พระปิดตารุ่นมหาราช หลวงปู่ขัน วัดอมฤต ปี 30-จ่าจีระสิทธิ์ - webpra
VIP
  • 0 8 6 - 5 6 0 4 0 3 7
  • Page 1
  • Page 2
หน้าที่ และความรับผิดชอบ

หมวด พระปิดตาทั่วไป

พระปิดตารุ่นมหาราช หลวงปู่ขัน วัดอมฤต ปี 30

พระปิดตารุ่นมหาราช หลวงปู่ขัน วัดอมฤต ปี 30 - 1พระปิดตารุ่นมหาราช หลวงปู่ขัน วัดอมฤต ปี 30 - 2พระปิดตารุ่นมหาราช หลวงปู่ขัน วัดอมฤต ปี 30 - 5
ชื่อร้านค้า จ่าจีระสิทธิ์ - (คลิ๊กที่นี่เพื่อดู ข้อมูลเกี่ยวกับร้านค้า)
ชื่อเจ้าของร้านค้า
ชื่อพระเครื่อง พระปิดตารุ่นมหาราช หลวงปู่ขัน วัดอมฤต ปี 30
อายุพระเครื่อง 38 ปี
หมวดพระ พระปิดตาทั่วไป
ราคาเช่า -
เบอร์โทรติดต่อ 08-6560-4037
อีเมล์ติดต่อ Tayanrum@hotmail.com
LINE
(คลิ๊กที่นี่เพื่อเพิ่มเพื่อนกับเจ้าของร้าน)
สถานะ เช่าแล้ว
Facebook
เปิดให้เช่าตั้งแต่วันที่ ส. - 17 ต.ค. 2563 - 21:30.21
แก้ไขข้อมูลล่าสุดเมื่อ พฤ. - 29 ต.ค. 2563 - 21:17.30
รายละเอียด
พระปิดตารุ่นมหาราช หลวงปู่ขัน วัดอมฤต ปี 30


สวยเดิม ๆ

http://uauction2.uamulet.com/AuctionDetail.aspx?bid=318&qid=49889




พระปิดตาหลวงปู่สร้างสูตรเดียวกันกับวัดสะพานสูง เพราะท่านเป็นลูกศิษย์หลวงปู่กลิ่น ทำจากผงพุทธคุณ สร้างน้อยหายาก

หลวงปู่ขัน หรือพระครูนนทสมาจาร เดิมชื่อขัน จันทร์เหมือน ท่านเป็นลูกชาวสวนย่านบางกรวย เข้าสูร่มกาสาวพัสตร์เมื่ออายุ 16 ปี โดยบวชเป็นสามเณรที่วัดชัยพฤษมาลา สมัยก่อนขึ้นอยู่กับจังหวัดนนทบุรี แต่ปัจจุบันนี้ขึ้นอยู่กับเขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ มีท่านเจ้าคุณนันทวิริยะ(โพธิ์) เป็นพระอุปฌาย์ จนกระทั่งอายุ 19 ปีท่านเจ้าคุณนันทวิริยะ ก็ฝากสามเณรขัน ให้มาเรียนักธรรมที่วัดมหาธาตุยุวราษฎร์รังสฤษดิ์ ครั้งนั้นสมเด็จพระวันรัตน์(เฮง เขมจารี) ดำรงตำแหน่งเป็น ท่านเจ้าคุณพระยาราชสุทธี เจ้าคณะ 5
สามเณ...รขันอยู่ศึกษาเล่าเรียนปริยัติธรรมจนกระทั่งอายุครบบวช ก็อุปสมบทที่วัดชัยพฤษมาลา โดยท่านเจ้าคุณนันทวิริยะ(โพธิ์) เป็นพระอุปฌาย์, พระอธิการกิมเจิง เจ้าอาวาสวัดสำโรง เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ ท่านเจ้าคุณราชสุทธี เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า “โสวตฺถิโก” หลังจากบวชเป็นพระภิกษุแล้วท่านก็ศึกษาเล่าเรียนที่วัดมหาธาตุอยู่ 6 ปี สอบนักธรรมได้เปรียญ 3 ประโยค ซึ่งท่านจะขอเรียนต่อแต่ติดที่ท่านเป็นโรคประสาทต้องพักรักษาตัวเสียก่อน หมอลงความเห็นว่าต้องหยุดเรียนสาเหตุเพราะท่านปวดศีรษะบ่อยมาก “สมเด็จพระวันรัตน์” ท่านก็ให้มหาขันเป็นครูสอนปริยัติธรรมที่วัดมหาธาตุฯ เสียเลย
ครั้นพระมหาขันได้มาเป็นเจ้าอาวาสวัดอมฤต หรือวัดไฟไหม้ก็ได้ทำนุบำรุงวัดไฟไหม้มาโดยตลอด ท่านสร้างกุฏิสงฆ์ สร้างโบสถ์ ในการรื้อโบสถ์เก่าออกนั้น กรุพระแตกออกมา ชาวบ้านเข้ามายื้อแย่งเอาพระเก่าไปจนหมด มีพระโคนสมอ พระยอดธง พระบูชาสมัยสุโขทัย สมัยเชีงแสน เป็นของเก่าที่ล้ำค่า สันนิษฐานว่าเมื่อตอนสร้างโบสถ์ครั้งแรก หลวงปู่แก้วท่านได้สร้างทับฐานโบสถ์เดิม เมื่อขุดโบสถ์เก่าออกมา พบใบเสมาและแหวนทองคำตลอดจนเบี้ยจั่นมากมาย หลวงปู่ขันเป็นพระที่มีอายุมากที่สุดในจังหวัดนนทบุรี ซึ่งหลวงปู่ขันมรณภาพเมื่ออายุ 105 ปี


