-
0 8 6 - 5 6 0 4 0 3 7
หมวด พระเกจิภาคเหนือ
เหรียญรุ่นแรก หลวงพ่อเผด็จ วัดถ้ำผาจรุย อ. ป่าแดด จ.เชียงราย
ชื่อร้านค้า | จ่าจีระสิทธิ์ - (คลิ๊กที่นี่เพื่อดู ข้อมูลเกี่ยวกับร้านค้า) |
---|---|
ชื่อเจ้าของร้านค้า | |
ชื่อพระเครื่อง | เหรียญรุ่นแรก หลวงพ่อเผด็จ วัดถ้ำผาจรุย อ. ป่าแดด จ.เชียงราย |
อายุพระเครื่อง | - |
หมวดพระ | พระเกจิภาคเหนือ |
ราคาเช่า | - |
เบอร์โทรติดต่อ | 08-6560-4037 |
อีเมล์ติดต่อ | Tayanrum@hotmail.com |
LINE |
(คลิ๊กที่นี่เพื่อเพิ่มเพื่อนกับเจ้าของร้าน)
|
สถานะ | |
เปิดให้เช่าตั้งแต่วันที่ | ส. - 28 ธ.ค. 2562 - 21:13.33 |
แก้ไขข้อมูลล่าสุดเมื่อ | จ. - 17 พ.ค. 2564 - 21:07.43 |
รายละเอียด | |
---|---|
เหรียญรุ่นแรก หลวงพ่อเผด็จ วัดถ้ำผาจรุย อ. ป่าแดด จ.เชียงราย .....หนึ่งในพระอริยสงฆ์ ผู้ปฏบัติดี...ผู้เป็นกำลังสำคัญใน กองทัพธรรม ท่านละสังขาร เกือบจะครบ 2 ปี แล้วครับ...... ....... ....... ธรรมะประวัติ พระครูปภัสสราธิการ ( หลวงปู่เผด็จ ปภัสสโร ) วัดถ้ำผาจรุย ตำบลป่าแงะ อำเภอป่าแดด จังหวัดเชียงราย.. เขียนบันทึกโดย..ครูบากล้วย พระวีระศักดิ์ ธีรภัทโท.. ตอน " เผด็จศักดิ์ โจมพา ".. หลวงปู่เผด็จ ปภัสสโร วัดถ้ำผาจรุย เชียงราย โดยส่วนตัวเราผู้บันทึกจะเรียกท่านติดปากมาตั้งแต่เป็นเด็กว่า.. “ อาจารย์ หลวงลุง ”.. พระอาจารย์เผด็จ หรือ หลวงปู่เผด็จ ปภัสสโร ตามใบแจ้ง ท่านเกิดเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2481 แต่ท่านบอกพ่อแม่แจ้งเกิดเราช้าสี่ปีเนื่องจากครอบครัวย้ายบ้านบ่อย ท่านว่าที่จริงเราเกิดวันที่ 3 มิถุนายน ปี 2477 อายุของเราจะไล่เลี่ยกันกับอาจารย์อินตอง ( หลวงปู่อินตอง สุภวโร วัดป่าวีระธรรม บ้านอุ่มเม้า ตำบลไหหย่อง อำเภอพังโคน จังหวัดสกลนคร ).. ในอดีตสมัยเป็นพระหนุ่มด้วยกัน พระอาจารย์อินตองท่านจะเป็นสหายคู่หูกันกับพระอาจารย์เผด็จแผนกหาน้ำผึ้งเดือนห้าไปติดกัณฑ์เทศน์ขอฟังธรรมเรียนคาถาพิสดารกับ หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม ในสมัยที่พระอาจารย์เผด็จท่านบวชครั้งแรกหลังลาออกจากราชการครู.. พระอาจารย์เผด็จท่านเล่าให้ฟังขำๆ เวลาไปกราบฟังเทศน์เรียนธรรมกับหลวงปู่ตื้อที่วัดป่าบ้านข่า.. เราจะเรียนถามท่านว่า “ ครูอาจารย์มื้อนี่สิเทศน์ยาวบ่ อาจารย์ตื้อท่านก็จะว่าหยอก เฮ้ย.! เรื่องเทศน์สิยาวสิสั้นนั่นมันขึ้นอยู่กับคายอ้อน้ำเผิ่ง ( ขึ้นอยู่กับน้ำผึ้งค่ายกครู ) น้ำเผิ่งน้อยคอกะแห้งเร็วเทศน์ได้บ่นาน น้ำเผิ่งหลายขวดใหญ่ๆกะเทศน์ยาวฮอดจนซอดแจ้ง ”.. พระอาจารย์เผด็จว่าหลวงปู่ตื้อท่านจะชอบฉันน้ำผึ้งผสมน้ำอุ่น เวลาท่านเทศน์ท่านคุยก็จะจิบน้ำผึ้งที่ผสมน้ำอุ่นไปด้วย พอน้ำผึ้งหมดแก้วท่านก็จะเป็นเสียงอ่อยๆคุยไม่ค่อยดังเวลาอยู่ด้วยกันพระอาจารย์เผด็จท่านจะรู้กิริยานี้ของหลวงปู่ตื้อ ท่านก็จะคอยเอาน้ำผึ้งผสมน้ำอุ่นเติมให้หลวงปู่ตื้อฉันอยู่บ่อยๆ พอได้ฉันน้ำผึ้งแล้วหลวงปู่ตื้อท่านก็จะพูดยาวๆของท่านไปแบบไม่มีข้องมีคา.. เวลาปวดเยี่ยวขึ้นมาถ้ามีแม่ชีแม่ออกนั่งฟังอยู่ด้วยหลวงปู่ตื้อท่านก็บอก หันหน้าหนีแม้สูกูสิเยี่ยว.! ท่านก็จะจับกระโถนยัดเข้าใต้สบงนั่งลงยองๆเยี่ยวเฉยเลย หลวงปู่ตื้อท่านจะทำแบบนี้ของท่านโดยที่ท่านไม่สนใจใครว่าเป็นคุณหญิงคุณนายมาจากไหนก็ตาม วาสนานิสัยห้าวห่ามธรรมอย่าง หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม นี้จึงยากที่ใครจะเลียนแบบท่านได้.. ครูบาอาจารย์อีกองค์หนึ่งที่พระอาจารย์เผด็จท่านจะสนิทกันมาตั้งแต่ยุคสมัย หลวงปู่ฝั้น อาจาโร วัดป่าอุดมสมพร อำเภอพรรณนานิคม จังหวัดสกลนคร ก็คือ หลวงปู่บุญพิณ กตปุญโญ วัดดอยผาเทพนิมิต หลวงปู่บุญพิณนี้พระอาจารย์เผด็จท่านจะถือเป็นพี่ชายใหญ่ในสายสกลนครของท่าน.. พระครูปภัสสราธิการ หรือ หลวงปู่เผด็จ ปภัสสโร นามเดิมของท่านชื่อ “ เผด็จศักดิ์ นวลมณี ” สมัยเป็นฆราวาสท่านเคยรับราชการเป็นครูประชาบาลอยู่ที่กิ่งอำเภอปลาปาก ( อำเภอปลาปาก จังหวัดนครพนม ) ซึ่งสมัยนั้นจังหวัดนครพนม สกลนคร มุกดาหาร เป็นพื้นที่สีแดงฐานที่มั่นใหญ่ของคอมมิวนิสต์ในภาคอีสานตอนบน.. พระอาจารย์เผด็จเล่าให้ฟังว่า บรรพบุรุษทางโยมแม่ของท่านนั้นเป็นชาวจังหวัดอุบลราชธานีย้ายถิ่นฐานมาอยู่ที่ อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม.. ตอนเป็นเด็กท่านเป็นคนเอาแต่ใจเลี้ยงยากเนื่องจากท่านเป็นลูกชายคนเดียวของครอบครัว ตอนเป็นเด็กท่านมักจะไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไหร่นักมักจะเป็นสามวันดีสี่วันไข้ พ่อกับแม่จึงยกท่านให้เป็นลูกบุญธรรมของ หลวงปู่บัว