศุขที่สิ้นหวังแล้วในเวลานั้น ท่านเดินเข้าไปใกล้พวกเสือแล้วนั่งลงสำรวมจิต นั่งสมาธิที่เบื้องหน้าเสือแล้วอธิษฐานด้วยใจแน่วนิ่งว่า
--
ฯลฯ

เขียน / เรียบเรียง โดย : ฅนขลัง คลังวิชา

พระเครื่องที่เกี่ยวข้องในร้านค้านี้...

อื่นๆ...

กำหลังโหลด Comments
Top