คนเฒ่าคนแก่ชาวสวนย่านตำบลบางไผ่ อ.เมือง จ.นนทบุรี วัดอมฤตหรือวัดไฟไหม้นี้เป็นวัดเก่าแก่มาก มีประวัติความเป็นมาเนินนานเป็นวัดเล็กๆ ที่เก็บตัวเงียบไม่ยอมสร้างข่าวให้เป็นที่ฮือฮา วัดนี้มีพระที่ศักดิ์สิทธิ์ คือ หลวงปู่แก้ว อยู่คู่บารมีกับวัดตลอดมา นอกจากนี้ยังมีหลวงปู่ขัน พระอาจารย์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ที่ชาวสวนย่านบางไผ่ให้ความเคารพนับถือกันมาก หลวงปู่ขันมรณภาพไปนานแล้ว ท่านเป็นพระที่อายุยืนมากมีอายุถึง 100 ปีกว่าจึงละสังขาร

วัดอมฤต หรือวัดไฟไหม้ ตามประวัติ เดิมชื่อวัดคงคาราม ตั้งอยู่ติดคลองบางสีทองเป็นวัดเก่าแก่สันนิษฐานว่า สร้างมา 300 กว่าปีในสมัยกรุงศรีอยุธยา จนกระทั่งมาถึงยุคกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย เมื่อครั้งกรุงศรีอยุธยาแตกเข้าพม่ายกทัพเข้าตี ได้เมืองนนทบุรีสมัยนั้นเป็นเมืองหน้าด่านสำคัญอีกเมืองหนึ่ง พอกรุงแตกพม่าจึงเข้ายึดหน้าด่านสำคัญเอาไว้หมด วัดคงคารามก็ถูกพม่ายึด แล้วจัดตั้งค่ายทำเป็นที่เก็บเสบียงกรัง และเป็นด่านคอยตัดเส้นทางลำเลียงเสบียงของฝ่ายไทย ที่ใช้แม่น้ำน้อยจากค่ายโพธิ์สามต้นผ่านไปยังกรุงศรีอยุธยา
พม่ายึดกรุงศรีอยุธยาและเมืองหน้าด่านสำคัญๆ ไว่ได้ไม่นาน พระเจ้าตากสินก็เข้ามากอบกู้อิสรภาพสำเร็จ ตีกองทัพพม่าถอยกลับยึดชัยภูมิเดิมกลับมาได้ แต่ก่อนที่พม่าจะถอยทัพก็ได้เผาวัดเผาค่ายทิ้งเสีย ตามตำรับพิชัยสงคราม มิให้ศัตรูเข้ามาตั้งมั่นเป็นค่ายต่อไป วัดคงคารามก็ถูกพม่าเผาหมดสิ้นเช่นกัน ต่อมาในสมัยพระเจ้ากรุงธนบุรี ทรงเห็นว่าวัดคงคารามถูกไฟไหม้เผาสิ้น พื้นที่บริเวณวัดเป็นลานกว้างมีชัยภูมิเหมาะที่จะใช้เป็นที่ให้ทหารฝึกปรือการรบ ทรงให้ทหารมาฝึกที่ลานวัดแห่งนี้ เรียกกันว่า วัดสนามไฟไหม้ แต่ชาวบ้านจะเรียกกันว่า วัดไฟไหม้ ก็เลยเรียกติดปากมาจนทุกวันนี้

หลังจากศึกสงครามวัดไฟไหม้ก็ร้างทหารก็ไม่มาฝึกการรบแล้ว วัดถูกทิ้งร้างประมาณเกือบ 100 กว่าปี ก็มีพระธุดงค์รูปหนึ่งนามว่า หลวงปู่แก้ว ท่านเป็นใครมาจากไหนไม่มีใครทราบ แต่เข้าใจว่าท่านเป็นพระภิกษุสมัยปลายแผ่นดินกรุงศรีอยุธยาธุดงค์มาปักกลด บริเวณวัดร้างแห่งนี้ หลวงปู่แก้วตรวจดูชัยภูมิแล้วพบว่า เมื่อก่อนที่แห่งนี้เคยเป็นวัดเก่ามมาก่อน ซึ่งชาวบ้านเรียกว่าวัดไฟไหม้ ท่านก็เลยอยู่สร้างวัดขึ้นมาใหม่ราวกรุงรัตนโกสินทร์ มีชาวบ้านมาช่วยกันสร้างวัดจนสำเร็จ แล้วอาราธนาหลวงปู่แก้วเป็นเจ้าอาวาสปกครองวัดรูปแรก สมัยที่หลวงปู่แก้วเป็นสมภารวัดไฟไหม้ สันนิษฐานว่าราวสมัยรัชกาลที่ 2 หรือที่ 3 ท่านได้รับกรุณาโปรดเกล้าให้เป็นพระอุปฌาย์สามัญ สามารถบวชพระภิกษุสงฆ์ได้ทั่วประเทศ

เล่ากันว่าหลวงปู่แก้วอยู่บำรุงวัดจนกระทั่งอายุ 87 ปีท่านจึงมรณภาพ หลังจากนั้นก็มีสมภารขึ้นมาปกครองวัดสืบแทนหลายรูปมี พระอธิการแดง, พระอธิการแสง, พระอธิการทองดี, พระอธิการอิน และพระมหาขัน หรือ หลวงปู่ขัน ดำรงตำแหน่งที่ พระครูนนทสมาจาร

พระเครื่องที่เกี่ยวข้องในร้านค้านี้...

อื่นๆ...

กำหลังโหลด Comments
Top