ครูบาสุรินทร์ วัดหลวงศรีเตี้ย เจ้าตำรับ น้ำมันมนต์ครอบจักรวาล-จ่าจีระสิทธิ์ - webpra
VIP
  • 0 8 6 - 5 6 0 4 0 3 7
  • Page 1
  • Page 2
หน้าที่ และความรับผิดชอบ

หมวด พระเกจิภาคเหนือ

ครูบาสุรินทร์ วัดหลวงศรีเตี้ย เจ้าตำรับ น้ำมันมนต์ครอบจักรวาล

ครูบาสุรินทร์ วัดหลวงศรีเตี้ย เจ้าตำรับ น้ำมันมนต์ครอบจักรวาล - 1ครูบาสุรินทร์ วัดหลวงศรีเตี้ย เจ้าตำรับ น้ำมันมนต์ครอบจักรวาล - 2ครูบาสุรินทร์ วัดหลวงศรีเตี้ย เจ้าตำรับ น้ำมันมนต์ครอบจักรวาล - 3ครูบาสุรินทร์ วัดหลวงศรีเตี้ย เจ้าตำรับ น้ำมันมนต์ครอบจักรวาล - 4ครูบาสุรินทร์ วัดหลวงศรีเตี้ย เจ้าตำรับ น้ำมันมนต์ครอบจักรวาล - 5
ชื่อร้านค้า จ่าจีระสิทธิ์ - (คลิ๊กที่นี่เพื่อดู ข้อมูลเกี่ยวกับร้านค้า)
ชื่อเจ้าของร้านค้า
ชื่อพระเครื่อง ครูบาสุรินทร์ วัดหลวงศรีเตี้ย เจ้าตำรับ น้ำมันมนต์ครอบจักรวาล
อายุพระเครื่อง -
หมวดพระ พระเกจิภาคเหนือ
ราคาเช่า -
เบอร์โทรติดต่อ 08-6560-4037
อีเมล์ติดต่อ Tayanrum@hotmail.com
LINE
(คลิ๊กที่นี่เพื่อเพิ่มเพื่อนกับเจ้าของร้าน)
สถานะ เช่าแล้ว
Facebook
เปิดให้เช่าตั้งแต่วันที่ อ. - 08 มิ.ย. 2564 - 21:26.58
แก้ไขข้อมูลล่าสุดเมื่อ จ. - 28 มิ.ย. 2564 - 12:22.57
รายละเอียด
ครูบาสุรินทร์ วัดหลวงศรีเตี้ย เจ้าตำรับ น้ำมันมนต์ครอบจักรวาล

เหรียญ ใบโพธิ์ หันข้าง สวยมากครับ...

องค์โชว์..

http://pralanna.com/boardpage.php?topicid=66487


ครูบาสุรินทร์มีชื่อเดิมว่า...สุจา เกิดในสกุล เสมอใจ เมื่อวันศุกร์ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2441 ที่บ้านศรีเตี้ย อ.บ้านโฮ่ง จ.ลำพูน ท่านอุปสมบทเมื่ออายุได้ 21 ปี ที่วัดหลวงศรีเตี้ย โดยมีพระอธิการญาวิไชย สิริวิชโย เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์คำ คัมภีโร เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์คันธา คันธวังโส เป็นพระอนุสาวนาจารย์.

เมื่อบวชแล้วท่านได้ศึกษาทั้งปริยัติธรรมและการเจริญวิปัสสนากรรมฐาน โดยได้ออกธุดงค์ร่วมกับ ครูบาพรหมา พรหมจักโก วัดพระพุทธบาทตากผ้า อ.ป่าซาง จ.ลำพูน ครูบาคำ คันธิโย วัดบ้านดง และ ครูบาเฮือน สิริวิชโย วัดสันเจดีย์ริมปิง.

กระทั่งท่านบรรลุในศาสตร์ต่าง ๆ เจนจบ ก็ได้รับอาราธนามาเป็นเจ้าอาวาสวัดหลวงศรีเตี้ยเมื่อปี พ.ศ. 2474 จนถึงแก่มรณภาพเมื่อวันที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2532 สิริอายุได้ 91 ปี.