เตมิโย วัดหลักศิลามงคล ตำบลพระกลางทุ่ง อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม.. ซึ่ง หลวงปู่บัว เตมิโย วัดหลักศิลามงคลอำเภอธาตุพนมนี้ท่านเป็นครูบาอาจารย์กรรมฐานผู้หนึ่งที่มีความชำนาญในฌานกสิณไสยขาวแห่งลุ่มน้ำโขงเมืองนครพนมเมื่อในอดีต.. หลวงปู่บัว เตมิโย ท่านเป็นหนึ่งในครูบาอาจารย์ร่วมกองทัพธรรมฝ่ายบู๊ปราบผีลุ่มน้ำโขง การได้มาเป็นลูกบุญธรรมของหลวงปู่บัวพระอาจารย์เผด็จท่านจึงได้ฝึกหัดเรียนเขียนอักขระคาถายันต์สืบในเบื้องต้นมาจาก หลวงปู่บัว เตมิโย ผู้เป็นอาจารย์สอนในเรื่องนี้องค์แรกของท่าน.. ( หลวงปู่บัว เตมิโย วัดหลักศิลามงคล อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม ท่านมรณภาพเมื่อปี 2531 ).. อธิบายความ..หลวงปู่บัว เตมิโย วัดหลักศิลามงคล ท่านเป็นลูกศิษย์ องค์ท่านหลวงปู่เสาร์ กันตสีโล องค์ท่านหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต องค์ท่านหลวงปู่สิงห์ ขันตยาคโม และ องค์ท่านหลวงปู่จันทร์ เขมิโย ผู้เป็นพระอุปัชฌาย์ใหญ่แห่งกองทัพธรรมกรรมฐานอีกองค์หนึ่ง องค์ท่านหลวงปู่จันทร์ เขมิโย ท่านเป็นพ่อพระอุปัชฌาย์อุปสมบทให้ หลวงปู่บัว เตมิโย หลวงปู่คำดี ปภาโส หลวงปู่วัง ฐิติสาโร และครูบาอาจารย์อีกหลายท่านในยุคกองทัพธรรม.. หลวงปู่บัว เตมิโย ท่านเป็นลูกศิษย์ องค์ท่านหลวงปู่เสาร์ กันตสีโล องค์ท่านหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต รุ่นน้อง หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ หลวงปู่ชอบ ฐานสโม หลวงปู่หลุย จันสาโร หลวงปู่ขาว อนาลโย หลวงปู่ฝั้น อาจาโร หลวงปู่ตื้อ จลธัมโม ฯลฯ.. หลวงปู่บัว เตมิโย ท่านเป็นเพื่อนสหธรรมิกกันกับ หลวงปู่วัง ฐิติสาโร วัดชัยมงคล อำเภอบ้านแพง จังหวัดนครพนม และ ท่านพระครูศรีภูมิมานุรักษ์ ( หลวงปู่คำมี สุวัณณสิริ ) วัดป่าสามัคคีธรรม บ้านนาเหมือง อำเภอพังโคน จังหวัดสกลนคร ซึ่งท่านพระครูศรีภูมิมานุรักษ์หรือหลวงปู่คำมีนี้ท่านเป็นพระอุปัชฌาย์ในการอุปสมบทครั้งแรกของ พระอาจารย์เผด็จ ปภัสสโร.. หลวงปู่บัวบ้านหลักศิลาธาตุพนมกับท่านพระครูศรีภูมิมานุรักษ์ ( หลวงปู่คำมี สุวัณณสิริ ) สมัยเป็นเด็กพระอาจารย์เผด็จท่านเคยพาเราไปกราบครูบาอาจารย์ทั้งสององค์นี้ ส่วนตัวเราจะคุ้นเคยกันกับหลวงปู่คำมีบ้านนาเหมืองมากกว่า เพราะตอนเป็นเด็กเราอยู่วานรนิวาสการไปมาหาครูบาอาจารย์ระหว่างพังโคนกับวานรนิวาสของเราจึงสะดวก.. พระครูศรีภูมิมานุรักษ์หรือหลวงปู่คำมีบ้านนาเหมืองท่านจะมีวลีติดปากท่านอยู่คำหนึ่งในเวลาดุคน “ พวกคอมมิวนิสต์ ”.. พระอาจารย์เผด็จนั้นก็เป็นลูกศิษย์ผู้หนึ่งที่ถูกหลวงปู่คำมีท่านดุเอาว่าพวกคอมมิวนิสต์ ไปกราบหลวงปู่คำมีกับพระอาจารย์เผด็จครั้งไหนก็จะได้ยินท่านดุลูกศิษย์ว่า “ พวกคอมมิวนิสต์ ” ทุกครั้ง.. ครูบาอาจารย์รุ่นเก่าที่ใช้คำพูดดุคนว่าคอมมิวนิสต์อีกองค์ก็คือ หลวงตาแตงอ่อน กัลยาธัมโม อันนี้เราเคยโดนกับตัวเองมาแล้วตอนเป็นเด็กปีนต้นไม้เล่นที่วัดป่าธรรมนิเวศ ก็เลยถูกหลวงตาแตงอ่อนท่านดุเอาด้วยคำนี้.. พระอาจารย์เผด็จว่าตอนเป็นเด็กอยู่วัดกับ หลวงปู่บัว เตมิโย หลวงปู่บัวจะเรียกชื่อท่านว่า “ เผด็จศักดิ์ โจมพา ”.. ฉายานี้ท่านได้มาจากตอนเป็นเด็กวัด ท่านว่าก่อนไปโรงเรียนเรามีหน้าที่โจมพาข้าว ( ยกถาดอาหาร ) ประเคน หลวงปู่บัว เตมิโย กับพระเณร หลวงปู่บัวท่านก็เลยตั้งชื่อฉายาสังกะลีอันเป็นมงคลให้กับท่านว่า “ เผด็จศักดิ์ โจมพา ”.. พระอาจารย์เผด็จ “ เวลาไปโรงเรียนพวกเพื่อนมันพากันล้อชื่อสังกะลีกู เวลาขานชื่อครูก็จะชอบพูดหยอกให้กูอายเพื่อน อ้าว.! วันนี้ เด็กชายเผด็จศักดิ์โจมพามาโรงเรียนหรือไม่ กูก็ยกมือขึ้นตอบครูว่ามาครับ.! ครูก็จะถามวันนี้ก่อนมาโรงเรียนเผด็จศักดิ์ได้โจมพาข้าวถวายพระเณรแล้วหรือยัง กูก็จะบอกครูว่า โจมพาถวายหมดทุกองค์แล้วครับ.! ”.. พระอาจารย์เผด็จว่าหลวงปู่บัวหลักศิลาส่งท่านเรียนหนังสือจนจบมอแปด ( ม.ศ.8 ) ในสมัยนั้น พอเรียนจบมอแปดแล้วท่านก็มาเป็นผู้จัดการอยู่คณะรำวงเพราะตนเองมีใจชอบในทางบันเทิงสนุกสนาน ท่านว่า ว่าแต่มีคนจ้างเราเดินสายไปกับคณะรำวงทั่วภาคอีสาน เงินทองสมัยนั้นอู้ฟู้หาง่ายไปบ้านไหนเมืองไหนมีแต่สาวซักผ้าตักน้ำให้อาบอยู่ทุกอำเภอ.. ท่านว่าเราถูกใจสาวคนหนึ่ง แต่พ่อแม่ฝ่ายหญิงเขาไม่ชอบพวกผู้บ่าวคณะรำวงโอ้นโต้นพัฒนา พ่อแม่ผู้หญิงเขาชอบผู้บ่าวลูกเขยครู และส่วนมากแม่หญิงชนบทสมัยก่อนค่านิยมในการครองคู่ถ้าเป็นไปได้เขาก็ต้องเลือกเอาผู้บ่าวครูก่อน รองลงมาก็จะเป็นผู้บ่าวทำงานเป็นเสมียนอำเภอ.. แรงบันดาลใจพ่อมาลัยรำวงของท่าน