ครูบาสุรินทร์นับได้ว่าเป็นผู้แตกฉานในพระเวทย์วิทยาคุณอย่างเอกอุ เครื่องมงคลที่ท่านสร้างขึ้นนั้นล้วนแต่มีอภินิหารแก่ผู้นำไปบูชาอย่างน่าทึ่ง ไม่ว่าจะเป็น...เหรียญ ตะกรุด ผ้ายันต์ แต่ที่ถือเป็นสุดยอดของท่านคือ...

น้ำมันงาดำ

น้ำมันงาดำของหลวงปู่ครูบาสุรินทร์นั้น ท่านได้เล่าเรียนมาจากองค์อาจารย์คือ ท่านครูบาถาวรเถระ ผู้เป็นอดีตเจ้าอาวาสวัดหลวงศรีเตี้ย อันน้ำมันงาดำนี้หากสร้างได้ถูกต้องตามตำรา จะมีอิทธิฤทธิ์นานัปการอย่างที่เรียกว่าฝอยท่วมหลังช้างทีเดียว ใช้ได้ทั้งอยู่ยงคงกระพัน เมตตามหานิยม แคล้วคลาด ค้าขายดี ทากันและแก้พิษแมลงสัตว์กัดต่อย ฟกช้ำดำเขียว กระดูกแตกหักก็ทาเพื่อต่อได้ มีบาดแผลแล้วทาก็จะสมานติดกันในเวลาอันรวดเร็ว ผีเข้าเจ้าสิงก็ป้ายเข้าไปผีจะรีบหลีกลี้ในทันใด เป็นโรคกระเพาะให้กลืนกินเข้าไปจะรักษาแผลในกระเพาะและลำไส้ได้อย่างวิเศษ ฯลฯ และเหนืออื่นใด คือ...

เดือดได้ ?!

เดือดได้จริง ๆ เมื่อผู้ครอบครองนำไปเก็บรักษาไว้ ยังที่สูงในตำแหน่งอันสมควร เช่น บนหัวนอน แล้วมีการสวดมนต์ไหว้พระเป็นนิจสิน หากมีภัยถึงตัวหรือจะเกิดอันตรายจาก มนุษย์ อมนุษย์ ภัยธรรมชาติ ภัยจากสัตว์ร้าย แม้แต่อันตรายจากโรคภัยไข้เจ็บในตัว น้ำมันงามหาวิเศษนี้ก็จะเกิดอาการเดือด เป็นฟองขึ้นในขวดได้เองอย่างมหัศจรรย์ที่สุด เดือดปุด ๆ ให้เห็นก็มี เป็นฟองขึ้นเองอย่างฟองสบู่ก็มี มากบ้างน้อยบ้างแล้วแต่คน หากไม่ว่าจะเป็นอย่างใดนั้นก็คือให้เตรียมรับมือจงหนัก.

คุณทวี เย็นฉ่ำ หรือ เจดีย์ทอง นักเขียนชื่อดังได้เคยเล่าถึงวาระหนึ่งที่เดินทางไปกราบศพครูบาพรหมา พรหมจักโก วัดพระพุทธบาทตากผ้า อ.ป่าซาง จ.ลำพูน ตอนขากลับได้แวะไปนมัสการครูบาสุรินทร์ สุรินโท ถึงวัดหลวงศรีเตี้ย ซึ่งขณะนั้นครูบาสุรินทร์กำลังจะประกอบพิธีหุงน้ำมันงาดำอยู่พอดี

ในวันงานนั้นมีพระเถรานุเถระมาร่วมพุทธาภิเษกมิใช่น้อย ที่แน่ ๆ ก็มี ครูบาหล้า จันโทภาโส วัดป่าตึง อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ ครูบาธรรมชัย ธัมมชโย วัดทุ่งหลวง อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ครูบาชัยวงศาพัฒนา วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม อ.ลี้ จ.ลำพูน เป็นต้น

โดยพระเถระนั่งปรกอยู่ในวิหารหลวง มีการตั้งราชวัติ ฉัตร ธง โยงสายสิญจน์ลงมาอย่างยิ่งใหญ่อลังการ ภายนอกวิหารตั้งกระทะใบบัวขนาดใหญ่ถึง 9 ใบ ทุกใบกำลังเคี่ยวน้ำมันงาดำควันโขมง และรอบบริเวณก็ตั้งราชวัติ ฉัตร ธง เช่นเดียวกัน กั้นสายสิญจน์เป็นปริมณฑลห้ามสตรีเพศเข้าโดยเด็ดขาด

เป็นที่น่าสังเกตว่ามีธรรมาสน์หนึ่งปูเบาะและผ้ารองนั่งไว้เป็นอย่างดี มีพานวางสายสิญจน์โยงออกมาอย่างเรียบร้อย และตั้งอยู่ในตำแหน่งประธาน คะเนว่าน่าจะจัดเตรียมไว้ให้พระเถระผู้ใหญ่ หากเริ่มพิธีไปโขแล้วก็ยังไม่เห็นมีใครมา

ไม่นานใครหลายคนก็เริ่มสังเกตโดยเฉพาะพวกมีกล้อง ว่ายกกล้องประทับเล็งไปธรรมาสน์นั้นคราวใด มักได้เห็นเงาคนนั่งอยู่บนนั้นบ่อยครั้ง ต่อมาเมื่อเพ่งหนักเข้าคราวนี้ก็เห็นกันด้วยตาเปล่าหลายคนทีเดียว

เงาดำดังกล่าวมีลักษณะที่ชัดเจนว่าศีรษะโล้น ห่มและพาดผ้าอย่างสังฆาฏิ รูปร่างเป็นคนท่าทางอ้วนใหญ่ไม่น้อย จากลักษณะที่พบเดาได้ว่าน่าจะเป็นพระมากกว่าโยม ทุกคนที่เห็นเก็บความอัศจรรย์ใจไว้ไม่อยู่เล่าขานกันปากต่อปากอย่างรวดเร็ว

ขณะที่วิพากษ์วิจารณ์อยู่นั้นก็เกิดเหตุประหลาดที่นอกวิหารกระทะน้ำมันงาดำทั้ง 9 ใบ ค่อย ๆ ทยอยระเบิดทีละใบ... ทีละใบ... สร้างความแตกตื่นและฉงนใจให้พระภิกษุและประชาชนที่มาร่วมพิธีเป็นอย่างยิ่ง กระทะระเบิดไปเรื่อยจนเหลือใบสุดท้าย ทุกคนที่ลุ้นตัวโก่งก็โล่งใจเพราะเหตุประหลาดยุติลงแต่เพียงแค่นั้น กระทะใบสุดท้ายยังอยู่ดีและดำเนินการเคี่ยว พร้อมปลุกเสกไปได้ตลอดรอดฝั่งจนจบพิธีโดยสมบูรณ์

เหตุการณ์ทั้งหมดสร้างความอัศจรรย์และเสียงวิจารณ์อยู่ไม่น้อย ใครหลายคนอดสงสัยไม่ได้จึงกรูเกรียวกันเข้าไป กราบเรียนถามหลวงปู่ครูบาสุรินทร์ว่าเงาดำที่เห็นคืออะไร และทำไมกระทะจึงระเบิดได้

หลวงปู่ท่านตอบขรึม ๆ ว่า เงาดำที่เห็นนั้นคือ...ครูบาถาวรเถระปฐมเจ้าอาวาสวัดหลวงศรีเตี้ย ผู้เป็นเจ้าของวิชาหุงน้ำมันงาดำนี้ และธรรมาสน์อาสนะนั้นท่านก็ได้จัดถวายไว้ให้ครูบาถาวรผู้เป็นบูรพาจารย์ เพราะได้อาราธนาท่านลงมาร่วมพิธีด้วย

ซึ่งท่านก็มาจริง ๆ และที่น้ำมันระเบิดจนเสียหายใช้การไม่ได้นั้น ครูบาถาวรท่านบอกว่า ท่านเป็นผู้ระเบิดทิ้งเอง เพราะหากทำมากก็จะเป็นการช่วยคนมากเกินไป เพราะคนเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยมีศีลมีธรรม ช่วยเขาแล้วเมื่อเขารอดตัวพ้นภัย เขาก็จะไปทำไม่ดีขึ้นอีก ต้องปล่อยให้เป็นไปตามกรรม ท่านประสงค์ให้น้ำมันวิเศษนี้สงเคราะห์แก่คนดีมีศีลธรรมเท่านั้น