พระอาจารย์เผด็จท่านเอาคำพูดดูถูกของพ่อแม่ผู้หญิงมาเป็นกำลังใจในการสอบครู ท่านว่าสอบครูซื่อๆสมัยก่อนมันจะไปยากอะไร กูมั่นใจตัวเองเพราะกูเรียนเก่งจบมอศอแปดจากกรุงเทพฯ กูก็ไปสอบบรรจุเป็นครูประชาบาล ถูกบรรจุให้ไปเป็นครูสอนโรงเรียนประถมอยู่กิ่งปลาปาก ( อำเภอปลาปาก ) จังหวัดนครพนม.. ท่านว่าทั้งโรงเรียนครูใหญ่ ครูน้อย ภารโรงคือเราคนเดียว แต่ละวันตัวเองต้องเดินสอนตั้งแต่ปอหนึ่งถึงปอสี่ วันไหนถ้าเหนื่อยมากก็จะเขียนกอไก่กอกาใส่กระดานให้เด็กคัดลายมือ เขียนโจทย์เลขบวกลบคูณหารใส่กระดานไว้ให้เด็กหาคำตอบ ตัวเองก็จะหลบมานอนกลางวันอยู่ใต้ต้นไม้หรือบ้านพักครูพอมีแรงแล้วก็จะออกไปสอนนักเรียนใหม่ ครูบ้านนอกไกลปืนเที่ยงในชนบทสมัยนั้นท่านว่าจะเป็นแบบนี้แทบทุกคน เพราะครูนั้นมีน้อย.. พระอาจารย์เผด็จ “ ไปประชุมอำเภอถามศึกษาธิการเมื่อไหร่จะส่งครูมาช่วยผมสอนบ้าง ถ้าไม่งั้นผมจะขอย้ายเข้ามาอยู่ในเมือง ศึกษาฯว่าสอนไปผู้เดียวก่อนรอทางการเขาก็จะบรรจุครูใหม่ไปช่วยสอน คนอื่นเส้นดีเขาก็ส่งบรรจุไปอยู่ในที่สบาย เรานี้กับเป็นครูสอนอยู่ดงคอมมิวนิสต์ สอนอยู่สี่ปีศึกษาก็ไม่ส่งครูอื่นมาช่วย กูเหลืออดเถียงกับศึกษาจนเป็นเรื่องกัน ” .. ครูสมัยนั้นท่านว่าอยู่ในแดนวงล้อมของคอมมิวนิสต์ เวลาจะไปมาไหนก็ต้องพกปืนติดตัวไว้ตลอด ถ้าไม่ยังงั้นอาจถูกพวกคอมมิวนิสต์สอยเอาได้ง่ายไม่วันใดก็วันหนึ่ง.. ท่านว่าการเป็นอยู่ของครูในสมัยคอมมิวนิสต์จึงเป็นเรื่องที่กดดันเพราะคอมมิวนิสต์มันไม่ต้องการให้คนเรียนรู้ฉลาดทันบ้านทันเมือง พอเราจะหันหน้ามาเมืองก็มีแต่พวกทรราชเจ้าใหญ่นายโตวางตัวเต็มโต๊ะ หันไปทางป่าถ้าไม่เป็นอาก้าก็คาร์บิ้นจ้องจะจ่อหัว ชีวิตตอนเป็นครูครั้งหนึ่งเราเกือบจะถูกเขาจับเอาผ้าปิดตาโยนลงจากฮอเพราะถูกใส่ความว่าเป็น “ ครูคอมมิวนิสต์ ”.. พระอาจารย์เผด็จ “ จะไม่ให้กูเป็นครูคอมมิวนิสต์ได้ยังไง พวกเด็กที่มาเรียนกับกูพ่อแม่ปู่ย่าตายายของมันก็เป็นคอมมิวนิสต์กันทั้งนั้น พวกที่ไม่พอใจเขาก็เลยใส่ความว่ากูเป็นสายให้คอมมิวนิสต์ พวกทางการบางคนเขาก็เลยจะเอากูไปดิ่งพสุธาอยู่ภูพาน ตอนเขาเอาเรื่องกูกะคิดในใจชาตินี่กูยังบ่ได้บวชนำเขาเด้ บุญอันนี่หวาเจ้าของกะเลยรอดตายในตอนนั้น ”..(1) |
พระเครื่องที่เกี่ยวข้องในร้านค้านี้...
อื่นๆ...
กำหลังโหลด Comments