เป็นสุดยอดเหตุผลโดยแท้

เมื่อได้รู้เหตุผลแล้ววัตถุมงคลในพิธีก็ถูกบูชาไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะน้ำมันงาดำที่ทำยากเย็นแสนเข็ญที่สุด และถือเป็นเอกลักษณ์ของวัดหลวงศรีเตี้ยกับครูบาสุรินทร์โดยปริยาย

อานุภาพของน้ำมันงาดำนี้คุณทวี เย็นฉ่ำ ได้เคยประสบกับตนเองเมื่อมีพระภิกษุรูปหนึ่งอาพาธอยู่โรงพยาบาล และคุณทวีได้มอบน้ำมันงาดำนี้ให้ไว้บูชาที่หัวเตียง ปรากฏว่าบูชาไประยะหนึ่งน้ำมันก็เดือดเป็นฟองขึ้น ท่านเองก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเพราะท่านก็อาพาธอยู่แล้ว อยู่มาไม่นานท่านก็ถึงแก่มรณภาพ

ทหารหาญของไทยรายหนึ่งชื่อ สิบเอกเจริญ ทิพย์กาญจนกุล เป็นทหารชุดปฏิบัติการที่สมรภูมิร่มเกล้า พิษณุโลก เมื่อปี พ.ศ. 2532 ก่อนไปรบได้มากราบนมัสการครูบาสุรินทร์ เพื่อขอพรและบูชาวัตถุมงคลไปหลายอย่าง ที่ขาดไม่ได้คือน้ำมันงาดำ

ก่อนออกปฏิบัติการ ส.อ.เจริญจะอาราธนาน้ำมันงาดำขอให้ปกป้องคุ้มครองทุกครั้ง จากนั้นก็จะกินเท่าเมล็ดพุทราและทายังจุดต่าง ๆ ในร่างกายตามที่หลวงปู่สั่ง

วันหนึ่งกองกำลังของ ส.อ.เจริญได้ปะทะกับพวกทหารลาวแดงอย่างจัง พวกมันโจมตีด้วยการปาระเบิดสังหารเข้าใส่ ส.อ.เจริญอยู่ใกล้จุดที่ลูกระเบิดตกที่สุดจึงหลบไม่ทัน โดนผลงานลาวแดงเข้าเต็ม ๆ เมื่อเหตุการณ์คลี่คลายก็รีบทำการสำรวจตัวเองก่อน ปรากฏว่าไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด ทำให้ผู้หมู่มีขวัญและกำลังใจเพิ่มขึ้นเป็นกอง นึกเชื่อมั่นในน้ำมันงาดำและครูบาสุรินทร์อีกเป็นเท่าทวีคูณ ครั้นหันไปดูเพื่อนร่วมชะตากรรมก็พบว่าทหารบางนายเสียชีวิตคาที่ด้วยอานุภาพระเบิด หลายคนบาดเจ็บมากบ้างน้อยบ้างทั่วกัน มีแต่ ส.อ.เจริญเพียงคนเดียวที่ไม่มีอาการบาดเจ็บเลย

ครั้นเหตุการณ์ศึกร่มเกล้าผ่านไป ส.อ.เจริญก็ตรงแน่วมากราบหลวงปู่ครูบาสุรินทร์ถึงวัดหลวงศรีเตี้ยด้วยความเคารพอย่างที่สุด

ใช้เป็นเครื่องรางของขลังติดตัวได้ เอาไว้ที่บ้านจะเกิดความร่มเย็น ขจัดปัดเป่าภูตผีได้
ประสิทธิภาพ น้ำมันมนต์นี้ ถ้าเดือดเป็นฟองเล็กๆลอยขึ้น แสดงว่าจะมีภัยเกิดขึ้นกับเจ้าของ เมื่อทราบว่าจะมีภัยเกิดขึ้นกับเรา ให้ใช้น้ำมันมนต์นี้ กินและทาเพื่อป้องกันภัยได้ครับ



พระเครื่องที่เกี่ยวข้องในร้านค้านี้...

อื่นๆ...

กำหลังโหลด Comments
Top